วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 02:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 107 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2018, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธศาสนาไปไม่รอด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2018, 23:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลาพูดบ่อย คือไปเอาคำพูดใครมาไม่รู้แล้วมาอ้างเป็นคำพระสอน พระสอนให้คนเกียจคร้าน สอนให้คนขี้เกียจทำงาน ถ้าเป็นพระจริงๆอย่างกบพูดอ้าง พระองค์นี้เลอะแล้ว ควรส่งเข้าถ้ำหลวงสะให้เข็ด


อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา เขียน:

คำพระสอน..

"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย ดังนั้นวิปัสสนาญาณ ๙ ต้องหมั่นทบทวนพิจารณาให้จิตรู้ความจริงแล้วยอมรับ
และให้คอยระวังอารมณ์เศร้าหมองหดหู่ จักต้องลงตัวธรรมดาจนชิน เป็นสังขารุเบกขาญาณให้ได้

(หมายความว่า เห็นการทำงานทางโลกไม่เที่ยง ทำให้เกิดทุกข์ เป็นของธรรมดาจิตพร้อมที่จะปล่อยวางงานทุกชนิดได้ทันทีเมื่อกายพัง จิตพร้อมไปนิพพานได้เสมอรู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน คือทางลัดที่จำเป็นจะต้องซ้อมและพร้อมอยู่เสมอ)"

การหมั่นพิจารณาในบทธรรม..โดยเฉพาะอารมณ์ในวิปัสสนาญาณ 9. (พิจารณาในอารมณ์ 9... เกิดอารมณ์ใน 9 )..ก็เสมือนได้ฟังคำพระศาสดานั้นแหละคุณโรส...อย่ารอแค่ตอนฟังอย่างเดียว...หนึ่งวันคุณโรสจะฟังได้กี่ชั่วโมงกัน?
viewtopic.php?f=1&t=56020&p=421343#p421343




มันผิดหลักเห็นชัดๆ

อ้างคำพูด:
การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย


นิพพิทา ไม่ใช่หมายถึงเบื่อหน่ายต่อการการงาน เบื่อหน่ายงาน ไม่ใช่ เขาหมายถึงผู้ปฏิบัติกรรมฐานถูกต้องมาแต่ต้น คือ เห็นการเกิด-ดับของรูปนาม (วิปัสสนาญาณข้อ 1) ทำไปปฏิบัติไปแล้วมาถึงตรงนี้มันเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อสังขาร คือ ร่างกายและจิตใจนี้ หรือรูปนามนี้ หรือชีวิตนี้

ทีนี้มาว่าเบื่อการทำงานทำมาหากินเสีย มันก็แย้งหลักธรรมข้ออื่นๆ เช่น ความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาชีพ เป็นต้น


"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย "

กักกาย...ไปแปล..ว่า..เบื่อหน่ายต่อการทำงาน...เบื่อหน่ายงาน
:b32: :b32: :b32:

แต่ผม...กลับเห็นว่า..หมายถึง..เกิดความเบื่อหน่ายจากการพิจารณาเห็นทุกข์จากการทำงาน..ต้องทำงานเพราะมีร่างกายที่เป็นภาระต้องเลี้ยงดู....นี้คือ...เกิดนิพพิทาญาณในงาน..ใช้งานเป็นเหตุให้พิจารณาให้เห็นทุกข์..ไม่ใช่ไปเบื่อหน่ายการทำงาน..

:b32: :b32: :b32:

ผมไม่แปลกใจหรอกว่า..ทำไมกักกาย..ถึงแปลไปในแนวนั้น..ก็ยังงี้แหละ..เพราะความเกลียด..ทำให้ไม่เกิดปัญญาพิจารณาเห็นธรรม..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลาพูดบ่อย คือไปเอาคำพูดใครมาไม่รู้แล้วมาอ้างเป็นคำพระสอน พระสอนให้คนเกียจคร้าน สอนให้คนขี้เกียจทำงาน ถ้าเป็นพระจริงๆอย่างกบพูดอ้าง พระองค์นี้เลอะแล้ว ควรส่งเข้าถ้ำหลวงสะให้เข็ด


อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา เขียน:

คำพระสอน..

"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย ดังนั้นวิปัสสนาญาณ ๙ ต้องหมั่นทบทวนพิจารณาให้จิตรู้ความจริงแล้วยอมรับ
และให้คอยระวังอารมณ์เศร้าหมองหดหู่ จักต้องลงตัวธรรมดาจนชิน เป็นสังขารุเบกขาญาณให้ได้

(หมายความว่า เห็นการทำงานทางโลกไม่เที่ยง ทำให้เกิดทุกข์ เป็นของธรรมดาจิตพร้อมที่จะปล่อยวางงานทุกชนิดได้ทันทีเมื่อกายพัง จิตพร้อมไปนิพพานได้เสมอรู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน คือทางลัดที่จำเป็นจะต้องซ้อมและพร้อมอยู่เสมอ)"

การหมั่นพิจารณาในบทธรรม..โดยเฉพาะอารมณ์ในวิปัสสนาญาณ 9. (พิจารณาในอารมณ์ 9... เกิดอารมณ์ใน 9 )..ก็เสมือนได้ฟังคำพระศาสดานั้นแหละคุณโรส...อย่ารอแค่ตอนฟังอย่างเดียว...หนึ่งวันคุณโรสจะฟังได้กี่ชั่วโมงกัน?
viewtopic.php?f=1&t=56020&p=421343#p421343




มันผิดหลักเห็นชัดๆ

อ้างคำพูด:
การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย


นิพพิทา ไม่ใช่หมายถึงเบื่อหน่ายต่อการการงาน เบื่อหน่ายงาน ไม่ใช่ เขาหมายถึงผู้ปฏิบัติกรรมฐานถูกต้องมาแต่ต้น คือ เห็นการเกิด-ดับของรูปนาม (วิปัสสนาญาณข้อ 1) ทำไปปฏิบัติไปแล้วมาถึงตรงนี้มันเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อสังขาร คือ ร่างกายและจิตใจนี้ หรือรูปนามนี้ หรือชีวิตนี้

ทีนี้มาว่าเบื่อการทำงานทำมาหากินเสีย มันก็แย้งหลักธรรมข้ออื่นๆ เช่น ความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาชีพ เป็นต้น


"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย "

กักกาย...ไปแปล..ว่า..เบื่อหน่ายต่อการทำงาน...เบื่อหน่ายงาน
:b32: :b32: :b32:

แต่ผม...กลับเห็นว่า..หมายถึง..เกิดความเบื่อหน่ายจากการพิจารณาเห็นทุกข์จากการทำงาน..ต้องทำงานเพราะมีร่างกายที่เป็นภาระต้องเลี้ยงดู....นี้คือ...เกิดนิพพิทาญาณในงาน..ใช้งานเป็นเหตุให้พิจารณาให้เห็นทุกข์..ไม่ใช่ไปเบื่อหน่ายการทำงาน..

:b32: :b32: :b32:

ผมไม่แปลกใจหรอกว่า..ทำไมกักกาย..ถึงแปลไปในแนวนั้น..ก็ยังงี้แหละ..เพราะความเกลียด..ทำให้ไม่เกิดปัญญาพิจารณาเห็นธรรม..



นั่นแหละสอนคนให้ขี้เกียจทำงาน ศาสนาไหนอ่ะ สอนคนไม่ให้ทำงาน อิอิ

พระนิพพานคือการปฏิบัติตามหลักไตรสิกขาเพื่อกำจัดกิเลสตัณหาให้หมดสิ้นไป แล้วนี่ดันไปเอาไปตั้งไว้ที่การทำงาน คิกๆๆ เลอะขอรับผม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลาพูดบ่อย คือไปเอาคำพูดใครมาไม่รู้แล้วมาอ้างเป็นคำพระสอน พระสอนให้คนเกียจคร้าน สอนให้คนขี้เกียจทำงาน ถ้าเป็นพระจริงๆอย่างกบพูดอ้าง พระองค์นี้เลอะแล้ว ควรส่งเข้าถ้ำหลวงสะให้เข็ด


อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา เขียน:

คำพระสอน..

"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย ดังนั้นวิปัสสนาญาณ ๙ ต้องหมั่นทบทวนพิจารณาให้จิตรู้ความจริงแล้วยอมรับ
และให้คอยระวังอารมณ์เศร้าหมองหดหู่ จักต้องลงตัวธรรมดาจนชิน เป็นสังขารุเบกขาญาณให้ได้

(หมายความว่า เห็นการทำงานทางโลกไม่เที่ยง ทำให้เกิดทุกข์ เป็นของธรรมดาจิตพร้อมที่จะปล่อยวางงานทุกชนิดได้ทันทีเมื่อกายพัง จิตพร้อมไปนิพพานได้เสมอรู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน คือทางลัดที่จำเป็นจะต้องซ้อมและพร้อมอยู่เสมอ)"

การหมั่นพิจารณาในบทธรรม..โดยเฉพาะอารมณ์ในวิปัสสนาญาณ 9. (พิจารณาในอารมณ์ 9... เกิดอารมณ์ใน 9 )..ก็เสมือนได้ฟังคำพระศาสดานั้นแหละคุณโรส...อย่ารอแค่ตอนฟังอย่างเดียว...หนึ่งวันคุณโรสจะฟังได้กี่ชั่วโมงกัน?
viewtopic.php?f=1&t=56020&p=421343#p421343




มันผิดหลักเห็นชัดๆ

อ้างคำพูด:
การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย


นิพพิทา ไม่ใช่หมายถึงเบื่อหน่ายต่อการการงาน เบื่อหน่ายงาน ไม่ใช่ เขาหมายถึงผู้ปฏิบัติกรรมฐานถูกต้องมาแต่ต้น คือ เห็นการเกิด-ดับของรูปนาม (วิปัสสนาญาณข้อ 1) ทำไปปฏิบัติไปแล้วมาถึงตรงนี้มันเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อสังขาร คือ ร่างกายและจิตใจนี้ หรือรูปนามนี้ หรือชีวิตนี้

ทีนี้มาว่าเบื่อการทำงานทำมาหากินเสีย มันก็แย้งหลักธรรมข้ออื่นๆ เช่น ความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาชีพ เป็นต้น


"การตั้งอารมณ์พระนิพพานที่ถูก ต้องพิจารณาเข้าหาทุกข์ของการทำงานให้มาก โดยเห็นโทษของการมีขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ต้องทำงาน จุดนี้จักทำให้เกิดนิพพิทาญาณในงาน ทำให้ละขันธ์ ๕ ได้ง่าย "

กักกาย...ไปแปล..ว่า..เบื่อหน่ายต่อการทำงาน...เบื่อหน่ายงาน
:b32: :b32: :b32:

แต่ผม...กลับเห็นว่า..หมายถึง..เกิดความเบื่อหน่ายจากการพิจารณาเห็นทุกข์จากการทำงาน..ต้องทำงานเพราะมีร่างกายที่เป็นภาระต้องเลี้ยงดู....นี้คือ...เกิดนิพพิทาญาณในงาน..ใช้งานเป็นเหตุให้พิจารณาให้เห็นทุกข์..ไม่ใช่ไปเบื่อหน่ายการทำงาน..

:b32: :b32: :b32:

ผมไม่แปลกใจหรอกว่า..ทำไมกักกาย..ถึงแปลไปในแนวนั้น..ก็ยังงี้แหละ..เพราะความเกลียด..ทำให้ไม่เกิดปัญญาพิจารณาเห็นธรรม..



เขียนเพ้อไปได้

กบนอกกะลาขอรับ อย่าไปเลยความรู้ของตนเองเลยครับ กลับมาที่เริ่มต้นอย่างที่บอกหลายๆครั้งเถอะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 07:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

คำพระสอน..

"ทุกอย่างให้ลงธรรมดา เนื่องด้วยการรักษาศรัทธาเป็นสิ่งจำเป็นของพุทธศาสนา ความศรัทธามีมากแค่ไหน ความเจริญก็มีมากแค่นั้น ในขณะเดียวกันความเสื่อมศรัทธามีมากแค่ไหน ความตกต่ำก็จักมีมากขึ้นแค่นั้นเหมือนกัน จักต้องยอมรับว่าในสังคม ไม่มีใครที่จักสามารถอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวได้ เป็นสังคมที่จักต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เหมือนกับจิตและร่างกาย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ ร่างกายถ้าปราศจากจิตสั่งการก็ทำอะไรไม่ได้ จิตที่อาศัยร่างกายจักทำบุญทำบาป ก็อาศัยร่างกายนี้แหละทำได้ พิจารณาธรรมเหล่านี้เข้าไว้ จักได้รู้จักคำว่ามัชฌิมาระหว่างจิตกับกาย และมัชฌิมากับสังคมภายนอกด้วย"

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 07:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

คำสอนพระ..

"ถ้าเราไปเพ่งเล็งคนอื่นว่าคนนั้นชั่ว คนนี้ดี แสดงว่าเราเลวมาก เราควรจะดูใจของเราต่างหาก ว่าเรามันดีหรือเรามันเลว ถ้าเราดีเสียอย่างเดียว ใครเขาจะเลวร้อยแปดพันเก้าก็เรื่องของเขา ถ้าเราดีแล้วก็หาคนเลวไม่ได้ เพราะเรารู้เรื่องของคน คนมาจากอบายภูมิก็มี คนมาจากสัตว์เดรัจฉานก็มี คนมาจากมนุษย์ก็มี มาจากเทวดาก็มี มาจากพรหมก็มี มันจะเสมอกันไม่ได้ ถ้าพวกมาจากอบายภูมิสอนยาก ป่วยการสอน"

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:

คำพระสอน..

"ทุกอย่างให้ลงธรรมดา เนื่องด้วยการรักษาศรัทธาเป็นสิ่งจำเป็นของพุทธศาสนา ความศรัทธามีมากแค่ไหน ความเจริญก็มีมากแค่นั้น ในขณะเดียวกันความเสื่อมศรัทธามีมากแค่ไหน ความตกต่ำก็จักมีมากขึ้นแค่นั้นเหมือนกัน จักต้องยอมรับว่าในสังคม ไม่มีใครที่จักสามารถอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวได้ เป็นสังคมที่จักต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เหมือนกับจิตและร่างกาย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ ร่างกายถ้าปราศจากจิตสั่งการก็ทำอะไรไม่ได้ จิตที่อาศัยร่างกายจักทำบุญทำบาป ก็อาศัยร่างกายนี้แหละทำได้ พิจารณาธรรมเหล่านี้เข้าไว้ จักได้รู้จักคำว่ามัชฌิมาระหว่างจิตกับกาย และมัชฌิมากับสังคมภายนอกด้วย"

:b8: :b8: :b8:


อ้างอิงที่มาด้วย ที่ว่าพระสอนน่ะ พระอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 08:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากรู้..เพราะอยากจะไปกราบ

หรือว่า..อยากรู้...จะได้รู้ว่าจะวิจารณ์ดีมั้ย.....ชื่อนี้วิจารณ์ได้..ชื่อนั้นไม่วิจารณ์...ยังงั้นหรือ?
:b1: :b1: :b1:

จะไม่พิจารณาหรือว่าที่ท่านพูดใว้นั้น..เป็นธรรมหรือไม่อย่างไร?...

แนะนำว่า.หากพิจารณาแล้วไม่เห็นว่าเป็นธรรมะอะไรเลย..ก็ให้ผ่านไป...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อยากรู้..เพราะอยากจะไปกราบ

หรือว่า..อยากรู้...จะได้รู้ว่าจะวิจารณ์ดีมั้ย.....ชื่อนี้วิจารณ์ได้..ชื่อนั้นไม่วิจารณ์...ยังงั้นหรือ?
:b1: :b1: :b1:

จะไม่พิจารณาหรือว่าที่ท่านพูดใว้นั้น..เป็นธรรมหรือไม่อย่างไร?...

แนะนำว่า.หากพิจารณาแล้วไม่เห็นว่าเป็นธรรมะอะไรเลย..ก็ให้ผ่านไป...



คำพูดของกบนอกกะลาเอง แต่ให้น่าเชื่อถือ เลยอ้างว่าเป็นคำพระกว้างๆไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นกลับมาที่..ที่ควรก็แล้วกัน..

กบนอกกะลา เขียน:
อาการของคนที่มีสมาธิขณะหลับ....ต่างกับคนหลับไม่มีสมาธิ..ยังงัยหรือ?..

เห็นว่า ตย. ที่กักกายยกมา..กักกายคิดว่าเขามีสมาธิขณะหลับ...ก็เลยอยากรู้..ว่ากักกายรู้จริงป้าว?

:b1: :b1: :b1:


ว่าไป..ว่าไป.. :b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
งั้นกลับมาที่..ที่ควรก็แล้วกัน..

กบนอกกะลา เขียน:
อาการของคนที่มีสมาธิขณะหลับ....ต่างกับคนหลับไม่มีสมาธิ..ยังงัยหรือ?..

เห็นว่า ตย. ที่กักกายยกมา..กักกายคิดว่าเขามีสมาธิขณะหลับ...ก็เลยอยากรู้..ว่ากักกายรู้จริงป้าว?

:b1: :b1: :b1:


ว่าไป..ว่าไป.. :b16: :b16: :b16:


พูดถึงเรื่องนามธรรม มันมองไม่เห็นตัวเหมือนรูปธรรม ดังนั้น กบต้องเข้าใจเรื่องนี้ก่อน


อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
งั้นกลับมาที่..ที่ควรก็แล้วกัน..

กบนอกกะลา เขียน:
อาการของคนที่มีสมาธิขณะหลับ....ต่างกับคนหลับไม่มีสมาธิ..ยังงัยหรือ?..

เห็นว่า ตย. ที่กักกายยกมา..กักกายคิดว่าเขามีสมาธิขณะหลับ...ก็เลยอยากรู้..ว่ากักกายรู้จริงป้าว?

:b1: :b1: :b1:


ว่าไป..ว่าไป.. :b16: :b16: :b16:


เรื่องศีลเห็นๆกบยังไม่เข้าใจ จะไปเข้าเรื่องสมาธิซึ่งเป็นนามธรรมนั้นไม่มีทางเลยจริงๆ :b32:

วางภาพไตรสิกขาให้ดู

ศีล

สมาธิ

ปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 20:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
งั้นกลับมาที่..ที่ควรก็แล้วกัน..

กบนอกกะลา เขียน:
อาการของคนที่มีสมาธิขณะหลับ....ต่างกับคนหลับไม่มีสมาธิ..ยังงัยหรือ?..

เห็นว่า ตย. ที่กักกายยกมา..กักกายคิดว่าเขามีสมาธิขณะหลับ...ก็เลยอยากรู้..ว่ากักกายรู้จริงป้าว?

:b1: :b1: :b1:


ว่าไป..ว่าไป.. :b16: :b16: :b16:


เรื่องศีลเห็นๆกบยังไม่เข้าใจ จะไปเข้าเรื่องสมาธิซึ่งเป็นนามธรรมนั้นไม่มีทางเลยจริงๆ :b32:

วางภาพไตรสิกขาให้ดู

ศีล

สมาธิ

ปัญญา


เอาหน่อยน่า..หลับในสมาธิ..ต่างจากหลับแบบไม่มีสมาธิยังงัย?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
งั้นกลับมาที่..ที่ควรก็แล้วกัน..

กบนอกกะลา เขียน:
อาการของคนที่มีสมาธิขณะหลับ....ต่างกับคนหลับไม่มีสมาธิ..ยังงัยหรือ?..

เห็นว่า ตย. ที่กักกายยกมา..กักกายคิดว่าเขามีสมาธิขณะหลับ...ก็เลยอยากรู้..ว่ากักกายรู้จริงป้าว?

:b1: :b1: :b1:


ว่าไป..ว่าไป.. :b16: :b16: :b16:


เรื่องศีลเห็นๆกบยังไม่เข้าใจ จะไปเข้าเรื่องสมาธิซึ่งเป็นนามธรรมนั้นไม่มีทางเลยจริงๆ :b32:

วางภาพไตรสิกขาให้ดู

ศีล

สมาธิ

ปัญญา


เอาหน่อยน่า..หลับในสมาธิ..ต่างจากหลับแบบไม่มีสมาธิยังงัย?


ก็บอกแล้ว มันต้องเข้าใจเรื่องสมาธิ ถ้าไม่เข้าเรื่องศีล สมาธิ พูดไปก็นั่งอ้าปาก อิอิ


เบื้องต้นดูนี่เข้าใจ

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2018, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


https://www.facebook.com/postsread/phot ... =3&theater

:b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 107 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร