วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2024, 12:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
อนุโมทนาค่ะ คุณกรัชกาย

ความเป็นชีวิต...ดำเนินไปตามเหตุปัจจัย(อิทัปปัจจยตาปฏิจจฯ)บนพื้นฐานของความไม่เที่ยง เป็นทุกข์
ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้..ไม่ขึ้นต่อใคร ไม่อยู่ในอำนาจของใคร...มันเป็นเช่นนั้นเอง



ถึงแม้ชีวิตจะมีลักษณะสามัญดังว่า แต่คนทั่วไปก็มองไม่เห็น เพราะถูก สันตติ อิริยาบถ และฆนะ ปิดบังไว้


อ้างคำพูด:
ทั้งที่ความเป็นอนิจจัง ทุกข์ และอนัตตานี้เป็นลักษณะสามัญของสิ่งทั้งหลาย เป็นความจริงที่แสดงตัวของมันเองอยู่ตามธรรมดาตลอดทุกเวลา

แต่คนทั่วไปก็มองไม่เห็น ทั้งนี้เพราะเป็นเหมือนมีสิ่งปิดบังคอยซ่อนคลุมไว้ ถ้าไม่มนสิการคือไม่ใส่ใจพิจารณาอย่างถูกต้อง ก็มองไม่เห็น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:

ความเป็นชีวิต...ดำเนินไปตามเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตาปฏิจจฯ) บนพื้นฐานของความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้..ไม่ขึ้นต่อใคร ไม่อยู่ในอำนาจของใคร...มันเป็นเช่นนั้นเอง




ตัวอย่างผู้มนสิการกรรมฐาน แล้วประสบอารมณ์เช่นว่านั้นด้วยตนเอง :b1:


อ้างคำพูด:
สวัสดีค่ะ ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตรายหรือปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมากช่วงหลังๆ จิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง บางครั้งรู้สึกหดหู่ เป็นทุกข์ เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้ ได้แต่ตามดูเฉยๆ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเรา เหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติ รู้สึกตัวค่ะ อยู่ดีๆ จิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัว ก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัด และรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้ คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ



ต้องเริ่มต้นยังงี้สิครับ จึงจะละสุขละทุกข์พ้นทุกข์ได้จริงแท้ หากเขาได้ผู้รู้แนะนำแล้วเพียรพยายามตามดูรู้เท่าทันปัจจุบันธรรมต่อไปๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 17:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
นักวิชาการทั้งหลายนี่มีเรื่องที่ต้องคุย ต้องแจง ต้องคัดลอกมาแปะให้อ่านเยอะแยะจริงๆ

สำหรับกรัชกายแล้วแม้จะมีมากเรื่องมากตัวอย่างแต่ในที่สุดก็มาลงตรงนี้เหมือนกันหมดใช่ไหม?


"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไปต่อหน้าต่อตา"

สำหรับวลัยพร ก็วิตกวิจารณ์ได้ดี แต่คงลืมไปว่า ปัจเวกขณะ แปลว่าย้อนกลับไปพิจารณาสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

มันไม่ใช่ตอนที่จะเดินหน้าชำระกิเลสอนุสัยต่อไปอีก แต่เป็นตอนของ ธัมมวิจัยสัมโพชงค์ เป็นตอนของวิมังสาธิบดี

คำวิจารณ์ชี้แนะทั้งหลายที่บอกม่าน่าจะเป็นหมันเพราะใช้ธรรมไม่ถูกกับกาละเทศะกระมังครับ

:b48:
บอกกบแล้วเรื่องของอริยผล เป็นเรื่องปัจจัตตัง .......ดังนั้นเมื่อยกมาพูดเปิดเผยในที่สาธารณะกับมากผู้ มากคน มากความเห็น พื้นภูมิต่างกัน ย่อมจะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ยากจะจบ

ใครจะจับประเด็นได้อย่างไร เข้าใจเป็นอย่างไรก็ตามใจตามเห็นตามระดับของตนเถิด อย่าเพิ่งไปชี้ผิดชี้ถูกอะไรใครเลย เมื่อถึงวันที่พิสูจน์ธรรมได้แน่ชัดแล้วด้วยตนเอง คำตอบที่ถูกต้อง ใช่ ไม่ใช่ เขาจะผุดขึ้นประจักษ์แก่ใจของเจ้าของเอง

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
นักวิชาการทั้งหลายนี่มีเรื่องที่ต้องคุย ต้องแจง ต้องคัดลอกมาแปะให้อ่านเยอะแยะจริงๆ
สำหรับกรัชกายแล้วแม้จะมีมากเรื่องมากตัวอย่างแต่ในที่สุดก็มาลงตรงนี้เหมือนกันหมดใช่ไหม?


"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไปต่อหน้าต่อตา"



ใจเย็นๆอย่าหงุดหงิด พ่อนักปฏิบัติใหญ่ คิกๆๆ

การพูดมันต้องมีหลักฐาน ทั้งภาคปริยัติและปฏิบัติ พร้อมตัวอย่างจากผู้ปฏิบัติซึ่งประสบกับสภาวธรรมจริง พร้อมวิธีแก้ปัญหา จึงจะครบเครื่องในการดำเนินทางจิต

อโศกแนะวิธีแก้ปัญหาสิครับเนี่ย

อ้างคำพูด:
สวัสดีค่ะ ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตรายหรือปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมากช่วงหลังๆ จิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง บางครั้งรู้สึกหดหู่ เป็นทุกข์ เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้ ได้แต่ตามดูเฉยๆ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเรา เหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติ รู้สึกตัวค่ะ อยู่ดีๆ จิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัว ก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัด และรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้ คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ



ตอบตรงประเด็น ดังๆ ช้า ๆชัดๆ เพื่อผู้ที่เขาปฏิบัติกันจะนำไปทำเองกันได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างเป็นต้นนี้

ปัญหาใหญ่ต่อไป ที่จะขอคำปรึกษา คือนั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ เราเลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง สักพักมาใหม่ เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ

ช่วยด้วย แก้ยังไงคะ
เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ นั่งสมาธิในห้องเรียน บางทีพระสั่งให้แผ่เมตตา ลืมตาแล้ว เรายังรู้สึกว่าจะให้นั่งต่อก็ได้สบายๆ
เดี๋ยวนี้ใจไม่นิ่งเป็นอย่างที่บอก แก้ยังไงดีคะ

ปล อาการนี้เป็นกับการสวดมนต์ด้วยนะคะ



ถ้าอโศกรู้ปริยัติ และเป็นนักปฏิบัติจริงแท้แล้วจะเห็นทะลุเลย คือ จิตหรือความคิดเกิดดับ เกิดดับ ...สลับไปมาเนืองกันไม่ขาดสาย และช่วงดับกับเกิด เกิดกับดับ มีระยะวิบหนึ่ง อาการเกิดๆดับของจิต วิบๆๆ นั่นแหละมันบีบคั้นผันแปร ที่เราเรียนรู้จากตำราเป็นลักษณะสามัญ

จะตัดเป็นช่วงตอนให้ดู ดูครับ
อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ


อ้างคำพูด:
เราเลยถามตัวเองว่า เลิกแล้วจะทำอะไร
,

อ้างคำพูด:
มันก็ตอบไม่ได้


อ้างคำพูด:
คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก


อ้างคำพูด:
มันก็มาใหม่


อ้างคำพูด:
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง


อ้างคำพูด:
สักพักมาใหม่


อ้างคำพูด:
เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ



ผู้ปฏิบัติท่านนี้ มีแววนักปฏิบัติกรรมฐานที่ดีอยู่ แต่กำหนดไม่ติดต่อ ใครก็ตามพึงจำไว้ว่าา ควรกำหนดรู้อารมณ์ทุกครั้งทุกๆขณะ ไม่ใช่กำหนดครั้งสองครั้งแล้วเลิก เกิดอีก กำหนดอีก ฯลฯ

เช่นที่เขาว่านี่

เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง


แสดงว่า กำหนดรู้ตามนั้นครั้งสองครั้งเลิก ความคิดวนมาอีก ไม่กำหนดรู้ตามนั้นอีก เกิดอีกเลยไปไม่เป็นเลยทีนี้


จิต (คิด) อยากเลิก ก็เอาความคิดนั่นเป็นอารมณ์กำหนดรู้ตามนั้นตรงๆ อยากเลิก...เป็นต้น

บางแห่งบางกลุ่ม บางคน ไปติดหนอ ยึดหนอ เหมือนคนติดพุทโธ คิกๆๆ :b32: ผิดครับผม



กรัชกายบอกชัด ไม่คลุมเครือ เช่น ขณะนั้น จิตหรือความคิด "อยากเลิก" เช่นตัวอย่างนั้น เกิดปุ๊บว่าในใจปั้ป "อยากเลิก....(หนอ) ๆๆๆๆๆๆ เมื่อกำหนดรู้ตามที่มันคิดแล้ว (ช่วงแรกๆมันจะดับหรือไม่ไม่เป็นไร) ว่าตามนั้นแล้ว กลับมายึดลมหายใจเข้า-ออก (ผู้ใช้อานาปาน-สติโดยตรง) หรือ อาการท้องพองท้องยุบ (อานาปาน-สติโดยอ้อม) ซึ่งเป็นอารมณ์หลักภาวนาต่อไป พองหนอ ยุบหนอ ตามดูรู้ทันทุกขณะ ต่อไปเรื่อยๆ ....ผู้ที่ใช้ลมเข้า-ออกโดยตรงก็รู้ทันลมเข้า-ออกไป จะว่าพุทโธ หรือธรรโม สังโฆ กำกับด้วยแล้วแต่ ไม่ขัดข้อง (ลมเข้าว่า พุท ลมออกว่า โธ - ใช้คำภาวนาพร้อมไปกับลมเข้า-ออก) ...ขณะเกาะอารมณ์หลักอยู่ อารมณ์อื่นเกิดซ้อนขึ้นมา เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ คิดนั่นนี่ วางอารมณ์หลักก่อน..กำหนดรู้ (ว่าในใจ) สิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ ธรรมรมณ์ (ที่คิด) ตามที่มันเป็นของมัน ว่าแล้ว กลับมาเกาะอารมณ์หลักต่อไป :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004

บอกกบแล้วเรื่องของอริยผล เป็นเรื่องปัจจัตตัง .......ดังนั้นเมื่อยกมาพูดเปิดเผยในที่สาธารณะกับมากผู้ มากคน มากความเห็น พื้นภูมิต่างกัน ย่อมจะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ยากจะจบ

ใครจะจับประเด็นได้อย่างไร เข้าใจเป็นอย่างไรก็ตามใจตามเห็นตามระดับของตนเถิด อย่าเพิ่งไปชี้ผิดชี้ถูกอะไรใครเลย เมื่อถึงวันที่พิสูจน์ธรรมได้แน่ชัดแล้วด้วยตนเอง คำตอบที่ถูกต้อง ใช่ ไม่ใช่ เขาจะผุดขึ้นประจักษ์แก่ใจของเจ้าของเอง

:b8:


เพราะ...เป็นมาแล้ว....ถึงบอกได้....
ดูปีที่ผมเข้าลานธรรมแห่งนี้....นั้นแหละ.....เป็นก่อนเข้า....ตอนนั้นก็หลงคิดอย่างอโสกะเป็นตอนนี้นี่แหละครับ

ตอนนั้น..กัลยาณมิตรที่สถานปฏิบัติธรรมบอกว่า..ไม่ใช่....ผมก็ยังไม่เชื่อเลยว่า..จะไม่ใช่ได้อย่างไร....ซึ่งก็เหมือนอโสกะตอนนี้อีกนั้นแหละ...

ยังไม่เชื่อก็ไม่เป้นไร....แต่สัญญาขันธ์ของอโสกะจะบันทึกใว้แล้ว..ว่า..มีคนบอกว่า..ยังไม่ใช่...
ถึงเวลาที่เหมาะสม.....ก็จะทราบเอง...ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างเป็นต้นนี้

ปัญหาใหญ่ต่อไป ที่จะขอคำปรึกษา คือนั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ เราเลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง สักพักมาใหม่ เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ

ช่วยด้วย แก้ยังไงคะ
เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ นั่งสมาธิในห้องเรียน บางทีพระสั่งให้แผ่เมตตา ลืมตาแล้ว เรายังรู้สึกว่าจะให้นั่งต่อก็ได้สบายๆ
เดี๋ยวนี้ใจไม่นิ่งเป็นอย่างที่บอก แก้ยังไงดีคะ

ปล อาการนี้เป็นกับการสวดมนต์ด้วยนะคะ



ถ้าอโศกรู้ปริยัติ และเป็นนักปฏิบัติจริงแท้แล้วจะเห็นทะลุเลย คือ จิตหรือความคิดเกิดดับ เกิดดับ ...สลับไปมาเนืองกันไม่ขาดสาย และช่วงดับกับเกิด เกิดกับดับ มีระยะวิบหนึ่ง อาการเกิดๆดับของจิต วิบๆๆ นั่นแหละมันบีบคั้นผันแปร ที่เราเรียนรู้จากตำราเป็นลักษณะสามัญ

จะตัดเป็นช่วงตอนให้ดู ดูครับ
อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ


อ้างคำพูด:
เราเลยถามตัวเองว่า เลิกแล้วจะทำอะไร
,

อ้างคำพูด:
มันก็ตอบไม่ได้


อ้างคำพูด:
คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก


อ้างคำพูด:
มันก็มาใหม่


อ้างคำพูด:
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง


อ้างคำพูด:
สักพักมาใหม่


อ้างคำพูด:
เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ



ผู้ปฏิบัติท่านนี้ มีแววนักปฏิบัติกรรมฐานที่ดีอยู่ แต่กำหนดไม่ติดต่อ ใครก็ตามพึงจำไว้ว่าา ควรกำหนดรู้อารมณ์ทุกครั้งทุกๆขณะ ไม่ใช่กำหนดครั้งสองครั้งแล้วเลิก เกิดอีก กำหนดอีก ฯลฯ

เช่นที่เขาว่านี่

เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง


แสดงว่า กำหนดรู้ตามนั้นครั้งสองครั้งเลิก ความคิดวนมาอีก ไม่กำหนดรู้ตามนั้นอีก เกิดอีกเลยไปไม่เป็นเลยทีนี้


จิต (คิด) อยากเลิก ก็เอาความคิดนั่นเป็นอารมณ์กำหนดรู้ตามนั้นตรงๆ อยากเลิก...เป็นต้น

บางแห่งบางกลุ่ม บางคน ไปติดหนอ ยึดหนอ เหมือนคนติดพุทโธ คิกๆๆ :b32: ผิดครับผม



กรัชกายบอกชัด ไม่คลุมเครือ เช่น ขณะนั้น จิตหรือความคิด "อยากเลิก" เช่นตัวอย่างนั้น เกิดปุ๊บว่าในใจปั้ป "อยากเลิก....(หนอ) ๆๆๆๆๆๆ เมื่อกำหนดรู้ตามที่มันคิดแล้ว (ช่วงแรกๆมันจะดับหรือไม่ไม่เป็นไร) ว่าตามนั้นแล้ว กลับมายึดลมหายใจเข้า-ออก (ผู้ใช้อานาปาน-สติโดยตรง) หรือ อาการท้องพองท้องยุบ (อานาปาน-สติโดยอ้อม) ซึ่งเป็นอารมณ์หลักภาวนาต่อไป พองหนอ ยุบหนอ ตามดูรู้ทันทุกขณะ ต่อไปเรื่อยๆ ....ผู้ที่ใช้ลมเข้า-ออกโดยตรงก็รู้ทันลมเข้า-ออกไป จะว่าพุทโธ หรือธรรโม สังโฆ กำกับด้วยแล้วแต่ ไม่ขัดข้อง (ลมเข้าว่า พุท ลมออกว่า โธ - ใช้คำภาวนาพร้อมไปกับลมเข้า-ออก) ...ขณะเกาะอารมณ์หลักอยู่ อารมณ์อื่นเกิดซ้อนขึ้นมา เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ คิดนั่นนี่ วางอารมณ์หลักก่อน..กำหนดรู้ (ว่าในใจ) สิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ ธรรมรมณ์ (ที่คิด) ตามที่มันเป็นของมัน ว่าแล้ว กลับมาเกาะอารมณ์หลักต่อไป :b1:

:b12:
สติหลุดจากปัจจุบันตั้งแต่คำพูดแรกแล้ว
ทีเหลือเป็นการปรุงต่อตามอำนาจของโมหะ

ลืมตา นับหนึ่งใหม่ อย่าปล่อยให้ปรุงยาวเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น
:b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 22:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
s004

บอกกบแล้วเรื่องของอริยผล เป็นเรื่องปัจจัตตัง .......ดังนั้นเมื่อยกมาพูดเปิดเผยในที่สาธารณะกับมากผู้ มากคน มากความเห็น พื้นภูมิต่างกัน ย่อมจะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ยากจะจบ

ใครจะจับประเด็นได้อย่างไร เข้าใจเป็นอย่างไรก็ตามใจตามเห็นตามระดับของตนเถิด อย่าเพิ่งไปชี้ผิดชี้ถูกอะไรใครเลย เมื่อถึงวันที่พิสูจน์ธรรมได้แน่ชัดแล้วด้วยตนเอง คำตอบที่ถูกต้อง ใช่ ไม่ใช่ เขาจะผุดขึ้นประจักษ์แก่ใจของเจ้าของเอง

:b8:


เพราะ...เป็นมาแล้ว....ถึงบอกได้....
ดูปีที่ผมเข้าลานธรรมแห่งนี้....นั้นแหละ.....เป็นก่อนเข้า....ตอนนั้นก็หลงคิดอย่างอโสกะเป็นตอนนี้นี่แหละครับ

ตอนนั้น..กัลยาณมิตรที่สถานปฏิบัติธรรมบอกว่า..ไม่ใช่....ผมก็ยังไม่เชื่อเลยว่า..จะไม่ใช่ได้อย่างไร....ซึ่งก็เหมือนอโสกะตอนนี้อีกนั้นแหละ...

ยังไม่เชื่อก็ไม่เป้นไร....แต่สัญญาขันธ์ของอโสกะจะบันทึกใว้แล้ว..ว่า..มีคนบอกว่า..ยังไม่ใช่...
ถึงเวลาที่เหมาะสม.....ก็จะทราบเอง...ครับ

:b13:
"ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ"
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 05:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างเป็นต้นนี้

ปัญหาใหญ่ต่อไป ที่จะขอคำปรึกษา คือนั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ เราเลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง สักพักมาใหม่ เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ

ช่วยด้วย แก้ยังไงคะ
เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ นั่งสมาธิในห้องเรียน บางทีพระสั่งให้แผ่เมตตา ลืมตาแล้ว เรายังรู้สึกว่าจะให้นั่งต่อก็ได้สบายๆ
เดี๋ยวนี้ใจไม่นิ่งเป็นอย่างที่บอก แก้ยังไงดีคะ

ปล อาการนี้เป็นกับการสวดมนต์ด้วยนะคะ



ถ้าอโศกรู้ปริยัติ และเป็นนักปฏิบัติจริงแท้แล้วจะเห็นทะลุเลย คือ จิตหรือความคิดเกิดดับ เกิดดับ ...สลับไปมาเนืองกันไม่ขาดสาย และช่วงดับกับเกิด เกิดกับดับ มีระยะวิบหนึ่ง อาการเกิดๆดับของจิต วิบๆๆ นั่นแหละมันบีบคั้นผันแปร ที่เราเรียนรู้จากตำราเป็นลักษณะสามัญ

จะตัดเป็นช่วงตอนให้ดู ดูครับ
อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ


อ้างคำพูด:
เราเลยถามตัวเองว่า เลิกแล้วจะทำอะไร
,

อ้างคำพูด:
มันก็ตอบไม่ได้


อ้างคำพูด:
คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก


อ้างคำพูด:
มันก็มาใหม่


อ้างคำพูด:
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง


อ้างคำพูด:
สักพักมาใหม่


อ้างคำพูด:
เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ



ผู้ปฏิบัติท่านนี้ มีแววนักปฏิบัติกรรมฐานที่ดีอยู่ แต่กำหนดไม่ติดต่อ ใครก็ตามพึงจำไว้ว่าา ควรกำหนดรู้อารมณ์ทุกครั้งทุกๆขณะ ไม่ใช่กำหนดครั้งสองครั้งแล้วเลิก เกิดอีก กำหนดอีก ฯลฯ

เช่นที่เขาว่านี่

เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง


แสดงว่า กำหนดรู้ตามนั้นครั้งสองครั้งเลิก ความคิดวนมาอีก ไม่กำหนดรู้ตามนั้นอีก เกิดอีกเลยไปไม่เป็นเลยทีนี้


จิต (คิด) อยากเลิก ก็เอาความคิดนั่นเป็นอารมณ์กำหนดรู้ตามนั้นตรงๆ อยากเลิก...เป็นต้น

บางแห่งบางกลุ่ม บางคน ไปติดหนอ ยึดหนอ เหมือนคนติดพุทโธ คิกๆๆ :b32: ผิดครับผม



กรัชกายบอกชัด ไม่คลุมเครือ เช่น ขณะนั้น จิตหรือความคิด "อยากเลิก" เช่นตัวอย่างนั้น เกิดปุ๊บว่าในใจปั้ป "อยากเลิก....(หนอ) ๆๆๆๆๆๆ เมื่อกำหนดรู้ตามที่มันคิดแล้ว (ช่วงแรกๆมันจะดับหรือไม่ไม่เป็นไร) ว่าตามนั้นแล้ว กลับมายึดลมหายใจเข้า-ออก (ผู้ใช้อานาปาน-สติโดยตรง) หรือ อาการท้องพองท้องยุบ (อานาปาน-สติโดยอ้อม) ซึ่งเป็นอารมณ์หลักภาวนาต่อไป พองหนอ ยุบหนอ ตามดูรู้ทันทุกขณะ ต่อไปเรื่อยๆ ....ผู้ที่ใช้ลมเข้า-ออกโดยตรงก็รู้ทันลมเข้า-ออกไป จะว่าพุทโธ หรือธรรโม สังโฆ กำกับด้วยแล้วแต่ ไม่ขัดข้อง (ลมเข้าว่า พุท ลมออกว่า โธ - ใช้คำภาวนาพร้อมไปกับลมเข้า-ออก) ...ขณะเกาะอารมณ์หลักอยู่ อารมณ์อื่นเกิดซ้อนขึ้นมา เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ คิดนั่นนี่ วางอารมณ์หลักก่อน..กำหนดรู้ (ว่าในใจ) สิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ ธรรมรมณ์ (ที่คิด) ตามที่มันเป็นของมัน ว่าแล้ว กลับมาเกาะอารมณ์หลักต่อไป :b1:

:b12:
สติหลุดจากปัจจุบันตั้งแต่คำพูดแรกแล้ว
ทีเหลือเป็นการปรุงต่อตามอำนาจของโมหะ

ลืมตา นับหนึ่งใหม่ อย่าปล่อยให้ปรุงยาวเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น
:b43:


อ้างคำพูด:
"(สำรวมกาย ใจ มา) "นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไป" (ต่อหน้าต่อตา)"


บทกลอนอโศก ไม่ได้ช่วยอะไร แล้วก็ไม่เข้าใจอะไร ท่องไว้เฉยๆ คิกๆ

มันสวนทางกับคำพูดนี้โดยสิ้นเชิง :b1:

อ้างคำพูด:
ลืมตา นับหนึ่งใหม่ อย่าปล่อยให้ปรุงยาวเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น


อโศกขอรับ ชีวิต นามรูป ขันธ์ ๕ กายใจ (นำมาเรียกให้หมดสะคราวเดียวกัน) มันเกิดดับๆๆๆ อยู่ทุกขณะ มันคงทีสะที่ไหนล่ะ

จำได้ไหมที่กรัชกายเคยบอกว่า คุณน่ะ ปฏิบัติเพื่อจะเอานั่น เอานี่ ไม่เอานั่น ไม่เอานี่ อะไรไม่ถูกใจก็เลี่ยงหนี :b9: ถูกใจก็เอาก็ยึด :b32: คุณไม่ยอมรับความจริง เมื่อไม่ยอมรับความเป็นจริงของธรรมชาติ จิตก็ไม่สงบ สรุปแล้วคุณยังไม่พบเห็นสัจธรรม :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 06:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b13:
"ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ"
smiley


กิเลส...มันพร้อมที่จะเข้าข้างตัวเองเสมอ...ครับ

ทางที่ดี...วางคำว่า..โสดาบัน..สกทาคามี..อนาคามี..ออกไปซะ.....มันเป็นเพียงคำสมมุติ..วางซะอย่าไปใส่ใจ
.กลับมาดูว่าเราทุกข์กับอะไรอยู่...ยังห่วงกังวนกับอะไรมั้ย....ก็จัดการมันเป็นรายๆไป...รึจะมาจัดการตัวกูของกู...อันเป็นเสมือนแกน..เป็นลำต้นให้กิ่งก้านทั้ง10 กิ่งได้อาศัย....ก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 11:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
ใครจะทำอะไร ทำไปเถิด
ใครจะเลิศ ใครจะเลวเรื่องของเขา
สำคัญตัวเจ้าของ พึงตรองเอา
ทางของเรา เราเลือกแล้วเร่งเดิน

ใครจะรู้ ใครจะหลง คงรู้ได้
รู้ที่ใจเจ้าของ ไม่ต้องห่วง
คุยจบแล้ว จงหลีกไป อย่าให้ทวง
คนทั้งปวงมีปัญญาว่าไหนดี

กรัชกายแสดงไว้จนท่วมทุ่ง
กบก็ปรุงแต่งไว้จนท่วมป่า
ผู้อ่านมีไปทั่วทั้งโลกา
ใครบ่นบ้า ใครว่าดี เขารู้เอง
:b37:
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
ใครจะทำอะไร ทำไปเถิด
ใครจะเลิศ ใครจะเลวเรื่องของเขา
สำคัญตัวเจ้าของ พึงตรองเอา
ทางของเรา เราเลือกแล้วเร่งเดิน

ใครจะรู้ ใครจะหลง คงรู้ได้
รู้ที่ใจเจ้าของ ไม่ต้องห่วง
คุยจบแล้ว จงหลีกไป อย่าให้ทวง
คนทั้งปวงมีปัญญาว่าไหนดี

กรัชกายแสดงไว้จนท่วมทุ่ง
กบก็ปรุงแต่งไว้จนท่วมป่า
ผู้อ่านมีไปทั่วทั้งโลกา
ใครบ่นบ้า ใครว่าดี เขารู้เอง
:b37:
onion



หมดมุก คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
ใครจะทำอะไร ทำไปเถิด
ใครจะเลิศ ใครจะเลวเรื่องของเขา
สำคัญตัวเจ้าของ พึงตรองเอา
ทางของเรา เราเลือกแล้วเร่งเดิน

ใครจะรู้ ใครจะหลง คงรู้ได้
รู้ที่ใจเจ้าของ ไม่ต้องห่วง
คุยจบแล้ว จงหลีกไป อย่าให้ทวง
คนทั้งปวงมีปัญญาว่าไหนดี

กรัชกายแสดงไว้จนท่วมทุ่ง
กบก็ปรุงแต่งไว้จนท่วมป่า
ผู้อ่านมีไปทั่วทั้งโลกา
ใครบ่นบ้า ใครว่าดี เขารู้เอง
:b37:
onion



หมดมุก คิกๆๆ

:b34:
มัวแต่หาเก็บ มุกด์ อยู่นั่นแหละ จะหมดเวลาแล้วนะกัดกินกาย
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1375241010-1370203825-o.gif
1375241010-1370203825-o.gif [ 497.16 KiB | เปิดดู 1952 ครั้ง ]
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
ใครจะทำอะไร ทำไปเถิด
ใครจะเลิศ ใครจะเลวเรื่องของเขา
สำคัญตัวเจ้าของ พึงตรองเอา
ทางของเรา เราเลือกแล้วเร่งเดิน

ใครจะรู้ ใครจะหลง คงรู้ได้
รู้ที่ใจเจ้าของ ไม่ต้องห่วง
คุยจบแล้ว จงหลีกไป อย่าให้ทวง
คนทั้งปวงมีปัญญาว่าไหนดี

กรัชกายแสดงไว้จนท่วมทุ่ง
กบก็ปรุงแต่งไว้จนท่วมป่า
ผู้อ่านมีไปทั่วทั้งโลกา
ใครบ่นบ้า ใครว่าดี เขารู้เอง
:b37:
onion



หมดมุก คิกๆๆ

:b34:
มัวแต่หาเก็บ มุกด์ อยู่นั่นแหละ จะหมดเวลาแล้วนะกัดกินกาย
:b12:



หมดเวลานี่หมายความยังไงขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b34:
มัวแต่หาเก็บ มุกด์ อยู่นั่นแหละ จะหมดเวลาแล้วนะกัดกินกาย
:b12:



หมดเวลานี่หมายความยังไงขอรับ :b10:


นั่นสิ่ ...

หมายถึงยังไง...

:b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร