วันเวลาปัจจุบัน 24 มิ.ย. 2025, 11:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 223 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

ในกระบวนธรรมนี้ ส่งที่ควรสนใจเป็นพิเศษในการศึกษาขั้นนี้ ก็คือ ความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามา ซึ่งเกิดขึ้นในลำดับถัดจากผัสสะนั้นเอง ความรู้สึกนี้ในภาษาธรรมเรียกว่า “เวทนา” แปลว่า การเสวยอารมณ์ หรือการเสพรสอารมณ์ คือความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามานั้น โดยเป็น สุข สบาย ไม่สบาย หรือเฉยๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง


เวทนานี้ ถ้าแบ่งตามทางรับรู้ ก็มี 6 เท่าจำนวน อายนตะ คือ เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางตา เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางหู เ ป็นต้น แต่ถ้าแบ่งตามคุณภาพจะมีจำนวน 3 คือ

1. สุข ได้แก่ สบาย ชื่นใจ ถูกใจ
2. ทุกข์ ได้แก่ ไม่สบาย เจ็บปวด
3. อทุกขมสุข ไม่ทุกข์ ไม่สุข คือเรื่อยๆ เฉยๆ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่ง อุเบกขา

อีกอย่างหนึ่ง แบ่งละเอียดลงไปเป็น 5 อย่าง คือ

1. สุข ได้แก่ สบายกาย
2. ทุกข์ ได้แก่ ไม่สบายกาย เจ็บปวด
3. โสมนัส ได้แก่ สบายใจ ชื่นใจ
4. โทมนัส ได้แก่ ไม่สบายใจ เสียใจ และ
5. อุเบกขา ได้แก่ เฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์


กระบวนการรับรู้เท่าที่กล่าวมานี้ เขียนให้เห็นง่ายๆ ได้ดังนี้

อายตนะ (ภายใน) + อารมณ์ (อายตนะภายนอก) + วิญญาณ = ผัสสะ => เวทนา

ทางรับรู้ - สิ่งที่ถูกรู้ - ความรู้ - การรับรู้- ความรู้สึกต่ออารมณ์


ดังได้กล่าวแล้ว อารมณ์ก็คือโลกที่ปรากฏลักษณะอาการแก่มนุษย์ทางอายตนะต่างๆ การรู้รับอารมณ์เหล่านี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้มนุษย์มีความสามารถในการเกี่ยวข้องกับโลก ทำให้ชีวิตอยู่รอดและดำเนินไปด้วยดี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 13:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
เรื่องขันธ์5 เป็นเรื่องที่โปร่งใส นะครับ ท่านโฮฮับ
ในพระไตรปิฏก 84000 พระธรรมขันธ์ ว่าด้วยเรื่องขันธ์ห้า เสียเกินครึ่ง
เป็นเรื่องที่ อธิบายกันได้ เรียนรู้กันได้ เข้าใจกันได้
ขันธ์5 นี้เกี่ยวข้องกับปัจจัย24 ซึ่งเป็นธรรมที่สำคัญ ที่จะอันตรธาน ก่อนเพื่อน เพราะเข้าใจได้โคตรยาก
ขันธ์5 เกี่ยวข้องกับปฏิจจสมุปบาท และอิทัปปัจจยตา ซึ่งปฏิจจสมุปบาทพระพุทธเจ้ายังตรัสกับพระอานนท์เลยว่า ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน ยากนะ ลุ่มลึก นะ สลับซับซ้อนนะ

แต่สิ่งที่ไม่ควรคิดมาก ไม่ควรที่จะหาคำตอบให้ได้แบบ 100 เปอร์เซนต์ คือเรื่องอจินไตย

ไม่ค่อยแน่ใจกับความเห็นนี้ว่าจะสื่ออะไรแน่ ถ้าจะหมายว่า พระธรรมไม่สามารถใช้
เครื่องมือหรือหลักวิทยาสตร์พิสูจน์ได้ คุณโกวิทคิดผิดแล้วครับ

วิทยาสตร์สามารถพิสูจน์คำสอนของพระพุทะเจ้าได้ แม้จะไม่หมดก็ตาม
แม้กระทั้งอจินไตยที่พระพุทธทรงบอกว่าไม่ควรถามก็ตาม
อย่างเรื่องของโลก หรือเรื่องของณาน วิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ได้แล้วด้วยเครื่องมือ

ที่สำคัญกว่านั้น เรื่องบางเรื่องนักปฏิบัติยังไม่รู้ไม่เข้าใจ แต่นักวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้แล้ว
นั้นก็คือ .....การทำฌานทำสมาธิเรื่องที่เกี่ยวกับแสง นักวิทยศาสตร์ สามารถพิสูจน์จนรู้ได้ว่า
แสงสว่างที่เราเห็นด้วยตา แท้จริงแล้วมันเป็นสีทั้งเจ็ดสีรวมกันเป็นหนึ่ง จนไม่เห็นเป็นสี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูป 28 ได้แก่

(มหาภูตรูป 4 ได้แก่)
1. ปฐวีธาตุ ได้แก่ ธาตุดิน ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
2. อาโปธาตุ ได้แก่ ธาตุน้ำ ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
3. เตโชธาตุ ได้แก่ ธาตุไฟ ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
4. วาโยธาตุ ได้แก่ ธาตุลม ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(ปสาทรูป 5 ได้แก่)
5. จักขุปสาทรูป ได้แก่ ปสาทตา ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
6. โสตปสาทรูป ได้แก่ ปสาทหู ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
7. ฆานปสาทรูป ได้แก่ ปสาทจมูก ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
8. ชิวหาปสาทรูป ได้แก่ ปสาทลิ้น ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
9. กายปสาทรูป ได้แก่ ปสาทกาย ๑-๗ เป็น........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(วิสยรูป หรือโคจรรูป 4 ได้แก่)
10. วัณณะรูป หรือ รูปสี (รูปารมณ์) ................. รูปนี้เพียงรูปเดียวมองเห็นได้ด้วยตา
11. สัททรูป หรือ รูปเสียง (สัททารมณ์) ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
12. คันธรูป หรือ รูปกลิ่น (คันธารมณ์) ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
13. รสะรูป หรือ รูปรส (รสารมณ์) ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(ภาวรูป 2 ได้แก่)
14. อิตถีภาวรูป รูปที่แสดงถึงความเป็นหญิง ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
15. ปุริสภาวรูป รูปที่แสดงถึงความเป็นชาย ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(หทยรูป)
16. หทยรูป คือ รูปที่เป็นที่ตั้ง อาศัยเกิดของจิตและเจตสิก ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(ชีวิตรูป)
17. ชีวิตรูป คือ รูปที่รักษากลุ่มรูปที่เกิดจากกรรม ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(อาหารรูป)
18. อาหารรูป คือ โอชาที่มีอยู่ในอาหาร ........................ มองไม่เห็นด้วยตา


--------------------------------------------------------------------------------


(ปริจเฉทรูป)
19. ปริจเฉทรูป ได้แก่ ช่องว่างระหว่างรูปต่อรูป........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(วิญญัตติรูป 2)
20. กายวิญญัตติรูป ได้แก่ การไหวกาย ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
21. วจีวิญญัตติรูป ได้แก่ การกล่าววาจา ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(วิการรูป 3)
22. ลหุตารูป ได้แก่ รูปเบา ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
23. มุทุตารูป ได้แก่ รูปอ่อน ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
24. กัมมัญญตารูป ได้แก่ รูปควรแก่การงาน ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

(ลักขณรูป 4)
25. อุปจยรูป ได้แก่ รูปที่เกิดขึ้นขณะแรก ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
26. สันตติรูป ได้แก่ รูปที่เกิดสืบต่อเนื่อง ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
27. ชรตารูป ได้แก่ รูปใกล้ดับ ........................ มองไม่เห็นด้วยตา
28. อนิจจตารูป ได้แก่ รูปที่แตกดับ ........................ มองไม่เห็นด้วยตา

--------------------------------------------------------------------------------

หมายเหตุ
(1-18 = นิปผันนรูป)
(19-28 = อนิปปผันนรูป)

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปขันธ์ กองแห่งรูป ............ ได้กล่าวไปแล้ว
เวทนาขันธ์ กองแห่งเวทนา ..... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
สัญญาขันธ์ กองแห่งสัญญา .... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
สังขารขันธ์ กองแห่งสังขาร .... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
วิญญาณขันธ์ กองแห่งวิญญาณ ... มองไม่เห็นได้ด้วยตา

สรุป องค์ธรรมมากมาย ในขันธ์5 มองเห็นได้ด้วยตา แค่1 องค์ธรรม เท่านั้นเอง

ที่มหัศจรรย์ ยิ่งขึ้นไปอีกคือ แต่ละองค์ธรรม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยุ่ และดับไป อย่างรวดเร็ว
จนสุดที่จะมีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ อันใด ที่จะตรวจจับได้

นั่นคือ มีความถี่สุงมาก เร็วกว่าความถี่แสงมากๆ

ความถี่ที่เหนือแสง วิทยาศาสตร์ยัง ตรวจจับถึง ตรวจจับได้

แต่นี่ พระพุทธองค์ ทรงแสดงถึงความถี่ที่สูงยิ่งกว่านั้น คือการมีแล้วหายไป ของ นาม รูป

การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของ แต่ละองค์ธรรม ยังไม่ใช่ธรรมดา
เพราะ ทรงแสดงถึงความสลับซับซ้อน
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับพร้อมกัน
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับทีหลัง
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นขณะที่องค์หนึ่งตั้งอยุ่แล้ว
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นขณะที่องค์ธรรมหนึ่ง กำลังดับไป

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว




Rup28P06.gif
Rup28P06.gif [ 26.7 KiB | เปิดดู 4289 ครั้ง ]
สนิทัสนรูป หมายถึง รูปที่เห็นได้ด้วยตา มี ๑ รูป ได้แก่ รูปารมณ์ หรือ สีต่างๆ
อนิทัสนรูป หมายถึง รูปที่เห็นไม่ได้ด้วยตา มี ๒๗ ได้แก่รูปที่เหลือ ๒๗
OOOO
OOOOO
OOOOO
OO
O
O
O
O
OO
OOO
OOOO
วัณณรูป ได้แก่ สีต่างๆ อย่างเดียวเท่านั้น เป็นรูปที่สามารถเห็นได้ด้วยตา จึงชื่อว่าสนิทัสนรูป

ส่วนที่เหลืออีก ๒๗ นั้น เป็นรูปที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา จึงชื่อว่าอนิทัสนรูป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
รูป 28 ได้แก่

(มหาภูตรูป 4 ได้แก่)
1. ปฐวีธาตุ ได้แก่ ธาตุดิน ........................ มองไม่เห็นด้วยตา


ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ตับ ไต ไส้ปอด เป็นต้นเหล่านี้เป็น ปฐวีธาตุมั้ยครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


วัตถุ สิ่ง ของ ทุกอย่าง มีหลายธาตุ(หลายรูป)มาประชุม ร่วมกัน และ หนึ่งในนั้น คือ วัณณะรูป(สี) ไงครับ

ตา คนเรา ถึง ได้มองเห็นได้

แถม แต่ละ รูป(แต่ละธาตุ) ยังมีการเกิดดับ กันอย่างเป็นจังหวะ อย่างมีกฏเกณฑ์ ด้วย ตลอดเวลา
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อม และ ดับไป มีแล้วหายไป อยู่อย่างนั้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แก้ไขล่าสุดโดย govit2552 เมื่อ 25 พ.ค. 2013, 20:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2013, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
วัตถุ สิ่ง ของ ทุกอย่าง มีหลายธาตุ(หลายรูป)มาประชุม ร่วมกัน และ หนึ่งในนั้น คือ วัณณะรูป(สี) ไงครับ

ตา คนเรา ถึง ได้มองเห็นได้


แล้วเป็นธาตุดินมั้ยครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รู้ว่า เป็นธาตุดิน เพราะกระทบกายแล้ว มีลักษณะอ่อน หรือแข็ง
รู้ว่า เป็นวัณณะรูป ก็เพราะมองเห็น

ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เอ็น กระดูก จึงมี อย่างน้อย ก็ 4 รูป ขึ้นไป ล่ะนะครับ
คือ ปฐวีธาตุ(ดิน) วัณณะรูป(สี) และ ปริจเฉทรูป(อากาศคั่นระหว่างกลาป) เตโชธาตุ(ไฟ)

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 01:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ลึกซึ้งจริงๆครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 04:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
วัตถุ สิ่ง ของ ทุกอย่าง มีหลายธาตุ(หลายรูป)มาประชุม ร่วมกัน และ หนึ่งในนั้น คือ วัณณะรูป(สี) ไงครับ

ตา คนเรา ถึง ได้มองเห็นได้

แถม แต่ละ รูป(แต่ละธาตุ) ยังมีการเกิดดับ กันอย่างเป็นจังหวะ อย่างมีกฏเกณฑ์ ด้วย ตลอดเวลา
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อม และ ดับไป มีแล้วหายไป อยู่อย่างนั้น

พูดกันซะยาวเยียดเป็นเพราะคุณโกวิท เอาคำศัพท์มาตั้งเป็นสมุฐานนั้นเอง
ยังสงสัยว่าพูดเรื่องอะไรของแก ที่แท้ไม่ยอมรับวิทยาศาสตร์ แล้วหาเรื่องเอาคำศัพท์มาพูด
มันก็เลยสับสนทั้งคนฟังและคนพูด

วันหลังจะพูดอธิบายความ อย่าเอาคำศัพท์ที่ไม่ใช่พุทธพจน์มาพูด อย่างเช่น วัณณะรูป
ไอ้วัณณะรูปมันไม่ใช่พุทธพจน์ ดังนั้นการอธิบายความต้องเอาภาษาที่ฟังแล้วรู้ได้เข้าใจเลย
ไม่ใช่ให้มานึกว่าหมายถึงอะไร

ไอ้วัณณะรูปที่คุณไปหยิบมาจากไหนไม่รู้ ผมก็ได้อธิบายแล้วว่า มันก็คือ...
รูปายตนะหรือ สิ่งที่มากระทบกับตามันก็คือแสง กับทึบแสง(มืด)
แสงมันมีลักษณะในตัวมันคือมีสีเจ็ดสี ถ้าไม่มีอะไรไปขวางทาง
แสงที่ตาไปเห็นก็จะไม่มีสี เป็นเพียงแต่ความสว่าง

ตาหรือจักขุปสาทรูปสามารถรู้ถึงความมืด(ทึบแสง)และความสว่าง(แสง)ได้พร้อมกันในการกระทบหนึ่งครั้ง
ที่เราเห็นเป็นสีก็เพราะ สิ่งที่ทึบแสงไปบังแสงสว่างเข้า แสงซึ่งมีองค์ประกอบของสีหลายสี
องค์ประกอบของแสงตัวไหนถูกบดบัง มันก็จะเกิดเป็นสีขึ้น

ตั้งสติให้ดี แล้วมาพิจารณาตรงรูป๒๘ เน้นไปที่โคจรรูป
สิ่งที่เกิดจากตาที่เขียนไว้ว่า....สี แท้จริงแล้วมันไม่ใช่แต่มันเป็นแค่ความมืดกับสว่าง
จะเป็นสีหรือแสง มืดหรือสว่างคำสอนแท้ๆของพุทธองค์ไม่ได้กล่าวไว้ เพียงบอกให้รู้ว่า
มันเป็นอุปาทายรูป มันเป็นสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น รู้เพื่อละเป็นวิชชาเพื่อเกิดปัญญา


มาพิจารณาคำว่า "เห็น" แท้จริงแล้วมันก็คือการกระทบนั้นเอง
แล้วทำไมต้องนำมากล่าว ที่ต้องกล่าวไว้ก็เพื่อจะแยกให้รู้ว่าตัวไหนคืออวิชาตัวไหนคือวิชชา

เมื่อเกิดการกระทบแล้วเกิดเป็นสี แทนทีจะเป็นความมืดหรือสว่าง
แบบนี้เรียกว่า อวิชชาเป็นมิจฉาทิฐิ

แต่ถ้าเกิดการกระทบแล้วเกิดความมืดหรือสว่าง นี่คือวิชชา คือรู้ตามความเป็นจริง
เป็นสัมมาทิฐิ

สรุปที่ต้องมีคำว่า"เห็น"ก็เพื่อจะแบ่งแยกตัวอวิชชาและมิจฉาทิฐิให้รู้
ซึ่งในความเป็นจริงมันคือการกระทบจึงจะเป็นวิชชาหรือสัมมาทิฐิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 04:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




images.jpg
images.jpg [ 5.46 KiB | เปิดดู 4242 ครั้ง ]
govit2552 เขียน:
รู้ว่า เป็นธาตุดิน เพราะกระทบกายแล้ว มีลักษณะอ่อน หรือแข็ง
รู้ว่า เป็นวัณณะรูป ก็เพราะมองเห็น

ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เอ็น กระดูก จึงมี อย่างน้อย ก็ 4 รูป ขึ้นไป ล่ะนะครับ
คือ ปฐวีธาตุ(ดิน) วัณณะรูป(สี) และ ปริจเฉทรูป(อากาศคั่นระหว่างกลาป) เตโชธาตุ(ไฟ)


คุณโกวิท จำแนกธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุไฟ, ธาตุลม แต่ละอย่างๆซิครับ มีอะไรบ้าง แล้วเมื่อธาตุทั้ง 4 ประกอบกันเรียกว่า กายมั้ย หรือเรียกว่า รูปมั้ย

แล้วที่เห็นนั่นเรียกว่า รูป หรือกายมั้ย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 05:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
รูปขันธ์ กองแห่งรูป ............ ได้กล่าวไปแล้ว
เวทนาขันธ์ กองแห่งเวทนา ..... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
สัญญาขันธ์ กองแห่งสัญญา .... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
สังขารขันธ์ กองแห่งสังขาร .... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
วิญญาณขันธ์ กองแห่งวิญญาณ ... มองไม่เห็นได้ด้วยตา
สรุป องค์ธรรมมากมาย ในขันธ์5 มองเห็นได้ด้วยตา แค่1 องค์ธรรม เท่านั้นเอง
ไป

ขันธ์ห้าองค์ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว เป็นวิชชาเป็นโลกุตตระธรรม
ขันธ์ห้าหรือกองทุกข์ มันเป็นผลมาจากผัสสะ ผัสสะที่ว่าก็คือ...การกระทบ

ส่วนการ "เห็น"ไม่ใช่ขันธ์ห้า การเห็นเป็นโลกียธรรม พระพุทธองค์ทรงแบ่งไว้ว่า
เป็นมิจฉาทิฐิ เป็นบุคคลที่ยังไม่รู้ขันธ์ห้า เป็นผู้มีอวิชาในขันธ์ห้า
govit2552 เขียน:
ที่มหัศจรรย์ ยิ่งขึ้นไปอีกคือ แต่ละองค์ธรรม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยุ่ และดับไป อย่างรวดเร็ว
จนสุดที่จะมีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ อันใด ที่จะตรวจจับได้

มันจะไปมหัศจรรย์อะไรกัน ที่พูดแบบนี้ก็เป็นเพราะไม่เข้าใจเรื่องเหตุปัจจัย
นักวิทยาสตร์ เขาก็เข้าใจเรื่องนี้ ศาสนาพุทธไม่มีความบังเอิญ วิทยาศาสตร์ก็ไม่มีปาฏิหารย์
มันเกิดแต่กรรม เกิดเพราะมีการกระทำหรือให้ตรงกันก็คือมีเหตุให้เกิด

เรื่องจิตใจของคน เครื่องมือทางวิทยาสตร์สามารถตรวจได้ครับ
จิตของคนมันก็เป็นลักษณะของความถี่ การเปลี่ยนแปลงของจิตสามารถใช้เครื่องมือตรวจได้
ขันธ์ห้าเกิดดับหรือลักษณะของขันธ์ห้า เขาดูจากคลื่นความถี่ที่วัดได้จากสมองและการเต้นของ

ที่บอกว่าเกิดดับอย่างรวดเร็ว แล้วไม่มีเครื่องมือวัดได้ ผิดแล้วครับ
มันเกิดดับอย่างรวดเร็วก็จริง แต่มันเกิดซ้ำๆกันทำไมจะวัดค่าไม่ได้ครับ
govit2552 เขียน:
การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของ แต่ละองค์ธรรม ยังไม่ใช่ธรรมดา
เพราะ ทรงแสดงถึงความสลับซับซ้อน
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับพร้อมกัน
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับทีหลัง
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นขณะที่องค์หนึ่งตั้งอยุ่แล้ว
บางองค์ธรรม เกิดขึ้นขณะที่องค์ธรรมหนึ่ง กำลังดับไป


มันไม่ได้ซับซ้อนเลย ถ้าคนเรารู้จักไล่หาเหตุปัจจัย ธรรมทุกอย่างที่เกิด
มันมีเหตุให้เกิด ที่มันซับซ้อนก็เพราะ มัวแต่จดจ่ออยู่แต่สิ่งที่เป็นผล
มันก็เหมือนเห็นทุกข์มัวอยู่กับทุกข์ มันต้องไปหาเหตุแห่งทุกข์มันถึงจะถูก

เหมือนหลายคนในนี้ เห็นธรรมใดธรรมหนึ่งอยากรู้แทนที่จะไปหาเหตุหรือหาธรรมตัวอื่น
ที่เป็นเหตุให้เกิดธรรตัวดังว่า ดันไปหาคำแปล หาคำศัพท์แบบนี้มันก็วนอยู่ในอ่างนั้นแหล่ะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:


เหมือนหลายคนในนี้ เห็นธรรมใดธรรมหนึ่งอยากรู้แทนที่จะไปหาเหตุหรือหาธรรมตัวอื่น
ที่เป็นเหตุให้เกิดธรรตัวดังว่า ดันไปหาคำแปล หาคำศัพท์แบบนี้มันก็วนอยู่ในอ่างนั้นแหล่ะ


บานจนหุบไม่ลง คือ กายหรือรูปก็เห็นอยู่โด่ๆ แต่พวกเราชาวพุด (บางส่วน) ไปศึกษาที่ท่านจำแนกแจกแจงละเอียดออกไปๆ เช่น จำแนกออกเป็นรูป 28 เจตสิกสิก 52 จิต 89 หุบกลับมาที่เดิมคือที่กายกับใจไม่ได้ (จิตใจเอาไว้ก่อนเกินสามารถแล้วแบบนี้) เอาแค่ร่างกาย หรือกาย หรือรูป นี่ก็กู่ไม่กลับแล้ว

นี่นะถ้าไปศึกษาที่ท่านจำแนกแจกแจงชีวิตหรือกายกับใจละเอียดยิบๆ เข่น จำแนกโดยความเป็น ขันธ์ 5 (ยังจำแนกออกได้อีก) อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 น่าจะเตลิดเปิดเปิงไปสุดชีวิตกระมัง :b1: ไม่ไหวจะเคลีย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตมันก็ดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน อวัยวะน้อยใหญ่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ก็ทำงานไปตามหน้าที่ของมัน ไม่มีใครที่ไหนไปทำหน้าที่แทนมัน แต่คนไปคิดจัดการมันจนเละเทะยับเยืนไปหมด คิกๆๆ

ต้องการอะไรกัน ? ตอบ เพื่อต้องการรู้ธรรม แต่เปล่า ไม่ใช่การรู้ธรรม แต่ล่วงเลยธรรม ฟุ้งซ่านธรรม :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 223 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร