วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 12:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาตินั้นเอง

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ[b][/b]นั้นเอง


กลัวผิดธรรมะดังกล่าวก่อนหน้า ไม่นึกบ้างหรือว่าเป็นผู้ชายให้พี่หาเลี้ยง ให้เมียหาเลี้ยง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน
เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ[b][/b]นั้นเอง


กลัวผิดธรรมะดังกล่าวก่อนหน้า ไม่นึกบ้างหรือว่าเป็นผู้ชายให้พี่หาเลี้ยง ให้เมียหาเลี้ยง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน
เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ[b][/b]นั้นเอง


กลัวผิดธรรมะดังกล่าวก่อนหน้า ไม่นึกบ้างหรือว่าเป็นผู้ชายให้พี่หาเลี้ยง ให้เมียหาเลี้ยง


ต่างคนต่างหน้าที่ครับ ผมก็ศึกษาธรรม แนะนำให้ธรรม
แจกจาย ธรรมแก่ภรรยา จนดีขึ้นมากแล้ว ทั้งสติปัญญา
ความรู้ ความสามารถก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน พี่สาวผมทังสอง
เมื่อก่อนท่านก็ยังฆ่า หนู แมลงวัน ตบยุง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยทำ
แล้ว หาธรรมดีๆมาให้ท่านทั้งสองได้ฟัง

ผมก็ช่วยในบางเรื่อง แต่ไม่ช่วยมากก็แค่นั้นเอง
ใครจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา เมื่อเราคิดว่าเราทำถูกทำดีแล้วจะ
ไปสนทำไม ดีไม่ดี พี่ท่านทั้ง ๒ และภรรยาก็รู้อยู่แก่ใจ หากไม่
ดีใครจะอยากให้อยากช่วยครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


การให้ธรรมชนะการให้ทังปวง เพราะอะไร เพราะเหตุ
ใดพระพุทธเจ้าพระองค์จึงตรัสเช่นนั้น เพราะธรรมนั้นเป็น
แผนที่เป็นหนทาง เป็นวิธีการ นำเหล่าสัตว์ทั้งหลายให้
ออกจากความทุกข์ ตั้งแต่ทุกข์แบบหยาบๆ จนกระทั่งไม่
มีกิเลส สิ้นกิเลส สิ้นภพสิ้นชาติมิต้องเกิดมารับทุกข์อีก

ที่สำคัญความรู้นั้น ไม่มีใครในโลกนี้จะตีราคา หรือประเมิน
ราคาความรู้ของบุคคลนี้ราคาเท่าไหร่ได้เลย เพราะความรู้
นั้นใช้ได้ไม่มีวันหมดนั้นเอง

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน
เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ[b][/b]นั้นเอง


กลัวผิดธรรมะดังกล่าวก่อนหน้า ไม่นึกบ้างหรือว่าเป็นผู้ชายให้พี่หาเลี้ยง ให้เมียหาเลี้ยง


ต่างคนต่างหน้าที่ครับ ผมก็ศึกษาธรรม แนะนำให้ธรรม
แจกจาย ธรรมแก่ภรรยา จนดีขึ้นมากแล้ว ทั้งสติปัญญา
ความรู้ ความสามารถก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน พี่สาวผมทังสอง
เมื่อก่อนท่านก็ยังฆ่า หนู แมลงวัน ตบยุง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยทำ
แล้ว หาธรรมดีๆมาให้ท่านทั้งสองได้ฟัง

ผมก็ช่วยในบางเรื่อง แต่ไม่ช่วยมากก็แค่นั้นเอง
ใครจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา เมื่อเราคิดว่าเราทำถูกทำดีแล้วจะ
ไปสนทำไม ดีไม่ดี พี่ท่านทั้ง ๒ และภรรยาก็รู้อยู่แก่ใจ หากไม่
ดีใครจะอยากให้อยากช่วยครับ


ภรรยาคุณช่างดีเลิศนะขอรับ หาเลี้ยงลูกสองคนซึ่งกำลังศึกษา กับ เลี้ยงคุณซึ่งเป็นผัวอีกคน รวมแล้ว ๔ ปาก ๔ ท้อง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ


เพราะหลวงพ่อท่านเห็นว่า คนยุคนี้ มีกรรมมาก
คือทำอกุศลมากกว่า ทำกุศล ท่านเลยแนะนำเท่า
ที่เขาเหล่านั้นจะทำได้ ดั่งผมเคยบอกหลายหนแล้ว
ว่า ความดีนั้นมีหลายระดับครับ ทำดีน้อยก็ได้บุญแต่
น้อย ทำดีมากก็ได้บุญมากยิ่งๆขึ้นไป

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2019, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
มหาวิโลกนะ “การตรวจดูอันยิ่งใหญ่”,
ข้อตรวจสอบพิจารณาที่สำคัญ หมายถึง สิ่งที่พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณาตรวจดู ก่อนจะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มี ๕ อย่าง (นิยมเรียกว่า ปัญจมหาวิโลกนะ) คือ
๑. กาล คืออายุกาลของมนุษย์จะต้องอยู่ระหว่าง ๑๐๐ ถึง ๑ แสนปี (ไม่สั้นกว่าร้อยปี ไม่ยาวเกินแสนปี)
๒. ทีปะ คือทวีป จะอุบัติแต่ในชมพูทวีป
๓. เทสะ คือประเทศ หมายถึงถิ่นแดน จะอุบัติในมัธยมประเทศ และทรงกำหนดเมืองกบิลพัสดุ์เป็นที่พึงบังเกิด
๔. กุละ คือตระกูล จะอุบัติเฉพาะในขัตติยสกุลหรือในพราหมณสกุล และทรงกำหนดว่า เวลานั้นโลกสมมติว่า ตระกูลกษัตริย์ประเสริฐกว่าตระกูลพราหมณ์ จึงจะอุบัติในตระกูลกษัตริย์ โดยทรงเลือกพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพุทธบิดา
๕. ชเนตติอายุปริจเฉท คือมารดา และกำหนดอายุของมารดา มารดาจะต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ ไม่โลเลในบุรุษ ไม่เป็นนักดื่มสุรา ได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัลป์ ทรงกำหนดได้พระนางมหามายา และทรงทราบว่าพระนางจะมีพระชนม์อยู่เกิน ๑๐ เดือนไปได้ ๗ วัน


ลองพิจารนาดูสิครับ แม้พระโพธิสัตว์เจ้าพระองค์
จะลงมาจุติ(เกิด) พระองค์ยังทรงตรวจดูก่อนว่าเหมาะ
สม สมควรไหม นั้นเพราะเหตุไร?

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 00:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
การให้ธรรมชนะการให้ทังปวง เพราะอะไร เพราะเหตุ
ใดพระพุทธเจ้าพระองค์จึงตรัสเช่นนั้น เพราะธรรมนั้นเป็น
แผนที่เป็นหนทาง เป็นวิธีการ นำเหล่าสัตว์ทั้งหลายให้
ออกจากความทุกข์ ตั้งแต่ทุกข์แบบหยาบๆ จนกระทั่งไม่
มีกิเลส สิ้นกิเลส สิ้นภพสิ้นชาติมิต้องเกิดมารับทุกข์อีก

ที่สำคัญความรู้นั้น ไม่มีใครในโลกนี้จะตีราคา หรือประเมิน
ราคาความรู้ของบุคคลนี้ราคาเท่าไหร่ได้เลย เพราะความรู้
นั้นใช้ได้ไม่มีวันหมดนั้นเอง


[*]ผมเห็นด้วยตามนั้นครับ การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง
์สัตว์ทั้งหลายถูกไสไปสู่ทุกข์ด้วยอำนาจกิเลสตัณหา มีแต่
ธรรมของพระพุทธเจ้าที่จะถอดถอนแก้กิเลสตัณหาได้ การ
ให้ธรรมก็เหมือนการช่วยเบรคเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยสติ แล้ว
มองดูความเป็นจริงเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 07:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
เรามาทำความคุ้นเคยรู้จักคำว่าทุกข์กันนะครับ
คำว่าทุกข์ ท่านว่า ทนอยู่ได้ยาก คือมิอาจทนอยู่
ในสภาพเดิมๆได้นาน เช่น นั่งนานๆโดยไม่เปลี่ยน
หรือขยับตัวเลย เราก็จะเห็นความทุกข์เกิดจากความ
เจ็บปวดของร่างกายที่โดนหนีบโดนทับไว้ ยืน เดิน

นอนก็เช่นเดียวกัน ความทุกข์นั้นมีมากมาย ดั่งที่พระ
พุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ก็เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะความ
เสียใจ พัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจต่างๆนาๆ แม้
ความสงสัยนั้นก็ยังทำให้ทุกข์ หากสงสัยมากก็ทำให้กิน
ไม่ได้นอนไม่หลับเช่นกัน


ความทุกข์ก็เช่นกันครับ มีหลายระดับ มีแบบอย่างหยาบๆ
เห็นได้ง่าย ละได้ง่าย ละได้ปานกลาง และละได้อยากที่สุด
เช่นกัน มิควรมองเห็นว่าเป็นอย่างเดียวกันหมด เพราะนั้นจะ
ทำให้เราไม่รู้จักเลือกที่จะลงมือปฏิบัติ สิ่งที่ทำได้สำหรับถานะ
ของแต่ละคนก็มีอยู่หากรู้จักเลือก แต่หากไม่รู้จักเลือกก็ควร
ถามไถ่ท่านผู้รู้ หรือพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 07:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


https://thaihealthlife.com/%E0%B8%AA%E0 ... %E0%B8%B5/
สามีที่ดี 5 ประการ และสามี 7 ประเภท

สามีที่ดี 5 ประการ

1. ยกย่องให้เกียรติสมฐานะที่เป็นภรรยา

2. ไม่ดูหมิ่น

3. ไม่นอกใจ

4. มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน

5. มอบของขวัญตามวาระโอกาส

สามี 7 ประเภท

1. วธกภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนเพชฌฆาต คือ สามีที่เป็นคนขี้โมโหร้าย ชอบดุด่า ทำร้ายร่างกาย หรือใช้คำหยาบด่าทอให้ภรรยาเจ็บใจเป็นนิจ
2. โจรภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนโจร คือ สามีที่ชอบกินชอบเล่น ชอบการพนัน มีนิสัยนักเลง คิดคดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นนิจ
3. อัยยภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนนาย คือ สามีที่ชอบใช้อำนาจทางการปกครองของตนต่อภรรยา ทำตนดุด่า กดขี่ หรือใช้งานภรรยาเสมือนภรรยาเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง
4. ปิตาภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนพ่อ มักเป็นสีที่มีอายุมากกว่าหรือมีคุณวุฒิมากกว่า สามีประเภทนี้มักมีความเป็นผู้นำสูง คอยนำทาง และชี้นำภรรยาเสมือนพ่อที่คอยห่วงลูกของตน
5. ภาตาภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนพี่ชาย คือ สามีที่มอบความรักให้แก่ภรรยาคล้ายกับน้องสาวของตน ซึ่งสามีประเภทนี้มักเป็นผู้ที่ต้องคอยตามใจ และคอยปลอบใจ รวมถึงต้องคอยบอกคอยสอนเปรียบภรรยาตนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
6. สขาภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนเพื่อน สามีประเภทนี้มักมีอายุพอกับภรรยาหรืออาจมีอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า แต่ประพฤติตัวเสมือนเพื่อนกัน ซึ่งจะมีทั้งข้อดี ข้อเสียต่อฝ่ายหญิง
7. ทาสภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนทาสหรือผู้คอยรับใช้ ทั้งงานเรือน กิจการงานทุกเรื่องโดยไม่รังเกียจ
.......................................

โลกมันสับสน...ภรรยาบางคนก็ทำหน้าที่ของสามี...
สามีบางคนก็ทำหน้าที่ของภรรยา...

นี้ที่เจอมา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


https://www.uttayarndham.org/dharma-med ... 1%E0%B8%B5
...................................
ภรรยานั้น เมื่อสามีบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕ คือ

๑. จัดการงานดี

๒. สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามีดี

๓. ไม่ประพฤตินอกใจสามี

๔. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้

๕. ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง
....................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 07:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=1&t=23498
ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
บารมี10ทัศ
บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มี 10 ประการ มีดังนี้

1.ทานบารมี หมายถึง การที่จิตของเราพร้อมที่จะให้ทาน ให้เพื่อ สงเคราะห์ ไม่ให้เพื่อผลตอบแทน ให้ไม่เลือกเพศ วัย ฐานะ และความสมบูรณ์ เต็มใจในการให้ทาน เป็นปกติ

2.ศีลบารมี หมายถึง การที่จิตของเราพร้อมในการรักษาศีล ศีลไม่บกพร่อง และรักษาแบบอุกฤษฏ์ คือ ไม่ทำศีลให้ขาดหรือด่างพร้อยเอง ไม่ยุคนอื่นให้ละเมิดศีล ไม่ดีใจเมื่อคนอื่นละเมิดศีล

3.เนกขัมมบารมี หมายถึง การที่จิตพร้อมในการถือเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช

4.ปัญญาบารมี หมายถึง การที่จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหาร และ มีความคิดรู้เท่าทันสภาวะของกฎสามัญลักษณะ ได้แก่ การเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปกติ

5.วิริยบารมี หมายถึง การที่มีความเพียรทุกขณะ ในการที่จะทำความดีประหารกิเลส

6.ขันติบารมี หมายถึง การที่มีความอดทน และ อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์

7.สัจจะบารมี หมายถึง การที่ตั้งมั้นในคำพูดที่ได้รับปากไว้แล้ว

8.อธิษฐานบารมี หมายถึง การที่ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ เช่น สมัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ทรงนั่งประทับที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ทรงอธิษฐานว่าถ้าเราไม่ได้สำเร็จพระโพธิญาณเพียงใดเราจะไม่ยอมลุกจากที่นี้แม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปหรือจะตายก็ตามทีพระองค์ทรงอธิษฐานเอาชีวิตเข้าแลกแล้วพระองค์ก็ทรงบรรลุในคืนนั้น

9.เมตตาบารมี หมายถึง การที่มีความเมตตา ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น

10.อุเบกขาบารมี หมายถึง การที่มีความวางเฉยต่ออารมณ์ที่ถูกใจ และอารมณ์ที่ขัดใจ อารมณ์ที่ถูกใจ

***********************************************


คำถาม...ชัมพุกาชีวก นอนบนดิน..กินอุจ.....เป็นการบำเพ็ญขันติบารมีบารมี..วิริยบารมี.เนกขัมมบารมี อุเบกขาบารมี....หรือไม่?

คำตอบ...ไม่

ถามต่อ...แล้ววางกำลังใจอย่างไร..การปฏิบัตินั้นนั้น..จึงจะเป็นการบำเพ็ญบารมี 10?ไม่เป็นการบำเพ็ญตามกิเลสตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
https://thaihealthlife.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5/
สามีที่ดี 5 ประการ และสามี 7 ประเภท

สามีที่ดี 5 ประการ

1. ยกย่องให้เกียรติสมฐานะที่เป็นภรรยา

2. ไม่ดูหมิ่น

3. ไม่นอกใจ

4. มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน

5. มอบของขวัญตามวาระโอกาส

สามี 7 ประเภท

1. วธกภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนเพชฌฆาต คือ สามีที่เป็นคนขี้โมโหร้าย ชอบดุด่า ทำร้ายร่างกาย หรือใช้คำหยาบด่าทอให้ภรรยาเจ็บใจเป็นนิจ
2. โจรภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนโจร คือ สามีที่ชอบกินชอบเล่น ชอบการพนัน มีนิสัยนักเลง คิดคดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นนิจ
3. อัยยภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนนาย คือ สามีที่ชอบใช้อำนาจทางการปกครองของตนต่อภรรยา ทำตนดุด่า กดขี่ หรือใช้งานภรรยาเสมือนภรรยาเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง
4. ปิตาภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนพ่อ มักเป็นสีที่มีอายุมากกว่าหรือมีคุณวุฒิมากกว่า สามีประเภทนี้มักมีความเป็นผู้นำสูง คอยนำทาง และชี้นำภรรยาเสมือนพ่อที่คอยห่วงลูกของตน
5. ภาตาภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนพี่ชาย คือ สามีที่มอบความรักให้แก่ภรรยาคล้ายกับน้องสาวของตน ซึ่งสามีประเภทนี้มักเป็นผู้ที่ต้องคอยตามใจ และคอยปลอบใจ รวมถึงต้องคอยบอกคอยสอนเปรียบภรรยาตนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
6. สขาภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนเพื่อน สามีประเภทนี้มักมีอายุพอกับภรรยาหรืออาจมีอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า แต่ประพฤติตัวเสมือนเพื่อนกัน ซึ่งจะมีทั้งข้อดี ข้อเสียต่อฝ่ายหญิง
7. ทาสภัสดา คือ สามีที่ประพฤติตัวเสมือนทาสหรือผู้คอยรับใช้ ทั้งงานเรือน กิจการงานทุกเรื่องโดยไม่รังเกียจ
.......................................

โลกมันสับสน...ภรรยาบางคนก็ทำหน้าที่ของสามี...
สามีบางคนก็ทำหน้าที่ของภรรยา...

นี้ที่เจอมา...


หาก ทุกคนมีธรรม และปฏิบัติธรรมและเข้าใจธรรมย่อม
ทำหน้าที่ของตนได้ถูกต้องและเหมาะสมเอง

คนยุคนี้โดยส่วนมากเอาใจไปติดกับวัตถุสิ่งของภายนอกกัน
มากกว่ามาใส่ใจเรื่องศีลธรรม เลยวุ้นวาย อย่างที่เห็น
แต่อนาคตก็ยิ่งจะเลวร้ายลงครับ เพราะยุคกำลังเสื่อมจิตใจ
คนเลยมากไปด้วยกิเลสความอยากไปต่างๆนาๆ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร