วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 04:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 23  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 22:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 35


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอถามผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อวิชชา ครับ

อาสวะ


[ขอถามต่อ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อาสวะ ครับ
[/quote]

s002 s002 ก่อนไปไกล รอคนโง่อย่างดิฉันก่อนค่ะ อยากถามว่า..อาสวะ แปลว่าอะไรค่ะ ไม่เข้าใจ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขนมจีบซาลาเปา เขียน:

วันก่อน ดิฉันมีอาการอย่างหนึ่งที่ไม่รู้จัก ว่าคืออะไร ดิฉันจึงอยากจะมาเรียนถามนะค่ะ

เนื่องจากวันก่อน ดิฉันป่วย กายเหนื่อยล้าสะสมมาหลายวัน ตอนเช้าก็ยังปกติดี คือกายป่วยแต่จิตไม่ป่วย ก็ยังทำอะไรได้ปกติ พอตอนสายๆ จิตเห็นความวุ่นวายในโลก เกิดอาการเหนื่อยหน่ายในจิต แต่ก็ำทำตัวปกติ แต่เมื่ออาการทางจิตเกิดหน่ายมากๆ..อยู่มันก็เกิดอาการดับค่ะ คือ มันไม่รู้สึกอะไรในจิต คือนิ่งเฉย ไม่ว่างเปล่า มันเป็นอาการนิ่ง เหมือนว่า เราได้ตายไปแล้วแต่ยังต้องไหลไปกับกระแสโลก

พอเห็นอาการแปลกๆ ดิฉันก็อยากหลุดจากอาการนี้ เลยหาหนังสือมาธรรมที่ชอบมาอ่าน จนมันก็ไม่ติด ไม่เอา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเอาหนังสือกำลังภายในที่กำลังติดตามกำลังสนุกขึ้นมาอ่านแทน แต่จิตมันก็กลับไม่ติดไม่เอา..คือมันจะอยู่กับอารมณ์ดับ เหมือนไม่รู้สึก แต่มีสติทุกอย่าง เหมือนเรามีแต่ร่างกาย ทำอะไรได้ปกติ ไม่มีอาการรู้สึกลอยๆ มีสติครบ แค่รู้ว่ามันไม่รู้สึกอะไร จะรู้สึกว่ามันเกิดอาการเหมือนคนตายที่ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆที่เรายังลืมตาอยู่ ยังต้องทำงานและใช้ชีวิตประจำวัน อยู่

เมื่อพยายามจะให็หลุดจากอาการนี้ มันก็ไม่หลุด เลยบอกตัวเองว่าช่างมัน ก็เลยปล่อยไป เป็นอาการนี้ตั้งแต่บ่ายจนไปถึงนอน ที่หลุดได้เพราะต้องสวดมนต์ก่อนนอน เลยได้หลุดอาการนี้ออกมา อาการนี้เขาเรียกว่าอะไรค่ะ ดิฉันเข้าอรูปหรือค่ะ อรูปดิฉันรู้จัก อยู่มีไม่กี่อย่างคือ ความว่างที่ไม่มีสิ้นสุด กับการที่ไม่จำอะไรเลย สามารถตัดให้ไม่จำมันได้คือสั่งให้มันลืมก็ลืมได้ กับอีกอย่างคืออาการลอยๆ เหมือนว่างๆไม่มีที่สิ้นสุด เว้งว้างนะค่ะ อาการที่ว่าดิฉันไม่รู้จัก จึงมาถามว่า มันคืออาการอะไรค่ะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

เพียงไม่พอใจกับความวุ่นวาย จึงทิ้งอารมณ์หนึ่งไปจับยึดเอาอีกอารมณ์หนึ่งแทน ครับ
แล้วก็มีความรู้สึกว่า พอใจกับความไม่ต้องวุ่นวาย นั้น
พอได้สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ด้วยความที่เคยได้รับความสงบจากการสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน จิตจึงปล่อยจากอารมณ์นั้นมาอาศัยอารมณ์นี้ครับ
อาการเช่นนี้ เป็นเพราะมีอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นอยู่ครับ

เพราะฉะนั้น เพิ่มความเพียรในการปฏิบัติจิตภาวนา ทำสมาธิเพื่อทำให้มีกำลัง และทำปัญญาให้มีกำลังในการพิจารณาการเปลี่ยนแปลง การไปการมาของจิตให้เห็นตามเป็นจริง
เมื่อนั้น จิตจะเชื่องและว่องไวควรแก่งานในการละวางปัญหาในโลกได้

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอถามผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อวิชชา ครับ

อาสวะ


[ขอถามต่อ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อาสวะ ครับ
[/quote]
อวิชชาครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 22:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 35


 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
อ้างคำพูด:
สาธุค่ะ ที่มาแนะนำและบอกกล่าว...แต่ดิฉันสงสัยอย่างหนึ่งว่า(จริงๆสงสัยมานานแล้วนะค่ะ) การทำตัมยำชิมแล้วก็รู้ว่าเป็นต้มยำ เหตุใดต้องชี้แจงว่า ในนั้นมี ข่า มีพริก มีตะไคร้ มีน้ำมะนาว ฯลฯ

เหตุใดไม่ว่า จะรู้ว่ากระทบอายตนะอะไรสืบต่อมาที่ไหน ผ่านระบบทุกอย่างมา 108 แต่ทั้ง108 ประการนี้เกิดที่จิตไม่ใช่หรือค่ะ นี่คือสงสัยนะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะกวนประการใด เมื่อจิตเรามีราคะก็รู้ว่ามีราคะ จิตเรามีปิติก็รู้ว่าจิตเรามีปิติ จิตเราลังเลสงสัยก็รู้ว่าจิตเราลังเลสงสัย คือดูที่ผลของจิตที่ปรากฏขึ้นแก่จิต เหตุใดถึงไปดุเหตุละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะไปหมดทั้งๆที่ผลออกมาก็อันเดียวกันคือ จิตลังเลสงสัย เราก็รู้ว่าจิตลังเลสงสัย

เมื่อเรารู้ผลของการเกิดทุกข์เกิดอวิชชาแก่จิตแล้วเราก็แก้ที่ผลที่เกิดแก่จิตเลย เช่นว่า จิตมีราคะ เมื่อเรารู้ว่าจิตเรามีราคะ เราก็เอา ปฎิกูลบรรพมาใช้ เอาธาตุ 4 มาใช้มาพิจาณาเลย เหตุใดทำไมต้องตามไปดูอายตนะ12 ไล่มาเรื่อยๆ จนถึงว่าจิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ เราสามารถลัดขั้นตอนการทำก็ได้ไม่ใช่หรือค่ะ

นี่ยกตัวอย่างให้ดูนะค่ะ ถ้าเราดูที่จะขั้นตอนไป เมื่อไหรมันถึงจะถึงจุดที่จิตรู้ว่า จิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ เราแก้อวิชชาที่สังโยชน์ เดินตามและเกาะตามสังโยชน์ ดิฉันคิดอย่างนี้ ฆ่าตัวแม่ ตัวจิ๊บตัวจ้อยมันก็ตายไปเองน่ะค่ะ

สวัสดีครับพี่ขนมจีบซาลาเปา :b8:
ก่อนหน้านี้ที่ผมพูดเรื่องของขันธ์ 5 เพื่อจะบอกว่าที่พี่เห็นพี่รู้นั้นถูกต้องแล้วครับที่เห็นว่ามันแยกกันคนละส่วนคนละอย่าง...
ส่วนความเห็นข้างบนนี้ผมขออธิบายอย่างนี้ครับว่า อันธรรมดาแห่งของหยาบย่อมมองเห็นได้ง่ายกว่าของละเอียด...ดังนั้นจึงเป็นการประมาทเกินไปที่เราจะมองข้ามการพิจารณาอาการอย่างหยาบแล้วไล่เข้าไปสู่อย่างละเอียดเรื่อยๆ เพราะอวิชชาตัวละเอียดสุดนั้นมันหลบฉากอยู่หลังตัวอวิชชาตัวหยาบนั่นเองครับ อีกทั้งการก้าวข้ามความหยาบแล้วไปละเอียดเลยนั้นไม่ใช่วิสัยที่จะทำได้ครับ แม้แต่พระพุทธเจ้าเองพระองค์ก็ทำไม่ได้นะครับ
ขอบคุณครับ :b8:


อ่อ เข้าใจแล้วค่ะ สาธุนะค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 22:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 35


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ขนมจีบซาลาเปา เขียน:

วันก่อน ดิฉันมีอาการอย่างหนึ่งที่ไม่รู้จัก ว่าคืออะไร ดิฉันจึงอยากจะมาเรียนถามนะค่ะ

เนื่องจากวันก่อน ดิฉันป่วย กายเหนื่อยล้าสะสมมาหลายวัน ตอนเช้าก็ยังปกติดี คือกายป่วยแต่จิตไม่ป่วย ก็ยังทำอะไรได้ปกติ พอตอนสายๆ จิตเห็นความวุ่นวายในโลก เกิดอาการเหนื่อยหน่ายในจิต แต่ก็ำทำตัวปกติ แต่เมื่ออาการทางจิตเกิดหน่ายมากๆ..อยู่มันก็เกิดอาการดับค่ะ คือ มันไม่รู้สึกอะไรในจิต คือนิ่งเฉย ไม่ว่างเปล่า มันเป็นอาการนิ่ง เหมือนว่า เราได้ตายไปแล้วแต่ยังต้องไหลไปกับกระแสโลก

พอเห็นอาการแปลกๆ ดิฉันก็อยากหลุดจากอาการนี้ เลยหาหนังสือมาธรรมที่ชอบมาอ่าน จนมันก็ไม่ติด ไม่เอา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเอาหนังสือกำลังภายในที่กำลังติดตามกำลังสนุกขึ้นมาอ่านแทน แต่จิตมันก็กลับไม่ติดไม่เอา..คือมันจะอยู่กับอารมณ์ดับ เหมือนไม่รู้สึก แต่มีสติทุกอย่าง เหมือนเรามีแต่ร่างกาย ทำอะไรได้ปกติ ไม่มีอาการรู้สึกลอยๆ มีสติครบ แค่รู้ว่ามันไม่รู้สึกอะไร จะรู้สึกว่ามันเกิดอาการเหมือนคนตายที่ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆที่เรายังลืมตาอยู่ ยังต้องทำงานและใช้ชีวิตประจำวัน อยู่

เมื่อพยายามจะให็หลุดจากอาการนี้ มันก็ไม่หลุด เลยบอกตัวเองว่าช่างมัน ก็เลยปล่อยไป เป็นอาการนี้ตั้งแต่บ่ายจนไปถึงนอน ที่หลุดได้เพราะต้องสวดมนต์ก่อนนอน เลยได้หลุดอาการนี้ออกมา อาการนี้เขาเรียกว่าอะไรค่ะ ดิฉันเข้าอรูปหรือค่ะ อรูปดิฉันรู้จัก อยู่มีไม่กี่อย่างคือ ความว่างที่ไม่มีสิ้นสุด กับการที่ไม่จำอะไรเลย สามารถตัดให้ไม่จำมันได้คือสั่งให้มันลืมก็ลืมได้ กับอีกอย่างคืออาการลอยๆ เหมือนว่างๆไม่มีที่สิ้นสุด เว้งว้างนะค่ะ อาการที่ว่าดิฉันไม่รู้จัก จึงมาถามว่า มันคืออาการอะไรค่ะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

เพียงไม่พอใจกับความวุ่นวาย จึงทิ้งอารมณ์หนึ่งไปจับยึดเอาอีกอารมณ์หนึ่งแทน ครับ
แล้วก็มีความรู้สึกว่า พอใจกับความไม่ต้องวุ่นวาย นั้น
พอได้สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ด้วยความที่เคยได้รับความสงบจากการสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน จิตจึงปล่อยจากอารมณ์นั้นมาอาศัยอารมณ์นี้ครับ
อาการเช่นนี้ เป็นเพราะมีอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นอยู่ครับ

เพราะฉะนั้น เพิ่มความเพียรในการปฏิบัติจิตภาวนา ทำสมาธิเพื่อทำให้มีกำลัง และทำปัญญาให้มีกำลังในการพิจารณาการเปลี่ยนแปลง การไปการมาของจิตให้เห็นตามเป็นจริง
เมื่อนั้น จิตจะเชื่องและว่องไวควรแก่งานในการละวางปัญหาในโลกได้

เจริญธรรม


สาธุค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอถามผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อวิชชา ครับ

สวัสดีครับพี่ฝึกจิต :b8:
เรื่องที่พี่สงสัยและถามนั้น...มันเป็นเรื่องที่พ้นวิสัยของสาวกครับ เป็นพุทธวิสัย..พระพุทธเจ้าเท่านั้นครับที่รู้
ขอบคุณครับ :b8:
สวัสดีครับคุณ nongkong :b8:
ผมคิดว่าคุณคงอ่านแล้วตีความผิดไปนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าพระพุทธเจ้าละอวิชชาไม่ได้เพราะถ้าพระองค์ละไม่ได้พระองค์จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร...ผมเพียงบอกว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็เริ่มพิจารณาจากหยาบแล้วเข้าสู่ความละเอียดเรื่อยๆ ดังเช่นมหาสติปัฏฐานที่ยกเอาความหยาบขึ้นต้นก่อนคือ กาย เวทนา จิตและธรรม เป็นต้นครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอถามผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อวิชชา ครับ

อาสวะ


[ขอถามต่อ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อาสวะ ครับ

อวิชชาครับ[/quote]


แล้วอะไรเกิดก่อนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไร....นอกจากจิต

จิตเดิมแท้ประภัสสร...

แล้ว...จิตหนึ่งคิดว่า..มีอะไรนอกจากจิตแล้วจะเป็นอย่างไร....นี้อวิชชาจรมา...

แต่เดิมเราไม่มีเครื่องบิน...มีแต่นกบิน...วันหนึ่งกลับมีคนหนึ่งคิดว่า..หากคนบินได้แล้วจะเป็นอย่างไร?...หลาย ๆ คน.หมกหมุ่น..ครุ่นคิด..เสียเงินเสียทอง...ไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่นี้นั้น...เป็นความทุกข์แต่ก็ไม่รู้...วาดฝันว่าทำได้แล้วจะมีความสุข...แล้ววันนี้..เราก็มีเครื่องบิน...

เครื่องบินเกิดได้ด้วยความคิด...เรียกเครื่องบิน...เพราะมีนกบินมาก่อน

แต่หากว่า....สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น...มันไม่เคยคล้ายอะไรมาก่อนเลย...มันจะถูกเรียกว่าอะไร?...ถ้าไม่เรียก...ความคิด

อวิชชา...เป็นปัจจัย...สังขารจึงมี....ก็ด้วยเหตุนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอถามผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อวิชชา ครับ

สวัสดีครับพี่ฝึกจิต :b8:
เรื่องที่พี่สงสัยและถามนั้น...มันเป็นเรื่องที่พ้นวิสัยของสาวกครับ เป็นพุทธวิสัย..พระพุทธเจ้าเท่านั้นครับที่รู้
ขอบคุณครับ :b8:
สวัสดีครับคุณ nongkong :b8:
ผมคิดว่าคุณคงอ่านแล้วตีความผิดไปนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าพระพุทธเจ้าละอวิชชาไม่ได้เพราะถ้าพระองค์ละไม่ได้พระองค์จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร...ผมเพียงบอกว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็เริ่มพิจารณาจากหยาบแล้วเข้าสู่ความละเอียดเรื่อยๆ ดังเช่นมหาสติปัฏฐานที่ยกเอาความหยาบขึ้นต้นก่อนคือ กาย เวทนา จิตและธรรม เป็นต้นครับ
ขอบคุณครับ :b8:


นึกแล้วเชียวว่าต้องมีคนตอบทำนองนี้ :b32: :b32: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอถามผู้รู้ทุกท่านหน่อยนะครับ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อวิชชา ครับ

อาสวะ


[ขอถามต่อ ว่า
"อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด อาสวะ ครับ

อวิชชาครับ



แล้วอะไรเกิดก่อนครับ[/quote]
ไม่มีการระบุก่อนหลังครับ
อวิชชามีอาสวะเป็นเหตุเกิด
อาสวะย่อมมีอวิชชาเป็นเหตุเกิด
เมื่อ อวิชชามีอาสวะเป็นเหตุเกิด ต้นคืออวิชชา ปลายคืออาสวะ
เมื่ออาสวะมีอวิชชาเป็นเหตุเกิด ต้นคืออาสวะ ปลายคืออวิชชา

อวิชชาเป็นความไม่รู้
อาสวะเป็นความเศร้าหมองความซ่านไปในอารมณ์ของจิต

เมื่อจิตหลุดพ้น จึงหลุดพ้นด้วยปัญญา
เมื่อจิตผ่องใส จึงผ่องใสเพราะไม่เศร้าหมอง

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไร....นอกจากจิต

จิตเดิมแท้ประภัสสร...

แล้ว...จิตหนึ่งคิดว่า..มีอะไรนอกจากจิตแล้วจะเป็นอย่างไร....นี้อวิชชาจรมา...

..........................................
อวิชชา...เป็นปัจจัย...สังขารจึงมี....ก็ด้วยเหตุนี้


คุ้นๆนะครับ คล้ายหลวงปูดุลย์ตอบเลย ครับท่าน

แล้วทำมั้ยอยู่ๆจิตที่ประภัสสร ถึงได้มีความคิด............ อะไรเป็น เหตุ ปัจจัย ให้จิตคิดเช่นนั้น ละครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนเราไม่มีอะไร....เราก็ไม่มีความรักความเสียใจกับสิ่งนั้น...

แต่เมื่อไรก็ตามที่เรามี..ของของเรา...เมื่อนั้นความรักความเสียใจที่เนื่องด้วยของสิ่งนั้น...ก็เกิดกับเรา

ไม่มีของ....ก็มีแค่เรา

มีของของเรา.....ก็มีทั้ง...เรา+ความรักความเสียใจ

จิตอวิชชา...ที่มีรูปสังขารเป็นของของเรา...จึงมีความทุกข์ความกังวลเพิ่มขึ้น...เปลี่ยนเป็นวิถีจิต

เพราะมีรูปสังขาร...จึงมีวิถีจิต

สังขาร...เป็นปัจจัย...วิญญาณ..จึงมี...ก็ด้วยเหตุนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไร....นอกจากจิต

จิตเดิมแท้ประภัสสร...

แล้ว...จิตหนึ่งคิดว่า..มีอะไรนอกจากจิตแล้วจะเป็นอย่างไร....นี้อวิชชาจรมา...

..........................................
อวิชชา...เป็นปัจจัย...สังขารจึงมี....ก็ด้วยเหตุนี้


คุ้นๆนะครับ คล้ายหลวงปูดุลย์ตอบเลย ครับท่าน

แล้วทำมั้ยอยู่ๆจิตที่ประภัสสร ถึงได้มีความคิด............ อะไรเป็น เหตุ ปัจจัย ให้จิตคิดเช่นนั้น ละครับ

เพราะเราเปล่าเปลี่ยวมีแต่ความว่างหรือเปล่าเจ้าค่ะ เราเลยหลุดออกมาจากความว่างคือจิตปภัสสร เพราะอวิชชาคือความไม่รู้ เราเลยโดดออกมาจาก จิตที่เป็นปภัสสรเพื่อหาตัวตนที่แท้จริง ความเห็นส่วนตัวนะเจ้าค่ะ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยามเมื่อเรารักของสิ่งใด....เราย่อมเก็บมันใว้ใกล้ ๆ ตัวเรา...ก็เพื่อดูแลรักษา..ระมัดระวังไม่ให้ชำรุดสูญหาย...หนัก ๆ เข้าก็เอามาห่อยคอไปไหนไปกัน...เอาไปไม่ได้ก็นั่งเฝ้านอนเฝ้า...ก็เพราะความรักความห่วงแหน..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2012, 23:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
แล้วทำมั้ยอยู่ๆจิตที่ประภัสสร ถึงได้มีความคิด............ อะไรเป็น เหตุ ปัจจัย ให้จิตคิดเช่นนั้น ละครับ

ไม่ทราบครับ..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 23  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร