วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 15:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
เห็นแล้วเศร้าใจจังเลยตีความผิดเละไปหมด ปลดได้เลยผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ดอายเขาจังเลย. พระองค์บอกต้องทำบ่อยๆถึงจะเกิดโทษ. เจอเพื่อนที่ไม่ดีอริยะกบตกใจหายใจไม่ออกเลยกลัวคบมิตรชั่ว555 นี่ละน๊าพวกลูบคลำศิล


ตกใจตรงไหน....
กบนอกกะลา เขียน:

แล้วมีข้อให้คิดนิดหนึ่งว่า...แล้วอริยะสาวกพบเจอเพื่อนที่เป็นคนชั่วได้มั้ย?...ก็เจอกันคุยกันได้นะ...แต่การคบหาสมาคม...นี้มันต้องเวียนไปมาหาสู่ประจำ..จึงเรียกว่าคบ...จึงไม่ขัดกับการที่ว่า..ไม่เสพทางเสื่อม..แต่อย่างใด..
แค่นี้ก่อน..นึกได้ใหม่จะมาต่อ..
:b32: :b32:


huh huh huh

กลัวจะเป็นทางเสื่อมไง5555

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลองไล่เลียง....ข้อปฏิบัติที่ กล่าว..ๆ กัน

มีศีล 5...ศีล 8 ..ศีล 10 ศีล 227...กรรมบถ 10...เอ้า..รวมเอา...อบายมุข 6 ด้วย

ถ้าผมเรียง..จากหยาบ..ไปหาละเอียดปราณีต..

ผมจะเรียงจาก...

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบถ10....ศีล 8....ศีล 10.....ศีล 227
(ปล. กรรมบถ 10 กับศีล 8 นี้...สูสีกัน...แต่ผมมาพิจารณาความชัดเจนในการปฏิบัติเพื่อละกิเลสกามที่รองรับการละ..กามราคะสังโยชน์...ปฏิฆะสังโยชน์...ผมจึงให้ ศีล 8 ละเอียดกว่า..กรรมบถ10)

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบท10....ศีล 8...นี้ข้อปฏิบัติของฆราวาส...พอถึงศีล 10 เป็นของเณร...227 เป็นศีลของภิกษุ...แล้ว

มาพิจารณาเฉพาะของฆราวาส..ก็แล้วกัน...นะครับ
(ปล. ต่อไปนี้...ผมเอามาจากที่อื่น..ไม่ได้เขียนเองนะคราบ...จึงแนบลิงค์มาด้วย...ใครมีปัญหากับถ่อยคำที่ใช้..ก็ตามไปเช็คบิลกับเจ้าของข้อความเอง..นะคราบ... :b32:)

อบายมุข 6...
http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipy ... nit2-6.php
..........................
อบายมุข หมายถึง ช่องทางแห่งความเสื่อม ,ทางแห่งความพินาศ,หรือเหตุให้เกิดความย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ประกอบด้วย

1. ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 ประการคือ

1.1 เสียทรัพย์ คือทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด
1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท
1.3 ทำลายสุขภาพ
1.4 เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง
1.5 ไม่รู้จักอาย
1.6 บั่นทอนกำลังปัญญา

2. ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 ประการคือ
2.1 เป็นการไม่รักษาตัว
2.2 เป็นการไม่รักษาลูกเมีย
2.3 เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
2.4 เป็นที่ระแวงสงสัย เป็นผู้ต้องสงสัย
2.5 เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือเป็นที่เล่าลือของบุคคลอื่น
2.6 นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนเองและครอบครัว

3. ชอบดูการละเล่น มีโทษคือทำให้การงานเสื่อมเสีย เพราะใจกังวลคอยคิดแต่การละเล่น และเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้น ๆ 6 ประการคือ

3.1 เต้นรำที่ไหนไปที่นั่น
3.2 ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
3.3 ดีดสีตีเป่า(ดนตรี) ที่ไหนไปที่นั่น
3.4 เสภาที่ไหนไปที่นั่น
3.5 เพลงที่ไหนไปที่นั่น
3.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น

4. ติดการพนัน เป็นนักพนัน เป็นคนที่ชอบเล่นการพนัน มีโทษ 6 ประการคือ
4.1 เมื่อชนะย่อมก่อเวร
4.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์สินที่เสียไป
4.3 เสียทรัพย์ ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นได้ชัด
4.4 เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถ้อยคำ
4.5 เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
4.6 ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา เพราะเห็นว่าจะเลี้ยงลูกเมียไม่ไหว

5. คบคนชั่ว ทำให้เกิดโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
5.1 นักการพนัน
5.2 นักเลงผู้หญิง
5.3 นักเลงเหล้าและสิ่งเสพติดต่าง ๆ
5.4 นักลวงของปลอม
5.5 นักหลอกลวง
5.6 นักเลงหัวไม้

6. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้าง ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ทำการงานโภคทรัพย์ใหม่ก็ไม่เกิดโภคทรัพย์เก่าที่มีอยู่ก็หมดไป คืออ้างไปทั้ง 6 กรณีว่า

6.1 มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
6.2 มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
6.3 มักอ้างว่า เย็นแล้ว แล้วไม่ทำงาน
6.4 มักอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
6.5 มักอ้างว่า หิว กระหายน้ำ แล้วไม่ทำงาน
6.6 มักอ้างว่า อิ่มนัก แล้วไม่ทำงาน
......................

ศีล 5 ...
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =1&gblog=2
ศีล ๕ ข้อ คือ
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
...................

กรรมบถ 10
https://sites.google.com/site/dhammatha ... krrmbth-10

กรรม 10 อย่าง ที่ละเอียดกว่า ศีล โดยแบ่งเป็น กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ทั้งกาย วาจา ใจ นั่นเอง ศีล 5 นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะรอดจากนรกชัวร์ ๆ แต่กรรมบถ 10 นี้ต่างหากที่จะรอดจากนรก ชัวร์ ๆ
1. กรรมจากการฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาตร)
2. กรรมจากการลักทรัพย์ (อทินนาทานา)
3. กรรมจากการประพฤติผิดในกาม (กาเม)
4. การพูดโกหก (มุสา)
5. การพูดส่อเสียด (ทำให้คนแตกความสามัคคี ทำให้คนเกลียดกัน ทำให้คนโกรธกัน)
6. การพูดเพ้อเจ้อ (พูดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้)
7. การพูดคำหยาบ (พูดคำด่าคำ)
8. ความโลภ (อยากได้ของผู้อื่นจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้)
9. ความโกรธ
10. ความหลง (มีความเห็นผิด มิจฉาทิฐฐิ)
...................

ศีล 8
http://www.labdhamma.com/2013/04/test-3/
ศีล 8 มีดังนี้

1. เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
.................
กบจะเรียงอะไรทำไม ทุกอย่างมีเหตุผลเป็นไปตามฐานะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 21:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลองไล่เลียง....ข้อปฏิบัติที่ กล่าว..ๆ กัน

มีศีล 5...ศีล 8 ..ศีล 10 ศีล 227...กรรมบถ 10...เอ้า..รวมเอา...อบายมุข 6 ด้วย

ถ้าผมเรียง..จากหยาบ..ไปหาละเอียดปราณีต..

ผมจะเรียงจาก...

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบถ10....ศีล 8....ศีล 10.....ศีล 227
(ปล. กรรมบถ 10 กับศีล 8 นี้...สูสีกัน...แต่ผมมาพิจารณาความชัดเจนในการปฏิบัติเพื่อละกิเลสกามที่รองรับการละ..กามราคะสังโยชน์...ปฏิฆะสังโยชน์...ผมจึงให้ ศีล 8 ละเอียดกว่า..กรรมบถ10)

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบท10....ศีล 8...นี้ข้อปฏิบัติของฆราวาส...พอถึงศีล 10 เป็นของเณร...227 เป็นศีลของภิกษุ...แล้ว

มาพิจารณาเฉพาะของฆราวาส..ก็แล้วกัน...นะครับ
(ปล. ต่อไปนี้...ผมเอามาจากที่อื่น..ไม่ได้เขียนเองนะคราบ...จึงแนบลิงค์มาด้วย...ใครมีปัญหากับถ่อยคำที่ใช้..ก็ตามไปเช็คบิลกับเจ้าของข้อความเอง..นะคราบ... :b32:)

อบายมุข 6...
http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipy ... nit2-6.php
..........................
อบายมุข หมายถึง ช่องทางแห่งความเสื่อม ,ทางแห่งความพินาศ,หรือเหตุให้เกิดความย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ประกอบด้วย

1. ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 ประการคือ

1.1 เสียทรัพย์ คือทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด
1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท
1.3 ทำลายสุขภาพ
1.4 เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง
1.5 ไม่รู้จักอาย
1.6 บั่นทอนกำลังปัญญา

2. ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 ประการคือ
2.1 เป็นการไม่รักษาตัว
2.2 เป็นการไม่รักษาลูกเมีย
2.3 เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
2.4 เป็นที่ระแวงสงสัย เป็นผู้ต้องสงสัย
2.5 เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือเป็นที่เล่าลือของบุคคลอื่น
2.6 นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนเองและครอบครัว

3. ชอบดูการละเล่น มีโทษคือทำให้การงานเสื่อมเสีย เพราะใจกังวลคอยคิดแต่การละเล่น และเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้น ๆ 6 ประการคือ

3.1 เต้นรำที่ไหนไปที่นั่น
3.2 ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
3.3 ดีดสีตีเป่า(ดนตรี) ที่ไหนไปที่นั่น
3.4 เสภาที่ไหนไปที่นั่น
3.5 เพลงที่ไหนไปที่นั่น
3.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น

4. ติดการพนัน เป็นนักพนัน เป็นคนที่ชอบเล่นการพนัน มีโทษ 6 ประการคือ
4.1 เมื่อชนะย่อมก่อเวร
4.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์สินที่เสียไป
4.3 เสียทรัพย์ ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นได้ชัด
4.4 เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถ้อยคำ
4.5 เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
4.6 ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา เพราะเห็นว่าจะเลี้ยงลูกเมียไม่ไหว

5. คบคนชั่ว ทำให้เกิดโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
5.1 นักการพนัน
5.2 นักเลงผู้หญิง
5.3 นักเลงเหล้าและสิ่งเสพติดต่าง ๆ
5.4 นักลวงของปลอม
5.5 นักหลอกลวง
5.6 นักเลงหัวไม้

6. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้าง ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ทำการงานโภคทรัพย์ใหม่ก็ไม่เกิดโภคทรัพย์เก่าที่มีอยู่ก็หมดไป คืออ้างไปทั้ง 6 กรณีว่า

6.1 มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
6.2 มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
6.3 มักอ้างว่า เย็นแล้ว แล้วไม่ทำงาน
6.4 มักอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
6.5 มักอ้างว่า หิว กระหายน้ำ แล้วไม่ทำงาน
6.6 มักอ้างว่า อิ่มนัก แล้วไม่ทำงาน
......................

ศีล 5 ...
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =1&gblog=2
ศีล ๕ ข้อ คือ
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
...................

กรรมบถ 10
https://sites.google.com/site/dhammatha ... krrmbth-10

กรรม 10 อย่าง ที่ละเอียดกว่า ศีล โดยแบ่งเป็น กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ทั้งกาย วาจา ใจ นั่นเอง ศีล 5 นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะรอดจากนรกชัวร์ ๆ แต่กรรมบถ 10 นี้ต่างหากที่จะรอดจากนรก ชัวร์ ๆ
1. กรรมจากการฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาตร)
2. กรรมจากการลักทรัพย์ (อทินนาทานา)
3. กรรมจากการประพฤติผิดในกาม (กาเม)
4. การพูดโกหก (มุสา)
5. การพูดส่อเสียด (ทำให้คนแตกความสามัคคี ทำให้คนเกลียดกัน ทำให้คนโกรธกัน)
6. การพูดเพ้อเจ้อ (พูดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้)
7. การพูดคำหยาบ (พูดคำด่าคำ)
8. ความโลภ (อยากได้ของผู้อื่นจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้)
9. ความโกรธ
10. ความหลง (มีความเห็นผิด มิจฉาทิฐฐิ)
...................

ศีล 8
http://www.labdhamma.com/2013/04/test-3/
ศีล 8 มีดังนี้

1. เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
.................


bigtoo เขียน:
กบจะเรียงอะไรทำไม ทุกอย่างมีเหตุผลเป็นไปตามฐานะ


จับมาเรียงกันให้ชัด ๆ...เผื่อจะได้ความคิดดีดี...นะซิ

ซึ่งก็พอได้เค้าแล้วละ.. :b17:

จะเห็นว่า..อบายมุข 6 เป็นข้อห้ามที่เกรดต่ำกว่า..ศีล 5 อยู่มาก

แม้คุณไม่ทำผิดตามอบายมุขครบทั้ง 6....แต่คุณก็อาจทำผิดศีล 4 ข้อที่เหลือคือ..ปานาติบาต..จนถึงมุสา..ได้อยู่

ใครที่ไม่ทำผิดอบายมุข 6 เลย...แต่ก็ยังไม่จัดว่าเป็นมนุษย์ที่หมายถึงผู้ประเสริฐ...ถ้ายังผิดศีลอื่น อยู่

พอมาเป็นศีล 5 ..อบายมุข6...ยังพอเหลือติดมาบ้าง..โดยย่อรวมอยู่ในศีลข้อ 5 คือ..สุราเมรัยและของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

พอละศีล 5 ...จึงจะพอเลื่อนชั้นมาเป็นมนุษย์..ที่แปลว่า..ผู้ประเสริฐ...ได้

พอสูงขึ้นมาเป็นกุศลกรรม 10...อบายมุข 6..แม้แต่สุราเมรัย...ก็ไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว..เพราะพ้นมาแล้วโดยอุปนิสัยของผู้ที่มีกุศลกรรมบถ 10 เป็นวัตร

นี้แหละ...ที่ว่า..ทำไม..กรรมบถ 10 จึงไม่มีการกล่าวถึงข้อ..สุราเมรัย..เลย
..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลองไล่เลียง....ข้อปฏิบัติที่ กล่าว..ๆ กัน

มีศีล 5...ศีล 8 ..ศีล 10 ศีล 227...กรรมบถ 10...เอ้า..รวมเอา...อบายมุข 6 ด้วย

ถ้าผมเรียง..จากหยาบ..ไปหาละเอียดปราณีต..

ผมจะเรียงจาก...

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบถ10....ศีล 8....ศีล 10.....ศีล 227
(ปล. กรรมบถ 10 กับศีล 8 นี้...สูสีกัน...แต่ผมมาพิจารณาความชัดเจนในการปฏิบัติเพื่อละกิเลสกามที่รองรับการละ..กามราคะสังโยชน์...ปฏิฆะสังโยชน์...ผมจึงให้ ศีล 8 ละเอียดกว่า..กรรมบถ10)

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบท10....ศีล 8...นี้ข้อปฏิบัติของฆราวาส...พอถึงศีล 10 เป็นของเณร...227 เป็นศีลของภิกษุ...แล้ว

มาพิจารณาเฉพาะของฆราวาส..ก็แล้วกัน...นะครับ
(ปล. ต่อไปนี้...ผมเอามาจากที่อื่น..ไม่ได้เขียนเองนะคราบ...จึงแนบลิงค์มาด้วย...ใครมีปัญหากับถ่อยคำที่ใช้..ก็ตามไปเช็คบิลกับเจ้าของข้อความเอง..นะคราบ... :b32:)

อบายมุข 6...
http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipy ... nit2-6.php
..........................
อบายมุข หมายถึง ช่องทางแห่งความเสื่อม ,ทางแห่งความพินาศ,หรือเหตุให้เกิดความย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ประกอบด้วย

1. ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 ประการคือ

1.1 เสียทรัพย์ คือทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด
1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท
1.3 ทำลายสุขภาพ
1.4 เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง
1.5 ไม่รู้จักอาย
1.6 บั่นทอนกำลังปัญญา

2. ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 ประการคือ
2.1 เป็นการไม่รักษาตัว
2.2 เป็นการไม่รักษาลูกเมีย
2.3 เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
2.4 เป็นที่ระแวงสงสัย เป็นผู้ต้องสงสัย
2.5 เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือเป็นที่เล่าลือของบุคคลอื่น
2.6 นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนเองและครอบครัว

3. ชอบดูการละเล่น มีโทษคือทำให้การงานเสื่อมเสีย เพราะใจกังวลคอยคิดแต่การละเล่น และเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้น ๆ 6 ประการคือ

3.1 เต้นรำที่ไหนไปที่นั่น
3.2 ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
3.3 ดีดสีตีเป่า(ดนตรี) ที่ไหนไปที่นั่น
3.4 เสภาที่ไหนไปที่นั่น
3.5 เพลงที่ไหนไปที่นั่น
3.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น

4. ติดการพนัน เป็นนักพนัน เป็นคนที่ชอบเล่นการพนัน มีโทษ 6 ประการคือ
4.1 เมื่อชนะย่อมก่อเวร
4.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์สินที่เสียไป
4.3 เสียทรัพย์ ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นได้ชัด
4.4 เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถ้อยคำ
4.5 เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
4.6 ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา เพราะเห็นว่าจะเลี้ยงลูกเมียไม่ไหว

5. คบคนชั่ว ทำให้เกิดโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
5.1 นักการพนัน
5.2 นักเลงผู้หญิง
5.3 นักเลงเหล้าและสิ่งเสพติดต่าง ๆ
5.4 นักลวงของปลอม
5.5 นักหลอกลวง
5.6 นักเลงหัวไม้

6. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้าง ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ทำการงานโภคทรัพย์ใหม่ก็ไม่เกิดโภคทรัพย์เก่าที่มีอยู่ก็หมดไป คืออ้างไปทั้ง 6 กรณีว่า

6.1 มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
6.2 มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
6.3 มักอ้างว่า เย็นแล้ว แล้วไม่ทำงาน
6.4 มักอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
6.5 มักอ้างว่า หิว กระหายน้ำ แล้วไม่ทำงาน
6.6 มักอ้างว่า อิ่มนัก แล้วไม่ทำงาน
......................

ศีล 5 ...
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =1&gblog=2
ศีล ๕ ข้อ คือ
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
...................

กรรมบถ 10
https://sites.google.com/site/dhammatha ... krrmbth-10

กรรม 10 อย่าง ที่ละเอียดกว่า ศีล โดยแบ่งเป็น กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ทั้งกาย วาจา ใจ นั่นเอง ศีล 5 นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะรอดจากนรกชัวร์ ๆ แต่กรรมบถ 10 นี้ต่างหากที่จะรอดจากนรก ชัวร์ ๆ
1. กรรมจากการฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาตร)
2. กรรมจากการลักทรัพย์ (อทินนาทานา)
3. กรรมจากการประพฤติผิดในกาม (กาเม)
4. การพูดโกหก (มุสา)
5. การพูดส่อเสียด (ทำให้คนแตกความสามัคคี ทำให้คนเกลียดกัน ทำให้คนโกรธกัน)
6. การพูดเพ้อเจ้อ (พูดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้)
7. การพูดคำหยาบ (พูดคำด่าคำ)
8. ความโลภ (อยากได้ของผู้อื่นจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้)
9. ความโกรธ
10. ความหลง (มีความเห็นผิด มิจฉาทิฐฐิ)
...................

ศีล 8
http://www.labdhamma.com/2013/04/test-3/
ศีล 8 มีดังนี้

1. เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
.................


bigtoo เขียน:
กบจะเรียงอะไรทำไม ทุกอย่างมีเหตุผลเป็นไปตามฐานะ


จับมาเรียงกันให้ชัด ๆ...เผื่อจะได้ความคิดดีดี...นะซิ

ซึ่งก็พอได้เค้าแล้วละ.. :b17:

จะเห็นว่า..อบายมุข 6 เป็นข้อห้ามที่เกรดต่ำกว่า..ศีล 5 อยู่มาก

แม้คุณไม่ทำผิดตามอบายมุขครบทั้ง 6....แต่คุณก็อาจทำผิดศีล 4 ข้อที่เหลือคือ..ปานาติบาต..จนถึงมุสา..ได้อยู่

ใครที่ไม่ทำผิดอบายมุข 6 เลย...แต่ก็ยังไม่จัดว่าเป็นมนุษย์ที่หมายถึงผู้ประเสริฐ...ถ้ายังผิดศีลอื่น อยู่

พอมาเป็นศีล 5 ..อบายมุข6...ยังพอเหลือติดมาบ้าง..โดยย่อรวมอยู่ในศีลข้อ 5 คือ..สุราเมรัยและของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

พอละศีล 5 ...จึงจะพอเลื่อนชั้นมาเป็นมนุษย์..ที่แปลว่า..ผู้ประเสริฐ...ได้

พอสูงขึ้นมาเป็นกุศลกรรม 10...อบายมุข 6..แม้แต่สุราเมรัย...ก็ไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว..เพราะพ้นมาแล้วโดยอุปนิสัยของผู้ที่มีกุศลกรรมบถ 10 เป็นวัตร

นี้แหละ...ที่ว่า..ทำไม..กรรมบถ 10 จึงไม่มีการกล่าวถึงข้อ..สุราเมรัย..เลย
..
มั่วจริงๆคิดเองเออเอง. ถ้าคุณคิดว่าเหล้ามันเลวร้ายขนาดนั้นทำไมพระองค์ถึงบอกว่ากิเลส4อย่างอริยเลิกได้แล้ว ทำไมไม่มีเหล้าถ้าเหล่ามันเลวร้ายขนาดนั้น อกุศลกรรมบท10นี้ถ้าเหล้ามันเลวขนาดนั้นทำไมไม่มี. ไหนจะทางเสื่อมก็ต่องประกอบเนืองๆ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 22:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32:

ดิ้นเข้าไป...ดิ้นด้วยคำเดิม ๆ .. :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2015, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32:

ดิ้นเข้าไป...ดิ้นด้วยคำเดิม ๆ .. :b13:

คนดิ้นนะไม่ใช่ผมหรอกนะ ผมอดทนอยู่ก็เพื่อช่วยสัตว์โลกที่มีปัญญาน้อย. แค่ศิลก็ยังไม่เข้าใจว่าเว้นขาดนั้นเขาทำกันตรงไหน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2015, 07:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าโม้เลย...ถ้ายังจิบเหล้าเพื่อเข้าสังคม..อยู่นะ..

.ต่อ ๆ ไปไม่รู้จะทำอะไรเพื่อเข้าสังคมบ้าง..

ถ้าหมู่พวกชอบเที่ยวอาบอบนวด..เข้าบ่อนการพนัน...มิต้องอาบอบนวดเพื่อเข้าสังคม..เข้าบ่อนเพื่อเข้าสังคม....

:b32:

เอาเถอะ...เป็นอริยะเมื่อไร..ก็รู้เองแหละ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2015, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่าโม้เลย...ถ้ายังจิบเหล้าเพื่อเข้าสังคม..อยู่นะ..

.ต่อ ๆ ไปไม่รู้จะทำอะไรเพื่อเข้าสังคมบ้าง..

ถ้าหมู่พวกชอบเที่ยวอาบอบนวด..เข้าบ่อนการพนัน...มิต้องอาบอบนวดเพื่อเข้าสังคม..เข้าบ่อนเพื่อเข้าสังคม....

:b32:

เอาเถอะ...เป็นอริยะเมื่อไร..ก็รู้เองแหละ...
กบคุยธรรมะจะเล่นก็เล่นได้. แต่อย่ากล่าวอะไรที่มันนอกเหนือจากสิ่งที่เรากำลังสนทนาอยู่นะ กบไม่ต้องห่วงผมหรอกเรื่องการเป็นอริยะ. อย่างน้อยผมก็ไม่ท่องคาถาเงินล้านนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2015, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พูด ๆ ๆ เข้าไป ...ใส้ไหลมากองจนหมดแร้ว...

:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2015, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การจิบเหล้าเข้าสังคม :
สำหรับ พระสงฆ์ ไม่ควรทุกประการ จะเป็นผู้มีศีลวิบัติ ซึ่งมีลำดับหนักเบาวางไว้เป็นพระวินัย

Quote Tipitaka:
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรของ
คำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
นาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้

ย่อมประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า
ปรารถนา อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย
อันวิญญูชนสรรเสริญ
อันตัณหาและทิฐิไม่ครอบงำได้ เป็นไปเพื่อสมาธิ..


แต่ฆราวาส เมื่อสมาทานศีลไว้ หรือตั้งใจจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์
แม้ไม่มีเจตนาจะดื่มเพื่อความเพลิน เพื่อความยินดีพอใจในรสสุรา ในความเมาของสุรา
แต่
นั่นเป็นความด่างพร้อยในศีลที่ท่านตั้งใจจะรักษาให้บริสุทธิ์

หวังว่าคงเข้าใจ
ศีลแม้ไม่ขาด แต่มันก็ด่างพร้อย ทะลุ เป็นช่อง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2015, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4662
ความเข้าใจ อาการของศีลด่างพร้อย ขาดทะลุ

เคยมีการสนทนา และยกตัวอย่างคำสอนของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ไว้มาเป็นแนวทางการศึกษาไว้
อ้างคำพูด:
การรักษาศีล

อันศีลที่บริสุทธิ์นั้นต้อง ไม่เป็นท่อน ไม่เป็นช่อง ไม่ด่าง ไม่พร้อย

ศีลที่เป็นท่อนนั้นคือ ศีลขาด เหมือนอย่างผ้าที่เป็นผืนเดียวแล้วก็ขาดออกจากกันเป็นสองผืน ดั่งนี้เรียกว่าขาด ศีลที่ขาดนั้นคือศีลที่ได้ละเมิดออกไปอย่างเต็มที่จนบรรลุถึงที่สุด ดั่งเช่นข้อปาณาติบาตินั้น ฆ่าสัตว์ตั้งต้นแต่มีอกุศลเจตนาที่จะฆ่า แล้วก็ทำการฆ่า แล้วสัตว์นั้นตายด้วยอกุศลเจตนานั้น แปลว่าครบองค์

ยกตัวอย่างเช่นศีลข้อ ๑ นี้ ที่ท่านแสดงไว้มีองค์ ๕ คือ
๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณสญฺญิตา ตนรู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. ตชฺโชวายาโม ความเพียรที่เกิดจากเจตนานั้น
๕. เตน มรณํ สัตว์นั้นตายด้วยความเพียรนั้น
ดั่งนี้เรียกว่าศีลขาด

ทีนี้หากสัตว์นั้นไม่ตายด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็ตาม แต่ว่าได้มีจิตคิดจะฆ่า ได้มีความเพียรที่จะฆ่า น้อยหรือมากก็ตาม แต่ว่าสัตว์ไม่ตาย ดั่งนี้เรียกว่าศีลเป็นช่อง คือเหมือนอย่างผ้าที่ขาดเป็นช่องเล็กช่องใหญ่ แต่ว่าไม่ถึงกับขาดเป็น ๒ ท่อน แต่ว่าเป็นช่องๆ ทะลุเป็นช่องๆ ดั่งนี้เรียกว่าศีลเป็นช่อง

คราวนี้หากว่ามีจิตคิดจะฆ่าและไม่ถึงกับได้ประกอบความเพียรออกไป คิดงุ่นง่านอยู่ในใจละเมินอยู่ในใจ ไม่ถึงกับจะทำออกไป ดั่งนี้เรียกว่าศีลด่างศีลพร้อย เหมือนอย่างผ้าที่ไม่ขาดเป็นท่อน ไม่ทะลุเป็นช่อง แต่ว่าเปรอะเปื้อนด่างพร้อย ไม่เป็นผ้าที่สะอาด

ฉะนั้นแม้มีจิตงุ่นง่านคิดที่จะฆ่าอยู่ดั่งนี้ ก็เรียกว่าศีลด่างศีลพร้อย คือถ้าคิดว่าจะฆ่าอย่างแรง

ถ้าหากว่าไม่ถึงคิดว่าจะฆ่า แต่จิตเดือดร้อนคิดที่จะทำร้าย ก็แปลว่าไม่ถึงกับด่างทีเดียว แต่ว่าพร้อย ก็เป็นอันว่าไม่บริสุทธิ์

: ลักษณะพุทธศาสนา ๑๙ กันยายน ๒๕๒๖
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2015, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
การจิบเหล้าเข้าสังคม :
สำหรับ พระสงฆ์ ไม่ควรทุกประการ จะเป็นผู้มีศีลวิบัติ ซึ่งมีลำดับหนักเบาวางไว้เป็นพระวินัย

Quote Tipitaka:
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควรของ
คำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็น
นาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้

ย่อมประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า
ปรารถนา อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย
อันวิญญูชนสรรเสริญ
อันตัณหาและทิฐิไม่ครอบงำได้ เป็นไปเพื่อสมาธิ..


แต่ฆราวาส เมื่อสมาทานศีลไว้ หรือตั้งใจจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์
แม้ไม่มีเจตนาจะดื่มเพื่อความเพลิน เพื่อความยินดีพอใจในรสสุรา ในความเมาของสุรา
แต่
นั่นเป็นความด่างพร้อยในศีลที่ท่านตั้งใจจะรักษาให้บริสุทธิ์

หวังว่าคงเข้าใจ
ศีลแม้ไม่ขาด แต่มันก็ด่างพร้อย ทะลุ เป็นช่อง
ผมสนทนาเรื่องนี้ด้วยพระสูตร. เราจะเห็นว่าพระองค์กล่าวว่า. อริยละเว้นกิเลสธรรม4ประการ. ปานาติบาต อทินาทาน มุสาวาส กาเมสุมิจฉาก็มีแค่นี้. ข้อสุราไม่มี. ท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยเพราะเหตุใดและอริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา. ฝากไว้สองข้อช่วยให้ความหมายด้วยครับ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2015, 03:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ผมสนทนาเรื่องนี้ด้วยพระสูตร. เราจะเห็นว่าพระองค์กล่าวว่า. อริยละเว้นกิเลสธรรม4ประการ. ปานาติบาต อทินาทาน มุสาวาส กาเมสุมิจฉาก็มีแค่นี้. ข้อสุราไม่มี. ท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยเพราะเหตุใดและอริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา. ฝากไว้สองข้อช่วยให้ความหมายด้วยครับ.

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=3923&Z=4206&pagebreak=0
อ้างถึง สิงคาลกสูตร ที่ ๘
เป็นพระสูตรที่ พระพุทธองค์ แสดงแก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร
ในพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ต้องการแสดง กรรมอันลามก 14 ประการ
คือ กรรมกิเลส 4 บาบกรรมโดยฐานะ 4 และ ทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 แก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร
ไม่ใช่เป็นการบัญญัติศีล 5
แต่เป็นการจำแนกแจกแจง บาปกรรมอันลามก 14 ประการ ออกมาอย่างพิศดาร

จึงทำให้ Bigtoo เข้าใจว่า ศีลมีเพียง 4 หากไม่ประกอบเนืองๆ จึงไม่ผิดศีลข้อสุรา อย่างนี้เป็นความเข้าใจผิด

พระพุทธองค์เป็นวิภัชวาที คือจำแนกธรรมได้อย่างละเอียด
เมื่อพระศาสดาไม่ได้แสดงเรื่องการดื่มสุราในข้อกรรมกิเลส ก็ไม่ได้หมายความว่า การดื่มสุราแม้ไม่บ่อยไม่ใช่กรรมอันลามก จริงหรือไม่จริงครับ bigToo

ศีล 5 เป็นเรื่องของกรรมอันเป็นปรกติ คือไม่ใช่กรรมอันลามก
กรรมอันลามก มีลักษณะ 14 ประการในพระสูตรนี้ พระอริยสาวกย่อมไม่กระทำ ไม่เสพย์
โดยเฉพาะข้อ สุรา ยังทรงบัญญัติเป็น ปาจิตตีย์ในข้อที่ 100 ด้วยครับ

หวังว่าคงเข้าใจ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2015, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
ผมสนทนาเรื่องนี้ด้วยพระสูตร. เราจะเห็นว่าพระองค์กล่าวว่า. อริยละเว้นกิเลสธรรม4ประการ. ปานาติบาต อทินาทาน มุสาวาส กาเมสุมิจฉาก็มีแค่นี้. ข้อสุราไม่มี. ท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยเพราะเหตุใดและอริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา. ฝากไว้สองข้อช่วยให้ความหมายด้วยครับ.

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=3923&Z=4206&pagebreak=0
อ้างถึง สิงคาลกสูตร ที่ ๘
เป็นพระสูตรที่ พระพุทธองค์ แสดงแก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร
ในพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ต้องการแสดง กรรมอันลามก 14 ประการ
คือ กรรมกิเลส 4 บาบกรรมโดยฐานะ 4 และ ทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 แก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร
ไม่ใช่เป็นการบัญญัติศีล 5
แต่เป็นการจำแนกแจกแจง บาปกรรมอันลามก 14 ประการ ออกมาอย่างพิศดาร

จึงทำให้ Bigtoo เข้าใจว่า ศีลมีเพียง 4 หากไม่ประกอบเนืองๆ จึงไม่ผิดศีลข้อสุรา อย่างนี้เป็นความเข้าใจผิด

พระพุทธองค์เป็นวิภัชวาที คือจำแนกธรรมได้อย่างละเอียด
เมื่อพระศาสดาไม่ได้แสดงเรื่องการดื่มสุราในข้อกรรมกิเลส ก็ไม่ได้หมายความว่า การดื่มสุราแม้ไม่บ่อยไม่ใช่กรรมอันลามก จริงหรือไม่จริงครับ bigToo

ศีล 5 เป็นเรื่องของกรรมอันเป็นปรกติ คือไม่ใช่กรรมอันลามก
กรรมอันลามก มีลักษณะ 14 ประการในพระสูตรนี้ พระอริยสาวกย่อมไม่กระทำ ไม่เสพย์
โดยเฉพาะข้อ สุรา ยังทรงบัญญัติเป็น ปาจิตตีย์ในข้อที่ 100 ด้วยครับ

หวังว่าคงเข้าใจ

สนทนาในเรื่องนี้ขอให้ยกพระภิกษุออกไปได้เลยครับ. ขอสนทนาในกรณีฆราวาส. เพราะศิลห้า. ทางเสื่อมหกประการ. หรือกิเลสกรรม4ประการนั้นท่านคุยกับฆราวาสทั้งนั้นเดี๋ยวจะปนกันไปหมดว่า. สุรา การพนันจะเป็นสิ่งที่ผมกล่าวว่าภิกษุทำได้. ผมกล่าวในอริยสาวกที่เป็นฆราวาสเท่านั้น. ที่นี้ก็มาดูพระสูตร. คำว่าอริยสาวกเลิกกิเลสกรรม4ประการได้. 1 คิดไมว่าทำไมไม่เลิกกิเลสกรรม5ประการ. ช่วยตอบให้หน่อย

2อริยสาวกไม่ประกอบเนื่องๆ ทำไมท่านไม่กล่าวว่า
อริยสาวกงดเลิกทางเสื่อม
3ถ้าเหล้าหรือตัวแอลล์กอฮอมันเลวไม่มีสิ่งดีจริง. ทำไม่อกุศลกรรมบท10ถึงไม่มี นั้นเป็นรากฐานแห่งการเกิดอกุศลเลย
4พระองค์กล่าวคำว่า. เจตนาคือตัวกรรม
ผมไม่เข้าใจเลยทำไมถึงไม่เข้าใจคำนี้. ผมไม่ได้มาสนทนาเพื่อให้รู้สึกว่าการดื่มการพนันนั้นเป็นสิ่งดี. ผมสนทนานั้นเพื่อตรงต่อธรรมที่พระสูตรแสดงไว้ชัดเจน. เพราะตัวผมก็ไม่ดื่ม. ไม่เล่นการพนัน.แต่ผมเคยอยู่ในสังคมบริบทเหล่านั้นถ้าท่านทั้งหลายอาจจะไม่เข้าใจเราไม่ว่ากัน. แต่ก็ต้องพิจารณาให้พระสูตรไม่ขัดแย้งกัน. ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาแบบนั้นพระสูตรจะขัดแย้งกันหลายพระสูตร. ผมจึงขอสมมุติว่ามีบริษัทหนึ่งทำเป้าได้1000ล้านต้องการฉลองด้วยการดื่มเครื่องดื่มชนิดหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของปุถุชนธรรมดา. แต่บางเอิญท่านเองไม่ดื่มเพราะท่านละเว้นขาดซึ่งเจตนาในการดื่ม ในคณะผู้บริหารประมาณสัก10ท่าน. ท่านเพียงยกมันจิบเข้าไปในปากธรรมดาเพียงแค่ธรรมเนียมเหล่านั้นให้เป็นไปตามปรกติ. แต่ถ้าท่านบอกเพื่อนผู้บริหารกระผมไม่ขอดื่มเพราะผมรักษาศิลห้าบริสุทธิ์ครับ. จะมาอะไรกันตอนนี้ครับท่านลองมองบริบทรอบข้างดูนะ. พุทธศาสนานั้นเขาบริสุทธิ์กันด้วยเจตนา. แต่ถ้าอยากดื่มด้วยเหตุผลเพราะอยากดื่มนั้นผิดเจตนาแม้แต่เพียงน้อยนิดก็ดื่มไม่ได้. และการยึดติดเหล่านั้นเข้าสู่การกระทำเพื่อการรังเกียจหลุดพ้นไม่ได้เลย. ยึด

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2015, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
ผมสนทนาเรื่องนี้ด้วยพระสูตร. เราจะเห็นว่าพระองค์กล่าวว่า. อริยละเว้นกิเลสธรรม4ประการ. ปานาติบาต อทินาทาน มุสาวาส กาเมสุมิจฉาก็มีแค่นี้. ข้อสุราไม่มี. ท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยเพราะเหตุใดและอริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา. ฝากไว้สองข้อช่วยให้ความหมายด้วยครับ.

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=3923&Z=4206&pagebreak=0
อ้างถึง สิงคาลกสูตร ที่ ๘
เป็นพระสูตรที่ พระพุทธองค์ แสดงแก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร
ในพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ต้องการแสดง กรรมอันลามก 14 ประการ
คือ กรรมกิเลส 4 บาบกรรมโดยฐานะ 4 และ ทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 แก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร
ไม่ใช่เป็นการบัญญัติศีล 5
แต่เป็นการจำแนกแจกแจง บาปกรรมอันลามก 14 ประการ ออกมาอย่างพิศดาร

จึงทำให้ Bigtoo เข้าใจว่า ศีลมีเพียง 4 หากไม่ประกอบเนืองๆ จึงไม่ผิดศีลข้อสุรา อย่างนี้เป็นความเข้าใจผิด

พระพุทธองค์เป็นวิภัชวาที คือจำแนกธรรมได้อย่างละเอียด
เมื่อพระศาสดาไม่ได้แสดงเรื่องการดื่มสุราในข้อกรรมกิเลส ก็ไม่ได้หมายความว่า การดื่มสุราแม้ไม่บ่อยไม่ใช่กรรมอันลามก จริงหรือไม่จริงครับ bigToo

ศีล 5 เป็นเรื่องของกรรมอันเป็นปรกติ คือไม่ใช่กรรมอันลามก
กรรมอันลามก มีลักษณะ 14 ประการในพระสูตรนี้ พระอริยสาวกย่อมไม่กระทำ ไม่เสพย์
โดยเฉพาะข้อ สุรา ยังทรงบัญญัติเป็น ปาจิตตีย์ในข้อที่ 100 ด้วยครับ

หวังว่าคงเข้าใจ

สนทนาในเรื่องนี้ขอให้ยกพระภิกษุออกไปได้เลยครับ. ขอสนทนาในกรณีฆราวาส. เพราะศิลห้า. ทางเสื่อมหกประการ. หรือกิเลสกรรม4ประการนั้นท่านคุยกับฆราวาสทั้งนั้นเดี๋ยวจะปนกันไปหมดว่า. สุรา การพนันจะเป็นสิ่งที่ผมกล่าวว่าภิกษุทำได้. ผมกล่าวในอริยสาวกที่เป็นฆราวาสเท่านั้น. ที่นี้ก็มาดูพระสูตร. คำว่าอริยสาวกเลิกกิเลสกรรม4ประการได้. 1 คิดไมว่าทำไมไม่เลิกกิเลสกรรม5ประการ. ช่วยตอบให้หน่อย

2อริยสาวกไม่ประกอบเนื่องๆ ทำไมท่านไม่กล่าวว่า
อริยสาวกงดเลิกทางเสื่อม
3ถ้าเหล้าหรือตัวแอลล์กอฮอมันเลวไม่มีสิ่งดีจริง. ทำไม่อกุศลกรรมบท10ถึงไม่มี นั้นเป็นรากฐานแห่งการเกิดอกุศลเลย
4พระองค์กล่าวคำว่า. เจตนาคือตัวกรรม
ผมไม่เข้าใจเลยทำไมถึงไม่เข้าใจคำนี้. ผมไม่ได้มาสนทนาเพื่อให้รู้สึกว่าการดื่มการพนันนั้นเป็นสิ่งดี. ผมสนทนานั้นเพื่อตรงต่อธรรมที่พระสูตรแสดงไว้ชัดเจน. เพราะตัวผมก็ไม่ดื่ม. ไม่เล่นการพนัน.แต่ผมเคยอยู่ในสังคมบริบทเหล่านั้นถ้าท่านทั้งหลายอาจจะไม่เข้าใจเราไม่ว่ากัน. แต่ก็ต้องพิจารณาให้พระสูตรไม่ขัดแย้งกัน. ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาแบบนั้นพระสูตรจะขัดแย้งกันหลายพระสูตร. ผมจึงขอสมมุติว่ามีบริษัทหนึ่งทำเป้าได้1000ล้านต้องการฉลองด้วยการดื่มเครื่องดื่มชนิดหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของปุถุชนธรรมดา. แต่บางเอิญท่านเองไม่ดื่มเพราะท่านละเว้นขาดซึ่งเจตนาในการดื่ม ในคณะผู้บริหารประมาณสัก10ท่าน. ท่านเพียงยกมันจิบเข้าไปในปากธรรมดาเพียงแค่ธรรมเนียมเหล่านั้นให้เป็นไปตามปรกติ. แต่ถ้าท่านบอกเพื่อนผู้บริหารกระผมไม่ขอดื่มเพราะผมรักษาศิลห้าบริสุทธิ์ครับ. จะมาอะไรกันตอนนี้ครับท่านลองมองบริบทรอบข้างดูนะ. พุทธศาสนานั้นเขาบริสุทธิ์กันด้วยเจตนา. แต่ถ้าอยากดื่มด้วยเหตุผลเพราะอยากดื่มนั้นผิดเจตนาแม้แต่เพียงน้อยนิดก็ดื่มไม่ได้. และการยึดติดเหล่านั้นเข้าสู่การกระทำเพื่อการรังเกียจหลุดพ้นไม่ได้เลย. ยึด


พระสูตรนี้พระพุทธองค์ แสดง เรื่อง กรรมอันลามก14 ประการ
ศีลเป็นกรรมอันเป็นปรกติ
ศีล ไม่ใช่กรรมอันลามก
ศีล 1 - 4 เป็นกรรมอันไม่เป็นไปด้วยกิเลส
ศีล 5 เป็นกรรมอันเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม
ดังนั้น ศีล 5 ไม่ใช่กรรมอันลามก
พระพุทธองค์แสดง ชัดเจน เรื่องกรรมอันลามกแก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตรผู้เป็นฆราวาส
กรรมอันลามกทุกประการ เป็นอกุศลครับ
กรรมกิเลสเป็นอกุศล
การทำกรรมอันนำไปเพื่อความเสื่อม เป็นอกุศล
กรรมประกอบดวยฐานะ 4 เป็นอกุศล

อ่านพระสูตรดีๆ ครับ BIGTOO ว่าแสดงแก่ใคร เรื่องอะไร เพื่ออะไร
ถ้า
สิงคาลกคฤหบดีบุตร มีเจตนาไม่กระทำกรรมอันลามก เหล่านี้
สิงคาลกคฤหบดีบุตร จะเป็นผู้มีศีล 5 โดยปริยาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร