วันเวลาปัจจุบัน 17 ก.ค. 2025, 23:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2018, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
น่าสงสาร..จัง..

ไม่รู้ว่านิยมชมชอบอะไรเชิญมากันเยอะแยะเกรงใจก็รับตกลงไม่ได้อ่านต้องลบทิ้งอิอิแต่ก็ได้โพสต์บ้านธัมมะ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2018, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าสงสาร..อยู่ตั้ง 50 กลุ่ม...ฟุ้งซ่านน่าดู


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2018, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
น่าสงสาร..จัง..

ไม่รู้ว่านิยมชมชอบอะไรเชิญมากันเยอะแยะเกรงใจก็รับตกลงไม่ได้อ่านต้องลบทิ้งอิอิแต่ก็ได้โพสต์บ้านธัมมะ
:b16:
:b4: :b4:


บ้านธัมมะ มีบอร์ดธัมมะหรือขอรับ เคยเข้าไปดูไม่เห็น ขอลิงค์หน่อย จะได้สมัครสมช.มั่ง ทีนี้แหละ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2018, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
น่าสงสาร..จัง..

ไม่รู้ว่านิยมชมชอบอะไรเชิญมากันเยอะแยะเกรงใจก็รับตกลงไม่ได้อ่านต้องลบทิ้งอิอิแต่ก็ได้โพสต์บ้านธัมมะ
:b16:
:b4: :b4:


บ้านธัมมะ มีบอร์ดธัมมะหรือขอรับ เคยเข้าไปดูไม่เห็น ขอลิงค์หน่อย จะได้สมัครสมช.มั่ง ทีนี้แหละ คิกๆๆ

คริคริคริเขาคุยกันเรื่องไลน์อ่านที่ลุงหมานถามสิคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2018, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
น่าสงสาร..จัง..

ไม่รู้ว่านิยมชมชอบอะไรเชิญมากันเยอะแยะเกรงใจก็รับตกลงไม่ได้อ่านต้องลบทิ้งอิอิแต่ก็ได้โพสต์บ้านธัมมะ
:b16:
:b4: :b4:


บ้านธัมมะ มีบอร์ดธัมมะหรือขอรับ เคยเข้าไปดูไม่เห็น ขอลิงค์หน่อย จะได้สมัครสมช.มั่ง ทีนี้แหละ คิกๆๆ

คริคริคริเขาคุยกันเรื่องไลน์อ่านที่ลุงหมานถามสิคะ
:b32: :b32:


อ้าวหรอ คุยทางไลน์กันดอกรึ คงไม่ไปหรอกงั้น น่าจะสร้างบอร์ดสนทนาบ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2018, 20:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ลุงหมาน เขียน:
พวกเนี้ยจะไม่ทำบุญวัดวาจะไม่เคยเข้า พวกบาปหนา พวกกลัวพระจับเงิน

...ผิดถนัดค่ะลุง....เคยทำมาหมดนั่นแหละด้วยความไม่รู้...
...กว่าจะเข้าใจถูกแล้วทิ้งสิ่งที่ทำผิดได้ไม่ใช่ง่ายๆนะคะลุง...
...ลุงก็ลองฝึกวิสยรูป7ให้ได้ตลอดเวลาแล้วก็ฟังพระพุทธพจน์ไปด้วย...
จะได้ทราบว่าทำได้หรือเปล่านี่แหละงานแท้ๆของการบวชใจเพราะ
ขณะกำลังรู้ความจริงถูกตามได้ขณะนั้นสละชื่อเสียงเงินทองแล้ว
เพราะฟังคำสอนอย่างตั้งใจมีศรัทธาฟังเพื่อให้กิเลสแทรกเข้าไม่ได้
ก็ที่ตัวคือกายใจระลึกตามวิสยรูป7ตลอดเวลาจนชำนาญขณะฟัง
ปัญญาที่เพิ่มทำกิจหน้าที่ถูกตรงดีแล้วตอนกำลังฟังพอหยุดฟัง
ก็ทำอย่างอื่นก็สะสมกิเลสแล้ว...คิดว่าชาตินี้กิเลสจะยอมฟังไหม
:b32: :b32:


ฝึกยังไงวิสยรูป ๗ ท่ามันเป็นยัง มันอยู่ตรงไหนวิสยรูป ๗
ลองแจกแจงให้ดูหน่อย

:b12:
เอาท่าที่สะดวกไม่ทรมานกายค่ะเพราะต้องใช้เวลาฝึกทั้งชาติก็อาจจะทำไม่ได้
:b20:
แต่ต้องฟังพระพุทธพจน์ไปด้วยแล้วก็ทำความรู้สึกตัวทางไหนก็ได้
ที่กายใจตนเองปรากฏชัดแล้วก็ต้องฟังเสียงให้เข้าใจด้วยนะคะ
ไม่ลังเลไม่สงสัยว่าเป็นใครพูดแต่ให้ระลึกตามเสียงเข้าใจ
ตามความหมายของเสียงตรงเสียงนั้นไม่ใส่ความคิดเห็น
คิดแต่ในเสียงคำที่กำลังได้ยินไม่ให้ขาดตอนเพราะ
การขาดตอนแปลว่าลืมฟังคำนั้นแปลว่าไม่รู้แล้ว
ต้องทันทุกคำถ้าไม่ทันคำไหนก็ให้ทราบว่าตนสะสมกิเลสแล้วง่ายไหมคะ
แล้วก็ไม่ต้องหลับตานะคะเพราะรูปพิเศษที่ตาไม่บอดเนี่ยใช้สะสมกิริยาจิตค่ะ
ไม่ต้องไปหลับตาทำไม่รู้เพิ่มขึ้นเพราะลืมตานี่แหละมีความจริงให้คิดถูกตามได้ชัวร์ๆ
แล้วที่กายก็ต้องให้ใจมันรู้ว่าระลึกรู้คิดตามทันวิถีจิตทางไหนบ้างที่กายใจตนเท่านั้นไม่ทันคืออวิชชาตน
ความจริงที่ควรรู้ยิ่งคือเดี๋ยวนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว
https://youtu.be/4r0iYSan7hc
:b4: :b4:


ฟังตามลิงค์..แล้ว...

พูดถูกครึ่งแรก...คือ..การฟัง..การสะสม...
ผิดครึ่งหลัง..ซึ่งสำคัญ..คือ...ถ้าเห็นปรากฏเป็นคน..แสดงว่าไม่ได้เห็นด้วยดี..
แล้วยังแสดงทัศนะ..ว่า..เห็น..กระทบตา..แล้วดับ...จึงจะดี

อันนี้..แนวพราหมณ์ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้..เขาก็ทำอย่างนี้กันแล้วละคุณ

แล้วยังพูดว่า..นี้คือการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...อีก

ก็แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมาก็แล้วกัน...ไม่มีอะไรไม่เกิดจากเหตุ..ค่อยๆสะสมสิ่งถูกไปเรื่อยๆก็ยังดี..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ลุงหมาน เขียน:
พวกเนี้ยจะไม่ทำบุญวัดวาจะไม่เคยเข้า พวกบาปหนา พวกกลัวพระจับเงิน

...ผิดถนัดค่ะลุง....เคยทำมาหมดนั่นแหละด้วยความไม่รู้...
...กว่าจะเข้าใจถูกแล้วทิ้งสิ่งที่ทำผิดได้ไม่ใช่ง่ายๆนะคะลุง...
...ลุงก็ลองฝึกวิสยรูป7ให้ได้ตลอดเวลาแล้วก็ฟังพระพุทธพจน์ไปด้วย...
จะได้ทราบว่าทำได้หรือเปล่านี่แหละงานแท้ๆของการบวชใจเพราะ
ขณะกำลังรู้ความจริงถูกตามได้ขณะนั้นสละชื่อเสียงเงินทองแล้ว
เพราะฟังคำสอนอย่างตั้งใจมีศรัทธาฟังเพื่อให้กิเลสแทรกเข้าไม่ได้
ก็ที่ตัวคือกายใจระลึกตามวิสยรูป7ตลอดเวลาจนชำนาญขณะฟัง
ปัญญาที่เพิ่มทำกิจหน้าที่ถูกตรงดีแล้วตอนกำลังฟังพอหยุดฟัง
ก็ทำอย่างอื่นก็สะสมกิเลสแล้ว...คิดว่าชาตินี้กิเลสจะยอมฟังไหม
:b32: :b32:


ฝึกยังไงวิสยรูป ๗ ท่ามันเป็นยัง มันอยู่ตรงไหนวิสยรูป ๗
ลองแจกแจงให้ดูหน่อย

:b12:
เอาท่าที่สะดวกไม่ทรมานกายค่ะเพราะต้องใช้เวลาฝึกทั้งชาติก็อาจจะทำไม่ได้
:b20:
แต่ต้องฟังพระพุทธพจน์ไปด้วยแล้วก็ทำความรู้สึกตัวทางไหนก็ได้
ที่กายใจตนเองปรากฏชัดแล้วก็ต้องฟังเสียงให้เข้าใจด้วยนะคะ
ไม่ลังเลไม่สงสัยว่าเป็นใครพูดแต่ให้ระลึกตามเสียงเข้าใจ
ตามความหมายของเสียงตรงเสียงนั้นไม่ใส่ความคิดเห็น
คิดแต่ในเสียงคำที่กำลังได้ยินไม่ให้ขาดตอนเพราะ
การขาดตอนแปลว่าลืมฟังคำนั้นแปลว่าไม่รู้แล้ว
ต้องทันทุกคำถ้าไม่ทันคำไหนก็ให้ทราบว่าตนสะสมกิเลสแล้วง่ายไหมคะ
แล้วก็ไม่ต้องหลับตานะคะเพราะรูปพิเศษที่ตาไม่บอดเนี่ยใช้สะสมกิริยาจิตค่ะ
ไม่ต้องไปหลับตาทำไม่รู้เพิ่มขึ้นเพราะลืมตานี่แหละมีความจริงให้คิดถูกตามได้ชัวร์ๆ
แล้วที่กายก็ต้องให้ใจมันรู้ว่าระลึกรู้คิดตามทันวิถีจิตทางไหนบ้างที่กายใจตนเท่านั้นไม่ทันคืออวิชชาตน
ความจริงที่ควรรู้ยิ่งคือเดี๋ยวนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีแล้ว
https://youtu.be/4r0iYSan7hc
:b4: :b4:


ฟังตามลิงค์..แล้ว...

พูดถูกครึ่งแรก...คือ..การฟัง..การสะสม...
ผิดครึ่งหลัง..ซึ่งสำคัญ..คือ...ถ้าเห็นปรากฏเป็นคน..แสดงว่าไม่ได้เห็นด้วยดี..
แล้วยังแสดงทัศนะ..ว่า..เห็น..กระทบตา..แล้วดับ...จึงจะดี

อันนี้..แนวพราหมณ์ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้..เขาก็ทำอย่างนี้กันแล้วละคุณ

แล้วยังพูดว่า..นี้คือการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...อีก

ก็แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมาก็แล้วกัน...ไม่มีอะไรไม่เกิดจากเหตุ..ค่อยๆสะสมสิ่งถูกไปเรื่อยๆก็ยังดี..

Kiss
ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี
นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล
เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย
กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี
นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล
เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย

กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา
:b4: :b4:

จำมาแบบนี้นี่เอง ถึงสนทนาไม่รู้เรื่องไม่รู้ความตามเป็นจริงของกระแสจิตที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

จิตที่รู้อารมณ์ ทางอายตนะทั้ง 5 และดำเนินไปตามกระแสหลังจากรู้อารมณ์กระทบทางอายตนะทั้ง 5
แม้เรียกว่าชาติวิบาก ก็เป็นอเหตุกจิต ไม่ใช่กุศลและไม่ใช่อกุศล

จิตที่เป็นชาติวิบากเปิดกระแสแห่งกุศล หรือ อกุศล คือโวฏฐัพนะจิตในกระแสแห่งปัญจมโนวารวิถี เป็นกิริยาจิต ซึ่งหากคิดถูกแยบคายก็เรียกว่า โยนิโสมนสิการ กระแสแห่งชวนวิถีหลังจากนั้นก็จะเป็นกุศล แต่หากคิดผิดขาดสติ คิดไม่ถูกไม่แยบคาย ก็เรียกว่า อโยนิโสมนสิการ กระแสแห่งชวนวิถีหลังจากนั้นก็จะเป็นอกุศล

ไปศึกษาพระอภิธรรมในสำนักที่ถูกต้องดีกว่านะครับ
หลงไปกับป้าจินต์ อาจจะต้องไปคุยกับองค์เทพ 4.0 บลาๆๆๆๆ huh huh huh

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 04:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Rosarin เขียน:
ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี
นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล
เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย

กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา
:b4: :b4:

จำมาแบบนี้นี่เอง ถึงสนทนาไม่รู้เรื่องไม่รู้ความตามเป็นจริงของกระแสจิตที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

จิตที่รู้อารมณ์ ทางอายตนะทั้ง 5 และดำเนินไปตามกระแสหลังจากรู้อารมณ์กระทบทางอายตนะทั้ง 5
แม้เรียกว่าชาติวิบาก ก็เป็นอเหตุกจิต ไม่ใช่กุศลและไม่ใช่อกุศล

จิตที่เป็นชาติวิบากเปิดกระแสแห่งกุศล หรือ อกุศล คือโวฏฐัพนะจิตในกระแสแห่งปัญจมโนวารวิถี เป็นกิริยาจิต ซึ่งหากคิดถูกแยบคายก็เรียกว่า โยนิโสมนสิการ กระแสแห่งชวนวิถีหลังจากนั้นก็จะเป็นกุศล แต่หากคิดผิดขาดสติ คิดไม่ถูกไม่แยบคาย ก็เรียกว่า อโยนิโสมนสิการ กระแสแห่งชวนวิถีหลังจากนั้นก็จะเป็นอกุศล

ไปศึกษาพระอภิธรรมในสำนักที่ถูกต้องดีกว่านะครับ
หลงไปกับป้าจินต์ อาจจะต้องไปคุยกับองค์เทพ 4.0 บลาๆๆๆๆ huh huh huh

Kiss
:b32:
ก็ที่มาบอกนี่บอกให้ฟังสะสมปัญญาอิอิ
ที่คุณเช่นนั้นเขียนมาข้างบนนั้นน่ะ
โรสมีตรงหมดคือรู้สึกตัวทั่วพร้อมแล้วนี่
ยังต้องไปเรียนเพื่อรู้จักชื่ออีกทำไมรึ
ชื่อไม่ตามไปด้วยแต่จิตรู้ตรงจริง
คือรู้สึกเป็นความจริงที่ไม่มีชื่อ
เข้าใจตรงจริงแล้วตรงวิสยรูป7
คือสติปัฏฐานตรงฐานที่เกิดแล้ว
ทุกขณะนี้แหละคือวิปัสสนาภาวนา
รู้ตรงวิสยรูป7รู้สึกตัวทั่วพร้อมมีสติสัมปชัญญะ
ตรงสิ่งที่เกิดแล้วรู้ว่ามีก่อนดับคือมีโยนิโสมนสิการะ
ดูจิตตนเองน้อมไปเองที่กำลังเป็นไปตรงตามที่กำลัง
คิดถูกตามคำสอนได้จนตรงปัจจุบันขณะแล้วจะให้ว่าไงอีกล่ะคะ
:b32:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 05:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี

นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล
เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย
กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา
:b4: :b4:


การเห็นธรรม..ไม่ได้เห็นแบบเข้าใจตรรกะ...นะครับ..
แบบตรรกะนี้มันเป็นอาการคิดให้เหตุให้ผล

และพระพุทธเจ้าไม่ได้เห็นเป็นเพียง สี....อย่างพราหมณ์บางเหล่า...ที่ว่านี้เป็นอาการการเห็นนิพพานของเขา

แม้จะพยายามเอาอภิธรรมมาปนเพื่อสนับสนุนความยึดผิดข้างต้นของตน..ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

ทำไมถึงว่า...ไม่ได้ช่วยอะไรได้ดีขึ้น?...
เพราะ..ไม่มีอาการของการเกิดญาณทัศนะ


(ปล. บางคนอาจจะคิดว่า..ก็เห็นการเกิดดับ...ก็น่าจะเป็นการเห็นญาณที่ชื่อว่า..อุทยัพพยญาณ..แล้วนี้นา...แต่กระผมเห็นว่า..ยังไม่เรียกว่าเห็นญาณตัวนี้..เหตุคือยังไม่เห็นความทุกข์ชัดจากอาการของอุปาทาน...หาไม่แล้ว..พวกที่ฝึกอรูปฌาณก็คงจะได้ญาณตัวนี้กันไปหมดแล้วซิ)

พระพุทธเจ้าเห็นอะไร?
พระองค์ก็เห็น..คน..เห็นสัตว์..เห็นต้นไม้ภูเขา...ฯ..เห็นของประกอบ...ว่าประกอบด้วยอะไร...ธาตุ 4..ขันธ์5...อายตนะ 6..เห็นกรรม...กิเลส...อุปนิสัย..ตัณหา.. เป็นต้น..รวมเรียกว่า..เห็นตามความเป็นจริง
เมื่อเห็นของประกอบ...ก็เห็นเหตุของ..ของประกอบ...
เมื่อละเหตุอันนั้นแล้ว...ก็ไม่ประกอบอะไรขึ้นมาอีก...เห็นของประกอบก็ไม่หลงของประกอบ...พูดคุยกันรู้เรื่อง...ไม่งั้นจะสั่งสอนเวไนยสัตว์..ได้ยังงัยละ..

เห็นแค่สี..แล้วหยุดแค่นั้น..มันจะไปได้อะไร...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 06:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี
นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล

เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย
กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา


เคยฟังเหมือนกันนะแม่บริหารฯ เนี่ย ชอบน้ำเสียงและทำนองการพูด เสียงดีนิ่ง แค่นี่แหละ ถ้าพูดถึงหลักพุทธธรรมแล้วค่อนข้างอยู่ไกลกัน ก็ออกแนวๆศิษย์โรสนี่แหละ ขี้เหม็นก็ว่ากิเลส คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี
นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล

เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย
กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา


เคยฟังเหมือนกันนะแม่บริหารฯ เนี่ย ชอบน้ำเสียงและทำนองการพูด เสียงดีนิ่ง แค่นี่แหละ ถ้าพูดถึงหลักพุทธธรรมแล้วค่อนข้างอยู่ไกลกัน ก็ออกแนวๆศิษย์โรสนี่แหละ ขี้เหม็นก็ว่ากิเลส คิกๆๆ

โลภะคือติดข้องต้องการเพิ่มคืออะไร
ตอบคือกามตัณหาต้องการความสุข
ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจหาเงินซื้อไง
บวชสละเงินทองไม่ทำตามตัณหา
เพราะกำลังมีกิเลสคือภวตัณหา
เดี๋ยวนี้เลยกำลังเห็นอยากดู
และกำลังมีวิภวตัณหาคือ
ไม่อยากตาบอดยังอยากดู
จะรู้ความจริงตอนไหนล่ะคะ
ถ้าไม่ดูตอนตัวเองกำลังมีกิเลส
เห็นผู้หญิงสวยมันสวยทันทีคือโลภะชอบใจ
ได้กลิ่นดอกมะลิหอมเลยจำผิดวิปลาสว่ามีดอกมะลิ
เป็นที่มาของการเด็ดดอกมะลิเคยเด็ดดอกไม้ริมทางไหมคะ
เห็นความละเอียดของกิเลสไหมคะเหม็นขี้น่ะเป็นโทสะเกิดแล้ว
ใครชอบกลิ่นเหม็นคะเหม็นกลายเป็นหอมได้ไหมไม่รู้จักตนว่ามีกิเลสตอนมีจะไปรู้ว่ามีกิเลสตอนไหนคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี

นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล
เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย
กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา
:b4: :b4:


การเห็นธรรม..ไม่ได้เห็นแบบเข้าใจตรรกะ...นะครับ..
แบบตรรกะนี้มันเป็นอาการคิดให้เหตุให้ผล

และพระพุทธเจ้าไม่ได้เห็นเป็นเพียง สี....อย่างพราหมณ์บางเหล่า...ที่ว่านี้เป็นอาการการเห็นนิพพานของเขา

แม้จะพยายามเอาอภิธรรมมาปนเพื่อสนับสนุนความยึดผิดข้างต้นของตน..ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

ทำไมถึงว่า...ไม่ได้ช่วยอะไรได้ดีขึ้น?...
เพราะ..ไม่มีอาการของการเกิดญาณทัศนะ


(ปล. บางคนอาจจะคิดว่า..ก็เห็นการเกิดดับ...ก็น่าจะเป็นการเห็นญาณที่ชื่อว่า..อุทยัพพยญาณ..แล้วนี้นา...แต่กระผมเห็นว่า..ยังไม่เรียกว่าเห็นญาณตัวนี้..เหตุคือยังไม่เห็นความทุกข์ชัดจากอาการของอุปาทาน...หาไม่แล้ว..พวกที่ฝึกอรูปฌาณก็คงจะได้ญาณตัวนี้กันไปหมดแล้วซิ)

พระพุทธเจ้าเห็นอะไร?
พระองค์ก็เห็น..คน..เห็นสัตว์..เห็นต้นไม้ภูเขา...ฯ..เห็นของประกอบ...ว่าประกอบด้วยอะไร...ธาตุ 4..ขันธ์5...อายตนะ 6..เห็นกรรม...กิเลส...อุปนิสัย..ตัณหา.. เป็นต้น..รวมเรียกว่า..เห็นตามความเป็นจริง
เมื่อเห็นของประกอบ...ก็เห็นเหตุของ..ของประกอบ...
เมื่อละเหตุอันนั้นแล้ว...ก็ไม่ประกอบอะไรขึ้นมาอีก...เห็นของประกอบก็ไม่หลงของประกอบ...พูดคุยกันรู้เรื่อง...ไม่งั้นจะสั่งสอนเวไนยสัตว์..ได้ยังงัยละ..

เห็นแค่สี..แล้วหยุดแค่นั้น..มันจะไปได้อะไร...

:b32:
คิดช้าๆแล้วไตร่ตรองเหตุผลให้เห็นความจริงตรงปัจจุบัน
คือเดี๋ยวนี้แค่คิดตรงคำว่าแข็งตรงที่สัมผัสแข็งที่กายรู้สึก
แล้วก็เอามาเทียบว่าตนไม่รู้ทั้งหมดนั่นเลยเพราะมันดับหมด
ไม่มีตัวคนแล้วค่ะดับมีภวังคจิตคั่น2ต่อส่งทางมโนทวารดับที่จิต
แปลว่าก่อนมีนั้นไม่มีคนทั้งตัวเพราะมันมีแต่จิตเกิดดับทีละ1ทาง
สลับกับทางอื่นครบ6ทางนะคะไม่ใช่คนตายมีรู้สึกนึกคิดครบตัวตน
ทีนี้เอาแค่1ทางคือตาเห็นรูปของสีก่อนเห็นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นจิตอะไรค่ะ
ตอนนี้กำลังรู้ว่าเห็นสีตามคำสอนดับแล้วเกิดจิตรู้เย็นต่อแล้วแต่ตนคิดอะไร
มันไม่ตรงกับการตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วทุกขณะที่กำลังเป็นไปตามการสะสมของจิต
หมายถึงทุกขณะที่จิตเกิดดับนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะหนึ่งธัมมะใดๆทั้งสิ้นนะคะ
มีแต่สภาพธรรมที่หลากหลายเป็นจิตแต่ละ1ดวงเกิดดับไม่ซ้ำกันครบ6ทางครบธาตุ4ขันธ์5
คือมีการเกิดจริงๆดับจริงๆหลากหลายเป็นแต่ละ1ดวงครบทุกคำในพระไตรปิฎกตรงปัจจุบันแล้ว
แต่ตนไม่รู้ไงคะว่าตนกำลังสะสม1ดวงจิตอะไรจึงไม่รู้แปลว่าไม่เปิดความจริงที่ตนมีแล้วดูไงคะมัวแต่
ไปจดจำชื่อบัญญัติคนสัตว์วัตถุคำตถาคตที่ไม่ใช่สัจจะที่ตนกำลังมีมันเลยเรียกว่าเกิดกิเลสเพราะมันมีแล้ว
และที่กำลังไม่รู้ตรง1คำวาจาสัจจะคือไม่พึ่งพระรัตนตรัยคือไม่พึ่งคิดตามคำวาจาสัจจะตรงที่กำลังปรากฏ
จึงกลายเป็นทุกอย่างเป็นธัมมะแต่ละ1หลากหลายที่พระพุทธเจ้ารู้ทั่วถึงตรงทุกคำในพระไตรปิฎกเดี๋ยวนี้
ทุกอย่างกำลังหมดไปตลอดเวลาเกิดจิตขณะใหม่ตลอดตนรู้ไม่ตรงจริงที่กายใจตัวเองกำลังมีคือมีกิเลส
จะมีปัญญาเกิดเพิ่มตอนกำลังฟังพระพุทธพจน์เพื่อเพิ่มปัญญาและรู้ลักษณะตัวจริงธัมมะที่กายใจตนมีตรง1
มาบอกเพื่อให้เริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาคือความเข้าใจถูกตามตอนกำลังฟังเพื่อรู้ให้มันตรงจริงก่อนตายจากไป
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2018, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ไม่เข้าใจตรรกะ
ความเป็นปกติเหรอคะ
ทั้งจักรวาลมีพระพุทธเจ้า
พระองค์เดียวเท่านั้นที่เห็นสี

นอกนั้นจิตเห็นทั้ง31ภพภูมิไม่ใช่กุศล
เพราะจิตทั้ง6ทางเป็นชาติวิบากไม่ใช่ชาติกุศลเลย
กุศลปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนเกิดจากจิตได้ยินคือเริ่มที่ฟัง
ถ้าเห็นแล้วคิดเองก็คือเห็นผิดเพราะแค่เห็นดับ3ขณะอกุศลคือกิเลสเกิดแล้ว
แล้วที่กำลังเห็นแล้วก็คิดไปตามตัวอักษรตีความหลังเห็นดับมันนับขณะจิตคือนับไม่ถ้วน
และตนเองไม่ได้ปรุงแต่งกุศลจิตจากเสียงตรงทางตรงขณะแปลว่าสะสมกิเลสตลอดเวลายังไงล่ะคะ
ไม่เข้าใจหรือว่าแค่กะพริบตาแล้วกำลังฟังยังเกิดกิเลสถ้าฟังไม่เข้าใจดังนั้นการอ่านคือจิตคิดนึกเลยปัจจุบัน
สะสมแต่สัญญาจำบัญญัติคำต่างๆที่อ่าน ไม่ได้เข้าใจความจริงตามคำสอนจากการฟังจึงไม่ได้สะสมปัญญา
:b4: :b4:


การเห็นธรรม..ไม่ได้เห็นแบบเข้าใจตรรกะ...นะครับ..
แบบตรรกะนี้มันเป็นอาการคิดให้เหตุให้ผล

และพระพุทธเจ้าไม่ได้เห็นเป็นเพียง สี....อย่างพราหมณ์บางเหล่า...ที่ว่านี้เป็นอาการการเห็นนิพพานของเขา

แม้จะพยายามเอาอภิธรรมมาปนเพื่อสนับสนุนความยึดผิดข้างต้นของตน..ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

ทำไมถึงว่า...ไม่ได้ช่วยอะไรได้ดีขึ้น?...
เพราะ..ไม่มีอาการของการเกิดญาณทัศนะ


(ปล. บางคนอาจจะคิดว่า..ก็เห็นการเกิดดับ...ก็น่าจะเป็นการเห็นญาณที่ชื่อว่า..อุทยัพพยญาณ..แล้วนี้นา...แต่กระผมเห็นว่า..ยังไม่เรียกว่าเห็นญาณตัวนี้..เหตุคือยังไม่เห็นความทุกข์ชัดจากอาการของอุปาทาน...หาไม่แล้ว..พวกที่ฝึกอรูปฌาณก็คงจะได้ญาณตัวนี้กันไปหมดแล้วซิ)

พระพุทธเจ้าเห็นอะไร?
พระองค์ก็เห็น..คน..เห็นสัตว์..เห็นต้นไม้ภูเขา...ฯ..เห็นของประกอบ...ว่าประกอบด้วยอะไร...ธาตุ 4..ขันธ์5...อายตนะ 6..เห็นกรรม...กิเลส...อุปนิสัย..ตัณหา.. เป็นต้น..รวมเรียกว่า..เห็นตามความเป็นจริง
เมื่อเห็นของประกอบ...ก็เห็นเหตุของ..ของประกอบ...
เมื่อละเหตุอันนั้นแล้ว...ก็ไม่ประกอบอะไรขึ้นมาอีก...เห็นของประกอบก็ไม่หลงของประกอบ...พูดคุยกันรู้เรื่อง...ไม่งั้นจะสั่งสอนเวไนยสัตว์..ได้ยังงัยละ..

เห็นแค่สี..แล้วหยุดแค่นั้น..มันจะไปได้อะไร...

:b32:
คิดช้าๆแล้วไตร่ตรองเหตุผลให้เห็นความจริงตรงปัจจุบัน
คือเดี๋ยวนี้แค่คิดตรงคำว่าแข็งตรงที่สัมผัสแข็งที่กายรู้สึก
แล้วก็เอามาเทียบว่าตนไม่รู้ทั้งหมดนั่นเลยเพราะมันดับหมด
ไม่มีตัวคนแล้วค่ะดับมีภวังคจิตคั่น2ต่อส่งทางมโนทวารดับที่จิต
แปลว่าก่อนมีนั้นไม่มีคนทั้งตัวเพราะมันมีแต่จิตเกิดดับทีละ1ทาง
สลับกับทางอื่นครบ6ทางนะคะไม่ใช่คนตายมีรู้สึกนึกคิดครบตัวตน
ทีนี้เอาแค่1ทางคือตาเห็นรูปของสีก่อนเห็นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นจิตอะไรค่ะ
ตอนนี้กำลังรู้ว่าเห็นสีตามคำสอนดับแล้วเกิดจิตรู้เย็นต่อแล้วแต่ตนคิดอะไร
มันไม่ตรงกับการตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วทุกขณะที่กำลังเป็นไปตามการสะสมของจิต
หมายถึงทุกขณะที่จิตเกิดดับนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะหนึ่งธัมมะใดๆทั้งสิ้นนะคะ
มีแต่สภาพธรรมที่หลากหลายเป็นจิตแต่ละ1ดวงเกิดดับไม่ซ้ำกันครบ6ทางครบธาตุ4ขันธ์5
คือมีการเกิดจริงๆดับจริงๆหลากหลายเป็นแต่ละ1ดวงครบทุกคำในพระไตรปิฎกตรงปัจจุบันแล้ว
แต่ตนไม่รู้ไงคะว่าตนกำลังสะสม1ดวงจิตอะไรจึงไม่รู้แปลว่าไม่เปิดความจริงที่ตนมีแล้วดูไงคะมัวแต่
ไปจดจำชื่อบัญญัติคนสัตว์วัตถุคำตถาคตที่ไม่ใช่สัจจะที่ตนกำลังมีมันเลยเรียกว่าเกิดกิเลสเพราะมันมีแล้ว
และที่กำลังไม่รู้ตรง1คำวาจาสัจจะคือไม่พึ่งพระรัตนตรัยคือไม่พึ่งคิดตามคำวาจาสัจจะตรงที่กำลังปรากฏ
จึงกลายเป็นทุกอย่างเป็นธัมมะแต่ละ1หลากหลายที่พระพุทธเจ้ารู้ทั่วถึงตรงทุกคำในพระไตรปิฎกเดี๋ยวนี้
ทุกอย่างกำลังหมดไปตลอดเวลาเกิดจิตขณะใหม่ตลอดตนรู้ไม่ตรงจริงที่กายใจตัวเองกำลังมีคือมีกิเลส
จะมีปัญญาเกิดเพิ่มตอนกำลังฟังพระพุทธพจน์เพื่อเพิ่มปัญญาและรู้ลักษณะตัวจริงธัมมะที่กายใจตนมีตรง1
มาบอกเพื่อให้เริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาคือความเข้าใจถูกตามตอนกำลังฟังเพื่อรู้ให้มันตรงจริงก่อนตายจากไป
:b4: :b4:


ดูแล้วมั่วไปหมด

คุณโรสขอรับ กรัชกายคุณเอาศัพท์บาลีของเขามา แล้วก็มามโนเป็นนั่นเป็นเอง คุณไปเรียนให้มีพื้นฐานบ้างเถอะขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2018, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน


เห็นการสอนของสำนักนี้แล้ว น่าเป็นห่วงพระพุทธศาสนา "ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน" คิกๆๆ เละเทะเลอะเทอะสะไม่มี



ตั้งสิ จะไปสนทนาด้วย น่าสนุกดีนะ



จขกท.หายไปไหน ตั้งให้แล้วนะขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร