| วันเวลาปัจจุบัน 01 พ.ย. 2025, 04:50 | 
| เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง | 
|   | หน้า 4 จากทั้งหมด 5 | [ 73 โพสต์ ] | ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป   | 
| 
 | 
| เจ้าของ | ข้อความ | |||||
|---|---|---|---|---|---|---|
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27 โพสต์: 2372 แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา อายุ: 27 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27 โพสต์: 2372 แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา อายุ: 27 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27 โพสต์: 2372 แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา อายุ: 27 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27 โพสต์: 2372 แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา อายุ: 27 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766 อายุ: 0 | 
 | |||||
|  | ||||||
|  | ||||||
| 
 ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27 โพสต์: 2372 แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา อายุ: 27 | 
 | |||||
|  | ||||||
|   | หน้า 4 จากทั้งหมด 5 | [ 73 โพสต์ ] | ไปที่หน้า ย้อนกลับ 1, 2, 3, 4, 5 ต่อไป | 
| เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง | 
| ผู้ใช้งานขณะนี้ | 
| ่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน | 
| ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้ | 
|   | 

 สมัครสมาชิก
 สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
  เข้าสู่ระบบ  Facebook
Facebook FAQ
  FAQ  ค้นหา
 ค้นหา รายชื่อสมาชิก
 รายชื่อสมาชิก

 





 เล่นเอาน้ำหูน้ำตาไหลเลย
  เล่นเอาน้ำหูน้ำตาไหลเลย
 เอาแบบสุดยอด
  เอาแบบสุดยอด   นะขอรับ  กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ  แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน
 นะขอรับ  กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ  แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน  



 การนั่งสมาธิก็เหมือนการเดินทาง ถ้าคิดจะเดินทางแล้วยังพะวงหน้าพะวงหลัง กลัวนั่นกลัวนี่ก็ไม่ต้องเดินหรอก บางคนนั่งสมาธิแล้วกำลังใจดี เห้นนิมิตเป็นพระพุทธเจ้า เป็นครูบาอาจารย์หรือเป็นเสียงคนมาสอนธรรมก็กำลังใจดี ทำให้เกิดปิติปลาบปลื้มในสิ่งนั้น เมื่อปลาบปลื้มแล้วย่อมจะทำให้เกิดความศรัทราคือเชื่อในสิ่งที่เห็น กลายเป้นวิปัสนูกิเลศ เรื่องนามธรรมนั้นมันเป็นเรื่องของสภาวะจิตใจของใครของมัน ลองนึกเล่นๆว่า ถ้าความตายอยู่ตรงหน้าเราเราจะยอมรับสภาพได้ไหม เราจะดิ้นรนเป็นทุกข์กับสภาวะนั้นหรือเราจะยอมรับความจริง มันก็เหมือนกับการนั่งสมาธิ ถ้ายอมรับได้ว่านั่งสมาธิแล้วเกิดอะไรขึ้นถึงแม้ความกลัวตายจะแว๊บเข้ามาในจิตแต่ก็จะทนสภาวะนั้นจะไม่ตกใจกับสิ่งนั้น ถ้าทำใจอย่างนี้ได้แล้ว ก็ลงมือนั่งสมาธิ แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด นี่เป็นวิธีเดียวที่ทำให้กำลังใจเข้มแข็งขึ้นมา แต่ถ้าเรามีความกลัว ใครก็ช่วยไม่ได้ต้องช่วยตนเอง แม้กระทั่งความตาย ก็ไม่มีใครช่วยใครได้ มีแต่เราเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้เผชิญกับความจริง ถ้ายังทำใจไม่ได้ว่าการบำเพ็ญภาวนาทางจิตนั้นต้องประสบพบเจอกับอะไร ก็อย่าลงมือภาวนาเลย ไม่อยากให้ฟุ้งซ่านหรือเกิดความกลัว คนเราสะสมมาทั้งกุศลวิบากและอกุศลวิบาก แล้วถ้ามันจะปรากฏให้เห็นทางจิต เราก็เป็นแค่ผู้ดูผู้เห็น เหมือนเราส่องกระจกนั่นแหละ สิ่งสะท้อนในกระจกที่เราเห็นนั้นน่ะเราเห็นจริง แต่สิ่งที่เราเห็นในกระจกไม่ใช่เรา แต่เวลาเราส่องกระจกเราจะคิดเสมอว่าเงาในกระจกเป็นเรา
  การนั่งสมาธิก็เหมือนการเดินทาง ถ้าคิดจะเดินทางแล้วยังพะวงหน้าพะวงหลัง กลัวนั่นกลัวนี่ก็ไม่ต้องเดินหรอก บางคนนั่งสมาธิแล้วกำลังใจดี เห้นนิมิตเป็นพระพุทธเจ้า เป็นครูบาอาจารย์หรือเป็นเสียงคนมาสอนธรรมก็กำลังใจดี ทำให้เกิดปิติปลาบปลื้มในสิ่งนั้น เมื่อปลาบปลื้มแล้วย่อมจะทำให้เกิดความศรัทราคือเชื่อในสิ่งที่เห็น กลายเป้นวิปัสนูกิเลศ เรื่องนามธรรมนั้นมันเป็นเรื่องของสภาวะจิตใจของใครของมัน ลองนึกเล่นๆว่า ถ้าความตายอยู่ตรงหน้าเราเราจะยอมรับสภาพได้ไหม เราจะดิ้นรนเป็นทุกข์กับสภาวะนั้นหรือเราจะยอมรับความจริง มันก็เหมือนกับการนั่งสมาธิ ถ้ายอมรับได้ว่านั่งสมาธิแล้วเกิดอะไรขึ้นถึงแม้ความกลัวตายจะแว๊บเข้ามาในจิตแต่ก็จะทนสภาวะนั้นจะไม่ตกใจกับสิ่งนั้น ถ้าทำใจอย่างนี้ได้แล้ว ก็ลงมือนั่งสมาธิ แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด นี่เป็นวิธีเดียวที่ทำให้กำลังใจเข้มแข็งขึ้นมา แต่ถ้าเรามีความกลัว ใครก็ช่วยไม่ได้ต้องช่วยตนเอง แม้กระทั่งความตาย ก็ไม่มีใครช่วยใครได้ มีแต่เราเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้เผชิญกับความจริง ถ้ายังทำใจไม่ได้ว่าการบำเพ็ญภาวนาทางจิตนั้นต้องประสบพบเจอกับอะไร ก็อย่าลงมือภาวนาเลย ไม่อยากให้ฟุ้งซ่านหรือเกิดความกลัว คนเราสะสมมาทั้งกุศลวิบากและอกุศลวิบาก แล้วถ้ามันจะปรากฏให้เห็นทางจิต เราก็เป็นแค่ผู้ดูผู้เห็น เหมือนเราส่องกระจกนั่นแหละ สิ่งสะท้อนในกระจกที่เราเห็นนั้นน่ะเราเห็นจริง แต่สิ่งที่เราเห็นในกระจกไม่ใช่เรา แต่เวลาเราส่องกระจกเราจะคิดเสมอว่าเงาในกระจกเป็นเรา