วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2024, 06:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พระพุทธศาสนายอมรับ และยืนยันความจำเป็นทางวัตถุ โดยเฉพาะปัจจัย ๔ ดังเช่น พุทธพจน์ที่ตรัสบ่อยว่า

"สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกา" สัตว์ทั้งปวงดำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร (ที.ปา.11/226/226; 375/289 ฯลฯ)

(งานนี้คุณโรสตายแน่ คิกๆๆ)

Kiss
ปัจจัย4ตามที่เรียนหนังสือมามีแค่นี้ค่ะ
1อาหาร
2ที่อยู่อาศัย
3เครื่องนุ่งห่ม
4ยารักษาโรค
เกินนี้สำหรับชาวบ้านมีได้ไม่มีอาบัติคริคริคริ
:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 30 ก.ค. 2018, 16:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ต่อ

ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อบายมุข (ช่องทางเสื่อม) ๔ ประการ คือ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรชั่วสหายชั่ว ฝักใฝ่ในคนชั่ว เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำแหล่งใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนปิดทางน้ำเข้าเสีย เปิดแต่ทางน้ำออก อีกทั้งฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความลดน้อยลงอย่างเดียว ไม่มีความเพิ่มขึ้นได้เลย...


“ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อายมุข (ช่องทางเพิ่มขึ้น) ๔ ประการ คือ ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรดี มีสหายดี ใฝ่ใจในกัลยาณชน เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำใหญ่ ใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนเปิดทางน้ำเข้า ปิดทางน้ำออก และฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความเพิ่มพูนอย่างเดียว ไม่มีความลดน้อยลงเลย...

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขปัจจุบัน แก่กุลบุตร”

จากนั้น ตรัสแสดงธรรม ๔ ประการ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเบื้องหน้า หรือประโยชน์ล้ำเลยตาเห็น (สัมปรายิกัตถะ) คือ สัทธาสัมปทา ศีลสัมปทา จาคสัมปทา และปัญญาสัมปทา

(องฺ.อฏฺฐก.23/145/294)

Kiss
:b12:
ภิกษุหมายถึงคนที่เข้าใจว่าตนบวชนั้น
สมัยนี้ไม่ละอายคำแทนเรียกอลัชชีค่ะ
มีปกติรับเงินใช้เงินนั่นนิสัยคฤหัสถ์ค่ะ
ประกาศตนว่าสละอัธยาศัยคฤหัสถ์มา
ขออนุญาตอาศัยนอนคือจำศีลในวัดค่ะ
ต่างจากคฤหัสถ์อย่างมากมายมหาศาล
เดี๋ยวนี้ถือเงินซื้อล็อตเตอรี่อบายมุขไหม
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2159

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า




พ่อแม่ว่าเข้าหน่อยนอนเลยหรอ คิกๆๆ

:b16:
ไสยะคือหลับไหล
ตถาคตไม่มีท้อพระทัย
เพราะท้อแท้เป็นอกุศลค่ะ
เมื่อทรงตรัสรู้แล้วจึงทรงดำริถึง
การตรัสรู้ว่าบำเพ็ญมายาวนานยากที่จะเข้าใจได้
พอดีท้าวมหาพรหมเกรงว่าจะไม่ทรงแสดงพระธรรม
จึงรีบเข้าไปกล่าวอาราธนาค่ะเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่จะท้อแท้
ก็พระพุทธเจ้าทุกพระองค์บำเพ็ญพระบารมียาวนานเพื่อเปล่งพระวาจาโดยตรง
:b12:
:b32: :b32:


คุณโรส รู้มาผิดแล้วค่ะ จำมาผิดแล้วค่ะ เข้าใจมาผิดแล้วค่ะ
สอบทานลง ไม่ตรงตามพระไตรปิฎก ขัดแย้งกะพระไตรปิฎกแล้วค่ะ

คำว่าตรัสรู้ เป็นคนละเรื่องกะทำลายกิเลสได้ นะคะ
พระพุทธองค์ใช้เวลา เจ็ดสัปดาห์ เสวยวิมุติสุข และทบทวนในกระบวนการตรัสรู้ค่ะ

และในกระบวนการตรัสรู้ ทุกสัปดาห์
ในพระไตรปิฎก ถ้าคุณโรสศึกษาให้ดีๆ ลึกซึ้งๆ กว่านี้

ตลอดในเจ็ดสับดาห์นั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงขั้นตอนต่างๆไว้อย่างละเอียด และชัดเจนค่ะ

พระไตรปิฎก กล่าวไว้ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่ทรงท้อพระทัย
คำกล่าวคุณโรส แย้งพระไตรปิฎกแล้วค่ะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า




พ่อแม่ว่าเข้าหน่อยนอนเลยหรอ คิกๆๆ

:b16:
ไสยะคือหลับไหล
ตถาคตไม่มีท้อพระทัย
เพราะท้อแท้เป็นอกุศลค่ะ
เมื่อทรงตรัสรู้แล้วจึงทรงดำริถึง
การตรัสรู้ว่าบำเพ็ญมายาวนานยากที่จะเข้าใจได้
พอดีท้าวมหาพรหมเกรงว่าจะไม่ทรงแสดงพระธรรม
จึงรีบเข้าไปกล่าวอาราธนาค่ะเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่จะท้อแท้
ก็พระพุทธเจ้าทุกพระองค์บำเพ็ญพระบารมียาวนานเพื่อเปล่งพระวาจาโดยตรง
:b12:
:b32: :b32:


คุณโรส รู้มาผิดแล้วค่ะ จำมาผิดแล้วค่ะ เข้าใจมาผิดแล้วค่ะ
สอบทานลง ไม่ตรงตามพระไตรปิฎก ขัดแย้งกะพระไตรปิฎกแล้วค่ะ

คำว่าตรัสรู้ เป็นคนละเรื่องกะทำลายกิเลสได้ นะคะ
พระพุทธองค์ใช้เวลา เจ็ดสัปดาห์ เสวยวิมุติสุข และทบทวนในกระบวนการตรัสรู้ค่ะ

และในกระบวนการตรัสรู้ ทุกสัปดาห์
ในพระไตรปิฎก ถ้าคุณโรสศึกษาให้ดีๆ ลึกซึ้งๆ กว่านี้

ตลอดในเจ็ดสับดาห์นั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงขั้นตอนต่างๆไว้อย่างละเอียด และชัดเจนค่ะ

พระไตรปิฎก กล่าวไว้ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่ทรงท้อพระทัย
คำกล่าวคุณโรส แย้งพระไตรปิฎกแล้วค่ะ



ไม่ผิดแน่นอนเพราะตรัสรู้คือสิ้นกิเลสแล้วค่ะทรงตรึกตรองถึงความยากค่ะ
:b12:
ไสยศาสตร์คือวิชาที่เป็นไปเพื่อความหลับไหลคือไม่รู้
นอนหลับเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้ยาวนานหลายชั่วโมง
สีหไสยยาสน์คือท่านอนตามรูปปั้นพระพุทธรูปนอนไงคะ
พุทธะคือรู้ ตื่น เบิกบาน ในความจริงที่ได้รู้แล้วคือมีทั้งหมดตรงคำสอนทุกคำค่ะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2159

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า




พ่อแม่ว่าเข้าหน่อยนอนเลยหรอ คิกๆๆ

:b16:
ไสยะคือหลับไหล
ตถาคตไม่มีท้อพระทัย
เพราะท้อแท้เป็นอกุศลค่ะ
เมื่อทรงตรัสรู้แล้วจึงทรงดำริถึง
การตรัสรู้ว่าบำเพ็ญมายาวนานยากที่จะเข้าใจได้
พอดีท้าวมหาพรหมเกรงว่าจะไม่ทรงแสดงพระธรรม
จึงรีบเข้าไปกล่าวอาราธนาค่ะเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่จะท้อแท้
ก็พระพุทธเจ้าทุกพระองค์บำเพ็ญพระบารมียาวนานเพื่อเปล่งพระวาจาโดยตรง
:b12:
:b32: :b32:


คุณโรส รู้มาผิดแล้วค่ะ จำมาผิดแล้วค่ะ เข้าใจมาผิดแล้วค่ะ
สอบทานลง ไม่ตรงตามพระไตรปิฎก ขัดแย้งกะพระไตรปิฎกแล้วค่ะ

คำว่าตรัสรู้ เป็นคนละเรื่องกะทำลายกิเลสได้ นะคะ
พระพุทธองค์ใช้เวลา เจ็ดสัปดาห์ เสวยวิมุติสุข และทบทวนในกระบวนการตรัสรู้ค่ะ

และในกระบวนการตรัสรู้ ทุกสัปดาห์
ในพระไตรปิฎก ถ้าคุณโรสศึกษาให้ดีๆ ลึกซึ้งๆ กว่านี้

ตลอดในเจ็ดสับดาห์นั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงขั้นตอนต่างๆไว้อย่างละเอียด และชัดเจนค่ะ

พระไตรปิฎก กล่าวไว้ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่ทรงท้อพระทัย
คำกล่าวคุณโรส แย้งพระไตรปิฎกแล้วค่ะ



ไม่ผิดแน่นอนเพราะตรัสรู้คือสิ้นกิเลสแล้วค่ะทรงตรึกตรองถึงความยากค่ะ
:b12:
ไสยศาสตร์คือวิชาที่เป็นไปเพื่อความหลับไหลคือไม่รู้
นอนหลับเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้ยาวนานหลายชั่วโมง
สีหไสยยาสน์คือท่านอนตามรูปปั้นพระพุทธรูปนอนไงคะ
พุทธะคือรู้ ตื่น เบิกบาน ในความจริงที่ได้รู้แล้วคือมีทั้งหมดตรงคำสอนทุกคำค่ะ
onion onion onion


คุณโรสกล่าวขัดแย้งกะพระไตรปิฎก ไม่ตรงตามคำสอนแล้วค่ะ
ระหว่างการเข้าสู่กระบวนการตรัสรู้ จนถึงตรัสรู้แล้ว
พระพุทธองค์ได้จำแนกละเอียดไว้ชัดเจนแล้ว
ในการเสวยวิมุติสุข

อันไม่ใช่บรมสุข ค่ะ

คุณโรสรู้ไม่จริงแล้วหละค่ะ
ถ้ารู้จริงตามคำสอน ต้องทำได้จริง ปฎิบัติได้จริง เห็นได้ตามจริง
แม้นแต่ปุถุชนธรรมดา นอนหลับก็ยังรู้สภาพธรรม ในฝันได้ค่ะ
แต่ความชัดเจนแค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่องนึง



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ



คุณโรสขอรับโผม ที่ดินสร้างวัดโบสถ์วิหารลานเจดีย์ พุทธศาสนิกชนเขาช่วยกันสร้างมานะขอรับโผม แล้วทำไมผู้สร้างจะเขาไปบ่ด้าย เป็นอันหยังเล่าขอรับโผม คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ
:b12:
:b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ


คุณโรสเขาพูดถึงอะไรอะไรนะ เหมือนพูดคนละเรื่องเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ
:b12:
:b15: :b15:



คุณโรสพูดถึงบุญไว้ ดังนั้น มาทำความรู้จักคำว่า บุญ กันหน่อย :b13:


บุญ เครื่องชำระสันดาน, ความดี, กรรมดี, ความประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ, กุศลกรรม, ความสุข, กุศลธรรม ที่กล่าวมานั้น เป็นความหมายทั่วไปโดยสรุป

ต่อนี้พึงทราบคำอธิบายละเอียดขึ้น เริ่มแต่ความหมายตามรูปศัพท์ว่า "กรรมที่ชำระสันดานของผู้กระทำให้สะอาด" "สภาวะอันทำให้เกิดความน่าบูชา" "การกระทำอันทำให้เต็มอิ่มสมน้ำใจ" ความดี, กรรมที่ดีงามเป็นประโยชน์, ความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ,

กุศล (มักหมายถึงโลกิยกุศลหรือความดีที่ยังกอปรด้วยอุปธิ คือ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปรารถนากันในหมู่ชาวโลก เช่น โภคสมบัติ) บางทีหมายถึงผลของการประกอบกุศล หรือผลบุญนั่นเอง เช่น ในพุทธพจน์ (ที.ปา.11/33/62) ว่า "ภิกษุทั้งหลาย เพราะการสมาทานกุศลธรรมทั้งหลายเป็นเหตุ บุญนี้ ย่อมเจริญเพิ่มพูนอย่างนี้" และ มีพุทธพจน์ (ขุ.อิติ.25/200/240) ตรัสไว้ด้วยว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย อย่าได้กลัวต่อบุญเลย คำว่า บุญนี้ เป็นชื่อของความสุข" (บุญ ในพุทธพจน์ ทรงเน้นที่การเจริญเมตตาจิต)

พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ศึกษาบุญ “ปุญฺญเมว โส สิกฺเขยฺย" (ขุ.อิติ.25/200/241; 238/270) คือ ฝึกปฏิบัติหัดทำให้ชีวิตเจริญงอกงามขึ้นในความดีและสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติที่ดี

ในการทำบุญ ไม่พึงละเลยพื้นฐานที่ตรงตามสภาพความเป็นจริงของชีวิต ให้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมเจริญงอกงามหนุนกันขึ้นไปสู่ความดีงามที่สมบูรณ์ เช่น พึงระลึกถึงพุทธพจน์ (สํ.ส.15/146/46) ที่ว่า

"ชนเหล่าใด ปลูกสวน ปลูกป่า สร้างสะพาน (รวมทั้งจัดเรือข้ามฟาก) จัดบริการน้ำดื่ม และบึงบ่อสระน้ำ ให้ที่พักอาศัย บุญของชนเหล่านั้น ย่อมเจริญงอกงาม ทั้งคืนทั้งวัน ตลอดทุกเวลา, ชนเหล่านั้น ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นผู้เดินทางสวรรค์"

คัมภีร์ทั้งหลายกล่าวถึงบุญกรรมที่ชาวบ้านควรร่วมกันทำไว้เป็นอ้นมาก เช่น (ชา.อ.1/299) การปรับปรุงซ่อมแซมถนนหนทาง สร้างสะพาน ขุดสระน้ำ สร้างศาลาที่พักและที่ประชุม ปลูกสวนปลูกป่า ให้ทาน รักษาศีล

พระพุทธเจ้าตรัสประมวลหลักการทำบุญที่พึงศึกษาไว้ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ (ขุ.อิติ.25/238/270) ซึ่งพระอรรถกถาจารย์ได้แจกแจงให้เห็นตัวอย่างในการขยายความออกไปเป็น บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (เช่น สงฺคณี.อ. 208) ตรงข้ามกับ บาป

บาป ความชั่ว, ความร้าย, ความชั่วร้าย, กรรมชั่ว, กรรมลามก, อกุศลกรรมที่ส่งให้ถึงความเดือดร้อน, สภาพที่ทำให้ถึงคติอันชั่ว, สิ่งที่ทำจิตให้ตกสู่ที่ชั่ว คือ ทำให้เลวลง ให้เสื่อมลง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ


คุณโรสเขาพูดถึงอะไรอะไรนะ เหมือนพูดคนละเรื่องเดียวกัน

cool
จะบอกให้รู้ว่าโรสน่ะศิษย์ตถาคตไม่ใช่ศิษย์บ้านธัมมะ
ก็คลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะที่ออกอากาศช่องNBT
นมนานมาตั้งแต่เป็นช่อง11สทท.คริคริคริเปิดดูหมด
เข้าใจคำตถาคตตั้งแต่เดือนแรกที่ดูว่าต้องระลึกวิสยรูป7
แล้วก็ระลึกมาตั้งแต่7ปีย้อนหลังมาโน่นทุกคนในคลิปน่ะ
เขาคุยกันถึงคำต่างๆในพระไตรปิฎกปีที่6ถึงรู้ตัวว่าโรส
ทะเลาะกะคลิปเพราะคลิปไม่ใช่สภาพรู้คริคริคริเหมือนเลย
เหมือนตอนนี้แหละที่คุณกรัชกายกำลังทะเลาะกะตัวอักษร
ที่โรสพยายามถ่ายทอดคำจริงของตถาคตให้อ่านไงล่ะคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ


คุณโรสเขาพูดถึงอะไรอะไรนะ เหมือนพูดคนละเรื่องเดียวกัน

cool
จะบอกให้รู้ว่าโรสน่ะศิษย์ตถาคตไม่ใช่ศิษย์บ้านธัมมะ
ก็คลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะที่ออกอากาศช่องNBT
นมนานมาตั้งแต่เป็นช่อง11สทท.คริคริคริเปิดดูหมด
เข้าใจคำตถาคตตั้งแต่เดือนแรกที่ดูว่าต้องระลึกวิสยรูป7
แล้วก็ระลึกมาตั้งแต่7ปีย้อนหลังมาโน่นทุกคนในคลิปน่ะ
เขาคุยกันถึงคำต่างๆในพระไตรปิฎกปีที่6ถึงรู้ตัวว่าโรส
ทะเลาะกะคลิปเพราะคลิปไม่ใช่สภาพรู้คริคริคริเหมือนเลย
เหมือนตอนนี้แหละที่คุณกรัชกายกำลังทะเลาะกะตัวอักษร
ที่โรสพยายามถ่ายทอดคำจริงของตถาคตให้อ่านไงล่ะคะ
:b32: :b32:



ศิษย์บ้านธัมมะ ฟังแม่บริหารฯ มา 7-8 แล้ว คิกๆๆ พูดเองแท้ๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ


คุณโรสเขาพูดถึงอะไรอะไรนะ เหมือนพูดคนละเรื่องเดียวกัน

cool
จะบอกให้รู้ว่าโรสน่ะศิษย์ตถาคตไม่ใช่ศิษย์บ้านธัมมะ
ก็คลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะที่ออกอากาศช่องNBT
นมนานมาตั้งแต่เป็นช่อง11สทท.คริคริคริเปิดดูหมด
เข้าใจคำตถาคตตั้งแต่เดือนแรกที่ดูว่าต้องระลึกวิสยรูป7
แล้วก็ระลึกมาตั้งแต่7ปีย้อนหลังมาโน่นทุกคนในคลิปน่ะ
เขาคุยกันถึงคำต่างๆในพระไตรปิฎกปีที่6ถึงรู้ตัวว่าโรส
ทะเลาะกะคลิปเพราะคลิปไม่ใช่สภาพรู้คริคริคริเหมือนเลย
เหมือนตอนนี้แหละที่คุณกรัชกายกำลังทะเลาะกะตัวอักษร
ที่โรสพยายามถ่ายทอดคำจริงของตถาคตให้อ่านไงล่ะคะ
:b32: :b32:



ศิษย์บ้านธัมมะ ฟังแม่บริหารฯ มา 7-8 แล้ว คิกๆๆ พูดเองแท้ๆ

rolleyes
:b32:
อย่าเป็นน้ำเปล่าเต็มแก้วสิเสียดายของดื่มเข้าไปบ้างฟังน่ะ
ทีไปดูหนังดูละครฟังเพลงร้องเพลงเติมกิเลสทุกวันเลย
แต่ดูคลิปบ้านธัมมะน่ะถากไถคาดกิเลสสลบจนตีลังกา
คริคริคริหงายท้องมาให้ดูทั่วประเทศไทยเลยเห็นไหม
คฤหัสถ์ฟังแล้วเขาไม่มีปัญหาแต่เขารู้ว่าเงินเป็นโทษไง
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"พาหุสัจจะ ๑ สิปปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว หรือฝึกอบรมเป็นอย่างดีแล้ว ๑ วาจาที่กล่าวได้ดี ๑ นี้เป็นอุดมมงคล การงานไม่คั่งค้างอากูล นี่ก็เป็นอุดมมงคล.... กิจกรรมที่ไร้โทษ นี่ก็เป็นอุดมมงคล" (ขุ.ขุ.25/5/3 ฯลฯ)

- พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้สดับมาก หรือเล่าเรียนกว้างขวางลึกซึ้ง

-สิปปะ วิชาชีพ หรือความจัดเจนงาน

ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
จะมามัวหาเงินทำสังคมสงเคราะห์น่ะไม่ได้นะคะเพราะเลี้ยงตนด้วยก้อนข้าวชาวบ้านไม่ใช่หรือคะ
ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นอนวัดคือภิกษุและภิกษุณีเท่านั้นค่ะแล้วสมัยนี้อนุญาตสีกานอนวัดผิดไหมเจ้าคะ
สละออกบวชคือบรรพชาจึงนอนวัดได้ประมาทคำสอนไหมคิดไหมรอบคอบกันมากเลยนะคะชีพราหมณ์
มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ
:b32: :b32:


คุณโรสว่า ตถาคตไม่สอนวิชการทางโลก ซึ่งก็ยกมาให้ดูข้างต้นแล้วว่า พระพุทธสอนทั้งโลกียะ และโลกุตระ ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก

มีแต่สีกาเดินเพ่นพ่านเต็มวัดฉลาดกันมากเลยที่เกณฑ์ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าไปบวชแล้วคิดว่าได้บุญ

คิกๆๆ ถ้าคนไม่บวชสืบๆต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจินต์ กับ คุณโรส เป็นต้น จะรู้จักพระพุทธศาสนาในวันนี้หรือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาหมดไปแต่ดลแล่ว

บ้านธัมมะ คุณโรสพูดเช่นนั้น กำลังลืมบุญคุณบรรพชนนะขอรับ

:b32:
ปัญญาใครหมดเหรอคะแล้ว
ที่ก็อปมาแปะนั่นอะไรคริคริคริ
ตถาคตตรัสรู้ด้วยพระบารมีเต็มเปี่ยม
ตายละน่าขายหน้านะที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธ


คุณโรสเขาพูดถึงอะไรอะไรนะ เหมือนพูดคนละเรื่องเดียวกัน

cool
จะบอกให้รู้ว่าโรสน่ะศิษย์ตถาคตไม่ใช่ศิษย์บ้านธัมมะ
ก็คลิปวิดีโอรายการบ้านธัมมะที่ออกอากาศช่องNBT
นมนานมาตั้งแต่เป็นช่อง11สทท.คริคริคริเปิดดูหมด
เข้าใจคำตถาคตตั้งแต่เดือนแรกที่ดูว่าต้องระลึกวิสยรูป7
แล้วก็ระลึกมาตั้งแต่7ปีย้อนหลังมาโน่นทุกคนในคลิปน่ะ
เขาคุยกันถึงคำต่างๆในพระไตรปิฎกปีที่6ถึงรู้ตัวว่าโรส
ทะเลาะกะคลิปเพราะคลิปไม่ใช่สภาพรู้คริคริคริเหมือนเลย
เหมือนตอนนี้แหละที่คุณกรัชกายกำลังทะเลาะกะตัวอักษร
ที่โรสพยายามถ่ายทอดคำจริงของตถาคตให้อ่านไงล่ะคะ
:b32: :b32:



ศิษย์บ้านธัมมะ ฟังแม่บริหารฯ มา 7-8 แล้ว คิกๆๆ พูดเองแท้ๆ

rolleyes
:b32:
อย่าเป็นน้ำเปล่าเต็มแก้วสิเสียดายของดื่มเข้าไปบ้างฟังน่ะ
ทีไปดูหนังดูละครฟังเพลงร้องเพลงเติมกิเลสทุกวันเลย
แต่ดูคลิปบ้านธัมมะน่ะถากไถคาดกิเลสสลบจนตีลังกา
คริคริคริหงายท้องมาให้ดูทั่วประเทศไทยเลยเห็นไหม
คฤหัสถ์ฟังแล้วเขาไม่มีปัญหาแต่เขารู้ว่าเงินเป็นโทษไง
:b32: :b32:



ที่เขาสมมติเรียกกันว่า เงิน ไม่เป็นโทษโดยตัวของมันเอง เพราะเขาสมมติให้ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยถูกต้องตามกฎหมาย มันอยู่ที่ผู้ใช้ต่างหากว่าจะใช้ไปทำอะไร จริงไม่จริง จะใช้ไปฆ่าคนก็ได้ ใช้ไหว้วานให้คนไปทำทุจริตก็ได้ ใช้ไปทำประโยชน์เช่น ใช้ไปสร้างที่อยู่อาศัยก็ได้ ไปแลกเปลี่ยนอาหารใส่ท้องก็ได้ เจ็บป่วยใช้ให้หมอรักษาก็ได้ ใช้ไปสร้างสะพานก็ได้ ใช้ไปสร้างวัด สร้างโบสถ์วิหารลานเจดีย์เป็นต้น ก็ได้ คิกๆๆ อย่าไปคิดสุดโต่งอย่างนั้นคุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร