วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 19:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 28, 29, 30, 31, 32, 33, 34 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในสัมมาทิฏฐิสูตร
พระสารีบุตรเถระ ได้แสดง เหตุเกิดแห่งอวิชชาไว้ ดังนี้
Quote Tipitaka:
[๑๒๘] ดูกรท่านผู้มีอายุ จะพึงมีอยู่หรือ ปริยายแม้อย่างอื่น ... ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
พึงมี ท่านผู้มีอายุ

เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา
และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ ...
มาสู่พระสัทธรรมนี้

ก็อวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา และปฏิปทาที่จะให้ถึงความ
ดับอวิชชา เป็นไฉน?

ความไม่รู้ในทุกข์ ในเหตุเกิดแห่งทุกข์ ในความดับทุกข์ ในปฏิปทาที่จะให้ถึง
ความดับทุกข์ อันนี้เรียกว่าอวิชชา

เหตุเกิดแห่งอวิชชา ย่อมมีเพราะอาสวะเป็นเหตุให้เกิด
ความดับอวิชชา ย่อมมีเพราะอาสวะดับ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือความเห็นชอบ ความตั้งใจชอบ... ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา

ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา ทางที่จะให้ถึงความดับอวิชชาอย่างนี้ๆ เมื่อนั้น ท่านละราคานุสัย ... แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.


แถม
Quote Tipitaka:
[๑๓๐] ท่านพระสารีบุตรตอบว่า พึงมี ท่านผู้มีอายุ เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอาสวะ
อาสวสมุทัย อาสวนิโรธ อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่า
เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม
มาสู่พระสัทธรรมนี้ ก็อาสวะ เหตุเกิดแห่งอาสวะ ความดับอาสวะ ทางที่จะให้ถึงความดับอาสวะ
เป็นไฉน? ได้แก่ อาสวะ ๓ เหล่านี้ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ เหตุเกิดแห่งอาสวะ
ย่อมมีเพราะอวิชชาเป็นเหตุให้เกิด ความดับอาสวะ ย่อมมีเพราะอวิชชาดับ อริยมรรคประกอบ
ด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือ ความเห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ
พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอาสวะ ดูกรท่านผู้มีอายุ
เมื่อใด อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอาสวะ เหตุเกิดแห่งอาสวะ ความดับอาสวะ ปฏิปทาที่จะให้ถึงความ
ดับอาสวะ อย่างนี้ๆ เมื่อนั้นท่านละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐานุสัย และ
มานานุสัย โดยประการทั้งปวง ละอวิชชา ยังวิชชาให้เกิด ย่อมกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบัน
เทียว แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.


อาสวะ>อวิชชา
อวิชชา>อาสวะ

จิตหลุดพ้น เพราะสำรอกราคะได้ และหลุดพ้นด้วยปัญญา
จึงเสร็จกิจพรหมจรรย์

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 19:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

กบเริ่มจะมั่วๆแล้วนะครับ อภิชฌาและโทมนัสสัง มิได้เกิดไปมั่วๆทุกช่วงต่อของวงปฏิจจสมุปบาทนะครับ นั่นมันผิดธรรม ผู้มีสติปัญญาอันหยาบถึงพูดมั่วไปเช่นนั้น
อภิชฌา โทมนัสสังเป็นเวทนาทางจิต เกิดต่อหลังจากผัสสะเสมอนะครับ นี่เป็นสัจจะ ไม่ใช่โมฆะวาทะที่เปล่งขึ้นมามั่วๆโดยไร้สภาวธรรมรองรับ[/color]
onion


:b32: :b32: :b32:
แล้วใครบอกว่าเกิดทุก ๆ ช่วง..ละคับ..อโสกะ

ใส้ร้ายผม..กล่าววาจาดูหมิ่น...เพราะความไม่เข้าใจ...ผมอโหสิกรรม..ให้ครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 19:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ในสัมมาทิฏฐิสูตร
พระสารีบุตรเถระ ได้แสดง เหตุเกิดแห่งอวิชชาไว้ ดังนี้
Quote Tipitaka:
[๑๒๘] ดูกรท่านผู้มีอายุ จะพึงมีอยู่หรือ ปริยายแม้อย่างอื่น ... ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
พึงมี ท่านผู้มีอายุ

เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา
และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ ...
มาสู่พระสัทธรรมนี้

ก็อวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา และปฏิปทาที่จะให้ถึงความ
ดับอวิชชา เป็นไฉน?

ความไม่รู้ในทุกข์ ในเหตุเกิดแห่งทุกข์ ในความดับทุกข์ ในปฏิปทาที่จะให้ถึง
ความดับทุกข์ อันนี้เรียกว่าอวิชชา

เหตุเกิดแห่งอวิชชา ย่อมมีเพราะอาสวะเป็นเหตุให้เกิด
ความดับอวิชชา ย่อมมีเพราะอาสวะดับ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือความเห็นชอบ ความตั้งใจชอบ... ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอวิชชา

ดูกรท่านผู้มีอายุ เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอวิชชา เหตุเกิดแห่งอวิชชา ความดับอวิชชา ทางที่จะให้ถึงความดับอวิชชาอย่างนี้ๆ เมื่อนั้น ท่านละราคานุสัย ... แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.


แถม
Quote Tipitaka:
[๑๓๐] ท่านพระสารีบุตรตอบว่า พึงมี ท่านผู้มีอายุ เมื่อใดแล อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอาสวะ
อาสวสมุทัย อาสวนิโรธ อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่า
เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม
มาสู่พระสัทธรรมนี้ ก็อาสวะ เหตุเกิดแห่งอาสวะ ความดับอาสวะ ทางที่จะให้ถึงความดับอาสวะ
เป็นไฉน? ได้แก่ อาสวะ ๓ เหล่านี้ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ เหตุเกิดแห่งอาสวะ
ย่อมมีเพราะอวิชชาเป็นเหตุให้เกิด ความดับอาสวะ ย่อมมีเพราะอวิชชาดับ อริยมรรคประกอบ
ด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือ ความเห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ
พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอาสวะ ดูกรท่านผู้มีอายุ
เมื่อใด อริยสาวกรู้ชัดซึ่งอาสวะ เหตุเกิดแห่งอาสวะ ความดับอาสวะ ปฏิปทาที่จะให้ถึงความ
ดับอาสวะ อย่างนี้ๆ เมื่อนั้นท่านละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐานุสัย และ
มานานุสัย โดยประการทั้งปวง ละอวิชชา ยังวิชชาให้เกิด ย่อมกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบัน
เทียว แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนินไปตรงแล้ว
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้.


อาสวะ>อวิชชา
อวิชชา>อาสวะ

จิตหลุดพ้น เพราะสำรอกราคะได้ และหลุดพ้นด้วยปัญญา
จึงเสร็จกิจพรหมจรรย์


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
ท่านอโศกออกทางประหลาดไปนะ

:b6:

:b11:

:b12: :b12: :b12:
เพราะเขียนออกมาจากการอ้างอิงธรรมในกายและจิต ไม่ค่อยได้อ้างอิงธรรมจากคัมภีร์ จึงดูแปลกหูแปลกตา แต่ลองสังเกต พิจารณาและพิสูจน์ด้วยการเข้าไปดูสภาวธรรมจริงๆที่ควรเกิดภายในกายและจิตจริงๆ อาจจะพอเข้าใจหรือรู้เรื่องได้บ้างนะครับ

อาจพูดได้ว่า

ลองภาวนาไปด้วย อ่านไปด้วยนะครับ

onion
อก้อนลองสังเกตดูภาพแสดงธรรมเรื่องปฏิจจสมุปบาทที่แปะมาสิครับ แปลกไหม เข้าใจได้ไหม ขนาดกบที่ว่าสติปัญญาดียังมองข้ามไปเลยเพราะไม่รู้เรื่องเหมือนคนคุยกันคนละภาษายังไงยังงั้นเลยครับ ทั้งที่แปลเป็นตัวหนังสือไทยแล้ว
s006
:b38:
:b36:


พระพุทธองค์ไม่ได้เขียนออกมาอย่างนี้ ถูกมั๊ย

:b1:

s004
มีหลายอย่างที่มีอยูในสภาวธรรมจริงๆแต่พระพุทธองค์มิได้ทรงตรัสบอกไว้ทั้งหมดเราต้องมาค้นเอาเอง ตัวอย่างเช่นการเอาออกเสียให้ได้ซึ่งอภิชฌาและโทมนัสสัง(คนเขียนบันทึกลงในคัมภีร์ไม่ใช่พระพุทธองค์)

คุณเอก้อนจะยืนยันว่าธรรมมีเฉพาะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เท่านั้นหรือครับ
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 21:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เยอะ ๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไร..

ไหนอโสกะว่ามาดิ....เขาว่ามรณะเป็นปัจจัย..อวิชชาจึงมี..ตรงไหน??

:b12:
กบได้สังเกตและฉุกใจคิดขึ้นมาบ้างหรือเปล่าว่า ปฏิจจสมุปบาทพูดถึงแต่เรื่องปัจจัย แล้ว เหตุ ไปอยู่เสียที่ไหนกรรมทุกอย่างสภาวธรรมทุกอย่างหรือแม้แต่จิตจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเหตุและปัจจัยกระทำต่อกัน

หมดเหตุก็ไม่มีอะไรจะเกิด

หมดปัจจัยก็เกิดอะไรไม่ได้เช่นกัน

แต่เหตุนั้นแก้ไขได้

ปัจจัยนั้นยากจะแก้ไข

เหตุของการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมันเป็นผลรวมของปัจจัยที่ส่งต่อกันมา
กบลองดูที่รูปปฏิจจสมุปบาทของพม่าจะเห็นเส้นโยงเชื่อมผ่านแกนกลางของวงกลม จากอวิชชาร่วมกับสังขารโยงลงมาหาตัณหาอุปาทานกัมมภวะและชาติ

อวิชชามันแทรกซ้อนตามมาเกิดในภวะใหม่อยู่เสมอจึงได้บอกว่าตายในความโง่มันจึงกลายเป็นทั้งเหตุและปัจจัยส่งต่อมาเกิดตายๆๆไม่รู้จบตราบที่อวิชชายังไม่สิ้น

ที่ช่วงต่อระหว่างเวทนากับตัณหานั้นสมุทัยหรือเหตุทุกข์จะแสดงตัวชัดที่สุดค้นหาพบได้ง่ายมากที่สุดแม้พระบรมศาสดาก็ยังทรงชี้ทางให้ออกตรงนี้

การออกตรงช่วงต่อระหว่าผัสสะกับเวทนานั้นเป็นวิธีเก่าที่พวกฤาษีทำมากันนานแสนนานเป็นวิธีแก้ผลไม่ใช่แก้เหตุด้วยการเอาสติสมาธิมาบดบังเวทนาไว้ทำให้ไม่เห็นทุกข์ไม่ได้กำหนดรู้ทุกข์ เลยไม่ค้นหาสมุทัยอาศัยพลังฤทธิ์แห่งสมาธิมากดข่มสมุทัยจนตายได้เจโตวิมุติ ทางสายนี้มีโอกาสหลงได้ลึก
ครูบาอาจารย์ที่ท่านหลงเดินทางสายนี้มาก่อนที่สุดท่านก็ต้องถอนมาเดินปัญญาต่อในช่วงท้ายจึงได้บันลุธรรม
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 21:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

กบเริ่มจะมั่วๆแล้วนะครับ อภิชฌาและโทมนัสสัง มิได้เกิดไปมั่วๆทุกช่วงต่อของวงปฏิจจสมุปบาทนะครับ นั่นมันผิดธรรม ผู้มีสติปัญญาอันหยาบถึงพูดมั่วไปเช่นนั้น
อภิชฌา โทมนัสสังเป็นเวทนาทางจิต เกิดต่อหลังจากผัสสะเสมอนะครับ นี่เป็นสัจจะ ไม่ใช่โมฆะวาทะที่เปล่งขึ้นมามั่วๆโดยไร้สภาวธรรมรองรับ[/color]
onion


ผมชักจะตะงิดๆ..ว่า..อโสกะ..เข้าใจอะไรผิดพลาดมหันต์..เสียแล้วละ...
อ้างคำพูด:
๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒)
[๒๗๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในกุรุชนบท มีนิคมของชาวกุรุ ชื่อว่า
กัมมาสทัมมะ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อ
ความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ ฯ


อโสกะ...มุ่งจะเอา...อภิชฌา และ..โทมนัส..ออก...แค่นี้..แล้วเข้าใจว่า..นี้คือจุดสุดท้ายที่ปฏิบัติ์ธรรมมา..

เอาละเรื่องนี้เอาใว้ก่อน..

มาว่าด้วยเรื่อง...อภิชฌา โทมนัสสังเป็นเวทนาทางจิต เกิดต่อหลังจากผัสสะเสมอ..ของอโสกะก่อน...

ก่อนอื่น..ถามอโสกะก่อนว่า..อภิชฌา..อโสกะเข้าใจว่าคืออะไร...และ...โทมนัส..เข้าใจว่าคืออะไร?......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

กบเริ่มจะมั่วๆแล้วนะครับ อภิชฌาและโทมนัสสัง มิได้เกิดไปมั่วๆทุกช่วงต่อของวงปฏิจจสมุปบาทนะครับ นั่นมันผิดธรรม ผู้มีสติปัญญาอันหยาบถึงพูดมั่วไปเช่นนั้น
อภิชฌา โทมนัสสังเป็นเวทนาทางจิต เกิดต่อหลังจากผัสสะเสมอนะครับ นี่เป็นสัจจะ ไม่ใช่โมฆะวาทะที่เปล่งขึ้นมามั่วๆโดยไร้สภาวธรรมรองรับ[/color]
onion


ผมชักจะตะงิดๆ..ว่า..อโสกะ..เข้าใจอะไรผิดพลาดมหันต์..เสียแล้วละ...
อ้างคำพูด:
๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒)
[๒๗๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในกุรุชนบท มีนิคมของชาวกุรุ ชื่อว่า
กัมมาสทัมมะ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อ
ความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ ฯ


อโสกะ...มุ่งจะเอา...อภิชฌา และ..โทมนัส..ออก...แค่นี้..แล้วเข้าใจว่า..นี้คือจุดสุดท้ายที่ปฏิบัติ์ธรรมมา..

เอาละเรื่องนี้เอาใว้ก่อน..

มาว่าด้วยเรื่อง...อภิชฌา โทมนัสสังเป็นเวทนาทางจิต เกิดต่อหลังจากผัสสะเสมอ..ของอโสกะก่อน...

ก่อนอื่น..ถามอโสกะก่อนว่า..อภิชฌา..อโสกะเข้าใจว่าคืออะไร...และ...โทมนัส..เข้าใจว่าคืออะไร?......

:b12:
อภิชฌา = ความยินดี

โทมนัสสัง = ความยินร้าย

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เยอะ ๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไร..

ไหนอโสกะว่ามาดิ....เขาว่ามรณะเป็นปัจจัย..อวิชชาจึงมี..ตรงไหน??


asoka เขียน:
:b12:
กบได้สังเกตและฉุกใจคิดขึ้นมาบ้างหรือเปล่าว่า ปฏิจจสมุปบาทพูดถึงแต่เรื่องปัจจัย แล้ว เหตุ ไปอยู่เสียที่ไหนกรรมทุกอย่างสภาวธรรมทุกอย่างหรือแม้แต่จิตจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเหตุและปัจจัยกระทำต่อกัน

หมดเหตุก็ไม่มีอะไรจะเกิด

หมดปัจจัยก็เกิดอะไรไม่ได้เช่นกัน

แต่เหตุนั้นแก้ไขได้

ปัจจัยนั้นยากจะแก้ไข

เหตุของการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมันเป็นผลรวมของปัจจัยที่ส่งต่อกันมา
กบลองดูที่รูปปฏิจจสมุปบาทของพม่าจะเห็นเส้นโยงเชื่อมผ่านแกนกลางของวงกลม จากอวิชชาร่วมกับสังขารโยงลงมาหาตัณหาอุปาทานกัมมภวะและชาติ

อวิชชามันแทรกซ้อนตามมาเกิดในภวะใหม่อยู่เสมอจึงได้บอกว่าตายในความโง่มันจึงกลายเป็นทั้งเหตุและปัจจัยส่งต่อมาเกิดตายๆๆไม่รู้จบตราบที่อวิชชายังไม่สิ้น

ที่ช่วงต่อระหว่างเวทนากับตัณหานั้นสมุทัยหรือเหตุทุกข์จะแสดงตัวชัดที่สุดค้นหาพบได้ง่ายมากที่สุดแม้พระบรมศาสดาก็ยังทรงชี้ทางให้ออกตรงนี้

การออกตรงช่วงต่อระหว่าผัสสะกับเวทนานั้นเป็นวิธีเก่าที่พวกฤาษีทำมากันนานแสนนานเป็นวิธีแก้ผลไม่ใช่แก้เหตุด้วยการเอาสติสมาธิมาบดบังเวทนาไว้ทำให้ไม่เห็นทุกข์ไม่ได้กำหนดรู้ทุกข์ เลยไม่ค้นหาสมุทัยอาศัยพลังฤทธิ์แห่งสมาธิมากดข่มสมุทัยจนตายได้เจโตวิมุติ ทางสายนี้มีโอกาสหลงได้ลึก
ครูบาอาจารย์ที่ท่านหลงเดินทางสายนี้มาก่อนที่สุดท่านก็ต้องถอนมาเดินปัญญาต่อในช่วงท้ายจึงได้บันลุธรรม
onion


อโสกะ..เห็นแล้วใช่มั้ยว่า..มรณะไม่ได้เป็นปัจจัย...อวิชชาจึงมี

ก็ตราบใดที่ยังมีอวิชชาอยู่ในจิตใจ...เกิดตาย..เกิดตาย...ก็มีไปเรื่อย...เวียนเกิดตายในภพต่าง ๆไปเรื่อย...

การที่อโสกะจะออกตรง..เวทนา..ต่อกับ..ตัณหา..กระผมก็ไม่ได้ไปคัดค้านว่าไม่ถูก..ว่าทำไม่ได้..อะไรนี้ครับ..เพราะผมเห็นด้วยกับครูบาอาจารย์ที่บอกว่า..ออกได้ทุกช่วงนั้นแหละ...และไม่ได้เชื่อแบบไม่มีอะไรเทียบเคียงนะ..

แต่ที่ผมพูด..พูด..อยู่นี้...ก็วงกลมเจ้าปัญหาของอโสกะ..ว่า..ไม่ควรจะเขียนลูกศร...จากมรณะ..วนไป..อวิชชา...เป็นวงอย่างนั้น...เพราะจะเป็นการสื่อความหมายพระธรรมของพระองค์ผิดไป...นานวันไปหากมีคนเข้าใจว่านี้คือธรรมของพระพุทธเจ้าเข้า...อโสกะคนเขียนแผนภาพนี้ก็เข้าข้อหาความผิด...บิดเบือนพระธรรม..ทำสัทธรรมปฏิรูป..ได้...

ก็เท่านี้เอง..ที่พูดอยู่นี้..

ที่ว่าผมมั่ว ๆ..นั้นนะ..ก็คิดดูก็แล้วกัน

ย้อนมาที่อโสกะว่าผม..มั่ว ๆ..เรื่อง..การดับอภิชฌาและโทมนัส...ได้ทุกขั้นตอน

อ้างคำพูด:
ก่อนเวทนาจะเกิด...ก็หักออกได้
หลังเวทนาเกิดแล้ว...ก็หักออกได้

ผลของการหักออก....ไม่ว่าตรงไหน...ก็ "วิเนยยะ โลเก อภิชฌา โทมนัสสัง" เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ..ได้เหมือนกันครับ

ไม่ได้วิเคราะห์เอานะครับ


แต่ด้วยความไม่รอบคอบ..ไม่รอบรู้...เลยทำให้อโสกะ...พาลมาว่าผมมั่ว ๆ... :b9: :b9:

อ้างคำพูด:
กบเริ่มจะมั่วๆแล้วนะครับ อภิชฌาและโทมนัสสัง มิได้เกิดไปมั่วๆทุกช่วงต่อของวงปฏิจจสมุปบาทนะครับ นั่นมันผิดธรรม
ผู้มีสติปัญญาอันหยาบถึงพูดมั่วไปเช่นนั้น

อภิชฌา โทมนัสสังเป็นเวทนาทางจิต เกิดต่อหลังจากผัสสะเสมอนะครับ นี่เป็นสัจจะ ไม่ใช่โมฆะวาทะที่เปล่งขึ้นมามั่วๆโดยไร้สภาวธรรมรองรับ


ง่าย ๆ เลยนะครับอโสกะ.....ถ้ามีอรหันต์ที่ท่านหักออกตรง...ตัญหา..มา..อุปาทาน..หรือตรง..อุปาทาน..มา..ภพ...อโสกะว่าอรหันต์ท่านนี้จะยังมีอภิชฌาและโทมนัส..อยู่มั้ย?

:b32: :b32:

จะกล่าวว่าใคร....ให้พิจารณาดีดีเสียก่อน...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 01:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

พระสูตรทที่ท่านเช่นนั้นยกมามีข้อบกพร่องตรงไหนหรือท่านอโศกะ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 05:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ที่ๆจะเกิดอภิชฌาและโทมนัสสังได้นั้นมีอยู่2 ที่คือ

ช่วงต่อระหว่างผัสสะมาเวทนาและช่วงต่อเวทนามาสู่ตัณหา

ช่วงต่ออื่นๆนอกเหนือจากนี้ อภิชฌาแลโทมนัสสังไม่เกิด

เป็นพระอรหันต์แล้วอภิชฌาและโทมนัสสังไม่มีหรือมีก็เป็นเพียงกิริยา

แต่สำหรับปุถุชนและอริยะชั้นต้นยังมีอยู่แต่ลดน้อยไปตามลำดับชั้น

มหาสติปัฏฐานสูตรที่ยกมาท่อนหนึ่งนั้นใช่แต่การเอามาอ้างเพื่อสนับสนุนความเห็นที่ไม่ละเอียดอ่อนของตนนั้นไม่ใช่ เข้าขั้นสัทธรรมปฏิรูปได้เช่นกันนะครับ

การหักออกจากวงปฏิจจสมุปบาทที่ข้อต่ออื่นๆนั้นหักออกด้วยเหตุอื่นไม่ใช่อภิชฌาและโทมนัสสัง

ลองนั่งสอบดูจากสภาวธรรมในจิตของตนเอง

แต่มันเป็นการที่ยากมากที่จะหักออกตรงข้อต่ออื่นๆ เชื่อพระพุทธเจ้าให้หมดหัวใจสิครับ โดยสติปัฏฐาน 4 นั้นเป็นการหักออกที่ช่วงต่อระหว่างเวทนากับตัณหาซึ่งง่ายทีสุดเห็นเหตุทุกข์ชัดที่สุดเหมาะกับบุรุษสตรีธรรมดาทุกรูปทุกนาม แต่การหักออกที่ข้อต่ออื่นนั้นมันสำหรับผู้มีพิเศษสร้างสมมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 06:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:

การหักออกจากวงปฏิจจสมุปบาทที่ข้อต่ออื่นๆนั้นหักออกด้วยเหตุอื่นไม่ใช่อภิชฌาและโทมนัสสัง



:b32: :b32:
อโสกะคราบ....ผมถามว่า...อรหันต์ที่ออกได้จากจุดอื่นนั้นนะ....อภิชฌาและโทมนัส...ยังจะมีอยู่มั้ย?

(เหตุก็เพราะอโสกะว่ากระผมมั่วธรรม..ที่กล่าวว่า...ผลของการหักออก....ไม่ว่าตรงไหน...ก็ "วิเนยยะ โลเก อภิชฌา โทมนัสสัง" เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ..ได้เหมือนกันครับ)

(นี้ยังไม่พูดถึง...อย่างที่อโสกะกำลังพยายามทำให้อภิชฌาและโทมนัส...มีลักษณะความเป็นตัวเป็นตน..เป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอัน...นะนี้)

อโสกะ..จะตลกไปถึงไหน...เราพูดกันตรง ๆ ...ตามธรรม...หากเข้าใจผิดก็แก้ไขให้ถูกมากยิ่งขึ้น...จึงจะเป็นธรรม...

หากเอาแต่แก้ตัว....หาทางแต่จะแก้ตัว...จะขาดโอกาสเห็นธรรม...แก้ข้อที่ผิดให้ถูก..นะคราบ

มานะ..มานะ..ลดลด..ลงก็ดีนะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 06:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่รวม..การทำวงกลม..นะเนี้ย..

อโสกะยิ่งพูดมาก..พูดไปพูดมา...ก็ผิดเพิ่มไปเรื่อย..จนเกือบจะลืมต้นตอ..คือ..วงกลม..ซะแล้ว
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยังไม่รวม..การทำวงกลม..นะเนี้ย..

อโสกะยิ่งพูดมาก..พูดไปพูดมา...ก็ผิดเพิ่มไปเรื่อย..จนเกือบจะลืมต้นตอ..คือ..วงกลม..ซะแล้ว
:b9: :b9:

วงกลมหมุนไปเรื่อยๆ55

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 14:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:

การหักออกจากวงปฏิจจสมุปบาทที่ข้อต่ออื่นๆนั้นหักออกด้วยเหตุอื่นไม่ใช่อภิชฌาและโทมนัสสัง



:b32: :b32:
อโสกะคราบ....ผมถามว่า...อรหันต์ที่ออกได้จากจุดอื่นนั้นนะ....อภิชฌาและโทมนัส...ยังจะมีอยู่มั้ย?

(เหตุก็เพราะอโสกะว่ากระผมมั่วธรรม..ที่กล่าวว่า...ผลของการหักออก....ไม่ว่าตรงไหน...ก็ "วิเนยยะ โลเก อภิชฌา โทมนัสสัง" เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ..ได้เหมือนกันครับ)

(นี้ยังไม่พูดถึง...อย่างที่อโสกะกำลังพยายามทำให้อภิชฌาและโทมนัส...มีลักษณะความเป็นตัวเป็นตน..เป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอัน...นะนี้)

อโสกะ..จะตลกไปถึงไหน...เราพูดกันตรง ๆ ...ตามธรรม...หากเข้าใจผิดก็แก้ไขให้ถูกมากยิ่งขึ้น...จึงจะเป็นธรรม...

หากเอาแต่แก้ตัว....หาทางแต่จะแก้ตัว...จะขาดโอกาสเห็นธรรม...แก้ข้อที่ผิดให้ถูก..นะคราบ

มานะ..มานะ..ลดลด..ลงก็ดีนะ..

:b12: 55555555
ผมก็ตอบนี่แล้วไงทำไมกบไม่เห็นแถมยังมโนไปอีกยาวเหยียดเลย

อ้างคำพูด:
เป็นพระอรหันต์แล้วอภิชฌาและโทมนัสสังไม่มีหรือมีก็เป็นเพียงกิริยา

แต่สำหรับปุถุชนและอริยะชั้นต้นยังมีอยู่แต่ลดน้อยไปตามลำดับชั้น

onion
แล้วก็กลับไปอ่านดูดีๆให้ละเอียดถี่ถ้วนผมพยายามอธิบายหลายครั้งหลายรอบแล้วว่าประเด็นสำคัญของสติปัฏฐาน4 มันอยู่ที่

"วิเนยยะโลเก อภิชฌาโทมนัสสัง" เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก

หรือว่ามันไม่จริงไม่ใช่ กบเห็นจุดไหนหรือที่เป็นประเด็นสำคัญของสติปัฏฐาน4 ที่ดีวิเศษกว่านี้และมีผลในเชิงปฏิบัติ
s006
แล้วที่อ้างว่า.า...ผลของการหักออก....ไม่ว่าตรงไหน...ก็ "วิเนยยะ โลเก อภิชฌา โทมนัสสัง" เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ..ได้เหมือนกันครับ) นั้นผมก็อธิบายแล้วว่ามันผิดธรรม
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 17:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม้หลักปักขี้เลน...คือมีและทั้งไม่มี...

ยังมีมาห้อยว่ามีแต่เป็นกิริยา...

อย่างนี้ไม่ใช่คำตอบครับ..มันเป็นพวกแทงกั๊ก...

อภิชฉา..กับโทมนัส..นี้มันเป็นเรื่องทางใจ....

ถ้าเรื่องทางกาย..จึงมีแต่เป็นกิริยาภายนอกได้...แต่ใจไม่มี..นี้เรียกว่าเป็นแต่กิริยา...
:b3: :b3:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 28, 29, 30, 31, 32, 33, 34 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร