วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2025, 09:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 02:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?


:b12:
บรรลุเร็วเพราะมีปัญญานะคะเมแค่1คนถึงอรหันต์คือท่านพาหิยะจ้ะเป็นเอกคือแต่ละ1เดี๋ยวนี้ค่ะ
เมเลือกไว้ล่วงหน้าหรือคะว่าจะเป็น1ในตถาคตพระองค์ไหนเป็นสาวกได้ต้องสะสมฟังก่อนน๊า
ตถาคตตรัสรู้ความจริงเพื่อบอกให้ฟังให้เข้าใจความจริงที่กายใจตนกำลังมีไม่ส่งไปรู้ที่อื่น
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2018, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
@ "ภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่รู้เห็นจักษุตามที่มันเป็น
รู้เห็นรูปทั้งหลายตามที่มันเป็น
รู้เห็นจักษุวิญญาณตามที่มันเป็น
รู้เห็นจักษุสัมผัสตามที่มันเป็น
รู้เห็นเวทนาอันเป็นสุข หรือทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ตามที่มันเป็น
ย่อมไม่ติดพันในจักษุ ไม่ติดพันในรูปทั้งหลาย ไม่ติดพันในจักขุวิญญาณ ไม่ติดพันในจักขุสัมผัส ไม่ติดพันในเวทนา อันเป็นสุข หรือทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย

"เมื่อผู้นั้นไม่ติดพัน ไม่หมกมุ่น ไม่ลุ่มหลง รู้เท่าทันเห็นโทษตระหนักอยู่ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ ย่อมถึงความไม่ก่อตัวพอกพูนต่อไป
อนึ่ง ตัณหาที่เป็นการก่อภพใหม่ อันประกอบด้วยนันทิราคะ คอยแส่เพลิดเพลินอยู่ในอารมณ์ต่างๆ ก็จะถูกละไปเสียด้วย
ความกระวนกระวายทางกายก็ดี
ความกระวนกระวายทางใจก็ดี
ความเร่าร้อนกายก็ดี
ความเร่าร้อนใจก็ดี
ความกลัดกลุ้มทางกายก็ดี
ความกลัดกลุ้มทางใจก็ดี ย่อมถูกเขาละได้

"ผู้นั้น ย่อมเสวยทั้งความสุขทางกาย ทั้งความสุขทางใจ บุคคลผู้เป็นเช่นนั้นแล้ว มีความเห็นอันใด ความเห็นอันนั้นก็เป็นสัมมาทิฏฐิ
มีความดำริใด ความดำริก็เป็นสัมมาสังกัปปะ
มีความพยายามใด ความพยายามนั้นก็เป็นสัมมาวายามะ
ส่วนกายกรรม วจีกรรม และอาชีวะของเขา ย่อมบริสุทธิ์มาแต่ต้นทีเดียว ด้วยประการดังนี้ เขาชื่อว่ามีอริยอัฏฐังคิกมรรค อันถึงความเจริญบริบูรณ์” (เกี่ยวกับ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน ก็เช่นเดียวกัน) (ม.อุ.12/828/523)

..............

นันทิ ความยินดี, ความติดใจเพลิดเพลิน, ความระเริง, ความสนุก, ความชื่นมื่น

cool
เดี๋ยวนี้คือกำลังเห็นทันทีนี้แหละ
ถ้ายังไม่ปรากฏแค่สีเพียง1สีตราบใด
ตราบนั้นหยุดฟังพระพุทธพจน์กิเลสอาสาวะไหลทันที


แม่สุจินบอกหรอ

cool
ถ้าคุณกรัชกายมัวแต่ยึดตัวตนไปนั่งทำ
แสดงว่าคุณยึดตัวตนเป็นสรณังคัจฉามิ
:b32:
แล้วท่องทำไมคะ...อริยสาวิตรีมีในพระพุทธศาสนาเท่านั้นค่ะ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง. คัจฉามิ
24คำนี้เกิดจากตถาคตเข้าไปโปรดพราหมณ์ท่านหนึ่ง
และท่านได้ขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
ถ้าคุณไม่พึ่งคำตถาคตแล้วจะพึ่งอะไรภิกษุรับเงิน
แปลว่ายึดเงินเป็นสะระณังคัจฉามิไงคะจริงไหม
ถ้ายึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจึงต้องเริ่มฟังและ
พึ่งคิดตามทีละคำตามเป็นจริงตามปกติที่คนทั่วๆไปฟัง
คุณเรียนหนังสือกว่าจะจบอนุบาลคุณท่องกขคงจฉชได้ก่อนไม่ใช่หรือคะ
แล้วคำตถาคตยากกว่าที่จะคิดเองได้แม้คิดอยู่เดี๋ยวนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นกิเลสแล้ว
ฟังพระพุทธพจน์เพื่อระลึกตามตรงคำตรงขณะเพื่อถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ให้ระลึกตามได้
ทราบไหมคะว่าขณะที่ยึดคำตถาคตตรงขณะได้นั้นเองคือธัมมะเตชะเป็นเกราะกำบังกิเลสได้ทันที
เพราะไม่มีตัวตนเลยมีแต่จิตคิดนึกตามคำวาจาสัจจะที่ละไม่รู้ได้เองจากการคิดตรงคำทีละคำคือรู้เพื่อละไม่รู้
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?


:b12:
บรรลุเร็วเพราะมีปัญญานะคะเมแค่1คนถึงอรหันต์คือท่านพาหิยะจ้ะเป็นเอกคือแต่ละ1เดี๋ยวนี้ค่ะ
เมเลือกไว้ล่วงหน้าหรือคะว่าจะเป็น1ในตถาคตพระองค์ไหนเป็นสาวกได้ต้องสะสมฟังก่อนน๊า
ตถาคตตรัสรู้ความจริงเพื่อบอกให้ฟังให้เข้าใจความจริงที่กายใจตนกำลังมีไม่ส่งไปรู้ที่อื่น
:b32: :b32: :b32:


ไม่ใช่หรอกค่ะคุณยาย
ท่านพาหิยะ ปัญญาไม่ได้เป็นเลิศ เท่าพระสารีบุตร

แต่ท่านบรรลุได้เร็วที่สุดเป็นเลิศ


เพราะท่านฟังแต่สักว่าฟังค่ะ ไม่ได้สะสมการฟังไว้ค่ะ

เมแนะนำนะคะ คุณยายลองไม่สะสมการฟังสิคะ
อาจเป็นเลิศติดท๊อปเทน ในการบรรลุเร็วก็ได้ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?


:b12:
บรรลุเร็วเพราะมีปัญญานะคะเมแค่1คนถึงอรหันต์คือท่านพาหิยะจ้ะเป็นเอกคือแต่ละ1เดี๋ยวนี้ค่ะ
เมเลือกไว้ล่วงหน้าหรือคะว่าจะเป็น1ในตถาคตพระองค์ไหนเป็นสาวกได้ต้องสะสมฟังก่อนน๊า
ตถาคตตรัสรู้ความจริงเพื่อบอกให้ฟังให้เข้าใจความจริงที่กายใจตนกำลังมีไม่ส่งไปรู้ที่อื่น
:b32: :b32: :b32:


ไม่ใช่หรอกค่ะคุณยาย
ท่านพาหิยะ ปัญญาไม่ได้เป็นเลิศ เท่าพระสารีบุตร

แต่ท่านบรรลุได้เร็วที่สุดเป็นเลิศ


เพราะท่านฟังแต่สักว่าฟังค่ะ ไม่ได้สะสมการฟังไว้ค่ะ

เมแนะนำนะคะ คุณยายลองไม่สะสมการฟังสิคะ
อาจเป็นเลิศติดท๊อปเทน ในการบรรลุเร็วก็ได้ค่ะ


:b32:
สาวกคิดเองหมายถึงจะไปคิดค้นอย่างไรทำอย่างไรก็ปิดทางรู้เดี๋ยวนี้
ผู้ที่จะบรรลุเองได้คิดเองได้ในชาติสุดท้ายมีแค่2บุคคลยุคนี้ไม่มีแน่นอน
บุคคลที่1ชื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีได้แค่1พระองค์
บุคคลที่2ชื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งยังไม่ถึงกาลที่จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า
ที่เหลือต้องฟังคำสอนจนเกิดปัญญาบรรลุตามไม่ใช่คิดเองโดยไม่เป็นสาวก
คิดให้ตรงสิคะตนเป็น2บุคคลนั้นหรือถึงประมาทไม่ฟังคำสอนจึงคิดว่าตนคิดเองได้
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 18:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?


:b12:
บรรลุเร็วเพราะมีปัญญานะคะเมแค่1คนถึงอรหันต์คือท่านพาหิยะจ้ะเป็นเอกคือแต่ละ1เดี๋ยวนี้ค่ะ
เมเลือกไว้ล่วงหน้าหรือคะว่าจะเป็น1ในตถาคตพระองค์ไหนเป็นสาวกได้ต้องสะสมฟังก่อนน๊า
ตถาคตตรัสรู้ความจริงเพื่อบอกให้ฟังให้เข้าใจความจริงที่กายใจตนกำลังมีไม่ส่งไปรู้ที่อื่น
:b32: :b32: :b32:


ไม่ใช่หรอกค่ะคุณยาย
ท่านพาหิยะ ปัญญาไม่ได้เป็นเลิศ เท่าพระสารีบุตร

แต่ท่านบรรลุได้เร็วที่สุดเป็นเลิศ


เพราะท่านฟังแต่สักว่าฟังค่ะ ไม่ได้สะสมการฟังไว้ค่ะ

เมแนะนำนะคะ คุณยายลองไม่สะสมการฟังสิคะ
อาจเป็นเลิศติดท๊อปเทน ในการบรรลุเร็วก็ได้ค่ะ


:b32:
สาวกคิดเองหมายถึงจะไปคิดค้นอย่างไรทำอย่างไรก็ปิดทางรู้เดี๋ยวนี้
ผู้ที่จะบรรลุเองได้คิดเองได้ในชาติสุดท้ายมีแค่2บุคคลยุคนี้ไม่มีแน่นอน
บุคคลที่1ชื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีได้แค่1พระองค์
บุคคลที่2ชื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งยังไม่ถึงกาลที่จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า
ที่เหลือต้องฟังคำสอนจนเกิดปัญญาบรรลุตามไม่ใช่คิดเองโดยไม่เป็นสาวก
คิดให้ตรงสิคะตนเป็น2บุคคลนั้นหรือถึงประมาทไม่ฟังคำสอนจึงคิดว่าตนคิดเองได้
:b32: :b32: :b32:


คุณยายโรสขา
เอะอะก็ให้คิด ให้คิด
คิดเท่าไร ก็ไม่ตรงหรอกค่ะ

เพราะจิต + คิด ไปค่ะ

หนูถึงแนะนำ ว่า คุณยายเรียนแต่บวก + มา
เรยยังไม่รู้จักคำว่า - (ลบ)
หนูแนะนำให้ซ้ำนะคะ ว่าเรียนลบด้วย

แล้วคุณยายจะเงียบไปเรยค่ะ
เพราะรู้ ตรง จริงๆ ว่า
นอกจาก+ ยังมีลบ - อีกนะค๊ะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?


:b12:
บรรลุเร็วเพราะมีปัญญานะคะเมแค่1คนถึงอรหันต์คือท่านพาหิยะจ้ะเป็นเอกคือแต่ละ1เดี๋ยวนี้ค่ะ
เมเลือกไว้ล่วงหน้าหรือคะว่าจะเป็น1ในตถาคตพระองค์ไหนเป็นสาวกได้ต้องสะสมฟังก่อนน๊า
ตถาคตตรัสรู้ความจริงเพื่อบอกให้ฟังให้เข้าใจความจริงที่กายใจตนกำลังมีไม่ส่งไปรู้ที่อื่น
:b32: :b32: :b32:


ไม่ใช่หรอกค่ะคุณยาย
ท่านพาหิยะ ปัญญาไม่ได้เป็นเลิศ เท่าพระสารีบุตร

แต่ท่านบรรลุได้เร็วที่สุดเป็นเลิศ


เพราะท่านฟังแต่สักว่าฟังค่ะ ไม่ได้สะสมการฟังไว้ค่ะ

เมแนะนำนะคะ คุณยายลองไม่สะสมการฟังสิคะ
อาจเป็นเลิศติดท๊อปเทน ในการบรรลุเร็วก็ได้ค่ะ


:b32:
สาวกคิดเองหมายถึงจะไปคิดค้นอย่างไรทำอย่างไรก็ปิดทางรู้เดี๋ยวนี้
ผู้ที่จะบรรลุเองได้คิดเองได้ในชาติสุดท้ายมีแค่2บุคคลยุคนี้ไม่มีแน่นอน
บุคคลที่1ชื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีได้แค่1พระองค์
บุคคลที่2ชื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งยังไม่ถึงกาลที่จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า
ที่เหลือต้องฟังคำสอนจนเกิดปัญญาบรรลุตามไม่ใช่คิดเองโดยไม่เป็นสาวก
คิดให้ตรงสิคะตนเป็น2บุคคลนั้นหรือถึงประมาทไม่ฟังคำสอนจึงคิดว่าตนคิดเองได้
:b32: :b32: :b32:


คุณยายโรสขา
เอะอะก็ให้คิด ให้คิด
คิดเท่าไร ก็ไม่ตรงหรอกค่ะ

เพราะจิต + คิด ไปค่ะ

หนูถึงแนะนำ ว่า คุณยายเรียนแต่บวก + มา
เรยยังไม่รู้จักคำว่า - (ลบ)
หนูแนะนำให้ซ้ำนะคะ ว่าเรียนลบด้วย

แล้วคุณยายจะเงียบไปเรยค่ะ
เพราะรู้ ตรง จริงๆ ว่า
นอกจาก+ ยังมีลบ - อีกนะค๊ะ



:b12:
ตั้งหลักหน่อยนะเพราะจิตมันไม่เที่ยง
กะพริบตาแล้วเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้ว
เอากิเลสที่ดับตะกี้นี้ตอนก่อนกะพริบตาออกยังไง
ไหนลองแจกแจงมาสินับสิกี่ขณะจิตกะพริบตากี่รอบแล้วเนี่ย
กิเลสมันดับสะสมในจิตแล้วก็ไม่รู้ยังจะมาบอกลบอะไรคะ
ลบความเห็นผิดของตนเองให้ได้ก่อนน๊าดูสิเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุคือเห็นผิดจิตกำลังวิปลาสไงคะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร
กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร
มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร
สพฺพตฺถ สํวโร ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

ความสำรวมทางตาเป็นการดี ความสำรวมทางหูเป็นการดี
ความสำรวมทางจมูกเป็นการดี ความสำรวมทางลิ้นเป็นการดี
ความสำรวมทางกายเป็นการดี ความสำรวมทางวาจาเป็นการดี
ความสำรวมทางใจเป็นการดี ความสำรวมในทวารทั้งปวงเป็นการดี
ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง.

Kiss
เดี๋ยวนี้เลยสีกานุ่งขาวเต็มวัดเลย
ตามองดูเห็นแค่สีไหมสำรวมยังไง
สู้ไม่เห็นดีกว่าไหมไม่ใช่มโนเอาได้
คนนี้สวยคนนั้นขี้เหร่คริคริคริกิเลสไหม
เห็นเป็นคนทันทีนั้นแหละคือจิตวิปลาสแล้ว
มองเพลินเลยไหมคนหมาแมววัตถุเต็มวัดพกกุญแจอีกภาระไหม
ตถาคตให้ทิ้งเพศคฤหัสถ์เพื่อไม่ให้มีภาระแสวงหาวัตถุเพื่อติดกุญแจอีก
ที่สำคัญคือบรรพชิตเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคนอื่นมีบ้านกลับไปนอนบ้านสิคะ
คริคริคริไม่เก็ตหรือฉุกคิดหรือคะถ้ามีแค่บาตรจีวรอัฏฐบริขารเพียงพอไหมไม่ต้องพกกุญแจ
:b32: :b32:


เม เอาพระสูตรมาให้คุณยายโรสค่ะ

ลองตั้งใจฟังพระสูตรนี้นะคะ

ครั้งเดียวก็ ไม่ต้องฟังยูทูบซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นสิบปีค่ะ


แล้ว เม ก็เห็นคุณยายใช่แต่ กาลามะสูตร
พระสูตรเกสตปุตสูตร กาละมะนั่น ทำให้ชาวกาลามะ เป็นได้เพียงสาวก พระสาวิกาพระพุทธองค์เท่านั้นค่ะ
มมีใครได้อริยะบุคคล ไม่มีใครได้หลุดพ้นสักคนในเมือง

พระสูตรนี้ ไม่ได้สอนให้ฟังแล้วเอามายึดมั่นถือมั่น
ไม่ได้สอนให้คิดอะไรแบบคุณยายบอกเรยค่ะ

เป็นมิติใหม่นะคะ จะได้ก้าวข้ามภาวะเดิมนะคุณยายโรสขา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟังเมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูก่อนพาหิยะท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูก่อนพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มีในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.

ลำดับนั้นแล จิตของพาหิยทารุจีริยกุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนพาหิย-ทารุจีริยกุลบุตรด้วยพระโอวาทโดยย่อนี้แล้ว เสด็จหลีกไป.

tongue
ทราบเบื้องหลังท่านพาหิยะไหมล่ะคะเพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังเห็นแจ้งอยู่
เพราะเห็นเป็นสภาพธัมมะเดียวที่มีแสงสว่างส่วนอีก5ทางเกิดในความมืด
ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์นะคะประจักษ์ความจริงที่กำลังฟังจากพระโอษฐ์
ท่านที่ฟังว่าเดี๋ยวนี้นะคะกำลังมีจิตเห็นเป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดครบ6ทางไหม
สักแต่ว่านั้นมีได้เพราะฟังมาจนทะลุปรุโปร่งมาจากอดีตไม่ฟังจะรู้จักปัญญาตนมีแค่ไหนไหมคะ
onion onion onion


ท่านพาหิยะ ท่านมาแสดงให้พระพุทธองค์ชมค่ะ แล้วท่านก็ไม่อยู่เป็นพระสาวก ไปยอมให้ควายขวิดค่ะ

ท่านไม่ได้บรรลุอรหัตผลจากการฟังหรอกค่ะ

แต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในการฟัง ในสิ่งที่ฟังมาค่ะ ได้แต่สักว่าฟังค่ะ

แล้วคุณยายหละคะ ยังยึดมั่นถือมั่นที่ฟังมาอยู่หรือเปล่าคะ ?


:b12:
บรรลุเร็วเพราะมีปัญญานะคะเมแค่1คนถึงอรหันต์คือท่านพาหิยะจ้ะเป็นเอกคือแต่ละ1เดี๋ยวนี้ค่ะ
เมเลือกไว้ล่วงหน้าหรือคะว่าจะเป็น1ในตถาคตพระองค์ไหนเป็นสาวกได้ต้องสะสมฟังก่อนน๊า
ตถาคตตรัสรู้ความจริงเพื่อบอกให้ฟังให้เข้าใจความจริงที่กายใจตนกำลังมีไม่ส่งไปรู้ที่อื่น
:b32: :b32: :b32:


ไม่ใช่หรอกค่ะคุณยาย
ท่านพาหิยะ ปัญญาไม่ได้เป็นเลิศ เท่าพระสารีบุตร

แต่ท่านบรรลุได้เร็วที่สุดเป็นเลิศ


เพราะท่านฟังแต่สักว่าฟังค่ะ ไม่ได้สะสมการฟังไว้ค่ะ

เมแนะนำนะคะ คุณยายลองไม่สะสมการฟังสิคะ
อาจเป็นเลิศติดท๊อปเทน ในการบรรลุเร็วก็ได้ค่ะ


:b32:
สาวกคิดเองหมายถึงจะไปคิดค้นอย่างไรทำอย่างไรก็ปิดทางรู้เดี๋ยวนี้
ผู้ที่จะบรรลุเองได้คิดเองได้ในชาติสุดท้ายมีแค่2บุคคลยุคนี้ไม่มีแน่นอน
บุคคลที่1ชื่อพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีได้แค่1พระองค์
บุคคลที่2ชื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งยังไม่ถึงกาลที่จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า
ที่เหลือต้องฟังคำสอนจนเกิดปัญญาบรรลุตามไม่ใช่คิดเองโดยไม่เป็นสาวก
คิดให้ตรงสิคะตนเป็น2บุคคลนั้นหรือถึงประมาทไม่ฟังคำสอนจึงคิดว่าตนคิดเองได้
:b32: :b32: :b32:


คุณยายโรสขา
เอะอะก็ให้คิด ให้คิด
คิดเท่าไร ก็ไม่ตรงหรอกค่ะ

เพราะจิต + คิด ไปค่ะ

หนูถึงแนะนำ ว่า คุณยายเรียนแต่บวก + มา
เรยยังไม่รู้จักคำว่า - (ลบ)
หนูแนะนำให้ซ้ำนะคะ ว่าเรียนลบด้วย

แล้วคุณยายจะเงียบไปเรยค่ะ
เพราะรู้ ตรง จริงๆ ว่า
นอกจาก+ ยังมีลบ - อีกนะค๊ะ



:b12:
ตั้งหลักหน่อยนะเพราะจิตมันไม่เที่ยง
กะพริบตาแล้วเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้ว
เอากิเลสที่ดับตะกี้นี้ตอนก่อนกะพริบตาออกยังไง
ไหนลองแจกแจงมาสินับสิกี่ขณะจิตกะพริบตากี่รอบแล้วเนี่ย
กิเลสมันดับสะสมในจิตแล้วก็ไม่รู้ยังจะมาบอกลบอะไรคะ
ลบความเห็นผิดของตนเองให้ได้ก่อนน๊าดูสิเห็นเป็นคนสัตว์วัตถุคือเห็นผิดจิตกำลังวิปลาสไงคะ
:b32: :b32: :b32:


นั่นแน้
คุณยายโรสขา
กระพริบตา ไม่กระพริบตา

จิต ก็ยืนพื้นนำหน้า + เสมอ

คุณยายไม่เคยเรียนพระอภิธรรม 42000 มาเรย
คุณยายเรย โมเม มั่วว่า จิตดวงใหม่ เกิด

ในความหมายจิต121 ดวง คือ จิต+วิญญานขันธ์ค่ะ
นี่แน้ คนไม่ไม่ได้เรียนพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าแสดง

เรียนแต่ศาสดายูทูป แล้วก็หลงผิดเต็มๆ

นี่แหละหนา เม ถึงได้แนะนำให้คุณยาย ไปศึกษาพระอภิธรรมก่อนไม่รู้กี่หนแล้วนะคะ

จะได้มาคุยกัน ตรงตามที่พระอภิธรรม ที่ผู้มีพระภาคเจ้าแสดงไว่ ตามที่พระอุบาลีท่านยืนยันจริงๆๆ

จะได้ไม่วิปลาสมากกว่านี้ ที่ไปหลงพระศาสดายูทูปสรณังคัจฉามิ ค่ะ

แล้วพระอุบาลี ท่านก็ไม่ได้ยืนยันว่า พระศาสดายูทูป สอนถูก ด้วยค่ะ






แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร