บอกแล้วว่า ภาษาทางธรรมไม่ใช่ภาษาไทย คือ คุณโรสเป็นต้นเอาศัพท์ของเขามาแล้วมาวาดมโนภาพเอาเองว่า มันยังงี้ยังงั้น ตัวอย่าง เช่น สติ นิพพาน วิสยรูป ๗ อะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ ผิดขอรับโผม เสียเวลาเปล่าขอรับ

ทำตามที่กรัชกายแนะนำเถอะ คือ เซ็ทซี่โร่ความความคิดทางธรรมเดิมๆออกให้หมด แล้วเริ่มต้นที่ตักบาตรพระเณรตอนเช้า ถวายสังฆทาน ฯลฯ ปล่อยปลา ปล่อยเต่า เป็นต้นก่อน

จบข่าว

คุณโรสศึกษาคำศัพท์บาลีที่นำมาพูดลิงค์นี้ขอรับ

viewtopic.php?f=1&t=55697

ดูตามตัวอักษร เอาคำไหนมาพูด ก็ให้ดูความหมายคือคำแปลเป็นไทยก่อน เช่น สติ หมายถึง (แปลว่า) ... ไม่ใช่อย่างที่คุณโรสทำ คือ ไปเอาคำศัพท์ทางธรรมเขามาแล้วพูดไปเรื่อยเปื่อย ผิดขอรับ ไม่ใช่แล้ว

เข้าใจให้ถูกต้องนะคะคิดใหม่ทำใหม่แม้ชาวบ้านจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เปลี่ยนแปลงความจริงไปจากปกติและไม่แยกไปจากปกติ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่มีอยู่ก่อนแล้วแม้ยังไม่มาตรัสรู้ก็มีความจริงอยู่อย่างนั้นตามปกติแต่
เป็นความจริงที่ไม่มีใครสามารถคิดเองได้ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนทำไมอย่างไรก็เป็นไปตามปกติตามที่เคยชิน
จนกว่าจะมีการอุบัติขึ้นของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงจะมีการประกาศบัญญัติคำต่างๆขึ้น
และผู้ที่เคยสะสมการฟังในอดีตชาติมาแล้วจนมีปัญญาถึงระดับที่พร้อมจะบรรลุตามเมื่อได้ฟังสัทบัญญัติ
จึงรู้และจำได้ทันทีว่ามีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นบนโลกแล้วจากการฟังคำที่ทำให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ตรงกับคำที่กำลังได้ยินแม้ผู้กล่าวไม่ใช่พระพุทธเจ้าแต่ผู้ฟังนั้นก็จะถามผู้กล่าวอาจารย์ของท่านเป็นใคร
เพื่อตามไปฟังจากพระโอษฐ์เข้าใจไหมคะทุกคนที่เกิดมาล้วนมีชีวิตตามปกติไม่ได้ทำอะไรผิดปกติเลย
พอได้ฟังคำสอนเข้าใจทันทีว่ามีผู้รู้สัจจธรรมเกิดขึ้นในโลกแล้วทั้้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลายล้วนบอก
กล่าวต่อๆกันไปถึงสวรรค์และพรหมโลกทุกชั้นถูกไหมคะเคยสวดธรรมจักรไหมคะนั่นแหละที่โรสเขียนนี้
กรุณาใช้ความรอบคอบและความตรงไปตรงมาในการคิดค่ะฟังคือฟังจริงๆไม่แปลกแยกออกไปจากปกติค่ะ
เพียงแต่เวลาท่านฟังต้องใช้เวลาพิจารณาไม่ใช่แค่1ครั้งแต่ไม่ว่าจะฟังใครจะกี่ครั้งก็ตามจำเป็นมากมายค่ะ
ในการใช้กาลามสูตร10ไม่ว่าคนที่ท่านฟังจะนับถือมากแค่ไหนก็ตามเพราะเมื่อเข้าใจคำตถาคตที่แท้จริงแล้ว
ทุกคำที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเป็นความจริงทุกคำไม่ว่าจะตรัสที่ไหนกับใครเวลาอ่านพระไตรปิฎกจำเป็นมาก
ที่ท่านจะต้องคิดถึงความจริงที่กำลังมีที่กายใจตนเองเท่านั้นไม่ส่งไปคิดนอกเหนือจากคำที่กำลังอ่านจริงๆ
เพราะถ้าปัญญาท่านไม่พออ่านไม่รอบคอบชอบเป็นบางตอนก็เอามาทำมันผิดแล้วจริงๆค่ะเพราะความจริง
ไม่เหมือนอย่างที่ทุกคนคิดแม้กำลังฟังสิ่งเดียวกันก็คิดไม่เหมือนกันเลยเพราะทุกคนก็จะคิดไปตามที่สะสมมา
กรุณาเริ่มต้นที่0ทุกครั้งคือเป็นแก้วเปล่าไม่มีความจำใดๆหลงเหลือเลยเพราะดับคือว่างเปล่าไม่มีสัญญาใดๆ

ไม่เข้าใจหรือกี่คำที่พระสารีบุตรฟังแล้วบรรลุคริคริคริ
ตัวเองกว่าจะแปลกว่าจะคิดเข้าใจ555
แล้วเอายังไงดีล่ะบังคับให้บรรลุสิ
ตัวเองไม่รู้เลยว่าความจริงที่
ตนสะสมตรงจริงได้นั้น
ตรงกับคำไหนจะรู้หรือ
พึ่งตถาคตคือระลึกตามคำสอนที่ตรงสัจจะในวิสยรูป7ในชีวิตประจำวันและพึ่งตนใช้ตาดูหูฟังพระพุทธพจน์
ถ้าไม่เคยฟังจนคิดได้ตรงคำมาก่อนนั้นน่าจะรู้ไหมคะว่าสิ่งที่กายใจกำลังมีตรงกับคำสัจจะคำไหนในวิสยรูป7
คีย์เวิร์ดที่แต่ละคนสะสมตามสติปัญญาตนเองไม่มีใครรู้นอกจากคนที่ฟังเพียรฟังจนรู้ความจริงของตนเองค่ะ
https://youtu.be/QG2s3-QSvLk

ชาติหน้าไปเกิดที่ปากีสถานจะจำบัญญัติที่เป็นภาษาไทยในชาตินี้ได้ไหมคะ
อย่างอ้างเลยว่าจำได้ในภาษาบาลีคริคริคริปาเข้าป่าไปโน่นเลยตำรานั้นน่ะ
ลองนึกสิสมมุติว่าชาตินี้คุณอยู่ปากีสถานจะยึดพระไตรปิฎกก็อปแปะได้ไหม
หรือถ้าได้ไปเกิดเป็นแมวจะมาก็อปแปะแบบที่ทำตอนเป็นคนได้ไหมคุณประมาท
ชื่อว่าคุณประมาทแปลว่าขาดความเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงสัทบัญญัติ
คือไม่เข้าใจความหมายของเสียงตรงคำเพราะต้องมีเสียงปรากฏก่อนจึงตามเสียง
เข้าใจตามเสียงนั้นตรงกับความจริงที่กำลังมีจริงที่ตนกำลังมีตรงกับเสียงนั้นทันที
ไปเกิดเป็นแมวก็รู้ภาษาแมวจะมาสนใจตำราก็แค่มองดูแล้วก็ไม่สนใจหรือมีเสียงแต่ไม่รู้ไงคะ
https://youtu.be/ewClhL_02Ac

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชื่อนี้มี1ในจักรวาล
ทรงตรัสรู้ความจริงที่ไม่มีใครหน้าไหนรู้เลยจนกว่าจะเริ่มฟัง
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือทุกคำที่พระพุทธเจ้าคนเดียวที่รู้ทั่ว
คนอื่นเป็นสาวกจึงทำได้แค่ฟังเข้าใจไหมคะจะไปทำก็เดาทำ
เพราะทำตามเหตุปัจจัยของอวิชชาที่มีอยู่เดิมๆโดยไม่ฟังเลย
และปัญญารองจากพระพุทธเจ้าคือพระอัครสาวกสารีบุตรค่ะ
ที่เหลือยังเกิดอยู่เป็นปะทะปะระมะคือศึกษายังไงก็ยังไม่รู้จริงๆ
คำว่าไม่รู้ในภาษาไทยในบาลีใช้คำว่ากิเลสแปลว่าทุกคนกำลังมีไม่รู้
เดี๋ยวนี้เลยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังเกิดดับทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมีแล้วคร่าาาาฟังบ้างนะ
https://youtu.be/zn2omjO32gs

คุณโรส..ก็จำคำพูดนี้ของตัวเองใว้นะครับ ที่ว่า..

"ชาติหน้าไปเกิดที่ปากีสถานจะจำบัญญัติที่เป็นภาษาไทยในชาตินี้ได้ไหมคะ"

การจำได้หมายรู้ว่าอะไรเป็นอะไร...นี้..เป็นเรื่องของสัญญาขันธ์...
จำไม่ได้..ฟังไม่เข้าใจ..ก็เป็นเรื่องของขันธ์...ไม่ใช่เรื่องของกิเลส....
หรือ..จำได้ ฟังเข้าใจ..ก็เป็นเรื่องของขันธ์..ไม่ใช่เรื่องของการไม่มีกิเลส..ฮะไรที่ไหน...

ดังนั้น..คำกล่าวของคุณโรส..ที่มักกล่าวว่า..
"ฟังไม่เข้าใจ เป็นกิเลสแล้ว"...จึงผิด

เลิกกล่าวผิดผิด..ซะนะครับ

กบนี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าปัญญาเกิดตอนกำลังฟังจ้ะ
สัญญาเจตสิกคือสัญญาขันธ์ไม่ดีไม่ชั่ว
อะไรปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่วจำไม่ได้รึ
ดีหรือชั่วอยู่ที่สังขารขันธ์คือเจตสิกนี่
กรรมดีจากโสภณเจตสิกคือกุสลาธัมมา
กรรมชั่วจากอกุศลเจตสิกคืออกุศลธัมมา
ตอนมีปัญญาคือตอนพึ่งคำตถาคตจากสัทบัญญัติทีละคำ
ตอนคิดเองไม่ฟังคำตถาคตอยู่กิเลสไหลแล้วค่ะคริคริคริ

ฟังพระพุทธพจน์รู้ตรงวิสยรูป7ตรงปรมัตถสัจจะตรงจริงด้วยการฟังทีละคำพร้อมมีหลักกาลามสูตร10
ที่ไหนรู้ไหมคะกบ...ทุกๆที่ที่มีกายกับจิตตนเองดำเนินชีวิตที่รู้ตัวว่ายังมีลมหายใจจึงไม่ขาดการฟังไงคะ
มันถึงเข้าใจพฤติกรรมที่ผู้คนตะเกียกตะกายขวนขวายด้วยการทำตามๆกันเลยมีพฤติกรรมผิดจากปกติ
คือไม่มีหลักกาลามสูตร10แต่เป็นการทำตามๆกันเชื่อถือคูรอาจารย์ว่ารู้/คำสอนแทนตถาคต1เดียวทำฟัง

เอางั้นเลยนะขอรับโผม คิกๆๆ สติ สัมปชัญญะ นิพพาน ภาษาไทยหรือบาลี

นี่ด้วย

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา - เตสํ เหตุํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ - เอวํ วาที มหาสมโณ.


ที่คุณโรสว่าอุปติสสะฟังจากพระอัสสชิปุ๊บเก็ตเลยว่า อิอิ แล้วก็คิดถอยหลังไปว่าเขาสั่งสมสุตะมาเป็นกัปป์ๆกัลป์ๆ ชาตินี้ก็ต้องฟังแม่สุจินพูดเรื่อยไป จนกว่าจะเก็ต เป็นสุตมยปัญญา มโนเอาทั้งเพ

จบข่าว

นี่แหละเขาเรียกว่ามั่วปนเปกันไปหมด คือ เอาไปศัพท์บาลีเขามาแล้วมาตีความไปตามความคิดความเห็นของตนเอง มีเยอะแบบนี้

อริยสัจจ์สี่คือความจริงไม่ใช่แค่จำบัญญัติคำ
เป็นปัญญารู้แจ้งชัดในรูปนามหรือนามรูป
ที่กำลังปรากฏกับสติปัญญาเดี๋ยวนี้ค่ะ
เป็นการรู้สึกตัวทั่วกายตรงฐานที่ตั้ง
แห่งธาตุ4ขันธ์5ผ่านที่ประชุมกาย
คืออายตนะ6ของตนเดี๋ยวนี้ทันที
ตอนลืมตาตื่นรู้ความจริงไม่หลับ
สำนักปฏิบัติทำลายคำสอนจริงๆ
จะไปนั่งหลับตาทำไมล่ะคะเพราะ
รูปพิเศษตรงกลางตาและกลางหู
เป็นรูปที่นำทางออกจากความไม่รู้
ไม่งั้นจะมีคำเตือนว่าตาไม่บอดหูไม่หนวก
จึงจะเข้าใจความจริงตามคำสอนได้หรือคะ
เป็นผู้ตื่นรู้เบิกบานตามปกติตามเป็นจริงเดี๋ยวนี้

เคยมีใครมาบอกแบบนี้ไหมอ.สุจินต์ก็ไม่ได้บอกแบบที่โรสบอก
กะพริบตาไม่ทันครบ6ทางวิสยรูป7แปลว่าไม่รู้ความจริงคริคริคริ
บอกความจริงให้เข้าใจตรงๆไม่ได้เอาภาษาบาลีมาบอกอ้อมด้วยนะ
กะพริบตาดับหมดแล้วไม่รู้ว่ามีความไม่รู้เพราะขาดปัญญาตรงสัทบัญญัติ
สัทบัญญัติคือฟังเสียงเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ตรงความหมายตรงจริงทันทีเข้าใจไหม
ฟังเสียงตัวเองอ่านทีละคำก็ได้เช่นตถาคตบอกเห็นสีไม่ใช่เราแต่ตอนนี้เป็นเราเห็นคลาดเคลื่อนไม่ตรงสีจริงๆ

ใครบ้างไม่กระพริบตา นอกจากผี (ฟังเขาเล่ามาว่าผีไม่กระพริบตา) คนก็กระพริบตากันทั้งนั้นแหละ

เรื่องกระพริบตาดับ ลืมตาเกิด กระพริบตาดับ ฯลฯ เนี่ยคุณโรสไปได้มาจากไหน




มาอีกแระอ่านทีละคำ ตถาคตเห็นสี ลองตอบนะขอรับจะถาม เห็นสีอะไร จึงตรงคำตถาคต โดยไม่คลาดเคลื่อน ตอบตรงๆชัด ๆ