วันเวลาปัจจุบัน 30 ก.ค. 2025, 07:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2016, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
Rosarin เขียน:
asoka เขียน:
onion
สมมุติ.....สิ่งที่ไม่มีอยู่จริงตามธรรม คือการตั้งชื่อให้กับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ไม่เป็นอยู่จริงตามธรรม

:b32: ไม่มีลูก ไม่มีเมีย ไม่มีบ้าน หรือว่า มีลูก มีเมีย มีบ้าน ปัจจุบันสมมุติมีจริงหรือไม่จริง เอาชัดๆ

asoka เขียน:
สมมุติ บังปรมัตถ์ บังธรรม บังความจริง......ผู้ติดยึดในสมมุติย่อมจะไม่เห็นปรมัตถ์ ย่อมจะไม่เห็นธรรม ย่อมจะไม่เห็นความจริง

:b32: สมมติบังปรมัตถ์ที่ไหน มันต่างอันต่างจริงทั้ง2อย่าง อริยบุคคลรู้จริงทั้ง2อย่างน๊า

asoka เขียน:
สมมุติ ทำให้เกิดความคิดนึกปรุงแต่งไปได้อย่างมากมายและพิสดาร ต่างกับปรมัตถ์ที่ทำให้พบแต่ความจริงและทำให้หมดสิ้นความปรุงแต่ง

:b32: ทั้งสมมติและปรมัตถ์ที่ประกอบด้วยจิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ขาดสังขารขันธ์และทุกขันธ์ในขันธ์5เลยจร้า

asoka เขียน:
การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องละสมมุติ
บัญญัติ ความนึกคิดให้ได้เสียก่อน จึงจะเห็นปรมัตถ์ความจริง
เห็นธรรมและเข้าถึงธรรม

onion
:b8:
:b27:

:b12: ทุกอย่างเป็นธัมมะเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีสมมติและปรมัตถ์ในขันธ์5ที่ปรุงแต่งทุกขณะจิต
:b32: อริยบุคคลละความไม่รู้และรู้ทั้งสมมติและปรมัตถ์ตามจริงคือ รู้ทุกข์ ละสมุทัย ถึงมรรค ผล นิพพาน
:b1: ท่านอโศกะคิดอะไรอยู่ อ่านเข้าใจไหมว่า สมมติมีจริง ปรมัตถ์มีจริง ทุกอย่างมีจริงแต่รู้ไม่จริงนะ
:b11:
onion onion onion

:b32:
น้องรสรินมีมุมมองเรื่องสมมุติบัญญัติที่ผิดไปคล้ายกรัชกายเลยนะ

สมมุติบัญญัติ ไม่มีอยู่จริง

ปรมัตถ์ มีอยู่จริง

วางสมมุติไปเสียชั่วคราวให้ได้ก่อนจึงจะได้เห็นปรมัตถ์
สมมุติมันบังปรมัตถ์ ทำให้เห็นผิด หลงผิด คิดผิด บิดเบือนไปจากความจริงอยู่ตลอดเวลา ใครไม่ใส่ใจในการฝึกวางสมมุติและความนึกคิดให้ได้เสียก่อน จะได้เจอแต่ธรรมปลอมตามปริยัติและตำรา จะไม่เจอของจริงที่แสดงอยู่จริงในกายในใจ

อยู่อย่างคิดนึกไม่หยุดได้


ทำไมไม่ลองไปอยู่แบบไม่มีความคิดนึกดูบ้าง สัก 2-3 นาทีเป็นเบื้องต้น จนสามารถอยู่ได้เป็นชั่วโมงเป็นวัน จะได้พบสุข
พบนิพพานตัวอย่าง เมื่อยามที่จิตไร้การสังขารปรุงแต่ง ลองชิมกันดูสิ นักตำรา นักวิชาการ นักปริยัติ นักคิดนึกทั้งหลาย

ความสุขนี้อยู่ไม่ไกลเพียงทำใจหยุดคิดนึกได้ ก็สุขพลัน

onion
"เอาบัญญัติ หาบัญญัติ เห็นบัญญัติ ได้บัญญัติ เป็นบัญญัติ"

"เอาปรมัตถ์ หาปรมัตถ์ เห็นปรมัตถ์ ได้ปรมัตถ์ เป็นปรมัตถ์"

onion

Kiss
ชื่อหัวข้อกระทู้ว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องชำระ
ควรจะตั้งว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องชำระกิเลส
ท่านอโศกะ กิเลสแปลจากภาษาบาลีเป็นไทยว่าไม่รู้ค่ะ
ชำระกิเลส คือ กำจัดความไม่รู้ ก็ต้องเพิ่มความรู้ก่อน
ความรู้คือปัญญา แล้วปัญญาอยู่ดีๆคิดเองไม่ได้เลย
จำเป็นต้องพึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าในการคิด
และจะต้องคิดตรงๆทีละ1ขณะจิตต่อ1ผัสสะ
ที่จิตตนเองสะสมเข้าใจหรือเปล่าไม่ใช่ว่า
ไปเรียกชื่อธรรมที่พระพุทธเจ้ากำหนดชื่อ
เอามาเป็นธรรมของตนมีแต่ความคิด
ซึ่งเป็นสัญญาจำคำของพระองค์มา
แล้วก็คิดว่าตนรู้ความจริงอย่างพระองค์
เข้าใจผิดคิดจนตัวตายหายใจทิ้งเปล่าๆรู้ยัง
ต้องกำหนดรู้ผัสสะทุกขณะที่ปรากฏตรงปัจจุบันธรรม
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1477771005854.jpg
1477771005854.jpg [ 39.41 KiB | เปิดดู 633 ครั้ง ]
Rosarin เขียน:
asoka เขียน:
Rosarin เขียน:
asoka เขียน:
onion
สมมุติ.....สิ่งที่ไม่มีอยู่จริงตามธรรม คือการตั้งชื่อให้กับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ไม่เป็นอยู่จริงตามธรรม

:b32: ไม่มีลูก ไม่มีเมีย ไม่มีบ้าน หรือว่า มีลูก มีเมีย มีบ้าน ปัจจุบันสมมุติมีจริงหรือไม่จริง เอาชัดๆ

asoka เขียน:
สมมุติ บังปรมัตถ์ บังธรรม บังความจริง......ผู้ติดยึดในสมมุติย่อมจะไม่เห็นปรมัตถ์ ย่อมจะไม่เห็นธรรม ย่อมจะไม่เห็นความจริง

:b32: สมมติบังปรมัตถ์ที่ไหน มันต่างอันต่างจริงทั้ง2อย่าง อริยบุคคลรู้จริงทั้ง2อย่างน๊า

asoka เขียน:
สมมุติ ทำให้เกิดความคิดนึกปรุงแต่งไปได้อย่างมากมายและพิสดาร ต่างกับปรมัตถ์ที่ทำให้พบแต่ความจริงและทำให้หมดสิ้นความปรุงแต่ง

:b32: ทั้งสมมติและปรมัตถ์ที่ประกอบด้วยจิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ขาดสังขารขันธ์และทุกขันธ์ในขันธ์5เลยจร้า

asoka เขียน:
การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องละสมมุติ
บัญญัติ ความนึกคิดให้ได้เสียก่อน จึงจะเห็นปรมัตถ์ความจริง
เห็นธรรมและเข้าถึงธรรม

onion
:b8:
:b27:

:b12: ทุกอย่างเป็นธัมมะเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีสมมติและปรมัตถ์ในขันธ์5ที่ปรุงแต่งทุกขณะจิต
:b32: อริยบุคคลละความไม่รู้และรู้ทั้งสมมติและปรมัตถ์ตามจริงคือ รู้ทุกข์ ละสมุทัย ถึงมรรค ผล นิพพาน
:b1: ท่านอโศกะคิดอะไรอยู่ อ่านเข้าใจไหมว่า สมมติมีจริง ปรมัตถ์มีจริง ทุกอย่างมีจริงแต่รู้ไม่จริงนะ
:b11:
onion onion onion

:b32:
น้องรสรินมีมุมมองเรื่องสมมุติบัญญัติที่ผิดไปคล้ายกรัชกายเลยนะ

สมมุติบัญญัติ ไม่มีอยู่จริง

ปรมัตถ์ มีอยู่จริง

วางสมมุติไปเสียชั่วคราวให้ได้ก่อนจึงจะได้เห็นปรมัตถ์
สมมุติมันบังปรมัตถ์ ทำให้เห็นผิด หลงผิด คิดผิด บิดเบือนไปจากความจริงอยู่ตลอดเวลา ใครไม่ใส่ใจในการฝึกวางสมมุติและความนึกคิดให้ได้เสียก่อน จะได้เจอแต่ธรรมปลอมตามปริยัติและตำรา จะไม่เจอของจริงที่แสดงอยู่จริงในกายในใจ

อยู่อย่างคิดนึกไม่หยุดได้


ทำไมไม่ลองไปอยู่แบบไม่มีความคิดนึกดูบ้าง สัก 2-3 นาทีเป็นเบื้องต้น จนสามารถอยู่ได้เป็นชั่วโมงเป็นวัน จะได้พบสุข
พบนิพพานตัวอย่าง เมื่อยามที่จิตไร้การสังขารปรุงแต่ง ลองชิมกันดูสิ นักตำรา นักวิชาการ นักปริยัติ นักคิดนึกทั้งหลาย

ความสุขนี้อยู่ไม่ไกลเพียงทำใจหยุดคิดนึกได้ ก็สุขพลัน

onion
"เอาบัญญัติ หาบัญญัติ เห็นบัญญัติ ได้บัญญัติ เป็นบัญญัติ"

"เอาปรมัตถ์ หาปรมัตถ์ เห็นปรมัตถ์ ได้ปรมัตถ์ เป็นปรมัตถ์"

onion

Kiss
ชื่อหัวข้อกระทู้ว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องชำระ
ควรจะตั้งว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องชำระกิเลส
ท่านอโศกะ กิเลสแปลจากภาษาบาลีเป็นไทยว่าไม่รู้ค่ะ
ชำระกิเลส คือ กำจัดความไม่รู้ ก็ต้องเพิ่มความรู้ก่อน
ความรู้คือปัญญา แล้วปัญญาอยู่ดีๆคิดเองไม่ได้เลย
จำเป็นต้องพึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าในการคิด
และจะต้องคิดตรงๆทีละ1ขณะจิตต่อ1ผัสสะ
ที่จิตตนเองสะสมเข้าใจหรือเปล่าไม่ใช่ว่า
ไปเรียกชื่อธรรมที่พระพุทธเจ้ากำหนดชื่อ
เอามาเป็นธรรมของตนมีแต่ความคิด
ซึ่งเป็นสัญญาจำคำของพระองค์มา
แล้วก็คิดว่าตนรู้ความจริงอย่างพระองค์
เข้าใจผิดคิดจนตัวตายหายใจทิ้งเปล่าๆรู้ยัง
ต้องกำหนดรู้ผัสสะทุกขณะที่ปรากฏตรงปัจจุบันธรรม
onion onion onion

s006
กิเลส แปลว่า ไม่รู้

ท่านกรัชกายมาเช็คหน่อย ว่าน้องรสรินแปลบาลีนี้ถูกต้องหรือใกล้เคียงกับธรรมจริงหรือเปล่าครับ?

ถ้าเริ่มต้นผิด มันผิดไปหมดทั้งขบวนเลยนะครับ!
s004
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


กิเลส แปลว่า ไม่รู้

ท่านกรัชกายมาเช็คหน่อย ว่าน้องรสรินแปลบาลีนี้ถูกต้องหรือใกล้เคียงกับธรรมจริงหรือเปล่าครับ?

ถ้าเริ่มต้นผิด มันผิดไปหมดทั้งขบวนเลยนะครับ!


เมื่อเห็นว่าเขาแปลไม่ถูก ท่านอโศกก็บอกเขาไปเลย ไม่ต้องรอถามกรัชกายให้เสียเวลา :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


กิเลส แปลว่า ไม่รู้

ท่านกรัชกายมาเช็คหน่อย ว่าน้องรสรินแปลบาลีนี้ถูกต้องหรือใกล้เคียงกับธรรมจริงหรือเปล่าครับ?

ถ้าเริ่มต้นผิด มันผิดไปหมดทั้งขบวนเลยนะครับ!


เมื่อเห็นว่าเขาแปลไม่ถูก ท่านอโศกก็บอกเขาไปเลย ไม่ต้องรอถามกรัชกายให้เสียเวลา :b14:

ถ้าคิดว่ากิเลสเป็นตัวก็ตัวตนท่านอโศกะไงล่ะ
พระพุทธเจ้าสอนไม่รู้จักจำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ
เกิดดับตามเหตุปัจจัยไม่มีใครเป็นเจ้าของสภาพธรรม
มีแต่จิต+เจตสิก+รูป+นิพพานตามเป็นจริงที่จิตแต่ละ1มี
จิตแต่ละ1ของท่านอโศกะไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละคือความไม่รู้
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


กิเลส แปลว่า ไม่รู้

ท่านกรัชกายมาเช็คหน่อย ว่าน้องรสรินแปลบาลีนี้ถูกต้องหรือใกล้เคียงกับธรรมจริงหรือเปล่าครับ?

ถ้าเริ่มต้นผิด มันผิดไปหมดทั้งขบวนเลยนะครับ!


เมื่อเห็นว่าเขาแปลไม่ถูก ท่านอโศกก็บอกเขาไปเลย ไม่ต้องรอถามกรัชกายให้เสียเวลา :b14:

ถ้าคิดว่ากิเลสเป็นตัวก็ตัวตนท่านอโศกะไงล่ะ
พระพุทธเจ้าสอนไม่รู้จักจำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ
เกิดดับตามเหตุปัจจัยไม่มีใครเป็นเจ้าของสภาพธรรม
มีแต่จิต+เจตสิก+รูป+นิพพานตามเป็นจริงที่จิตแต่ละ1มี
จิตแต่ละ1ของท่านอโศกะไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละคือความไม่รู้
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:

:b13:
ที่น้องรสรินว่ามานั่นหนะมันพูดตามตำราและลักทฤษฎีทั้งนั้นเลย ไม่มีกลิ่นอายคำพูดของนักปฏิบัติปรากฏให้เห็นและชื่นใจสักนิดเดียว
:b7:
grin


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร