50649.ในสัมมาสมาธิ มี นิพพานอยู่ไหม

eragon_joe

สมาธิ เป็น เจตสิก...

:b1:

eragon_joe

"นิพพาน" กับ "การมีนิพพานเป็นอารมณ์"

เอกอนเข้าใจว่า ต่างกันนะ
แต่จะให้อธิบายว่าต่างกันยังไง ก็ อธิบายไม่ถูกหรอก

:b1:

ซึ่งใน "สัมมาสมาธิ มี นิพพาน อยู่มั๊ย"
จริง ๆ เอกอนยังนึกไม่ออกเลยว่า จะอยู่อีท่าไหน

แต่ ถ้าหากว่า การที่จิตจะมีนิพพานเป็นอารมณ์ นั่นคือ จิตต้องประกอบด้วย สัมมาสมาธิ

:b1:

Rosarin

ทั้งกุศลและอกุศลเป็นเจตสิก
เกิดพร้อมจิตดับพร้อมจิตแต่ละขณะ
เอาออกจากจิตไม่ได้เลยเพราะสะสมมา
นานมากแค่เห็นก็หลงพอใจไม่พอใจล้วนเป็นโทษ
วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา เป็นกุศลเจตสิกคนละอัน
ทุกอย่างต้องค่อยๆสะสมเป็นความเห็นถูกต้องเพื่อละตัวตนก่อน
รู้และอบรมจิตตนให้มากด้วยการฟังให้เข้าใจควบคู่ไปกับจิตตภาวนาค่ะ
:b20:

Rosarin

eragon_joe เขียน:

"นิพพาน" กับ "การมีนิพพานเป็นอารมณ์"

เอกอนเข้าใจว่า ต่างกันนะ
แต่จะให้อธิบายว่าต่างกันยังไง ก็ อธิบายไม่ถูกหรอก

:b1:

ซึ่งใน "สัมมาสมาธิ มี นิพพาน อยู่มั๊ย"
จริง ๆ เอกอนยังนึกไม่ออกเลยว่า จะอยู่อีท่าไหน

แต่ ถ้าหากว่า การที่จิตจะมีนิพพานเป็นอารมณ์ นั่นคือ จิตต้องประกอบด้วย สัมมาสมาธิ

:b1:

อริยมรรคใช้ตอนที่ยังไม่ถึงผลเป็นบันได
หลวงตาพระมหาบัวเทศน์ว่าเมื่อถึงนิพพานแล้ว
บันไดก็หมดความหมาย(ถึงชั้นบนแล้ว)
:b8:

นิพพานอยู่เหนือสมมุติทั้งปวง
เที่ยงแท้ไม่เกิดไม่ดับคือโลกุตรธรรม
:b43:

ข้าพเจ้าเข้าใจว่าการมีนิพพานเป็นอารมณ์คือ
การกำหนดอารมณ์ที่ไปรู้ความว่างเพื่อสงบอกุศล
ปุถุชนก็สามารถทำได้ขั้นฌานจิตแต่เป็นโลกิยธรรม
:b39:

มีสภาวะอย่างหนึ่งที่เกิดเมื่อกำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออกตลอดเวลา
จะกำหนดให้เข้าหรือออกคือลมละเอียดเข้าหรือออกก็ไม่สิ้นสุด
และก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่ประการใด สิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นอยู่ค่ะ
:b44:

bigtoo

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

huh

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ข้าพเจ้าก็ว่าพระพุทธเจ้าสอนการบรรลุธรรมแต่ละขั้นด้วยทางเดินของจิตในอริยสัจจ์สี่กะอริยมรรคแปดนี่
ขณะที่กำลังบรรลุธรรมแต่ละลำดับขั้น ก็ต้องครบองค์อริยมรรคและอริยผลด้วยใช่รึไม่ใช่หรือข้าพเจ้าผิด
:b42:

อานาปานสตินั่นแหล่ะครบทุกองค์วาจาสุจริต กายสุจริต มโนสุจริต วจีสังขารดับ กายสังขารดับ มโนสังขารดับ

อานาปานสติน่ะ มันใช้ไม่ได้หรอก ตอนที่ลมหายใจ+คำบริกรรม+กาย หายไปหมดแล้วนะ
เพราะตอนที่รู้อารมณ์ที่ไม่มีกาย สภาวธรรมที่เกิดเปรียบหมือนลอยคออยู่กลางมหาสมุทร
ขณะนั้นไม่รู้อารมณ์ของรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ดับหมด
(ดับหมด หมายถึงไม่เหลือความจำแบบเดิมๆที่เกิดจากการรับรู้ทางอายตนะหก เหลือจิตผู้รู้เท่านั้น)
เหลือแต่จิตที่เป็นกุศลเป็นในมรรคทั้ง8เกิดทั้งปัญญา ทั้งสติสัมปชัญญะ ไม่เหมือนจิตตอนที่มีกาย
:b16:

ท่านกล่าวมาเกินไปหน่อย วิญญานขันถ์ดับไ่ม่ได้ เพราะวิญญานขันภ์จะเป็นตัวเดียวที่เหลืออยู่เพราะยังไม่ตาย เป็นตัวรับรู้สภาวะว่างเปล่าหรือนิพพาน

เป็นความจริงความดับไม่เหลือของวิญญานที่ไปรับทราบตามความเห็นผิดไม่มีอีกต่อไป
มีแต่ความเห็นถูกความเข้าใจถูกของสิ่งที่มีจริงๆแม้จะถอนจิตออกจากสมาธิมาอยู่กับโลก
ก็เป็นการอยู่เพื่อละความเข้าใจผิดเพราะเข้าใจถูกทั้งวิญญานขันธ์กับวิญญานที่เป็นจิตล้วนๆ
เป็นการค่อยๆละความเห็นผิด ค่อยๆเพิ่มความเห็นถูกความเข้าใจถูก สะสมปัญญาจนเป็นกำลัง
ฟาดฟันตอนที่กิเลสกับอวิชชาต่อสู้กันเพื่อแย่งเก้าอี้ดนตรีในหัวใจนั่ง กิเลสมันไม่ลุกหนีง่ายๆน๊า
:b20:

ปัญญาที่จะฆ่ากิเลส ทรงแสดงว่า
มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจึงประเสริฐ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ
สัญญาอุปมาด้วยพะยัพแดด
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า
:b8:

อธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจคือ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ(ข้างในมันกลวงมีอากาศธาตุแทรกขั้นจำนวนมาก)
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ(เป็นคลื่นกระจายออกแล้วก็จางหายไป)
สัญญาอุปมาด้วยพะยับแดด(เห็นในสิ่งที่ลวงให้จำว่ามี แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย(ลอกออกมีแต่เปลือก จะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้)
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล(ดับตรงนี้ที่สงสัยนะคือดับวิญญาณขันธ์ที่ไปรับทราบความมีตัวตนไง)
ก็มายากลน่ะเขาเล่นกลให้ดูว่าทำของหายไปแล้วโผล่มาตรงนั้นตรงนี้คือหลอก
ความหมายของการดับหมดคือวิญญาณขันธ์นั้นเปรียบเป็นการดับความไม่รู้ จิตที่หลงกิเลสหายไปนะ
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า อริยบุคคลรู้ความจริงไม่หลงว่ามีตัวตนแต่ฉลาดรู้
:b16:

วิญญานขันธ์กับวิญญานจิตล้วนๆงง จิตผู้รู้นะวิญญานขันธ์ครับ พระองค์แสดงขันธ์5วิญญานขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์สัญญาขันต์. รูปขันธ์.วิญญานล้วนๆไม่มี

เขียนละเอียดขนาดนี้แล้วอ่ะนะ ยังมิมีทีท่าว่าจะเข้าใจได้เลยเหรอตกลงทำสมาธิถึงกายหายยัง
Read again please เผื่อจะเข้าใจเพราะภาษาอื่น ข่อยเมือยใจนำเด้=ข้าพเจ้าเหนื่อยใจด้วยจัง
วิญญานขันธ์เป็นจิตหยาบที่ยึดติดในกายเป็นกิเลสอกุศลเพราะยังโง่อยู่ยังยึดติดตัวตนเต็มๆ
ที่ว่ามีกาย+จิตรวมกันมันไม่ใช่ เหมือนแยกอะไหล่รถออกเป็นชิ้นส่วนน๊อตน้ำมันคนขับไม่ใช่รถ
จิตล้วนๆเป็นจิตละเอียดที่เป็นกุศลเกิดพร้อมเจตสิกดีงามขั้นรู้ความจริงฉลาดรู้ว่าไม่มีตัวตน
:b48:

ภาษาดอกไม้แล้วนะเนี่ย

อ้อวิญญานล้วนๆกับวิญญานขันธ์ไม่เหมือนกันเนาะ55

Rosarin

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

huh

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ข้าพเจ้าก็ว่าพระพุทธเจ้าสอนการบรรลุธรรมแต่ละขั้นด้วยทางเดินของจิตในอริยสัจจ์สี่กะอริยมรรคแปดนี่
ขณะที่กำลังบรรลุธรรมแต่ละลำดับขั้น ก็ต้องครบองค์อริยมรรคและอริยผลด้วยใช่รึไม่ใช่หรือข้าพเจ้าผิด
:b42:

อานาปานสตินั่นแหล่ะครบทุกองค์วาจาสุจริต กายสุจริต มโนสุจริต วจีสังขารดับ กายสังขารดับ มโนสังขารดับ

อานาปานสติน่ะ มันใช้ไม่ได้หรอก ตอนที่ลมหายใจ+คำบริกรรม+กาย หายไปหมดแล้วนะ
เพราะตอนที่รู้อารมณ์ที่ไม่มีกาย สภาวธรรมที่เกิดเปรียบหมือนลอยคออยู่กลางมหาสมุทร
ขณะนั้นไม่รู้อารมณ์ของรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ดับหมด
(ดับหมด หมายถึงไม่เหลือความจำแบบเดิมๆที่เกิดจากการรับรู้ทางอายตนะหก เหลือจิตผู้รู้เท่านั้น)
เหลือแต่จิตที่เป็นกุศลเป็นในมรรคทั้ง8เกิดทั้งปัญญา ทั้งสติสัมปชัญญะ ไม่เหมือนจิตตอนที่มีกาย
:b16:

ท่านกล่าวมาเกินไปหน่อย วิญญานขันถ์ดับไ่ม่ได้ เพราะวิญญานขันภ์จะเป็นตัวเดียวที่เหลืออยู่เพราะยังไม่ตาย เป็นตัวรับรู้สภาวะว่างเปล่าหรือนิพพาน

เป็นความจริงความดับไม่เหลือของวิญญานที่ไปรับทราบตามความเห็นผิดไม่มีอีกต่อไป
มีแต่ความเห็นถูกความเข้าใจถูกของสิ่งที่มีจริงๆแม้จะถอนจิตออกจากสมาธิมาอยู่กับโลก
ก็เป็นการอยู่เพื่อละความเข้าใจผิดเพราะเข้าใจถูกทั้งวิญญานขันธ์กับวิญญานที่เป็นจิตล้วนๆ
เป็นการค่อยๆละความเห็นผิด ค่อยๆเพิ่มความเห็นถูกความเข้าใจถูก สะสมปัญญาจนเป็นกำลัง
ฟาดฟันตอนที่กิเลสกับอวิชชาต่อสู้กันเพื่อแย่งเก้าอี้ดนตรีในหัวใจนั่ง กิเลสมันไม่ลุกหนีง่ายๆน๊า
:b20:

ปัญญาที่จะฆ่ากิเลส ทรงแสดงว่า
มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจึงประเสริฐ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ
สัญญาอุปมาด้วยพะยัพแดด
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า
:b8:

อธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจคือ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ(ข้างในมันกลวงมีอากาศธาตุแทรกขั้นจำนวนมาก)
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ(เป็นคลื่นกระจายออกแล้วก็จางหายไป)
สัญญาอุปมาด้วยพะยับแดด(เห็นในสิ่งที่ลวงให้จำว่ามี แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย(ลอกออกมีแต่เปลือก จะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้)
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล(ดับตรงนี้ที่สงสัยนะคือดับวิญญาณขันธ์ที่ไปรับทราบความมีตัวตนไง)
ก็มายากลน่ะเขาเล่นกลให้ดูว่าทำของหายไปแล้วโผล่มาตรงนั้นตรงนี้คือหลอก
ความหมายของการดับหมดคือวิญญาณขันธ์นั้นเปรียบเป็นการดับความไม่รู้ จิตที่หลงกิเลสหายไปนะ
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า อริยบุคคลรู้ความจริงไม่หลงว่ามีตัวตนแต่ฉลาดรู้
:b16:

วิญญานขันธ์กับวิญญานจิตล้วนๆงง จิตผู้รู้นะวิญญานขันธ์ครับ พระองค์แสดงขันธ์5วิญญานขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์สัญญาขันต์. รูปขันธ์.วิญญานล้วนๆไม่มี

เขียนละเอียดขนาดนี้แล้วอ่ะนะ ยังมิมีทีท่าว่าจะเข้าใจได้เลยเหรอตกลงทำสมาธิถึงกายหายยัง
Read again please เผื่อจะเข้าใจเพราะภาษาอื่น ข่อยเมือยใจนำเด้=ข้าพเจ้าเหนื่อยใจด้วยจัง
วิญญานขันธ์เป็นจิตหยาบที่ยึดติดในกายเป็นกิเลสอกุศลเพราะยังโง่อยู่ยังยึดติดตัวตนเต็มๆ
ที่ว่ามีกาย+จิตรวมกันมันไม่ใช่ เหมือนแยกอะไหล่รถออกเป็นชิ้นส่วนน๊อตน้ำมันคนขับไม่ใช่รถ
จิตล้วนๆเป็นจิตละเอียดที่เป็นกุศลเกิดพร้อมเจตสิกดีงามขั้นรู้ความจริงฉลาดรู้ว่าไม่มีตัวตน
:b48:

ภาษาดอกไม้แล้วนะเนี่ย

อ้อวิญญานล้วนๆกับวิญญานขันธ์ไม่เหมือนกันเนาะ55

ศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขั้นปริยัติ
บ่แมนจำคำเด้อ(ไม่ใช่จำคำนะ)
ต่างกันตรงไหนยังไม่รู้อีกเหรอ
ต่างกันที่ปัญญาแตกฉานไงทู่
:b32:

วิญญาณคือความรับทราบของจิต
แต่วิญญาณขันธ์เป็นลักษณะของจิต
ที่จิตเข้าไปยึดถือตัวตนและสิ่งที่ลวงว่ามี
ขันธ์ไม่ใช่ภาชนะรองรับนะไม่เหมือนขันน้ำ
เพราะขันน้ำมีรูปร่างแต๋ขันธ์ไม่มีรูปร่างอะไรเลย
:b17:

ข้าพเจ้าไม่ลังเลสงสัยคำสอนของพระพุทธเจ้านะ
และไม่ได้เรียนปริยัติธรรมแต่ฟังเทศนาธรรมหลวงตาป.3น๊า
ทำไมแตกฉานในการคิดไตร่ตรองก็เป็นปัญญาจิตดวงนี้เอง
:b44:

Rosarin

เคยฟังหลวงตาป.3พระอาจารย์ข้าพเจ้าเทศน์ไหมล่ะ
สงสัยจะไม่เคยฟัง ทู่คงหูไม่ถึง ต่างกัน24ชั่วโมงเลย
:b12:

bigtoo

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

huh

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ข้าพเจ้าก็ว่าพระพุทธเจ้าสอนการบรรลุธรรมแต่ละขั้นด้วยทางเดินของจิตในอริยสัจจ์สี่กะอริยมรรคแปดนี่
ขณะที่กำลังบรรลุธรรมแต่ละลำดับขั้น ก็ต้องครบองค์อริยมรรคและอริยผลด้วยใช่รึไม่ใช่หรือข้าพเจ้าผิด
:b42:

อานาปานสตินั่นแหล่ะครบทุกองค์วาจาสุจริต กายสุจริต มโนสุจริต วจีสังขารดับ กายสังขารดับ มโนสังขารดับ

อานาปานสติน่ะ มันใช้ไม่ได้หรอก ตอนที่ลมหายใจ+คำบริกรรม+กาย หายไปหมดแล้วนะ
เพราะตอนที่รู้อารมณ์ที่ไม่มีกาย สภาวธรรมที่เกิดเปรียบหมือนลอยคออยู่กลางมหาสมุทร
ขณะนั้นไม่รู้อารมณ์ของรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ดับหมด
(ดับหมด หมายถึงไม่เหลือความจำแบบเดิมๆที่เกิดจากการรับรู้ทางอายตนะหก เหลือจิตผู้รู้เท่านั้น)
เหลือแต่จิตที่เป็นกุศลเป็นในมรรคทั้ง8เกิดทั้งปัญญา ทั้งสติสัมปชัญญะ ไม่เหมือนจิตตอนที่มีกาย
:b16:

ท่านกล่าวมาเกินไปหน่อย วิญญานขันถ์ดับไ่ม่ได้ เพราะวิญญานขันภ์จะเป็นตัวเดียวที่เหลืออยู่เพราะยังไม่ตาย เป็นตัวรับรู้สภาวะว่างเปล่าหรือนิพพาน

เป็นความจริงความดับไม่เหลือของวิญญานที่ไปรับทราบตามความเห็นผิดไม่มีอีกต่อไป
มีแต่ความเห็นถูกความเข้าใจถูกของสิ่งที่มีจริงๆแม้จะถอนจิตออกจากสมาธิมาอยู่กับโลก
ก็เป็นการอยู่เพื่อละความเข้าใจผิดเพราะเข้าใจถูกทั้งวิญญานขันธ์กับวิญญานที่เป็นจิตล้วนๆ
เป็นการค่อยๆละความเห็นผิด ค่อยๆเพิ่มความเห็นถูกความเข้าใจถูก สะสมปัญญาจนเป็นกำลัง
ฟาดฟันตอนที่กิเลสกับอวิชชาต่อสู้กันเพื่อแย่งเก้าอี้ดนตรีในหัวใจนั่ง กิเลสมันไม่ลุกหนีง่ายๆน๊า
:b20:

ปัญญาที่จะฆ่ากิเลส ทรงแสดงว่า
มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจึงประเสริฐ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ
สัญญาอุปมาด้วยพะยัพแดด
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า
:b8:

อธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจคือ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ(ข้างในมันกลวงมีอากาศธาตุแทรกขั้นจำนวนมาก)
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ(เป็นคลื่นกระจายออกแล้วก็จางหายไป)
สัญญาอุปมาด้วยพะยับแดด(เห็นในสิ่งที่ลวงให้จำว่ามี แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย(ลอกออกมีแต่เปลือก จะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้)
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล(ดับตรงนี้ที่สงสัยนะคือดับวิญญาณขันธ์ที่ไปรับทราบความมีตัวตนไง)
ก็มายากลน่ะเขาเล่นกลให้ดูว่าทำของหายไปแล้วโผล่มาตรงนั้นตรงนี้คือหลอก
ความหมายของการดับหมดคือวิญญาณขันธ์นั้นเปรียบเป็นการดับความไม่รู้ จิตที่หลงกิเลสหายไปนะ
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า อริยบุคคลรู้ความจริงไม่หลงว่ามีตัวตนแต่ฉลาดรู้
:b16:

วิญญานขันธ์กับวิญญานจิตล้วนๆงง จิตผู้รู้นะวิญญานขันธ์ครับ พระองค์แสดงขันธ์5วิญญานขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์สัญญาขันต์. รูปขันธ์.วิญญานล้วนๆไม่มี

เขียนละเอียดขนาดนี้แล้วอ่ะนะ ยังมิมีทีท่าว่าจะเข้าใจได้เลยเหรอตกลงทำสมาธิถึงกายหายยัง
Read again please เผื่อจะเข้าใจเพราะภาษาอื่น ข่อยเมือยใจนำเด้=ข้าพเจ้าเหนื่อยใจด้วยจัง
วิญญานขันธ์เป็นจิตหยาบที่ยึดติดในกายเป็นกิเลสอกุศลเพราะยังโง่อยู่ยังยึดติดตัวตนเต็มๆ
ที่ว่ามีกาย+จิตรวมกันมันไม่ใช่ เหมือนแยกอะไหล่รถออกเป็นชิ้นส่วนน๊อตน้ำมันคนขับไม่ใช่รถ
จิตล้วนๆเป็นจิตละเอียดที่เป็นกุศลเกิดพร้อมเจตสิกดีงามขั้นรู้ความจริงฉลาดรู้ว่าไม่มีตัวตน
:b48:

ภาษาดอกไม้แล้วนะเนี่ย

อ้อวิญญานล้วนๆกับวิญญานขันธ์ไม่เหมือนกันเนาะ55

ศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขั้นปริยัติ
บ่แมนจำคำเด้อ(ไม่ใช่จำคำนะ)
ต่างกันตรงไหนยังไม่รู้อีกเหรอ
ต่างกันที่ปัญญาแตกฉานไงทู่
:b32:

วิญญาณคือความรับทราบของจิต
แต่วิญญาณขันธ์เป็นลักษณะของจิต
ที่จิตเข้าไปยึดถือตัวตนและสิ่งที่ลวงว่ามี
ขันธ์ไม่ใช่ภาชนะรองรับนะไม่เหมือนขันน้ำ
เพราะขันน้ำมีรูปร่างแต๋ขันธ์ไม่มีรูปร่างอะไรเลย
:b17:

ข้าพเจ้าไม่ลังเลสงสัยคำสอนของพระพุทธเจ้านะ
และไม่ได้เรียนปริยัติธรรมแต่ฟังเทศนาธรรมหลวงตาป.3น๊า
ทำไมแตกฉานในการคิดไตร่ตรองก็เป็นปัญญาจิตดวงนี้เอง
:b44:

วิญญานหรือวิญญานขันธ์ก็ตัวเดียวกันอย่างเกินพระพุทธเจ้าซิ ท่านกล่าวไว้แค่ขันธ์5นะ

Rosarin

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

huh

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ข้าพเจ้าก็ว่าพระพุทธเจ้าสอนการบรรลุธรรมแต่ละขั้นด้วยทางเดินของจิตในอริยสัจจ์สี่กะอริยมรรคแปดนี่
ขณะที่กำลังบรรลุธรรมแต่ละลำดับขั้น ก็ต้องครบองค์อริยมรรคและอริยผลด้วยใช่รึไม่ใช่หรือข้าพเจ้าผิด
:b42:

อานาปานสตินั่นแหล่ะครบทุกองค์วาจาสุจริต กายสุจริต มโนสุจริต วจีสังขารดับ กายสังขารดับ มโนสังขารดับ

อานาปานสติน่ะ มันใช้ไม่ได้หรอก ตอนที่ลมหายใจ+คำบริกรรม+กาย หายไปหมดแล้วนะ
เพราะตอนที่รู้อารมณ์ที่ไม่มีกาย สภาวธรรมที่เกิดเปรียบหมือนลอยคออยู่กลางมหาสมุทร
ขณะนั้นไม่รู้อารมณ์ของรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ดับหมด
(ดับหมด หมายถึงไม่เหลือความจำแบบเดิมๆที่เกิดจากการรับรู้ทางอายตนะหก เหลือจิตผู้รู้เท่านั้น)
เหลือแต่จิตที่เป็นกุศลเป็นในมรรคทั้ง8เกิดทั้งปัญญา ทั้งสติสัมปชัญญะ ไม่เหมือนจิตตอนที่มีกาย
:b16:

ท่านกล่าวมาเกินไปหน่อย วิญญานขันถ์ดับไ่ม่ได้ เพราะวิญญานขันภ์จะเป็นตัวเดียวที่เหลืออยู่เพราะยังไม่ตาย เป็นตัวรับรู้สภาวะว่างเปล่าหรือนิพพาน

เป็นความจริงความดับไม่เหลือของวิญญานที่ไปรับทราบตามความเห็นผิดไม่มีอีกต่อไป
มีแต่ความเห็นถูกความเข้าใจถูกของสิ่งที่มีจริงๆแม้จะถอนจิตออกจากสมาธิมาอยู่กับโลก
ก็เป็นการอยู่เพื่อละความเข้าใจผิดเพราะเข้าใจถูกทั้งวิญญานขันธ์กับวิญญานที่เป็นจิตล้วนๆ
เป็นการค่อยๆละความเห็นผิด ค่อยๆเพิ่มความเห็นถูกความเข้าใจถูก สะสมปัญญาจนเป็นกำลัง
ฟาดฟันตอนที่กิเลสกับอวิชชาต่อสู้กันเพื่อแย่งเก้าอี้ดนตรีในหัวใจนั่ง กิเลสมันไม่ลุกหนีง่ายๆน๊า
:b20:

ปัญญาที่จะฆ่ากิเลส ทรงแสดงว่า
มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจึงประเสริฐ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ
สัญญาอุปมาด้วยพะยัพแดด
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า
:b8:

อธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจคือ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ(ข้างในมันกลวงมีอากาศธาตุแทรกขั้นจำนวนมาก)
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ(เป็นคลื่นกระจายออกแล้วก็จางหายไป)
สัญญาอุปมาด้วยพะยับแดด(เห็นในสิ่งที่ลวงให้จำว่ามี แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย(ลอกออกมีแต่เปลือก จะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้)
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล(ดับตรงนี้ที่สงสัยนะคือดับวิญญาณขันธ์ที่ไปรับทราบความมีตัวตนไง)
ก็มายากลน่ะเขาเล่นกลให้ดูว่าทำของหายไปแล้วโผล่มาตรงนั้นตรงนี้คือหลอก
ความหมายของการดับหมดคือวิญญาณขันธ์นั้นเปรียบเป็นการดับความไม่รู้ จิตที่หลงกิเลสหายไปนะ
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า อริยบุคคลรู้ความจริงไม่หลงว่ามีตัวตนแต่ฉลาดรู้
:b16:

วิญญานขันธ์กับวิญญานจิตล้วนๆงง จิตผู้รู้นะวิญญานขันธ์ครับ พระองค์แสดงขันธ์5วิญญานขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์สัญญาขันต์. รูปขันธ์.วิญญานล้วนๆไม่มี

เขียนละเอียดขนาดนี้แล้วอ่ะนะ ยังมิมีทีท่าว่าจะเข้าใจได้เลยเหรอตกลงทำสมาธิถึงกายหายยัง
Read again please เผื่อจะเข้าใจเพราะภาษาอื่น ข่อยเมือยใจนำเด้=ข้าพเจ้าเหนื่อยใจด้วยจัง
วิญญานขันธ์เป็นจิตหยาบที่ยึดติดในกายเป็นกิเลสอกุศลเพราะยังโง่อยู่ยังยึดติดตัวตนเต็มๆ
ที่ว่ามีกาย+จิตรวมกันมันไม่ใช่ เหมือนแยกอะไหล่รถออกเป็นชิ้นส่วนน๊อตน้ำมันคนขับไม่ใช่รถ
จิตล้วนๆเป็นจิตละเอียดที่เป็นกุศลเกิดพร้อมเจตสิกดีงามขั้นรู้ความจริงฉลาดรู้ว่าไม่มีตัวตน
:b48:

ภาษาดอกไม้แล้วนะเนี่ย

อ้อวิญญานล้วนๆกับวิญญานขันธ์ไม่เหมือนกันเนาะ55

ศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขั้นปริยัติ
บ่แมนจำคำเด้อ(ไม่ใช่จำคำนะ)
ต่างกันตรงไหนยังไม่รู้อีกเหรอ
ต่างกันที่ปัญญาแตกฉานไงทู่
:b32:

วิญญาณคือความรับทราบของจิต
แต่วิญญาณขันธ์เป็นลักษณะของจิต
ที่จิตเข้าไปยึดถือตัวตนและสิ่งที่ลวงว่ามี
ขันธ์ไม่ใช่ภาชนะรองรับนะไม่เหมือนขันน้ำ
เพราะขันน้ำมีรูปร่างแต๋ขันธ์ไม่มีรูปร่างอะไรเลย
:b17:

ข้าพเจ้าไม่ลังเลสงสัยคำสอนของพระพุทธเจ้านะ
และไม่ได้เรียนปริยัติธรรมแต่ฟังเทศนาธรรมหลวงตาป.3น๊า
ทำไมแตกฉานในการคิดไตร่ตรองก็เป็นปัญญาจิตดวงนี้เอง
:b44:

วิญญานหรือวิญญานขันธ์ก็ตัวเดียวกันอย่างเกินพระพุทธเจ้าซิ ท่านกล่าวไว้แค่ขันธ์5นะ

วิญญานเป็นความรู้ที่เป็นจิตล้วนๆที่เป็นประธาน ส่วน วิญญานขันธ์เป็นความรู้ที่ไปมั่นหมายในอายตนะ6
1.เขียนก็ต่างกัน อันนึงไม่มีขันธ์ อีกอันน่ะมีขันธ์ (คล้ายกับเงินบาท กับ เงิน1บาทคนละอันกัน)
2.หมายถึงจิตอันเดียวกัน แต่ใช้ในความหมายสั้นยาวต่างกัน
3.จิตล้วนๆมีวิญญานคือความรู้ว่ามีจิตอย่างเดียวเท่านั้น ต่างกับจิตที่เป็นวิญญานขันธ์ที่รู้ทางอายะตนะ6
จิตๆล้วนๆในความหมายที่แยกกันกับเจตสิก วิญญานขันธ์หมายรวมทั้งจิต+เจตสิกที่เป็นอกุศล
:b12:

Rosarin

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

huh

bigtoo เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ข้าพเจ้าก็ว่าพระพุทธเจ้าสอนการบรรลุธรรมแต่ละขั้นด้วยทางเดินของจิตในอริยสัจจ์สี่กะอริยมรรคแปดนี่
ขณะที่กำลังบรรลุธรรมแต่ละลำดับขั้น ก็ต้องครบองค์อริยมรรคและอริยผลด้วยใช่รึไม่ใช่หรือข้าพเจ้าผิด
:b42:

อานาปานสตินั่นแหล่ะครบทุกองค์วาจาสุจริต กายสุจริต มโนสุจริต วจีสังขารดับ กายสังขารดับ มโนสังขารดับ

อานาปานสติน่ะ มันใช้ไม่ได้หรอก ตอนที่ลมหายใจ+คำบริกรรม+กาย หายไปหมดแล้วนะ
เพราะตอนที่รู้อารมณ์ที่ไม่มีกาย สภาวธรรมที่เกิดเปรียบหมือนลอยคออยู่กลางมหาสมุทร
ขณะนั้นไม่รู้อารมณ์ของรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ดับหมด
(ดับหมด หมายถึงไม่เหลือความจำแบบเดิมๆที่เกิดจากการรับรู้ทางอายตนะหก เหลือจิตผู้รู้เท่านั้น)
เหลือแต่จิตที่เป็นกุศลเป็นในมรรคทั้ง8เกิดทั้งปัญญา ทั้งสติสัมปชัญญะ ไม่เหมือนจิตตอนที่มีกาย
:b16:

ท่านกล่าวมาเกินไปหน่อย วิญญานขันถ์ดับไ่ม่ได้ เพราะวิญญานขันภ์จะเป็นตัวเดียวที่เหลืออยู่เพราะยังไม่ตาย เป็นตัวรับรู้สภาวะว่างเปล่าหรือนิพพาน

เป็นความจริงความดับไม่เหลือของวิญญานที่ไปรับทราบตามความเห็นผิดไม่มีอีกต่อไป
มีแต่ความเห็นถูกความเข้าใจถูกของสิ่งที่มีจริงๆแม้จะถอนจิตออกจากสมาธิมาอยู่กับโลก
ก็เป็นการอยู่เพื่อละความเข้าใจผิดเพราะเข้าใจถูกทั้งวิญญานขันธ์กับวิญญานที่เป็นจิตล้วนๆ
เป็นการค่อยๆละความเห็นผิด ค่อยๆเพิ่มความเห็นถูกความเข้าใจถูก สะสมปัญญาจนเป็นกำลัง
ฟาดฟันตอนที่กิเลสกับอวิชชาต่อสู้กันเพื่อแย่งเก้าอี้ดนตรีในหัวใจนั่ง กิเลสมันไม่ลุกหนีง่ายๆน๊า
:b20:

ปัญญาที่จะฆ่ากิเลส ทรงแสดงว่า
มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาจึงประเสริฐ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ
สัญญาอุปมาด้วยพะยัพแดด
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า
:b8:

อธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจคือ
รูปอุปมาด้วยฟองน้ำ(ข้างในมันกลวงมีอากาศธาตุแทรกขั้นจำนวนมาก)
เวทนาอุปมาด้วยต่อมน้ำ(เป็นคลื่นกระจายออกแล้วก็จางหายไป)
สัญญาอุปมาด้วยพะยับแดด(เห็นในสิ่งที่ลวงให้จำว่ามี แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
สังขารอุปมาด้วยต้นกล้วย(ลอกออกมีแต่เปลือก จะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้)
วิญญาณอุปมาด้วยมายากล(ดับตรงนี้ที่สงสัยนะคือดับวิญญาณขันธ์ที่ไปรับทราบความมีตัวตนไง)
ก็มายากลน่ะเขาเล่นกลให้ดูว่าทำของหายไปแล้วโผล่มาตรงนั้นตรงนี้คือหลอก
ความหมายของการดับหมดคือวิญญาณขันธ์นั้นเปรียบเป็นการดับความไม่รู้ จิตที่หลงกิเลสหายไปนะ
เบญจขันธ์ ย่อมปรากฎ เป็นของว่าง เป็นของเปล่า อริยบุคคลรู้ความจริงไม่หลงว่ามีตัวตนแต่ฉลาดรู้
:b16:

วิญญานขันธ์กับวิญญานจิตล้วนๆงง จิตผู้รู้นะวิญญานขันธ์ครับ พระองค์แสดงขันธ์5วิญญานขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์สัญญาขันต์. รูปขันธ์.วิญญานล้วนๆไม่มี

เขียนละเอียดขนาดนี้แล้วอ่ะนะ ยังมิมีทีท่าว่าจะเข้าใจได้เลยเหรอตกลงทำสมาธิถึงกายหายยัง
Read again please เผื่อจะเข้าใจเพราะภาษาอื่น ข่อยเมือยใจนำเด้=ข้าพเจ้าเหนื่อยใจด้วยจัง
วิญญานขันธ์เป็นจิตหยาบที่ยึดติดในกายเป็นกิเลสอกุศลเพราะยังโง่อยู่ยังยึดติดตัวตนเต็มๆ
ที่ว่ามีกาย+จิตรวมกันมันไม่ใช่ เหมือนแยกอะไหล่รถออกเป็นชิ้นส่วนน๊อตน้ำมันคนขับไม่ใช่รถ
จิตล้วนๆเป็นจิตละเอียดที่เป็นกุศลเกิดพร้อมเจตสิกดีงามขั้นรู้ความจริงฉลาดรู้ว่าไม่มีตัวตน
:b48:

ภาษาดอกไม้แล้วนะเนี่ย

อ้อวิญญานล้วนๆกับวิญญานขันธ์ไม่เหมือนกันเนาะ55

ศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขั้นปริยัติ
บ่แมนจำคำเด้อ(ไม่ใช่จำคำนะ)
ต่างกันตรงไหนยังไม่รู้อีกเหรอ
ต่างกันที่ปัญญาแตกฉานไงทู่
:b32:

วิญญาณคือความรับทราบของจิต
แต่วิญญาณขันธ์เป็นลักษณะของจิต
ที่จิตเข้าไปยึดถือตัวตนและสิ่งที่ลวงว่ามี
ขันธ์ไม่ใช่ภาชนะรองรับนะไม่เหมือนขันน้ำ
เพราะขันน้ำมีรูปร่างแต๋ขันธ์ไม่มีรูปร่างอะไรเลย
:b17:

ข้าพเจ้าไม่ลังเลสงสัยคำสอนของพระพุทธเจ้านะ
และไม่ได้เรียนปริยัติธรรมแต่ฟังเทศนาธรรมหลวงตาป.3น๊า
ทำไมแตกฉานในการคิดไตร่ตรองก็เป็นปัญญาจิตดวงนี้เอง
:b44:

วิญญานหรือวิญญานขันธ์ก็ตัวเดียวกันอย่างเกินพระพุทธเจ้าซิ ท่านกล่าวไว้แค่ขันธ์5นะ

วิญญานเป็นความรู้ที่เป็นจิตล้วนๆที่เป็นประธาน ส่วน วิญญานขันธ์เป็นความรู้ที่ไปมั่นหมายในอายตนะ6
1.เขียนก็ต่างกัน อันนึงไม่มีขันธ์ อีกอันน่ะมีขันธ์ (คล้ายกับเงินบาท กับ เงิน1บาทคนละอันกัน)
2.หมายถึงจิตอันเดียวกัน แต่ใช้ในความหมายสั้นยาวต่างกัน
3.จิตล้วนๆมีวิญญานคือความรู้ว่ามีจิตอย่างเดียวเท่านั้น ต่างกับจิตที่เป็นวิญญานขันธ์ที่รู้ทางอายะตนะ6
จิตๆล้วนๆในความหมายที่แยกกันกับเจตสิก วิญญานขันธ์หมายรวมทั้งจิต+เจตสิกที่เป็นอกุศล
:b12:

เปลี่ยนชื่อใหม่

ยิ่งพูดเป็น แนวพระอภิธรรม ยิ่งงงเลยครับ

สงสัยต้องไปเรียน เพิ่มเติม s002

Rosarin

เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:

s005

ยิ่งพูดเป็น แนวพระอภิธรรม ยิ่งงงเลยครับ

สงสัยต้องไปเรียน เพิ่มเติม s002

ตั้งคำถามปราบเซียนท่องเก่งเลยนะเนี่ย
:b32:

พระอภิธรรมลงรายละเอียดของ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
ปกติจิตเป็นประธานในการทำกรรม กรรมเป็นเจตสิกเกิดและดับพร้อมกับจิต
รูปเป็นลักษณะที่รับรู้ที่ละเอียดในธาตุ4และธาตุรู้(จิต)เช่นรูปของเห็นเป็นแสงกับสีหลับตาก็ดับการเห็น เป็นต้น
ทั้งจิต เจตสิก รูป เป็นสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏกับจิต แต่กิเลส/อวิชชาปิดบังความจริงจร้า
:b4:

bigtoo

Rosarin เขียน:

เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:

s005

ยิ่งพูดเป็น แนวพระอภิธรรม ยิ่งงงเลยครับ

สงสัยต้องไปเรียน เพิ่มเติม s002

ตั้งคำถามปราบเซียนท่องเก่งเลยนะเนี่ย
:b32:

พระอภิธรรมลงรายละเอียดของ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
ปกติจิตเป็นประธานในการทำกรรม กรรมเป็นเจตสิกเกิดและดับพร้อมกับจิต
รูปเป็นลักษณะที่รับรู้ที่ละเอียดในธาตุ4และธาตุรู้(จิต)เช่นรูปของเห็นเป็นแสงกับสีหลับตาก็ดับการเห็น เป็นต้น
ทั้งจิต เจตสิก รูป เป็นสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏกับจิต แต่กิเลส/อวิชชาปิดบังความจริงจร้า
:b4:

วิญญานขันธ์ก็คือจิตผู้รู้ล้วนนั้นเองไม่มีแยก.

กบนอกกะลา

เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:

s005

ยิ่งพูดเป็น แนวพระอภิธรรม ยิ่งงงเลยครับ

สงสัยต้องไปเรียน เพิ่มเติม s002

50649.ในสัมมาสมาธิ มี นิพพานอยู่ไหม

ผู้ใช้งานขณะนี้