วันเวลาปัจจุบัน 15 ก.ค. 2025, 05:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 06:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
Quote Tipitaka:
ก็ปัญญานี้นั้นมีความสว่างเป็นลักษณะ และมีความรู้ทั่วเป็น
ลักษณะเหมือนอย่างว่า ในเรือนมีฝา ๔ ด้าน เวลากลางคืน เมื่อจุด
ประทีป ความมืดย่อมหายไป ความสว่างย่อมปรากฏ ฉันใด ปัญญามี
ความสว่างเป็นลักษณะก็ฉันนั้น. ชื่อว่าแสงสว่างที่เสมอด้วยแสงสว่างแห่ง
ปัญญา ไม่มี. ก็เมื่อผู้มีปัญญานั่งโดยบัลลังก์เดียว หมื่นโลกธาตุย่อมมี

แสงสว่างเป็นอันเดียวกัน. เพราะเหตุนั้นพระเถระจึงกล่าวว่า มหาบพิตร
บุรุษถือประทีปน้ำมันเข้าไปในเรือนที่มืด ประทีปเข้าไปแล้วย่อมกำจัด
ความมืดให้เกิดแสงสว่างส่องแสงสว่าง ทำรูปทั้งหลายให้ปรากฏได้ ฉันใด

มหาบพิตร ปัญญาก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเกิดขึ้น ย่อมกำจัดความมืดคือ
อวิชชา ให้เกิดแสงสว่างคือวิชชา ส่องแสงแห่งญาณ ทำอริยสัจ ๔ ให้
ปรากฏได้, มหาบพิตร ปัญญามีความสว่างเป็นลักษณะอย่างนี้ทีเดียวแล

อีกอย่างหนึ่ง เหมือนแพทย์ผู้ฉลาด ย่อมรู้โภชนะเป็นต้น ที่เป็น
สัปปายะ และไม่เป็นสัปปายะ ของผู้ป่วยไข้ทั้งหลาย ฉันใด ปัญญาก็ฉันนั้น
เมื่อเกิดขึ้น ย่อมรู้ทั่วซึ่งธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและอกุศล ที่ควรเสพและ
ไม่ควรเสพ ที่เลวและประณีต ที่ดำและขาว และมีส่วนเปรียบ. สมจริงดัง
คำที่พระธรรมเสนาบดีกล่าวไว้ว่า ดูก่อนอาวุโส เพราะอรรถว่า ย่อมรู้ทั่ว
ฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่าปัญญา รู้ทั่วอะไร? รู้ทั่วว่า นี้ทุกข์ ดังนี้.คำนี้
พึงให้พิสดาร พึงทราบความที่ปัญญานั้น มีความรู้ทั่วเป็นลักษณะอย่างนี้.

อีกนัยหนึ่ง ปัญญามีการแทงตลอดตามสภาวะเป็นลักษณะ. หรือ
มีการแทงตลอดไม่ผิดพลาดเป็นลักษณะ ดุจการแทงตลอดของลูกธนู
ของผู้ฉลาด, มีความสว่างในอารมณ์เป็นรส ดุจประทีป มีความไม่ลุ่มหลง
เป็นปัจจุปปัฏฐาน ดุจคนชำนาญป่าไปป่า ฉะนั้น.


ทั้งอ่าน เห็น ฟัง ก็ย่อมเกิดปัญญา

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

เมื่อปัญญาเกิดย่อมตัดความสงสัย เกิดน้อยก็ตัดได้น้อย
เกิดมากก็ตัดได้มาก ทำศรัทธาให้หนักแน่น ไม่หงอนแหงน
รู้สิ่งที่เป็นกุศล แล้วเจริญให้ยิ่ง
รู้สิ่งที่เป็นอกุศล ดับ ตัด งด เลิกให้หมดไป ปัญญาน้อยก็
ตับหรือตัดขาดสิ่งที่เป็นอกุศลได้น้อยเช่นกัน เมื่อปัญญามาก
ก็ย่อมจะดับอกุศลได้มาก ยิ่งดับได้มากเท่าไหร่ปัญญาก็ยิ่ง
เจริญงอกงามยิ่งขึ้น เพราะปัญญาจะคู่กับกุศล เดินสวนทาง
กับฝ่ายที่เป็นอกุศลนั้นเอง

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

รู้แล้วมิลงมือปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่เป็นอกุศลสักที
ก็มิเกิดผลคือความสงบที่ยิ่งขึ้นไป อุปมาเหมือน
หมอที่รู้สรรพคุณของยาว่ายานี้ดียิ่ง ทั้งที่รู้ตนก็เป็น
โรคจำต้องทานยานี้เหมือนกันแต่มิทาน มีแต่แจกจ่าย
และบรรยายให้ผู้อื่น แล้วโรคของตนจะหรือได้อย่างไร s006 s006 s006

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
เรื่องปกติธรรมดาที่สุด
ไม่มีการเปรียบเทียบเลย
ไม่อ้อมตรงๆชีวิตขอทาน
ทำอะไรบ้างคะเอกอน
เขาคิดไว้ล่วงหน้าไหม
ว่าจะได้บรรลุธรรมนั่นน่ะ
มีแต่คนสมัยนี้แหละไม่ฟังธรรม
เรียนอภิธรรมอ่านล่วงหน้า
รู้สภาพธรรมล่วงหน้าแล้ว
มโนเอาไปทำถูกไหมคะ
:b32: :b32:


เหมือนคุณโรสกำลัง มโน อยู่เลยน่ะ

:b6:

555
น่าเห็นใจความไม่รู้
เดี๋ยวนี้ทุกอย่างเป็นธัมมะถ้ารู้ตรง1ลักษณะได้ทีละ1ตัวจริงธัมมะ
ต้องอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจตามที่มีแล้วนี้ไม่ใช่แปลกแยกออกไปมีศีลคือมีความปกติเป็นปกติ
เห็นคือจิตชื่อว่าจิตเห็นเป็นธัมมะเรียกว่าจักขุวิญญาณกำลังมีตรงวิถีของเห็นที่มีแสงปนไม่มีคิดนึกปน
จำอะไรๆนั้นคือสัญญาเป็นธัมมะเรียกว่าสัญญาเจตสิกกำลังมีตรงทาง1ทางใดใน6ทางแค่จำตรงทางนั้นๆ
ส่วนกายกระทบสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งเป็นการกระทบสิ่งต่างๆโดยกายไม่รู้อะไรเป็นรูปธัมมะชื่อมหาภูตรูป
ที่เขียนเนี่ยยังไม่ครบ6ทางอายตนะเลยก็มีครบแล้วจะต้องไปทำอะไรเพิ่มอีกแค่ที่มีแค่ที่เขียนเนี่ยก็คิดไม่ทัน
แล้วจะเกิดสติปัญญาเป็นของตนเองได้ไหมตถาคตแสดงละเอียดเพื่อให้เข้าใจว่าเหตุปัจจัยมีแล้วครบถ้วน
ปัญญาเป็นภาษาบาลีแปลเป็นภาษาไทยคือเข้าใจถูกต้องตามทีละ1ตัวจริงธัมมะที่กายกำลังปรากฏว่ามีแล้ว
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
เรื่องปกติธรรมดาที่สุด
ไม่มีการเปรียบเทียบเลย
ไม่อ้อมตรงๆชีวิตขอทาน
ทำอะไรบ้างคะเอกอน
เขาคิดไว้ล่วงหน้าไหม
ว่าจะได้บรรลุธรรมนั่นน่ะ
มีแต่คนสมัยนี้แหละไม่ฟังธรรม
เรียนอภิธรรมอ่านล่วงหน้า
รู้สภาพธรรมล่วงหน้าแล้ว
มโนเอาไปทำถูกไหมคะ
:b32: :b32:


คุณโรสตั้งคำถามชี้นำคำตอบให้กับตัวเองเสร็จสรรพเลย :b32:
ไม่เรียก มโน แล้วจะเรียกอะไร

ศรัทธาในแบบฉบับที่คุณโรสนิยมชมชอบ
ชอบการละเล่น ชอบแสดงกันแบบนี้เหร๋อคะ

:b1:

ที่ไปทำตามๆกันคือไม่มีทักษะการฟังโดยใช้หลักกาลามสูตร10
ฟังเพื่อเข้าใจถูกตรงตามปกติตามเป็นจริงในสิ่งที่ตนกำลังมี
สิ่งที่ตนกำลังมีตามพระอภิธรรมคือผัสสะกระทบทั่วกาย
ไม่มีตามสิ่งที่ตนเห็นข้างนอกกายนั่นเพราะเห็นผิดอยู่
จะคิดเห็นตรงเห็นที่กำลังเห็นถูกตามเกิดสัมมาตาม
จึงเป็นผู้มีปกติเป็นปกติในการเจริญกุศลจากฟัง
แปลว่ามีแต่เสียงที่ทำให้คิดเห็นถูกตามคำสอนได้
เข้าใจไหมคะที่กายใจตนเองไม่มีวัตถุที่ทำบุญน๊า
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
เกิดมาทำไม...ก็เกิดมาให้ตายไปเปล่าๆเพราะขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32:


หากไปฟังเหล่าเทวทัต...ก็พาไปทัวร์อเวจี..นะจ๊ะ..

:b12: :b12:

ฟังด้วยดี...จากผู้มีดี..ย่อมมีปัญญา


ตาไม่บอดและหูไม่หนวกมีแต่ความไม่รู้ที่ทะเลาะกับคำตถาคต
ผู้ทะเลาะน๊าล่วงเกินคำสอนไม่มีใครเลยสักคนน๊ากบ
ผู้รู้น่ะป่าวประกาศสาธารณะมีปัญญาฟังเข้าใจไหม
ทบทวนกาลามสูตร10เอาให้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่ยึดติดตัวบุคคลจำไม่ได้เหรอ
คำสอนแทนศาสดาไปหาคนไหนนับถือ
เป็นครูก็เชื่อก็ทำตามไหนล่ะกาลามสูตร10
ว่าใครเหรอกบมีปัญญาคิดถูกตามคำสอนไหม
พระเทวทัตน่ะอนาคตพระปัจเจกพุทธเจ้าแน่นอน
:b8:
ส่วนความไม่รู้น่ะไม่รู้เลยว่าตนไม่รู้มากแค่ไหน555
:b32: :b32:


เห็นคุณโรส..ชอบฟังใครพูด..ก็รู้เลยว่า..
ชาตินี้..คุณโรสก็ตามผมไม่ทันหรอก.. :b9: :b9:

ศึกษาประวัติพระอริยะเจ้า...ซะ

ตัวแปรที่สำคัญในการปฏิบัติ

ความจริงตามคำสอนรู้ที่กายใจตนเอง
ที่ส่งออกไปตามบัญญัติชื่อคนน่ะ
คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือก็ไม่ฟังไง
ตถาคตบอกให้ฟังและคิดตาม
ไม่ใช่คิดเองแบบที่คิดว่า
มีใครมาพูดให้ฟังนั่นน่ะ
มันนอกกายใจตัวเองไม่ใช่หรือ555
เข้าใจไม่ชัดหรือคะ
ทบทวนช้าๆชัดๆ
บอกว่าไม่มีคน
มีแต่อุปาทานขันธ์
ก็แต่ละ1ขณะเป็นธัมมะ
แต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นธัมมะอะไรต้องรู้ตรง1ขณะที่กายใจตน
ไม่รู้ตรง1สัจจะตรงขณะนั่นแหละแปลว่าขาดสติไปแล้วไม่มีคนทั้งตัว
มีแต่สภาพรู้ตามเสียงเข้าใจความหมายของเสียงตรงที่กำลังระลึกถูกตัวตนตรง1ทาง
ที่เหลือที่ไม่ได้ระลึกดับทั้งคนทั้งตัวแล้วการรู้ทันกิเลสต้องทันผัสสะจึงเป็นการรู้ละตัวตนเพื่อตามรู้ตรง1ที่มี
ไม่ทันก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ทันแปลว่ามีกิเลสมากคิดมากเกิน1คำอวิชชาไหลแล้วมีแต่ตัวตนคิดไปทำลืมฟังไง555
:b12:
:b16: :b16:

พระอาจารย์เทศน์ไม่ถูกใจคุณโรสเหร๋อคะ ... :b10:

เอกอนพูดถึงพระอาจารย์ตนไหนคะ...มีแต่เสียงที่ทำให้คิดถูกตามคำตถาคตได้ไม่มีคนไม่เข้าใจหรือคะ555
ไม่มีตัวตนพระอาจารย์ตนไหนจะมายกตนข่มพระพุทธพจน์ได้เพราะคำสอนแทนศาสดา
เพราะคำจริงตรงสัจจะตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กำลังได้ยินคือองค์แทนศาสดา
ผู้ที่กำลังฟังเรื่องเห็นและกำลังคิดถูกตามเสียงว่าความจริงของเห็นคืออะไรคือสาวก
ส่วนผู้ที่ขาดการฟังก็กระทำสิ่งต่างๆไปตามๆกันตามกาลามสูตร10นั่นแหละผู้รู้ที่ฟัง
เข้าใจความจริงตามคำสอนถูกต้องย่อมเห็นพฤติกรรมต่างๆตามการสะสมของจิต
อ่านถึงตรงนี้พอจะมโนภาพออกไหมว่าพฤติกรรมที่ขาดฟังคือทำผิดตามๆกันไงคะ
เปลี่ยนคิดเห็นผิดเป็นคิดเห็นถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้ตอนกำลังฟังแล้วทำยังคะสุตมยปัญญาตรงๆ
:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 13:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
เกิดมาทำไม...ก็เกิดมาให้ตายไปเปล่าๆเพราะขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32:


หากไปฟังเหล่าเทวทัต...ก็พาไปทัวร์อเวจี..นะจ๊ะ..

:b12: :b12:

ฟังด้วยดี...จากผู้มีดี..ย่อมมีปัญญา


ตาไม่บอดและหูไม่หนวกมีแต่ความไม่รู้ที่ทะเลาะกับคำตถาคต
ผู้ทะเลาะน๊าล่วงเกินคำสอนไม่มีใครเลยสักคนน๊ากบ
ผู้รู้น่ะป่าวประกาศสาธารณะมีปัญญาฟังเข้าใจไหม
ทบทวนกาลามสูตร10เอาให้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่ยึดติดตัวบุคคลจำไม่ได้เหรอ
คำสอนแทนศาสดาไปหาคนไหนนับถือ
เป็นครูก็เชื่อก็ทำตามไหนล่ะกาลามสูตร10
ว่าใครเหรอกบมีปัญญาคิดถูกตามคำสอนไหม
พระเทวทัตน่ะอนาคตพระปัจเจกพุทธเจ้าแน่นอน
:b8:
ส่วนความไม่รู้น่ะไม่รู้เลยว่าตนไม่รู้มากแค่ไหน555
:b32: :b32:


เห็นคุณโรส..ชอบฟังใครพูด..ก็รู้เลยว่า..
ชาตินี้..คุณโรสก็ตามผมไม่ทันหรอก.. :b9: :b9:

ศึกษาประวัติพระอริยะเจ้า...ซะ

ตัวแปรที่สำคัญในการปฏิบัติ

ความจริงตามคำสอนรู้ที่กายใจตนเอง
ที่ส่งออกไปตามบัญญัติชื่อคนน่ะ
คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือก็ไม่ฟังไง
ตถาคตบอกให้ฟังและคิดตาม
ไม่ใช่คิดเองแบบที่คิดว่า
มีใครมาพูดให้ฟังนั่นน่ะ
มันนอกกายใจตัวเองไม่ใช่หรือ555
เข้าใจไม่ชัดหรือคะ
ทบทวนช้าๆชัดๆ
บอกว่าไม่มีคน
มีแต่อุปาทานขันธ์
ก็แต่ละ1ขณะเป็นธัมมะ
แต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นธัมมะอะไรต้องรู้ตรง1ขณะที่กายใจตน
ไม่รู้ตรง1สัจจะตรงขณะนั่นแหละแปลว่าขาดสติไปแล้วไม่มีคนทั้งตัว
มีแต่สภาพรู้ตามเสียงเข้าใจความหมายของเสียงตรงที่กำลังระลึกถูกตัวตนตรง1ทาง
ที่เหลือที่ไม่ได้ระลึกดับทั้งคนทั้งตัวแล้วการรู้ทันกิเลสต้องทันผัสสะจึงเป็นการรู้ละตัวตนเพื่อตามรู้ตรง1ที่มี
ไม่ทันก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ทันแปลว่ามีกิเลสมากคิดมากเกิน1คำอวิชชาไหลแล้วมีแต่ตัวตนคิดไปทำลืมฟังไง555
:b12:
:b16: :b16:

พระอาจารย์เทศน์ไม่ถูกใจคุณโรสเหร๋อคะ ... :b10:

เอกอนพูดถึงพระอาจารย์ตนไหนคะ...มีแต่เสียงที่ทำให้คิดถูกตามคำตถาคตได้ไม่มีคนไม่เข้าใจหรือคะ555
ไม่มีตัวตนพระอาจารย์ตนไหนจะมายกตนข่มพระพุทธพจน์ได้เพราะคำสอนแทนศาสดา
เพราะคำจริงตรงสัจจะตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กำลังได้ยินคือองค์แทนศาสดา
ผู้ที่กำลังฟังเรื่องเห็นและกำลังคิดถูกตามเสียงว่าความจริงของเห็นคืออะไรคือสาวก
ส่วนผู้ที่ขาดการฟังก็กระทำสิ่งต่างๆไปตามๆกันตามกาลามสูตร10นั่นแหละผู้รู้ที่ฟัง
เข้าใจความจริงตามคำสอนถูกต้องย่อมเห็นพฤติกรรมต่างๆตามการสะสมของจิต
อ่านถึงตรงนี้พอจะมโนภาพออกไหมว่าพฤติกรรมที่ขาดฟังคือทำผิดตามๆกันไงคะ
เปลี่ยนคิดเห็นผิดเป็นคิดเห็นถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้ตอนกำลังฟังแล้วทำยังคะสุตมยปัญญาตรงๆ
:b16: :b16: :b16:

มโนตั้งคำถามให้ตัวเองตอบเองไปเรื่อย. :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
เกิดมาทำไม...ก็เกิดมาให้ตายไปเปล่าๆเพราะขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32:


หากไปฟังเหล่าเทวทัต...ก็พาไปทัวร์อเวจี..นะจ๊ะ..

:b12: :b12:

ฟังด้วยดี...จากผู้มีดี..ย่อมมีปัญญา


ตาไม่บอดและหูไม่หนวกมีแต่ความไม่รู้ที่ทะเลาะกับคำตถาคต
ผู้ทะเลาะน๊าล่วงเกินคำสอนไม่มีใครเลยสักคนน๊ากบ
ผู้รู้น่ะป่าวประกาศสาธารณะมีปัญญาฟังเข้าใจไหม
ทบทวนกาลามสูตร10เอาให้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่ยึดติดตัวบุคคลจำไม่ได้เหรอ
คำสอนแทนศาสดาไปหาคนไหนนับถือ
เป็นครูก็เชื่อก็ทำตามไหนล่ะกาลามสูตร10
ว่าใครเหรอกบมีปัญญาคิดถูกตามคำสอนไหม
พระเทวทัตน่ะอนาคตพระปัจเจกพุทธเจ้าแน่นอน
:b8:
ส่วนความไม่รู้น่ะไม่รู้เลยว่าตนไม่รู้มากแค่ไหน555
:b32: :b32:


เห็นคุณโรส..ชอบฟังใครพูด..ก็รู้เลยว่า..
ชาตินี้..คุณโรสก็ตามผมไม่ทันหรอก.. :b9: :b9:

ศึกษาประวัติพระอริยะเจ้า...ซะ

ตัวแปรที่สำคัญในการปฏิบัติ

ความจริงตามคำสอนรู้ที่กายใจตนเอง
ที่ส่งออกไปตามบัญญัติชื่อคนน่ะ
คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือก็ไม่ฟังไง
ตถาคตบอกให้ฟังและคิดตาม
ไม่ใช่คิดเองแบบที่คิดว่า
มีใครมาพูดให้ฟังนั่นน่ะ
มันนอกกายใจตัวเองไม่ใช่หรือ555
เข้าใจไม่ชัดหรือคะ
ทบทวนช้าๆชัดๆ
บอกว่าไม่มีคน
มีแต่อุปาทานขันธ์
ก็แต่ละ1ขณะเป็นธัมมะ
แต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นธัมมะอะไรต้องรู้ตรง1ขณะที่กายใจตน
ไม่รู้ตรง1สัจจะตรงขณะนั่นแหละแปลว่าขาดสติไปแล้วไม่มีคนทั้งตัว
มีแต่สภาพรู้ตามเสียงเข้าใจความหมายของเสียงตรงที่กำลังระลึกถูกตัวตนตรง1ทาง
ที่เหลือที่ไม่ได้ระลึกดับทั้งคนทั้งตัวแล้วการรู้ทันกิเลสต้องทันผัสสะจึงเป็นการรู้ละตัวตนเพื่อตามรู้ตรง1ที่มี
ไม่ทันก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ทันแปลว่ามีกิเลสมากคิดมากเกิน1คำอวิชชาไหลแล้วมีแต่ตัวตนคิดไปทำลืมฟังไง555
:b12:
:b16: :b16:

พระอาจารย์เทศน์ไม่ถูกใจคุณโรสเหร๋อคะ ... :b10:

เอกอนพูดถึงพระอาจารย์ตนไหนคะ...มีแต่เสียงที่ทำให้คิดถูกตามคำตถาคตได้ไม่มีคนไม่เข้าใจหรือคะ555
ไม่มีตัวตนพระอาจารย์ตนไหนจะมายกตนข่มพระพุทธพจน์ได้เพราะคำสอนแทนศาสดา
เพราะคำจริงตรงสัจจะตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กำลังได้ยินคือองค์แทนศาสดา
ผู้ที่กำลังฟังเรื่องเห็นและกำลังคิดถูกตามเสียงว่าความจริงของเห็นคืออะไรคือสาวก
ส่วนผู้ที่ขาดการฟังก็กระทำสิ่งต่างๆไปตามๆกันตามกาลามสูตร10นั่นแหละผู้รู้ที่ฟัง
เข้าใจความจริงตามคำสอนถูกต้องย่อมเห็นพฤติกรรมต่างๆตามการสะสมของจิต
อ่านถึงตรงนี้พอจะมโนภาพออกไหมว่าพฤติกรรมที่ขาดฟังคือทำผิดตามๆกันไงคะ
เปลี่ยนคิดเห็นผิดเป็นคิดเห็นถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้ตอนกำลังฟังแล้วทำยังคะสุตมยปัญญาตรงๆ
:b16: :b16: :b16:

มโนตั้งคำถามให้ตัวเองตอบเองไปเรื่อย. :b1:

เอกอนจะคิดนอกเหนือสิ่งที่กำลังมีแสดงว่าเอกอนคิดผิดจำผิดเกินคำสอนเดี๋ยวนี้คิดได้แค่1ทางอายตนะดับ
กำลังเห็นเป็นผลของกรรมดับแล้วคิดต่อในความมืดเกินเห็นมันผิดทางเกิดปัญญาไม่เข้าใจตรงปัจจุบันขณะ
ตรงขณะตามคำสอนต้องกำลังมีแสง+สี1สีกระทบตรงกลางตาดำในลูกตา555เอกอนเห็นตาคนอื่นแต่ไม่รู้ไง
ว่าสีที่กระทบตาของตาเห็นรูปเป็นเพียงจิต+จักขุปสาทะรูป+สี=สี1สี+แสงดับตรงกลางตาหมดแล้วไม่มีคิดปน
ความจริงเดี๋ยวนี้ที่ตาทุกคนเห็นและเอกอนเห็นมันปรากฏแค่สี1สีโดยไม่มีคิดนึกปนไหมคะวิถีจิตไม่ปนกันค่ะ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมที่เป็นจิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางทีละ1ทางสลับกันเรียงลำดับครบ6ทาง
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 14:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
เกิดมาทำไม...ก็เกิดมาให้ตายไปเปล่าๆเพราะขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32:


หากไปฟังเหล่าเทวทัต...ก็พาไปทัวร์อเวจี..นะจ๊ะ..

:b12: :b12:

ฟังด้วยดี...จากผู้มีดี..ย่อมมีปัญญา


ตาไม่บอดและหูไม่หนวกมีแต่ความไม่รู้ที่ทะเลาะกับคำตถาคต
ผู้ทะเลาะน๊าล่วงเกินคำสอนไม่มีใครเลยสักคนน๊ากบ
ผู้รู้น่ะป่าวประกาศสาธารณะมีปัญญาฟังเข้าใจไหม
ทบทวนกาลามสูตร10เอาให้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่ยึดติดตัวบุคคลจำไม่ได้เหรอ
คำสอนแทนศาสดาไปหาคนไหนนับถือ
เป็นครูก็เชื่อก็ทำตามไหนล่ะกาลามสูตร10
ว่าใครเหรอกบมีปัญญาคิดถูกตามคำสอนไหม
พระเทวทัตน่ะอนาคตพระปัจเจกพุทธเจ้าแน่นอน
:b8:
ส่วนความไม่รู้น่ะไม่รู้เลยว่าตนไม่รู้มากแค่ไหน555
:b32: :b32:


เห็นคุณโรส..ชอบฟังใครพูด..ก็รู้เลยว่า..
ชาตินี้..คุณโรสก็ตามผมไม่ทันหรอก.. :b9: :b9:

ศึกษาประวัติพระอริยะเจ้า...ซะ

ตัวแปรที่สำคัญในการปฏิบัติ

ความจริงตามคำสอนรู้ที่กายใจตนเอง
ที่ส่งออกไปตามบัญญัติชื่อคนน่ะ
คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือก็ไม่ฟังไง
ตถาคตบอกให้ฟังและคิดตาม
ไม่ใช่คิดเองแบบที่คิดว่า
มีใครมาพูดให้ฟังนั่นน่ะ
มันนอกกายใจตัวเองไม่ใช่หรือ555
เข้าใจไม่ชัดหรือคะ
ทบทวนช้าๆชัดๆ
บอกว่าไม่มีคน
มีแต่อุปาทานขันธ์
ก็แต่ละ1ขณะเป็นธัมมะ
แต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นธัมมะอะไรต้องรู้ตรง1ขณะที่กายใจตน
ไม่รู้ตรง1สัจจะตรงขณะนั่นแหละแปลว่าขาดสติไปแล้วไม่มีคนทั้งตัว
มีแต่สภาพรู้ตามเสียงเข้าใจความหมายของเสียงตรงที่กำลังระลึกถูกตัวตนตรง1ทาง
ที่เหลือที่ไม่ได้ระลึกดับทั้งคนทั้งตัวแล้วการรู้ทันกิเลสต้องทันผัสสะจึงเป็นการรู้ละตัวตนเพื่อตามรู้ตรง1ที่มี
ไม่ทันก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ทันแปลว่ามีกิเลสมากคิดมากเกิน1คำอวิชชาไหลแล้วมีแต่ตัวตนคิดไปทำลืมฟังไง555
:b12:
:b16: :b16:

พระอาจารย์เทศน์ไม่ถูกใจคุณโรสเหร๋อคะ ... :b10:

เอกอนพูดถึงพระอาจารย์ตนไหนคะ...มีแต่เสียงที่ทำให้คิดถูกตามคำตถาคตได้ไม่มีคนไม่เข้าใจหรือคะ555
ไม่มีตัวตนพระอาจารย์ตนไหนจะมายกตนข่มพระพุทธพจน์ได้เพราะคำสอนแทนศาสดา
เพราะคำจริงตรงสัจจะตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กำลังได้ยินคือองค์แทนศาสดา
ผู้ที่กำลังฟังเรื่องเห็นและกำลังคิดถูกตามเสียงว่าความจริงของเห็นคืออะไรคือสาวก
ส่วนผู้ที่ขาดการฟังก็กระทำสิ่งต่างๆไปตามๆกันตามกาลามสูตร10นั่นแหละผู้รู้ที่ฟัง
เข้าใจความจริงตามคำสอนถูกต้องย่อมเห็นพฤติกรรมต่างๆตามการสะสมของจิต
อ่านถึงตรงนี้พอจะมโนภาพออกไหมว่าพฤติกรรมที่ขาดฟังคือทำผิดตามๆกันไงคะ
เปลี่ยนคิดเห็นผิดเป็นคิดเห็นถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้ตอนกำลังฟังแล้วทำยังคะสุตมยปัญญาตรงๆ
:b16: :b16: :b16:

มโนตั้งคำถามให้ตัวเองตอบเองไปเรื่อย. :b1:

เอกอนจะคิดนอกเหนือสิ่งที่กำลังมีแสดงว่าเอกอนคิดผิดจำผิดเกินคำสอนเดี๋ยวนี้คิดได้แค่1ทางอายตนะดับ
กำลังเห็นเป็นผลของกรรมดับแล้วคิดต่อในความมืดเกินเห็นมันผิดทางเกิดปัญญาไม่เข้าใจตรงปัจจุบันขณะ
ตรงขณะตามคำสอนต้องกำลังมีแสง+สี1สีกระทบตรงกลางตาดำในลูกตา555เอกอนเห็นตาคนอื่นแต่ไม่รู้ไง
ว่าสีที่กระทบตาของตาเห็นรูปเป็นเพียงจิต+จักขุปสาทะรูป+สี=สี1สี+แสงดับตรงกลางตาหมดแล้วไม่มีคิดปน
ความจริงเดี๋ยวนี้ที่ตาทุกคนเห็นและเอกอนเห็นมันปรากฏแค่สี1สีโดยไม่มีคิดนึกปนไหมคะวิถีจิตไม่ปนกันค่ะ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมที่เป็นจิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางทีละ1ทางสลับกันเรียงลำดับครบ6ทาง
:b32: :b32: :b32:


คุณรสรินสนทนาไม่ตรงกับหัวข้อที่เราสนทนากันนะคะ
แม้คุณรสจะมีเอ่ยชื่อเอกอนก็ตาม
คุณรสคงไม่ได้พูดกับเอกอนแน่ๆเลย

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 14:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาคุยอยู่ตรงนี้แต่ใจไปหลงอยู่ไหนน๊อ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
เกิดมาทำไม...ก็เกิดมาให้ตายไปเปล่าๆเพราะขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32:


หากไปฟังเหล่าเทวทัต...ก็พาไปทัวร์อเวจี..นะจ๊ะ..

:b12: :b12:

ฟังด้วยดี...จากผู้มีดี..ย่อมมีปัญญา


ตาไม่บอดและหูไม่หนวกมีแต่ความไม่รู้ที่ทะเลาะกับคำตถาคต
ผู้ทะเลาะน๊าล่วงเกินคำสอนไม่มีใครเลยสักคนน๊ากบ
ผู้รู้น่ะป่าวประกาศสาธารณะมีปัญญาฟังเข้าใจไหม
ทบทวนกาลามสูตร10เอาให้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่ยึดติดตัวบุคคลจำไม่ได้เหรอ
คำสอนแทนศาสดาไปหาคนไหนนับถือ
เป็นครูก็เชื่อก็ทำตามไหนล่ะกาลามสูตร10
ว่าใครเหรอกบมีปัญญาคิดถูกตามคำสอนไหม
พระเทวทัตน่ะอนาคตพระปัจเจกพุทธเจ้าแน่นอน
:b8:
ส่วนความไม่รู้น่ะไม่รู้เลยว่าตนไม่รู้มากแค่ไหน555
:b32: :b32:


เห็นคุณโรส..ชอบฟังใครพูด..ก็รู้เลยว่า..
ชาตินี้..คุณโรสก็ตามผมไม่ทันหรอก.. :b9: :b9:

ศึกษาประวัติพระอริยะเจ้า...ซะ

ตัวแปรที่สำคัญในการปฏิบัติ

ความจริงตามคำสอนรู้ที่กายใจตนเอง
ที่ส่งออกไปตามบัญญัติชื่อคนน่ะ
คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือก็ไม่ฟังไง
ตถาคตบอกให้ฟังและคิดตาม
ไม่ใช่คิดเองแบบที่คิดว่า
มีใครมาพูดให้ฟังนั่นน่ะ
มันนอกกายใจตัวเองไม่ใช่หรือ555
เข้าใจไม่ชัดหรือคะ
ทบทวนช้าๆชัดๆ
บอกว่าไม่มีคน
มีแต่อุปาทานขันธ์
ก็แต่ละ1ขณะเป็นธัมมะ
แต่ละ1หลากหลายตามการสะสม
เป็นธัมมะอะไรต้องรู้ตรง1ขณะที่กายใจตน
ไม่รู้ตรง1สัจจะตรงขณะนั่นแหละแปลว่าขาดสติไปแล้วไม่มีคนทั้งตัว
มีแต่สภาพรู้ตามเสียงเข้าใจความหมายของเสียงตรงที่กำลังระลึกถูกตัวตนตรง1ทาง
ที่เหลือที่ไม่ได้ระลึกดับทั้งคนทั้งตัวแล้วการรู้ทันกิเลสต้องทันผัสสะจึงเป็นการรู้ละตัวตนเพื่อตามรู้ตรง1ที่มี
ไม่ทันก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ทันแปลว่ามีกิเลสมากคิดมากเกิน1คำอวิชชาไหลแล้วมีแต่ตัวตนคิดไปทำลืมฟังไง555
:b12:
:b16: :b16:

พระอาจารย์เทศน์ไม่ถูกใจคุณโรสเหร๋อคะ ... :b10:

เอกอนพูดถึงพระอาจารย์ตนไหนคะ...มีแต่เสียงที่ทำให้คิดถูกตามคำตถาคตได้ไม่มีคนไม่เข้าใจหรือคะ555
ไม่มีตัวตนพระอาจารย์ตนไหนจะมายกตนข่มพระพุทธพจน์ได้เพราะคำสอนแทนศาสดา
เพราะคำจริงตรงสัจจะตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กำลังได้ยินคือองค์แทนศาสดา
ผู้ที่กำลังฟังเรื่องเห็นและกำลังคิดถูกตามเสียงว่าความจริงของเห็นคืออะไรคือสาวก
ส่วนผู้ที่ขาดการฟังก็กระทำสิ่งต่างๆไปตามๆกันตามกาลามสูตร10นั่นแหละผู้รู้ที่ฟัง
เข้าใจความจริงตามคำสอนถูกต้องย่อมเห็นพฤติกรรมต่างๆตามการสะสมของจิต
อ่านถึงตรงนี้พอจะมโนภาพออกไหมว่าพฤติกรรมที่ขาดฟังคือทำผิดตามๆกันไงคะ
เปลี่ยนคิดเห็นผิดเป็นคิดเห็นถูกตามเกิดสัมมาตามคำสอนได้ตอนกำลังฟังแล้วทำยังคะสุตมยปัญญาตรงๆ
:b16: :b16: :b16:

มโนตั้งคำถามให้ตัวเองตอบเองไปเรื่อย. :b1:

เอกอนจะคิดนอกเหนือสิ่งที่กำลังมีแสดงว่าเอกอนคิดผิดจำผิดเกินคำสอนเดี๋ยวนี้คิดได้แค่1ทางอายตนะดับ
กำลังเห็นเป็นผลของกรรมดับแล้วคิดต่อในความมืดเกินเห็นมันผิดทางเกิดปัญญาไม่เข้าใจตรงปัจจุบันขณะ
ตรงขณะตามคำสอนต้องกำลังมีแสง+สี1สีกระทบตรงกลางตาดำในลูกตา555เอกอนเห็นตาคนอื่นแต่ไม่รู้ไง
ว่าสีที่กระทบตาของตาเห็นรูปเป็นเพียงจิต+จักขุปสาทะรูป+สี=สี1สี+แสงดับตรงกลางตาหมดแล้วไม่มีคิดปน
ความจริงเดี๋ยวนี้ที่ตาทุกคนเห็นและเอกอนเห็นมันปรากฏแค่สี1สีโดยไม่มีคิดนึกปนไหมคะวิถีจิตไม่ปนกันค่ะ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมที่เป็นจิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทางทีละ1ทางสลับกันเรียงลำดับครบ6ทาง
:b32: :b32: :b32:


คุณรสรินสนทนาไม่ตรงกับหัวข้อที่เราสนทนากันนะคะ
แม้คุณรสจะมีเอ่ยชื่อเอกอนก็ตาม
คุณรสคงไม่ได้พูดกับเอกอนแน่ๆเลย

:b1:

คุยกะเสียงความคิดตัวเองให้รู้เรื่องก่อนนะคะ
วิธีคุยกะเสียงตัวเองคืออ่านคำไหนคิดคำนั้นเท่านั้นตรงกับที่อวัยวะทำงานด้วย
ไม่คิดเกินคำที่กำลังอ่าน...หมดข้อความก็ทบทวนซ้ำช้าๆหลายๆรอบ
:b12:
ตาไม่เห็น...แต่เป็นธัมมะคือจิตเห็นตรงกับบาลีว่าจักขุวิญญาณเห็นสี1สีพร้อมแสงดับแล้วมืด...ไม่มีคิดปน
หูไม่ได้ยิน...แต่เป็นธัมมะคือจิตได้ยินเกิดจากกำลังมีเสียงกระทบหูแค่ได้ยินไม่มีคิดถึงเสียงอะไรปนในมืด
:b1:
เดี๋ยวนี้...คิดว่าเห็นพร้อมได้ยินเสียง...แปลว่า...คิดผิด...จำผิด...ไม่ตรงตามคำสอนตรงกับบาลีว่ามิจฉาทิฏฐิ
พอจะคิดได้ไหมตรงๆไม่มีอ้อมดูความจริงที่ตาเนื้อตนเองเห็นพร้อมกำลังได้ยินเสียงปนกันหมดคือมิจฉามรรค
(ถ้าไม่เข้าใจไม่ต้องไปทำอะไรหรอก...แค่กะพริบตาเฉยๆก็เป็นอวิชชาแล้วขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามได้)
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 15:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คุยกะตัวเอง
ก็หลังคาแดงล่ะ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เข้ามาคุยอยู่ตรงนี้แต่ใจไปหลงอยู่ไหนน๊อ

:b1:

เอกอนก็ดูแล้วก็คิดให้ตรงสิ
กำลังเห็นคนสัตว์วัตถุคือเห็นผิด
เห็นถูกตามคำสอนคือสีดับในลูกตามืดแล้วคิดในมืด
จะคิดตรงพร้อมเห็นตัวอักษรไม่ได้เพราะคนละวิถีจิตไม่เกิดตรงกันทุกกรณี
จิตเห็น มีแสง
จิตคิดนึก ไม่มีแสง
คิดพร้อมเห็นไม่ได้
ดังนั้นเห็นตัวอักษรคือคิดหลังเห็นดับคือเห็นผิด
เพราะสีล้วน1สีไม่มีรูปร่างลองเอากระดาษเปล่ามาบังหน้าดูสินั่นแหละจิตเห็นสีแค่สีเดียว
:b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 11 ธ.ค. 2018, 15:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิดวกวนแบบคุณรส
เอกอนไม่รับไว้นะคะ

:b1:

พูดเองเออเองคนเดียวต่อไปนะคะ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
เข้ามาคุยอยู่ตรงนี้แต่ใจไปหลงอยู่ไหนน๊อ

:b1:

เอกอนก็ดูแล้วก็คิดให้ตรงสิ
กำลังเห็นคนสัตว์วัตถุคือเห็นผิด
เห็นถูกตามคำสอนคือสีดับในลูกตามืดแล้วคิดในมืด
จะคิดตรงพร้อมเห็นตัวอักษรไม่ได้เพราะคนละวิถีจิตไม่เกิดตรงกันทุกกรณี
จิตเห็น มีแสง
จิตคิดนึก ไม่มีแสง
คิดพร้อมเห็นไม่ได้
ดังนั้นเห็นตัวอักษรคือคิดหลังเห็นดับคือเห็นผิด
เพราะสีล้วน1สีไม่มีรูปร่างลองเอากระดาษเปล่ามาบังหน้าดูสินั่นแหละจิตเห็นสีแค่สีเดียว
:b16: :b16:

คิดให้ตรงเดี๋ยวนี้มีครบแล้วคำสอนมีไว้เทียบความจริงที่กายใจตัวเองกำลังมีค่ะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางสลับกันอย่างรวดเร็วทีละ1วิถีจิตไม่ปนกันตรงทางดับทีละ1ทางไม่ซ้ำเดิมทุกขณะค่ะ
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร