วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 35, 36, 37, 38, 39, 40, 41 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
s004
คำพูดและเรื่องราวที่มาจากประสบการณ์จริง อ่านหรือฟังเพียงนิดเดียวก็รู้แล้ว



ช่าย.....ผมอ่านอโสกะ....ทะลุหมดแล้ว
แต่..อโสกะ...ยังมองไม่เห็น..อะไรอะไร...ของผมเลย

แล้วจะให้ผมคิดยังงัยเนี้ย....ช่วยบอกหน่อย...
อิอิ....โม้ซะเลย...

:b32: :b32:

:b12: :b12:
:b7:
อ่านทะลุแบบผิดๆแล้วยังจะมาอวดดีอีก

อโศกะเห็นลิ้นไก่ ใส้ กึ๋นของ กบ จนหมดสิ้นแล้ว (ยิ่งตอนเรียนชีววิทยายิ่งเห็นชัดละเอียด)

เพราะกบไม่มีดีอะไรที่เป็นผลงานภาคปฏิบัติของตนเองที่จะอวด เห็นมีแต่ผลงานไปคัดลอกตำรา เก็บคำพูดครูบาอาจารย์ มาโต้เถียงกับผู้อื่นไปทั่วทั้งลานตอดโน่นนิด สะกิดนี่หน่อยพอเป็นเครื่องอยู่ ชูคอในลานเคียงคู่ไปกับผู้อื่น บ่มพรรษาตนเองให้แก่กล้า รอเวลาจะได้นั่งในตำแหน่งรองเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาส เพราะอยู่นาน
ช่างน่าสงสารเวทนาเสียนี่กะไร

พึงคิดพึงทำเสียใหม่ เจียมตัวเจียมใจและเร่งไปทำภาคปฏิบั้ติมาเยอะๆ จะได้คุยธรรมะที่ลึกๆได้เข้าใจถูกต้องและรู้เรื่องนะกบนะ

หาคำพูดที่เป็นสัจจะ เป็นอมตะวาจาของตัวเองออกมาให้ได้สักคำสักประโยคซิ ที่พอใครได้อ่านได้ยินได้ฟังแล้วจะร้อง อ้อ ออกมาว่า นี่เป็นวลีของกบ

ตัวอย่างที่อโศกะทำไว้ให้ดูก็มีอยู่นะ ไม่เชื่อลองยกไปถามกรัชกายดู เขาจะร้องอู้ออกมา ว่า นี่ คำพูดของโศกะ

"สำรวมกาย ใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์"

"ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย กู จะถอย หรือ ตายดับ ไปจากใจ"


:b11:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะคิดว่าตัวเองเก่ง...ก็เก่งไป..ใครจะไปว่าอะไร

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
[
หาคำพูดที่เป็นสัจจะ เป็นอมตะวาจาของตัวเองออกมาให้ได้สักคำสักประโยคซิ ที่พอใครได้อ่านได้ยินได้ฟังแล้วจะร้อง อ้อ ออกมาว่า นี่เป็นวลีของกบ

ตัวอย่างที่อโศกะทำไว้ให้ดูก็มีอยู่นะ ไม่เชื่อลองยกไปถามกรัชกายดู เขาจะร้องอู้ออกมา ว่า นี่ คำพูดของโศกะ

"สำรวมกาย ใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์"

"ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย กู จะถอย หรือ ตายดับ ไปจากใจ"


:b11:
onion onion onion


ตัวอย่าง...ของการอยากได้รับการยอมรับจากผู้อื่น...จึงเวียนพูดซ่ำๆอยู่นั้นแหละ....อิอิ

เป็นเอามาก..อย่างนี้....รับรองได้เลย...ว่า...ลดมานะยังไม่ถึง...5 %

อิอิ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

......เห็นมีแต่ผลงานไปคัดลอกตำรา เก็บคำพูดครูบาอาจารย์ มาโต้เถียงกับผู้อื่นไปทั่วทั้งลานตอดโน่นนิด สะกิดนี่หน่อยพอเป็นเครื่องอยู่ ชูคอในลานเคียงคู่ไปกับผู้อื่น บ่มพรรษาตนเองให้แก่กล้า รอเวลาจะได้นั่งในตำแหน่งรองเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาส เพราะอยู่นาน
ช่างน่าสงสารเวทนาเสียนี่กะไร

onion


เหมือนกับบางคน...ที่อยากเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ...เลยไปขอเขา...ให้ติดยศให้หน่อย...
อย่างนี้...สักกายทิฏฐิเต็ม 100 %...ไม่มีลดเลยสักเปอร์เซน...ใช่มั้ย..อโสกะ
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บอกแล้ว....ว่าผมเห็นอโสกะ..หมด...ไม่ได้วิเศษอะไรหรอก....แต่..เพราะแกพูดมาก...พูดเรื่องตัวเองมาก...เอง

s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b5: :b5: :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b5: :b5: :b5:


อ้าว.....มาเหงือตกอะไร..แถวๆนี้...อิอิ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะ..ตบะแตกอย่างนี้....เห็นที...น่าจะไปทบทวนการนิ่ง..สังเกต...ว่า..มีอะไรไม่สมบูรณ์อยู่อีกหรือเปล่า...
แล้วละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 22:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b5: :b5: :b5:


อ้าว.....มาเหงือตกอะไร..แถวๆนี้...อิอิ
:b12:


อ๊บซ์ช่างเป็นผู้ที่มีความทรงจำในการอ่านติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ในลานได้อย่าง
น่าเกรงขาม...

สงสัยต่อไปเอกอนจะเล่าอะไรต้องยั้งปากไว้บ้างแล้ววววว :b32:


:b21: :b21: :b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 23:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แบบของเอก่อน....ผมตามไม่ทันหรอก....อ้าปากฟังอย่างเดียว.

:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 03:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
แต่พอลงมือนั่งทำภาวนากันจริงๆ ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว....1 ชั่วโมงก็แล้ว กายสังขารก็ไม่สงบ สยบนิวรณื 5 ก็ไม่ลง ความคิดนึก ฟุ้งปรุงไม่อาจหยุด......อะไรหนอเป็นเหตุ
s004


ทฤษฏี คือ นิวรณ์ เป็นอาการหนึ่งของกิเลส ที่คอยกั้นจิตไม่ให้เจริญปัญญาได้
ถ้า.... ทำให้จิตสามารถเจริญปัญญาได้ ก็หมายความว่า ละอาการของกิเลส หรือนิวรณ์นั้นได้

ทำความเข้าใจ ง่ายๆ คือ ทำเหตุเพื่อให้จิตสามารถเจริญปัญญาให้ได้นั่นเอง
ซึ่งหมายความว่า กิเลสยังไม่ได้ถูกกำจัดอย่างแท้จริง เพียงแต่สงบกิเลส

ถ้าจิตพัวพันอยู่กับ เซกส์ หมกมุ่นอยู่กับ เซกส์ (ความพึงพอใจในความเอร็ดอร่อยทางกามารมณ์) ก็เรียกว่า กามฉันทะนิวรณ์ เป็นอาการของกิเลส มีราคะเป็นมูลเหตุ

ถ้าจิตพัวพันอยู่กับ ความโกรธ ความกลัว เป็นต้น ก็เรียกว่า พยาบาทนิวรณ์ เป็นอาการของกิเลส มีโทสะเป็นมูลเหตุ

ถ้าเป็นพวกจิตตก หดหู่ หรือไม่ก็ง่วงงุน นี่อาการของกิเลสพวก โทสะก็มี หรือไม่ก็พวกอาการของโมหะก็มี

ถ้าเป็นพวกเวิ่นเว้อ คิดมาก คิดนู่นๆ นี่ๆ หรือไม่ก็คิดถึงเรื่องอันใดอันไม่เกี่ยวกับ เซกส์ อาการกิเลสพวกเกี่ยวกับอุทธัจจะกุกกุจะนิวรณ์แสดงออกมา ความเวิ่นเว้อเกี่ยวกับหน้าที่การงาน สิ่งสะสม งานอดิเรก สถานที่ต่างๆ เรื่องญาติโกโหติกา หรือเวิ่นเว้อไปกับภาพในอดีตผุดขึ้นมา หรือเห็นภาพในอนาคตบ้างไรบ้าง มากมายแล้วแต่จะเวิ่นเว้อ พวกนี้โมหะนำหน้าร่วมกับเหตุอื่น

ถ้าเป็นพวกที่มีศาสนาความเชื่ออื่น หรือเป็นนักคิด ไม่มั่นคงในคำสอนในทางปฏิบัติทางพุทธศาสนา นับถือผีสางนางไม้ หรือทรงเจ้าเข้าผี ไรพวกนี้ ก็ออกมาทาง วิจิกิจฉานิวรณ์ อาการพวกนี้มักพวกขาดศรัทธาไม่เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า หรือยังไม่ศรัทธาในพระธรรมของพระพุทธองค์ อนุโลมไปว่าเป็นอาการของกิเลสที่มี โมหะเป็นมูล

อาการกิเลส 5 อย่างนี่ ก็ไม่ใช่ว่า ทุกคนจะมีครบในคราขณะที่ตั้งต้น ทำจิตตภาวนา
แล้วแต่ว่า อาการใดนำหน้าก่อน บางทีพอดับไปได้อาการหนึ่ง อาการอื่นก็สำแดงออกมาก็ยังมี

ที่กล่าวมานี่เป็นอาการของนิวรณ์ ที่ทำให้จิตไม่เกิดปัญญา เพราะจิตตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลสอยู่

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 03:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทฤษฏีมีว่า นิวรณ์ ทุกอย่างทุกประการ ละได้ด้วยอำนาจของจิตอันเป็นสมาธิ

เนื่องจาก ต้องการอำนาจของสมาธิให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นบาทเป็นฐานแก่ปัญญาในการเจริญจิตตภาวนาในระดับปัญญาภาวนาต่อไป

ไม่จำเป็นต้องทำวิปัสสนาในขั้นนี้ แต่ให้สร้างเงื่อนไขบังคับจิตเลยทีเดียว เพื่อให้จิตสงบ เพื่อให้สติตั้งให้ได้

ในพีชสูตร ทำให้เรารู้ว่า จิตนั้นมีที่ตั้งที่อาศัย วนอยู่ใน 4 อารมณ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร

อาการของกิเลส หรือนิวรณ์ก็เป็นอาการของจิตที่วนอยู่ใน ขันธ์ทั้ง 4 นั้นเช่นกัน

เหตุที่ ละนิวรณ์ไม่ได้ เพราะปล่อยจิตไปตามขันธ์ทั้ง 4 ตามอำนาจของกิเลสที่เป็นเหตุแห่งนิวรณ์
จึงต้องบังคับจิตให้อยู่ในอำนาจ ด้วยธรรมคู่ปรับของกิเลสอย่างเหมาะสม นิวรณ์ตัวไหนโผล่มาก็ละเสียด้วยธรรมคู่ปรับ จนกว่าจะจิตจะเป็นสมาธิ
กล่าวคือ สร้างเงื่อไข สิ่งแวดล้อมแก่จิต ให้จิตสงบจากความกลุ้มรุมของกิเลส เพียงเท่านี้ก็เรียกว่า ละนิวรณ์ได้แล้ว

สมาธิ ที่เกิดขึ้น คือ สมาธิในระดับปฐมฌาน ก็เพียงพอสำหรับการละนิวรณ์ และเป็นบาทฐานแก่การเจริญปัญญา

"สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน" ...... คีย์ ของสัมมาสมาธิ

"การละนิวรณ์ ไม่ใช่การละกิเลส" > ชื่อเรียกทางบาลี คือ วิขัมภนปหาน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 20 เม.ย. 2014, 04:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 04:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลา ไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญในการเข้าปฐมฌาน
แต่ความชำนาญ ของจิตในการเข้าปฐมฌานต่างหาก

บางคนเข้าเร็วเพียงกระพริบตา บางคนเป็นวันก็มี ไม่จำเป็น เพราะเกี่ยวกับพื้นฐานของการดำเนินชีวิตของเขา เรื่องพวกนี้ไม่มีกฏเกณฑ์แน่นอนอะไร ขึ้นอยู่กับความฉลาดของแต่ละบุคคล

พวกที่ชอบความเอร็ดอร่อย ทางเนื้อหนัง เรียกว่า พวกชอบกาม ก็ให้ฟังเรื่องอสุภะก่อน หรือไม่ก็แสดงธรรมเกี่ยวกับเรื่องอสุภะ ที่ให้ฟังให้รู้โทษ ก็เพื่อให้เกิดสติคอยระลึกถึงความไม่งามไว้เป็นอุบายดึงจิตกลับสู่อารมณ์กรรมมัฏฐาน เช่น อานาปานสติ หรืออิริยาบถอื่นๆ หรือวิธีการอื่นๆใด

พวกที่จิตพยาบาทนิวรณ์กลุ้มรุม ฟังธรรมเกี่ยวกับความเมตตา ความเอื้อเฟื้อ ผลบุญเกี่ยวกับธรรมนั้นๆ ให้ชินหู ให้จิตชุ่มชื่นด้วยเมตตา เจริญเมตตาให้มากยามเมื่อเกิดพยาบาทขึ้นมาเมื่อไร ให้เอาเมตตาข่มไว้

พวกที่จิตตก หดหู่ คนเหล่านี้ ต้องการเพื่อนกัลยาณมิตรคอยปลอบจิตเป็นกำลังใจ ให้คบหาเพื่อนกัลยาณมิตรไว้ อย่าปฏิบัติธรรมคนเดียว คอยปลุกปลอบให้กำลังใจแก่จิต คำแนะนำดีๆ จะดีมากแก่พวกนี้เพื่อให้จิตมีกำลังขึ้นมา ก็จะทำให้จิตคนพวกนี้ เข้าสู่ปฐมฌานได้

ส่วนพวกที่ ง่วงงุน นี่ที่ผ่านมาอาศัยการกระตุ้นให้ตื่นตัว เช่นหายใจให้แรง หรือลุกเดิน เพื่อให้สติตื่นตัว แต่ถ้าง่วงมาก นอนโลด

ยามที่เวิ่นเว้อ ก็โยนิโสมนสิการ คิดถึงบทธรรมที่เคยศึกษามาประกบเข้ากับความฟุ้งซ่านนั้นๆ แล้วค่อยดึงจิตมาสู่อารมณ์กัมมัฏฐาน

ส่วนวิจิกิจฉานิวรณ์ นี่ต้องสร้างศรัทธาต่อคำสอนให้แน่นแฟ้นเลยทีเดียว พึ่งพระธรรมคำสอนประการเดียวโดยไม่ต้องสงสัยไร

นิวรณ์พวกนี้ ก็จะระงับไปเอง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 15:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลิโพธ ๑๐

ทส ( สิบ ) + ปลิโพธ ( ความกังวล , ความห่วงใย )

ความกังวล , ความห่วงใย ๑๐ ประการ หมายถึง ...

๑. อาวาส ๒. ตระกูล ๓. ลาภ ๔. คณะ ๕. การงาน

๖. การเดินทาง ๗. ญาติ ๘. อาพาธ ๙. การศึกษาปริยัติ ๑๐. อิทธิฤทธิ์



ความกังวลห่วงใยในธรรมะเหล่านี้ เป็นเครื่องกั้นต่อการอบรมสมถภาวนา

เท่านั้น ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อการอบรมวิปัสสนาภาวนา เพราะสมถภาวนาจะต้องอาศัย

สัปปายะต่างๆ ต้องไม่คลุกคลีหรือมีกังวลใดๆ ส่วนวิปัสสนาภาวนาสามารถระลึกศึกษา

สภาพธรรมได้ในทุกสถานที่ ทุกโอกาสตามเหตุปัจจัย



สำหรับปลิโพธิข้อที่ ๑๐. คืออิทธิฤทธิ์ ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อสมถภาวนาเพราะ

ก่อนที่จะมีอิทธิฤทธิ์ ต้องอบรมฌานจิตจนชำนาญแล้ว แต่อิทธิฤทธิ์เป็นเครื่องกั้นต่อ

การอบรมวิปัสสนาภวานา เพราะการเจริญสติปัฏฐานมีนามรูปซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเป็น

อารมณ์ ส่วนอิทธิฤทธิ์เกิดจากการอบรมสมถภาวนาซึ่งมีบัญญัติเป็นอารมณ์ถ้าสนใจ

ในการเจริญอิทธิฤทธิ์ สติก็จะไม่น้อมไปในการระลึกศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 15:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
[
หาคำพูดที่เป็นสัจจะ เป็นอมตะวาจาของตัวเองออกมาให้ได้สักคำสักประโยคซิ ที่พอใครได้อ่านได้ยินได้ฟังแล้วจะร้อง อ้อ ออกมาว่า นี่เป็นวลีของกบ

ตัวอย่างที่อโศกะทำไว้ให้ดูก็มีอยู่นะ ไม่เชื่อลองยกไปถามกรัชกายดู เขาจะร้องอู้ออกมา ว่า นี่ คำพูดของโศกะ

"สำรวมกาย ใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์"

"ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย กู จะถอย หรือ ตายดับ ไปจากใจ"


:b11:
onion onion onion


ตัวอย่าง...ของการอยากได้รับการยอมรับจากผู้อื่น...จึงเวียนพูดซ่ำๆอยู่นั้นแหละ....อิอิ

เป็นเอามาก..อย่างนี้....รับรองได้เลย...ว่า...ลดมานะยังไม่ถึง...5 %

อิอิ..

:b7:
กบ ยังไม่เคยพิจารณาหรือวิเคราะห์ให้ดีๆเลยว่า คำพูดที่ย้ำซ้ำๆให้จดจำนั้นมันมีคุณค่ามากมายเพียงไหนสำหรับนักปฏิบัติ แล้วมาด่วนตัดสินเอาตามใจ

ไม่รู้หรือว่า นั่นเป็นสัจจธรรม นำคนให้ถึง มรรค ผล นิพพาน ถ้าเชื่อมั่น ศรัทธาและปฏิบัติตาม
:b53:
เป็นเพราะความเห็นผิด ยึดผิดของกบ จึงทำให้ไม่เห็นสิ่งดีๆในคำพูดที่ซ้ำๆย้ำแล้วย้ำอีกให้จดจำ
onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 35, 36, 37, 38, 39, 40, 41 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร