วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 05:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 32, 33, 34, 35, 36, 37, 38 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 21:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่รออโสกะ..ตอบแล้วละ....เห็นท่าว่า..ไม่เข้าใจ.จริงๆ...
เพียร...สัมปชัญญะ(ความรู้รึเรียกว่าตัวปัญญา)...สติ....

ทั้งสติ..และปัญญา..นี้..เขาใช้ลงไปในความเพียร..

เพียรชอบ..4...สังวรปทาน...ปหารปทาน...ภาวนาปทาน...อนุรักขาปทาน
มีความรู้อะไรมาบ้าง...ก็เอามาใส่ในนี้...ใช้สติให้รู้ทันผัสสะ..รู้ทันเวทนา..ทันตัญหา...ก็ใส่มันลงในความเพียรทั้ง4นี้

พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
"จะพ้นทุกข์ได้ด้วยความเพียร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่รออโสกะ..ตอบแล้วละ....เห็นท่าว่า..ไม่เข้าใจ.จริงๆ...
เพียร...สัมปชัญญะ(ความรู้รึเรียกว่าตัวปัญญา)...สติ....

ทั้งสติ..และปัญญา..นี้..เขาใช้ลงไปในความเพียร..

เพียรชอบ..4...สังวรปทาน...ปหารปทาน...ภาวนาปทาน...อนุรักขาปทาน
มีความรู้อะไรมาบ้าง...ก็เอามาใส่ในนี้...ใช้สติให้รู้ทันผัสสะ..รู้ทันเวทนา..ทันตัญหา...ก็ใส่มันลงในความเพียรทั้ง4นี้

พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
"จะพ้นทุกข์ได้ด้วยความเพียร"

:b38:
ลงมือทำ
ทำให้มากๆ
เดี๋ยวก็รู้เอง
onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2014, 22:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่ายครับ...ต้องลงมือทำ....เอาแต่นิ่งๆ..เฉยๆ....เห็นทีจะไม่ได้ไปไหนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 10:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ช่ายครับ...ต้องลงมือทำ....เอาแต่นิ่งๆ..เฉยๆ....เห็นทีจะไม่ได้ไปไหนกัน

:b12: :b12:
ถ้าหยิบเอามาใช้ไม่ครบอย่างที่กบทำอยู่ขณะนี้คือ

อ้างคำพูด:
เอาแต่นิ่งๆ..เฉยๆ....เห็นทีจะไม่ได้ไปไหนกัน


Onion_L
เอามาให้ครบๆซี จึงจะได้ผล

"สำรวมกาย ใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็นอัตตา ตัวกู ของกู

พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า
กาย ใจ นี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"


เมื่อเวลาที่สติปัญญาคมกล้า จนพบความรู้สึกเป็นกูเป็นเราในจิตแล้ว พึงจำความท่อนนี้ไปใช้

"ใจปัญญา อย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตะบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอย หรือตายดับ ไปจากใจ"


:b8:
เมื่อถึงสถานีที่ 1 แล้ว ก็ใช้วิธีปฏิบัติอย่างเดิมแต่ แก้เป้าประสงค์เป็น

ละความยึดถือในกาย

ละความยึดถือในจิต

สุดท้ายละผู้รู้

ไปตามลำดับ ก็จักเสร็จกิจ หมดงานโดยสมบูรณ์

:b11:
onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 12:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 14:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b9: :b13:

s004
หมดสงสัย พูดไม่ออกแล้วหรือ กบ
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 16:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เปล่าหรอก....เห็นอโสกะ...เปลี่ยนคำที่ใช้..ก็เลยขำ..นะครับ

ครั้งก่อน..ในกระทู้โสดาบัน...ใช้
ละความเห็นผิดในกายใจว่าเป็นกู
ละความยึดกาย
ละการยึดจิต

พอมาตอนนี้...
ละความยึดถือในกาย

ละความยึดถือในจิต

สุดท้ายละผู้รู้

ก็เลย...ขำ... :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เปล่าหรอก....เห็นอโสกะ...เปลี่ยนคำที่ใช้..ก็เลยขำ..นะครับ

ครั้งก่อน..ในกระทู้โสดาบัน...ใช้
ละความเห็นผิดในกายใจว่าเป็นกู
ละความยึดกาย
ละการยึดจิต

พอมาตอนนี้...
ละความยึดถือในกาย

ละความยึดถือในจิต

สุดท้ายละผู้รู้

ก็เลย...ขำ... :b32: :b32:

:b12: :b12: :b12:
:b7:
กบ ตกความสังเกต หยิบเอามาไม่หมด
ดูใหม่ดีๆ

1.ละความเห็นผิด ว่ากาย ใจนี่เป็นตัวกูของกู

2.ละความยึดถือในกาย

3.ละความยึดถือในจิต

4.ทำลายหรือละผู้รู้
:b34:
อยากขำก็ขำให้เต็มที่เลยนะจะได้หายเครียด
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2014, 20:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่เห็น..ตัวกู..เลย...แล้วจะไปละอะไร..ที่ไหน??
ขำ..ต่อ..
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2014, 22:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยังไม่เห็น..ตัวกู..เลย...แล้วจะไปละอะไร..ที่ไหน??
ขำ..ต่อ..
:b13:

s004
กบ ยังไม่เคยเห็น ตัวกู ของกู หรือความเห็นผิดว่าเป็นกู หรือสักกายทิฏฐิเลยหรือครับ.....
น่าสงสารจัง แล้วเมื่อไหร่จะเอา กู ออกจากใจได้ละเนี่ยครับ

ผมเห็นทั้ง กูพี่ และกูน้อง อย่างชัดเจนมานาน รบกันสู้กันเสมอมา ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

กูพี่หลบหน้าไปนานแล้ว คงเหลือกูน้องที่กำลังผอมลงๆทุกวันๆ รอแต่วันสุดท้ายจะดูว่าใครจะตายก่อนใครเท่านั้นเองครับ

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2014, 18:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ.....ถ้าเห็นเป้นสองนะ...ผมบอกได้คำเดียว..ว่า..ยังไม่เห็น..ตัวกู....แน่นอน

เอาละ..อนุโลมเรียกตามอโสกะ...นะ

ถ้า...ตัวแรก..อโสกะละได้แล้ว....ถามหน่อย....มีความรู้สึกปกติอย่างไรเมื่อผัสสะ...เจอสาวสวยๆ...ธรรมอะไรที่ขึ้นมา
เจอคนทะเลาะกัน...มีธรรมอะไรที่ขั้นมาบ้าง..เป็นต้น

แล้วไอ้กูตัวที่2...นี้..มันมีอาการแบบไหนที่มันโผล่มา....ภาวนาอย่างไรเพื่อกำจัดมัน...???

อิอิ.....อย่าผิดศีลข้อ4..นะ555
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2014, 14:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อิอิ.....ถ้าเห็นเป้นสองนะ...ผมบอกได้คำเดียว..ว่า..ยังไม่เห็น..ตัวกู....แน่นอน

เอาละ..อนุโลมเรียกตามอโสกะ...นะ

ถ้า...ตัวแรก..อโสกะละได้แล้ว....ถามหน่อย....มีความรู้สึกปกติอย่างไรเมื่อผัสสะ...เจอสาวสวยๆ...ธรรมอะไรที่ขึ้นมา
เจอคนทะเลาะกัน...มีธรรมอะไรที่ขั้นมาบ้าง..เป็นต้น

แล้วไอ้กูตัวที่2...นี้..มันมีอาการแบบไหนที่มันโผล่มา....ภาวนาอย่างไรเพื่อกำจัดมัน...???

อิอิ.....อย่าผิดศีลข้อ4..นะ555
:b32:

:b12:
เจอสาวสวย....รู้...ว่ารูปสวย......จิตยินดี....รู้..ว่าจิตยินดี....แล้วก็เงียบลงสู่ปกติ

เจอคนทะเลาะกัน......รู้...ว่าคนทะเลาะกัน...จิตสงสาร...รู้ว่าจิตสงสาร.....สังเกต..พิจารณาว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร....ช่วยได้ ช่วยให้เกิดสันติสุข....ช่วยไม่ได้.....อุเบกขา......สงบลงสู่ปกติ

กูน้อง......เกิดง่ายเห็นชัดในลานธรรม......

ภาวนาอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ มีสูตรเดียวนั่นแหละ

นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์.....จนดับไปต่อหน้าต่อตา.......
:b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2014, 15:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ว่า.นิ่งเงียบสู่ปกติ...รู้มั้ยว่าทำไมมันถึงนิ่งเงียบสู่ปกติ...?

อาการมานะ...ยังพูดไม่ชัด..นะ..อโสกะ..อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2014, 21:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ที่ว่า.นิ่งเงียบสู่ปกติ...รู้มั้ยว่าทำไมมันถึงนิ่งเงียบสู่ปกติ...?

อาการมานะ...ยังพูดไม่ชัด..นะ..อโสกะ..อิอิ

:b12: :b12:
ที่นิ่งเงียบลงสู่ปกติเพราะ เรื่องสวย ยินดีเพราะความสวย นิ่งรู้นิ่งสังเกตต่อจนจิตยินดีดับไป ตัณหาไม่เกิด มันจึงเงียบลงสู่ปกติ หรือเป็นกลางๆแล้วแลอยู่......ใหม่ๆใช้เวลานาน แต่พอชำนาญไม่กี่อึดใจเขาก็เงียบเอง

ในเรื่องความสวย มานะทิฏฐิไม่ค่อยเกิด จึงไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับมานะทิฏฐิครับ

มานะทิกฐิ มักจะเกิด ตอนที่ถูกดูหมิ่นดูแคลน แต่เมื่อนิ่งรู้นิ่งสังเกตความถูกดูหมิ่นดูแคลนจนดับไปนานๆไปหลายครั้งเข้า กูน้องหรือมานะทิฏฐิที่ลุกขึ้นมาตอบโต้ยินดียินร้าย ก็เบาบางจางลงจนแทบจะหมดปฏิกิริยาตอบโต้ มีแต่ความเอ็นดู เมตตา ปารถนาดีเกิดขึ้นมาแทนมากขึ้นๆครับ

:b36:
:b44:
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2014, 23:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b12:
ที่นิ่งเงียบลงสู่ปกติเพราะ เรื่องสวย ยินดีเพราะความสวย นิ่งรู้นิ่งสังเกตต่อจนจิตยินดีดับไป ตัณหาไม่เกิด มันจึงเงียบลงสู่ปกติ หรือเป็นกลางๆแล้วแลอยู่......ใหม่ๆใช้เวลานาน แต่พอชำนาญไม่กี่อึดใจเขาก็เงียบเอง


จะรู้ได้งัยว่า...ที่นิ่งเงียบไปนั้น....เงียบไปเพราะผลของสมถะ....หรือ...เงียบไปเพราะมีปัญญาเห็นความจริงในความสวย..นั้น?...อะไรเป็นจุดให้สังเกต?

asoka เขียน:

ในเรื่องความสวย มานะทิฏฐิไม่ค่อยเกิด จึงไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับมานะทิฏฐิครับ

มานะทิกฐิ มักจะเกิด ตอนที่ถูกดูหมิ่นดูแคลน แต่เมื่อนิ่งรู้นิ่งสังเกตความถูกดูหมิ่นดูแคลนจนดับไปนานๆไปหลายครั้งเข้า กูน้องหรือมานะทิฏฐิที่ลุกขึ้นมาตอบโต้ยินดียินร้าย ก็เบาบางจางลงจนแทบจะหมดปฏิกิริยาตอบโต้ มีแต่ความเอ็นดู เมตตา ปารถนาดีเกิดขึ้นมาแทนมากขึ้นๆครับ
:b36:
:b44:
onion


มีคำถามซ้ำกับข้อแรก....คือ...อะไรเป็นข้องสังเกตุว่าที่สงบไปนั้นเป็นผลของสมถะ....หรือเป็นผลของปัญญา?

อะไรเป็นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้มีอาการอยากตอบโต้เมื่อถูกดูแคลน? (อาจจะยากนิดหนึ่ง....แต่ถ้านิ่งจนเห็นตัวมานะจริง....จะเห็นไม่ยาก)

ใบ้ให้...มานะทิฏฐิทั้ง9 อย่าง....เกิดเพราะเจ้านี้ตัวเดียว.....หากไม่มีเจ้านี้ซะอย่างเดียว....การที่ไปคิดว่าคนนั้นเก่งกว่าเรา...หรือคนนี้เท่าๆกับเรา....แม้จะรู้สึกเหมือนมานะ..แต่ก็ไม่เป็นกิเลส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 32, 33, 34, 35, 36, 37, 38 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร