52607.ภาษาธรรมวันละคำ ขึ้นต้น จ

กรัชกาย

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

จิตเป็นสภาพรู้ไม่ใช่เจตสิก
เจตสิกเป็นสภาพรู้ไม่ใช่จิต
ทั้งจิตและเจตสิกเป็นสภาพรู้2อย่าง
ที่ขาดกันไม่ได้และเกิดดับพร้อมกัน
และสภาพไม่รู้ที่ปรากฏว่ามีก็เกิดดับพร้อมจิตและเจตสิก
จิตมีเพียง1ขันธ์คือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
รูปมี1ขันธ์คือรูปขันธ์ และรูปที่มหาภูตรูปทุกประเภทที่ไม่ใช่สภาพรู้ที่ปรากฏ
ถามว่าทำไมต้องแยกเวทนากับสัญญากับสังขารออกไปในเมื่อทั้ง3เป็นเจตสิก
เพราะเวลาพิจารณาสภาพธรรมที่ปัจจุบันขณะทีละ1ขณะละเอียดเป็นจิตเจตสิกรูป

ตอบคำถามนี้ก่อน

อ้างคำพูด:

ตกลงแล้ว สังขารขันธ์ เป็นเจตสิกเท่าไหร่ ที่เป็นสังขาร 52 หรือ 50 เมื่อแยกเวทนา,สัญญาไปเป็นขันธ์ คือ เป็นกองหนึ่งๆแล้ว

ก็ถามว่าแยกทำไมในเมื่อ52ประเภทนั้นมาจากขันธ์3ขันธ์นั้น
เวลารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏถึงไปแยกกันรู้ตามเป็นจริง
:b4:

ถามยังงั้น ก็ถามยังงี้บ้าง แล้วจะแยกเป็น จิต เจตสิก รูป ทำไม แยกเป็นขันธ์ (เป็นกอง เป็นส่วน) ได้ ๕ ขันธ์ ๕ กองทำไม ตอบ :b1:

พระพุทธเจ้าเมตตาแสดงทุกคำจริงแยกย่อยละเอียดยิบเพื่อให้เข้าใจว่าไม่มีตัวตนค่ะ
ก็แค่ให้เข้าใจว่าถ้าพิจารณาตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะมีอะไรบ้างแต่ทุกอย่างเลย
ส่องถึงสิ่งที่มีจริงๆที่กำลังปรากฏตอนมีร่างกายและจิตใจเข้าใจไหมว่าเป็นจิต เจตสิก รูป
ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมี7อย่างสิ่งใดที่ไม่ปรากฎก็ดับพร้อมกัน
เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์รวมกันก็ต้องครบ52อยู่ดี
เวลาสติระลึกตรงสภาพธรรมเช่นแข็งที่ปลายนิ้วแตะแป้นพิมพ์การดับนั้นขาดสูญทุกอย่างแล้วขณิกมรณะ

อ้างคำพูด:

เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์

ถ้าจะพูดถึงอภิธรรม จิต เจตสิก รูป ห้ามเอ่ยคำว่า "ขันธ์" เพราะขันธ์ท่านนำไปอธิบายในพระสูตร เข้าใจไหม :b1:

Rosarin

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

จิตเป็นสภาพรู้ไม่ใช่เจตสิก
เจตสิกเป็นสภาพรู้ไม่ใช่จิต
ทั้งจิตและเจตสิกเป็นสภาพรู้2อย่าง
ที่ขาดกันไม่ได้และเกิดดับพร้อมกัน
และสภาพไม่รู้ที่ปรากฏว่ามีก็เกิดดับพร้อมจิตและเจตสิก
จิตมีเพียง1ขันธ์คือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
รูปมี1ขันธ์คือรูปขันธ์ และรูปที่มหาภูตรูปทุกประเภทที่ไม่ใช่สภาพรู้ที่ปรากฏ
ถามว่าทำไมต้องแยกเวทนากับสัญญากับสังขารออกไปในเมื่อทั้ง3เป็นเจตสิก
เพราะเวลาพิจารณาสภาพธรรมที่ปัจจุบันขณะทีละ1ขณะละเอียดเป็นจิตเจตสิกรูป

ตอบคำถามนี้ก่อน

อ้างคำพูด:

ตกลงแล้ว สังขารขันธ์ เป็นเจตสิกเท่าไหร่ ที่เป็นสังขาร 52 หรือ 50 เมื่อแยกเวทนา,สัญญาไปเป็นขันธ์ คือ เป็นกองหนึ่งๆแล้ว

ก็ถามว่าแยกทำไมในเมื่อ52ประเภทนั้นมาจากขันธ์3ขันธ์นั้น
เวลารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏถึงไปแยกกันรู้ตามเป็นจริง
:b4:

ถามยังงั้น ก็ถามยังงี้บ้าง แล้วจะแยกเป็น จิต เจตสิก รูป ทำไม แยกเป็นขันธ์ (เป็นกอง เป็นส่วน) ได้ ๕ ขันธ์ ๕ กองทำไม ตอบ :b1:

พระพุทธเจ้าเมตตาแสดงทุกคำจริงแยกย่อยละเอียดยิบเพื่อให้เข้าใจว่าไม่มีตัวตนค่ะ
ก็แค่ให้เข้าใจว่าถ้าพิจารณาตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะมีอะไรบ้างแต่ทุกอย่างเลย
ส่องถึงสิ่งที่มีจริงๆที่กำลังปรากฏตอนมีร่างกายและจิตใจเข้าใจไหมว่าเป็นจิต เจตสิก รูป
ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมี7อย่างสิ่งใดที่ไม่ปรากฎก็ดับพร้อมกัน
เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์รวมกันก็ต้องครบ52อยู่ดี
เวลาสติระลึกตรงสภาพธรรมเช่นแข็งที่ปลายนิ้วแตะแป้นพิมพ์การดับนั้นขาดสูญทุกอย่างแล้วขณิกมรณะ

อ้างคำพูด:

เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์

ถ้าจะพูดถึงอภิธรรม จิต เจตสิก รูป ห้ามเอ่ยคำว่า "ขันธ์" เพราะขันธ์ท่านนำไปอธิบายในพระสูตร เข้าใจไหม :b1:

จิตเจตสิกรูปกำลังปรากฏว่ามีกำลังมีและกำลังเกิดดับ
รู้จิตตนเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏผ่านธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
รู้ทั้งหมดทั้งพระสูตรพระวินัยพระอภิธรรมคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
:b32:

Rosarin

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

จิตเป็นสภาพรู้ไม่ใช่เจตสิก
เจตสิกเป็นสภาพรู้ไม่ใช่จิต
ทั้งจิตและเจตสิกเป็นสภาพรู้2อย่าง
ที่ขาดกันไม่ได้และเกิดดับพร้อมกัน
และสภาพไม่รู้ที่ปรากฏว่ามีก็เกิดดับพร้อมจิตและเจตสิก
จิตมีเพียง1ขันธ์คือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
รูปมี1ขันธ์คือรูปขันธ์ และรูปที่มหาภูตรูปทุกประเภทที่ไม่ใช่สภาพรู้ที่ปรากฏ
ถามว่าทำไมต้องแยกเวทนากับสัญญากับสังขารออกไปในเมื่อทั้ง3เป็นเจตสิก
เพราะเวลาพิจารณาสภาพธรรมที่ปัจจุบันขณะทีละ1ขณะละเอียดเป็นจิตเจตสิกรูป

ตอบคำถามนี้ก่อน

อ้างคำพูด:

ตกลงแล้ว สังขารขันธ์ เป็นเจตสิกเท่าไหร่ ที่เป็นสังขาร 52 หรือ 50 เมื่อแยกเวทนา,สัญญาไปเป็นขันธ์ คือ เป็นกองหนึ่งๆแล้ว

ก็ถามว่าแยกทำไมในเมื่อ52ประเภทนั้นมาจากขันธ์3ขันธ์นั้น
เวลารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏถึงไปแยกกันรู้ตามเป็นจริง
:b4:

ถามยังงั้น ก็ถามยังงี้บ้าง แล้วจะแยกเป็น จิต เจตสิก รูป ทำไม แยกเป็นขันธ์ (เป็นกอง เป็นส่วน) ได้ ๕ ขันธ์ ๕ กองทำไม ตอบ :b1:

พระพุทธเจ้าเมตตาแสดงทุกคำจริงแยกย่อยละเอียดยิบเพื่อให้เข้าใจว่าไม่มีตัวตนค่ะ
ก็แค่ให้เข้าใจว่าถ้าพิจารณาตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะมีอะไรบ้างแต่ทุกอย่างเลย
ส่องถึงสิ่งที่มีจริงๆที่กำลังปรากฏตอนมีร่างกายและจิตใจเข้าใจไหมว่าเป็นจิต เจตสิก รูป
ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมี7อย่างสิ่งใดที่ไม่ปรากฎก็ดับพร้อมกัน
เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์รวมกันก็ต้องครบ52อยู่ดี
เวลาสติระลึกตรงสภาพธรรมเช่นแข็งที่ปลายนิ้วแตะแป้นพิมพ์การดับนั้นขาดสูญทุกอย่างแล้วขณิกมรณะ

อ้างคำพูด:

เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์

ถ้าจะพูดถึงอภิธรรม จิต เจตสิก รูป ห้ามเอ่ยคำว่า "ขันธ์" เพราะขันธ์ท่านนำไปอธิบายในพระสูตร เข้าใจไหม :b1:

จิตเจตสิกรูปกำลังปรากฏว่ามีกำลังมีและกำลังเกิดดับ
รู้จิตตนเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏผ่านธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
รู้ทั้งหมดทั้งพระสูตรพระวินัยพระอภิธรรมคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
:b32:

ฟังเรื่อง จิต ใจ เจตสิก ตามที่คุณกรัชกายสงสัยว่ายังไง?
:b17:

https://www.youtube.com/watch?v=Nmm31jUwKXI

กรัชกาย

Rosarin เขียน:

จิตเจตสิกรูปกำลังปรากฏว่ามีกำลังมีและกำลังเกิดดับ
รู้จิตตนเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏผ่านธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
รู้ทั้งหมดทั้งพระสูตรพระวินัยพระอภิธรรมคือเดี๋ยวนี้กำลังมี

อ้างคำพูด:

ฟังเรื่อง จิต ใจ เจตสิก ตามที่คุณกรัชกายสงสัยว่ายังไง?

จิตกับเจตสิก = นาม = ความรู้สึกนึกคิด กับ รูป รวมกันเป็นชีวิตหนึ่งๆ เรียกตามภาษาพระว่า "นามรูป"
ถ้ายังไม่ตาย ยังไม่หมดลม ก็กำลังมีกำลังเป็นอยู่นี่เอง
อ่านตำราแล้วต้องสรุปให้ลงตัวกับชีวิตเดี๋ยวนี้ให้จงได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เลอะ พันกันยุ่ง เหมือนยุงตีกันแบบคุณโรสคิดนั่นแล.

Rosarin

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

กรัชกาย เขียน:

Rosarin เขียน:

จิตเป็นสภาพรู้ไม่ใช่เจตสิก
เจตสิกเป็นสภาพรู้ไม่ใช่จิต
ทั้งจิตและเจตสิกเป็นสภาพรู้2อย่าง
ที่ขาดกันไม่ได้และเกิดดับพร้อมกัน
และสภาพไม่รู้ที่ปรากฏว่ามีก็เกิดดับพร้อมจิตและเจตสิก
จิตมีเพียง1ขันธ์คือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
รูปมี1ขันธ์คือรูปขันธ์ และรูปที่มหาภูตรูปทุกประเภทที่ไม่ใช่สภาพรู้ที่ปรากฏ
ถามว่าทำไมต้องแยกเวทนากับสัญญากับสังขารออกไปในเมื่อทั้ง3เป็นเจตสิก
เพราะเวลาพิจารณาสภาพธรรมที่ปัจจุบันขณะทีละ1ขณะละเอียดเป็นจิตเจตสิกรูป

ตอบคำถามนี้ก่อน

อ้างคำพูด:

ตกลงแล้ว สังขารขันธ์ เป็นเจตสิกเท่าไหร่ ที่เป็นสังขาร 52 หรือ 50 เมื่อแยกเวทนา,สัญญาไปเป็นขันธ์ คือ เป็นกองหนึ่งๆแล้ว

ก็ถามว่าแยกทำไมในเมื่อ52ประเภทนั้นมาจากขันธ์3ขันธ์นั้น
เวลารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏถึงไปแยกกันรู้ตามเป็นจริง
:b4:

ถามยังงั้น ก็ถามยังงี้บ้าง แล้วจะแยกเป็น จิต เจตสิก รูป ทำไม แยกเป็นขันธ์ (เป็นกอง เป็นส่วน) ได้ ๕ ขันธ์ ๕ กองทำไม ตอบ :b1:

พระพุทธเจ้าเมตตาแสดงทุกคำจริงแยกย่อยละเอียดยิบเพื่อให้เข้าใจว่าไม่มีตัวตนค่ะ
ก็แค่ให้เข้าใจว่าถ้าพิจารณาตามธาตุตามขันธ์ตามอายตนะมีอะไรบ้างแต่ทุกอย่างเลย
ส่องถึงสิ่งที่มีจริงๆที่กำลังปรากฏตอนมีร่างกายและจิตใจเข้าใจไหมว่าเป็นจิต เจตสิก รูป
ลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจมี7อย่างสิ่งใดที่ไม่ปรากฎก็ดับพร้อมกัน
เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์รวมกันก็ต้องครบ52อยู่ดี
เวลาสติระลึกตรงสภาพธรรมเช่นแข็งที่ปลายนิ้วแตะแป้นพิมพ์การดับนั้นขาดสูญทุกอย่างแล้วขณิกมรณะ

อ้างคำพูด:

เวทนา สัญญา สังขาร รวมกันเป็นเจตสิกได้52ประเภท แต่ละขันธ์มีกี่ขันธ์

ถ้าจะพูดถึงอภิธรรม จิต เจตสิก รูป ห้ามเอ่ยคำว่า "ขันธ์" เพราะขันธ์ท่านนำไปอธิบายในพระสูตร เข้าใจไหม :b1:

จิตเจตสิกรูปกำลังปรากฏว่ามีกำลังมีและกำลังเกิดดับ
รู้จิตตนเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏผ่านธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
รู้ทั้งหมดทั้งพระสูตรพระวินัยพระอภิธรรมคือเดี๋ยวนี้กำลังมี
:b32:

ฟังเรื่อง จิต ใจ เจตสิก ตามที่คุณกรัชกายสงสัยว่ายังไง?
:b17:

https://www.youtube.com/watch?v=Nmm31jUwKXI

อ้างคำพูด:

ถามว่าทำไมต้องแยกเวทนากับสัญญากับสังขารออกไปในเมื่อทั้ง3เป็นเจตสิก
เพราะเวลาพิจารณาสภาพธรรมที่ปัจจุบันขณะทีละ1ขณะละเอียดเป็นจิตเจตสิกรูป

อ้างคำพูด:

รู้จิตตนเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏผ่านธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6

กรัชกาย เขียน:

จิตกับเจตสิก = นาม = ความรู้สึกนึกคิด กับ รูป รวมกันเป็นชีวิตหนึ่งๆ เรียกตามภาษาพระว่า "นามรูป"
ถ้ายังไม่ตาย ยังไม่หมดลม ก็กำลังมีกำลังเป็นอยู่นี่เอง
อ่านตำราแล้วต้องสรุปให้ลงตัวกับชีวิตเดี๋ยวนี้ให้จงได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เลอะ พันกันยุ่ง เหมือนยุงตีกันแบบคุณโรสคิดนั่นแล.

อีกครั้ง
ถามว่าทำไมถึงต้องแยกเวทนากับสัญญากับสังขารออกไปในเมื่อทั้ง3เป็นเจตสิก
เหตุผลที่ถามก็เพราะว่า จิตเป็นสภาพรู้เป็นใหญ่เป็นประธานรับรู้สิ่งที่ปรากฏทั้ง6ทาง6โลกร่วมกับเจตสิก
เวทนา สัญญา สังขาร เป็นสภาพรู้คือเจตสิก มีจิตต้องมีเจตสิก มีเจตสิกต้องมีจิต และเจตสิกมี 52 ค่ะ
:b10:

แล้วคำว่านามรูป กับ นามธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป นิพพาน แตกต่างกันไหม อย่างไร อธิบายด้วย ค่ะ
:b4:


ทั่วไป เว็บธรรมจักร

52607.ภาษาธรรมวันละคำ ขึ้นต้น จ

ผู้ใช้งานขณะนี้