วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2015, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
bbby เขียน

คุณลุงสมานบ่น :b32: :b55: :b41: :b51:

คุณลุงสมานเขียน

ก็ออกมาบ่นซิ ตีหัวแล้ววิ่งเข้าบ้าน
ออกมาท้าถึงหน้าบ้านก็ไม่ออก พอได้ยินเสียงก็ทำหัวหด
ถามอะไรก็ไม่พูด ทำเป็นหูหนวก ตาบอดซะงั้นแหละ
ภาษาอิสานเขาบอกว่าทำมึน



คุุณลุงสมานกำลังแบกอะไรไว้หรือปล่าวค่ะ ลองเอามาวางไว้สิค่ะ
แล้วพิจารณาจิตเอาค่ะ
ปล่อยวางไว้ กับแบกเอาไว้
อย่างไหนดีกว่ากันค่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2015, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณลุงสมานเขียน

อ้างคำพูด:
ไม่ว่าพระโสดาบัน พระสกทาคามี หรือแม้แต่พระอนาคามี ก็โดนหลอกกันทั้งนั้น
อย่าคิดว่าแน่ ที่แน่ๆพระอนาคามีก็ละโทสเหตุได้เหตุเดียวก็นึกว่าเจ๊ง
แล้วอีก ๕ เหตุล่ะ ใช่ไหม? ( โลภเหตุ โมหเตุ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหะเหตุ )
เป็นเหตุทำให้เกิดทั้งนั้น เมื่อเกิดอีกก็เป็นทุกข์ใช่ไหมล่ะ อย่างเรานี่ละ แค่ปัจจัยของเหตุ
ก็นับบุญว่าโขแล้ว...ชาตินี้ บ่นต่อ




ฟื้นฝอยหาตะเข็บ :b32:

ถ้ารู้ว่าโดนหลอกแล้วจำ
ก้อไม่โดนหลอกอีกไม่ใช่เหรอ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เกิดได้ก้อดับได้ค้าาา :b12: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2015, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นซะงั่นไป...
พูดธรรมะแบบบ้านๆ กับสนทนาทางเชิงลึก
พอพูดทางเชิงลึกก็ไม่รู้ว่าลุงหมานพูดอะไรไมรู้เรื่อง

บ่นต่อ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2015, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตัวเอง...ถูกตัวเองหลอก...นี้น่าจะ...น่ากลัวที่สุดกว่าใครๆ..นะ..ผมว่า s002


ก็เมื่อรู้..ว่า..ตัวเองก็ถูกตัวเองหลอก....
แล้ว...สิ่งที่ตนรู้...เรายังจะสำคัญมั่นหมาย...อยู่หรือ?

เราควรทำอย่างไร....วางตัวอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2015, 06:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ตัวเอง...ถูกตัวเองหลอก...นี้น่าจะ...น่ากลัวที่สุดกว่าใครๆ..นะ..ผมว่า s002


ก็เมื่อรู้..ว่า..ตัวเองก็ถูกตัวเองหลอก....
แล้ว...สิ่งที่ตนรู้...เรายังจะสำคัญมั่นหมาย...อยู่หรือ?

เราควรทำอย่างไร....วางตัวอย่างไร


จะฆ่าศัตรูที่เป็นกิเลสนี้ใช่ว่าจะฆ่าได้ง่ายๆ เล่ห์เหลี่ยมเยอะ
มันจะแฝงมาในรูปของเวทนา ในเรื่องกาม เช่น สุขบ้าง ทุกข์บ้าง อุเบกขาบ้าง
ในเมื่อทุกขเวทนาเกิดขึ้นก็ย่อมแสวงหาสุขเวทนามาทดแทน

เจ้า โสมนัสเวทนา โทมนัสเวทนา อทุกขสุขเวทนา เหล่านี้แหละ
เป็นต้น เป็นแหล่งกำเหนิดของกิเลสทั้งหลาย ที่คงเคยได้ยินมาบ้างที่เรียกว่าอนุสัยกิเลส
(โปรดดูเรื่องอนุสัยกิเลส)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2015, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะไม่ให้โดนหลอกต้องศึกษาพระนิพพานให้เข้าใจเสียก่อน
จะเห็นได้ว่าการทำลายอวิชชา นั้นจะต้องทำวิชชาให้เกิดขึ้น วิชชา คือ ความรู้ปรมัตถธรรม
ต้องเรียนให้รู้และเข้าใจความจริงของธรรมชาติ ซึ่งความรู้นี้ไม่วิปริตผันแปร ไม่มีใครลบล้างได้
เพราะความรู้เช่นนี้เกิดแต่สัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่เกิดแก่บุคคลอื่นเลย
เป็นวิชชาที่สุขุมคัมภีรภาพมาก ไม่ใช่จะมาคิดนึก ตรึกเอาเองได้

ต้องศึกษาสัจจธรรมให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ (ปริยัติศาสนา) รู้ว่าอะไรเป็นรูป เป็นนาม
แล้วนำไปปฏิบัติด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เป็นการกำหนดรูปนามตามความเป็นจริง
เพื่อละกิเลสทั้งปวง (ปฏิบัติศาสนา) ส่วนผลที่ได้รับจากการปฏิบัติชอบ จนกิเลสหมดไปตามลำดับ
เรียกว่าปฏิเวธศาสนา ปริยัติ เป็นปัจจัยแก่ ปฏิบัติ ปฏิบัติ เป็นปัจจัยแก่ ปฏิเวธ

เพราะฉะนั้น ปริยัติ เป็นส่วนสำคัญยิ่งเพราะทำให้ศาสนาสืบต่อ จรรโลงไว้อยู่ได้ไม่จบสิ้น
และการไม่ศึกษาธรรม ทำให้หมกมุ่นอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ซึ่งเป็นเหตุและปัจจัย
ให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏทุกข์ การเริ่มต้นศึกษาปริยัติจะต้องเริ่มต้นที่พระอภิธรรม
เนื่องจากสอนให้รู้จักธรรมชาติที่เป็นความจริง ซึ่งได้แก่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
ธรรมชาติทั้งหลาย ทั้งปวงไม่ใช่ คน สัตว์ เกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัย เป็นรูปธรรมและนามธรรม

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2015, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
....
เพราะฉะนั้น ปริยัติ เป็นส่วนสำคัญยิ่งเพราะทำให้ศาสนาสืบต่อ จรรโลงไว้อยู่ได้ไม่จบสิ้น
และการไม่ศึกษาธรรม ทำให้หมกมุ่นอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ซึ่งเป็นเหตุและปัจจัย
ให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏทุกข์ การเริ่มต้นศึกษาปริยัติจะต้องเริ่มต้นที่พระอภิธรรม
เนื่องจากสอนให้รู้จักธรรมชาติที่เป็นความจริง ซึ่งได้แก่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
ธรรมชาติทั้งหลาย ทั้งปวงไม่ใช่ คน สัตว์ เกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัย เป็นรูปธรรมและนามธรรม


ทำให้คิดถึง...ตอนผมเด็กๆ

สมัยผมเด็กๆ....ได้ยินว่าศาสนาพุทธเราจะอยู่ได้แค่ 5000 ปี
ผมก็คิดตามประสาเด็ก..ว่า...ก็เรารู้อย่างนี้แล้ว...เราก็น่าจะแก้ไขได้

ถ้าพระไตรปิฎกบันทึกบนกระดาษ...ซึ่งมันก็พุพังได้ง่าย...อยู่ได้ไม่นาน...
ทำไมเราไม่บันทึกในสิ่งที่มันทนทานอยู่ได้นานปี..ละ...
(ผู้ใหญ่นี้ไม่ฉลาดกันซะเลย..พับผ่า)


สลักบนแผ่นทอง...ซะซิ...ไม่พุ...ทนทาน..ดูดีมีราคา...?...ไม่ดีแฮะ...นานๆไปมันไม่สนศาสนา...มันจะขโมยเอาทองไปนะซิ... :b7:

แกะสลักในหินซิ....ไม่มีใครโมยหินหรอก...มันไม่มีราคา...ผมคิด :b10:
หินทราย...อย่างปิรามิดดีมั้ย?....ไม่ดีแฮะ...มันถูกกัดกร่อนได้ง่ายจากลมฟ้าอากาศ

หินแกรนิต...ดีนะทนกว่าหินทราย?...แต่มันก็พุพังได้จากเคมีแม้จะกันแดดกันฝนแล้วก็ตาม... :b6:
แกะสลักบนแผ่นเลส...ดี...ไม่เป็นสนิม...ทน..ราคาไม่แพง...
โตไป..เราจะทำ
ผู้ใหญ่..ไม่น่าโง่เล้ย...
:b4:
เด็กประถม..คิดนะนี้.. :b32: :b32:

ทุกวันนี้....ผมเข้าใจอะไรอะไร..มากขึ้น...รู้แล้วว่าอะไรคือศาสนา..อะไรคือสิ่งจะรักษาศาสนาได้จริง...และ...เราต้องสนใจอะไรเป็นสิ่งแรกแทนรักษาศาสนา

แผนการตอนเด็ก...ก็เป็นอันล้มเลิกไป...
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็มันเป็นความคิดของเด็กๆ ที่พิจารณาอะไรที่ลึกซึ้งมากไม่ได้
เมื่อพูดถึงความเสื่อมของพระศาสนา ปริยัติจะเป็นที่ต้องเสื่อมก่อน

ก็เมื่อใดปริยัตินั้นอันตรธานหายไป เมื่อนั้นพระอภิธรรมจักเสื่อมก่อน.
ในพระอภิธรรมนั้น คัมภีร์ปัฏฐานจะอันตรธานก่อนกว่าทุกคัมภีร์.
คัมภีร์ธรรมสังคหะอันตรธานหายไปภายหลัง โดยลำดับ.

เมื่อพระอภิธรรมปิฏกอันตรธานหายไปแล้ว แม้ปิฏกทั้งสองยังคงดำรงอยู่
พระศาสนาย่อมเป็นอันตั้งอยู่ได้. ในปิฏกเหล่านั้น เมื่อพระสุตตันตปิฏกจะอันตรธานหายไป
อังคุตตรนิกายย่อมอันตรธานหายไปก่อน เริ่มแต่เอกาทสกนิบาตจนถึงเอกกนิบาต.

ต่อจากนั้น สังยุตตนิกายย่อมอันตรธานหายไป เริ่มแต่จักกเปยยาลสูตรจนถึงโอฆตรณสูตร.
ต่อจากนั้น มัชฌิมนิกายย่อมอันตรธานหายไป เริ่มแต่อินทริยภาวนาสูตรจนถึงมูลปริยายสูตร.
ต่อจากนั้น ทีฆนิกายย่อมอันตรธานหายไป เริ่มแต่ทสุตตรสูตรจนถึงพรหมชาลสูตร.

ปุจฉาคาถา (คือคาถาที่เป็นคำถาม) คาถาเดียวบ้าง สองคาถาบ้าง ยังอยู่ไปเป็นระยะเวลานาน
แต่ไม่อาจทรงพระศาสนาไว้ได้เหมือน สัพพิยปุจฉา และอาฬวกปุจฉา.

การที่จะรักษาพระศาสนา ปริยัติจึงมีความสำคัญมากกว่า ถ้าช่วยกันศึกษาช่วยกันเรียนให้มากให้นาน
การปฏิบัติกับปฏิเวธก็ทรงอยู่ได้นานเช่นกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 06:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วลงหมานคิดอย่างผมตอนเด็กๆมั้ยว่า...

.ก็สลัก..ตำราลงบนวัสดุที่มันไม่ผุไม่พัง...ทำใหญ่ๆไม่ให้ขโมยยกไปได้...ทำอาคารครอบใว้กันแดดกันฝน...สร้างใว้ในที่ไม่มีแผ่นดินไหว...ไม่มีภูเขาไฟ....น้ำไม่ท่วม...ให้อยู่ได้สักหมื่นปี...

เพียงเท่านี้....ก็เกิน 5000 ปีได้สบายๆ..แล้ว

เด็กยังคิดได้...ทำไมผู้ใหญ่ไม่คิด..
(ตอนนั้น..ก็นึกอยู่ว่า..ทำไมผู้ใหญ่นี้โง่กันจริงๆ) :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 06:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วลงหมานคิดอย่างผมตอนเด็กๆมั้ยว่า...

.ก็สลัก..ตำราลงบนวัสดุที่มันไม่ผุไม่พัง...ทำใหญ่ๆไม่ให้ขโมยยกไปได้...ทำอาคารครอบใว้กันแดดกันฝน...สร้างใว้ในที่ไม่มีแผ่นดินไหว...ไม่มีภูเขาไฟ....น้ำไม่ท่วม...ให้อยู่ได้สักหมื่นปี...

เพียงเท่านี้....ก็เกิน 5000 ปีได้สบายๆ..แล้ว

เด็กยังคิดได้...ทำไมผู้ใหญ่ไม่คิด..
(ตอนนั้น..ก็นึกอยู่ว่า..ทำไมผู้ใหญ่นี้โง่กันจริงๆ) :b9:


ปริยัตินั้นไม่เพียงที่ตั้งอยู่ได้แค่เพียงตัวอักษรเท่านั้น
ปริยัตินี้หมายความถึงไม่มีใครสนใจที่จะเข้าไปศึกษาเล่าเรียน
เมื่อไม่มีใครที่จะเล่าเรียนปริยัติก็ต้องอันตรธานไป คงจะเหลือปฏิบัติกับปฏิเวธ
ที่จะต้องอันตรธานไปด้วย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 07:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:

ปริยัตินั้นไม่เพียงที่ตั้งอยู่ได้แค่เพียงตัวอักษรเท่านั้น
ปริยัตินี้หมายความถึงไม่มีใครสนใจที่จะเข้าไปศึกษาเล่าเรียน
เมื่อไม่มีใครที่จะเล่าเรียนปริยัติก็ต้องอันตรธานไป
คงจะเหลือปฏิบัติกับปฏิเวธ
ที่จะต้องอันตรธานไปด้วย


:b17: :b17: :b17:
ตรงใจ...

..สนใจเล่าเรียนศึกษา...ตรงนี้แหละครับ....มันมีคำว่า..คน...เข้ามาเกี่ยวข้อง...

คนสนใจเล่าเรียนศึกษา...ปฏิบัติ...ได้...ศาสนามันก็เจริญ
คนไม่สนใจเล่าเรียนศึกษา....แล้วจะเอาอะไรไปปฏิบัติ...ไม่ปฏิบัติแล้วจะได้อะไร....ศาสนามันก็เสื่อม


คนไม่สนใจ..อย่างเดียว..ต่อให้มีตำราใว้....ปริยัติมันก็เสื่อม
ศาสนาเสื่อมมันถึงอยู่ที่คน...คำว่า..ตำรานั้น..ตำรานี้..อันตรธานหายไป..จึงหมายถึง...คนไม่เข้าใจในตำรานั้นตำรานี้..ต่างหาก

ถ้าจะให้ศาสนาเจริญ....สำคัญคือ...ทำให้คนมาสนใจ

ทำงัย..คนถึงจะมาสนใจศาสนา??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทำงัย..คนถึงจะมาสนใจศาสนา??


ในคราวที่พระศาสนายังตั้งอยู่ได้อยู่ในเกณท์ ๕๐๐๐ ปีที่พระองค์ได้พุทธยากรณ์ไว้
บางครั้งก็เจริญรุ่งเรืองไปในทางขาขึ้น บางครั้งก็เป็นไปในทางขาลงแต่ก็ยังดำรงอยู่ได้
ศาสนาเกิดขึ้นที่อินเดียก็ยังเสื่อมที่อินเดีย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทำงัย..คนถึงจะมาสนใจศาสนา??


ในคราวที่พระศาสนายังตั้งอยู่ได้อยู่ในเกณท์ ๕.๐๐๐ ปีที่พระองค์ได้พุทธยากรณ์ไว้
บางครั้งก็เจริญรุ่งเรืองไปในทางขาขึ้น บางครั้งก็เป็นไปในทางขาลงแต่ก็ยังดำรงอยู่ได้
ศาสนาเกิดขึ้นที่อินเดียก็ยังเสื่อมที่อินเดีย

ลุงๆ
ยกพระสูตรสิครับว่า พระองค์ตรัสแก่ใคร ที่ใด ว่าพระองค์พยากรณ์ ว่า พระศาสนายังตั้งอยู่ได้อยู่ในเกณฑ์ 5000 ปี

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ก็มันเป็นความคิดของเด็กๆ ที่พิจารณาอะไรที่ลึกซึ้งมากไม่ได้
เมื่อพูดถึงความเสื่อมของพระศาสนา ปริยัติจะเป็นที่ต้องเสื่อมก่อน

ก็เมื่อใดปริยัตินั้นอันตรธานหายไป เมื่อนั้นพระอภิธรรมจักเสื่อมก่อน.
ในพระอภิธรรมนั้น คัมภีร์ปัฏฐานจะอันตรธานก่อนกว่าทุกคัมภีร์.
คัมภีร์ธรรมสังคหะอันตรธานหายไปภายหลัง โดยลำดับ.

เมื่อพระอภิธรรมปิฏกอันตรธานหายไปแล้ว แม้ปิฏกทั้งสองยังคงดำรงอยู่
พระศาสนาย่อมเป็นอันตั้งอยู่ได้. ในปิฏกเหล่านั้น เมื่อพระสุตตันตปิฏกจะอันตรธานหายไป
อังคุตตรนิกายย่อมอันตรธานหายไปก่อน เริ่มแต่เอกาทสกนิบาตจนถึงเอกกนิบาต.

ต่อจากนั้น สังยุตตนิกายย่อมอันตรธานหายไป เริ่มแต่จักกเปยยาลสูตรจนถึงโอฆตรณสูตร.
ต่อจากนั้น มัชฌิมนิกายย่อมอันตรธานหายไป เริ่มแต่อินทริยภาวนาสูตรจนถึงมูลปริยายสูตร.
ต่อจากนั้น ทีฆนิกายย่อมอันตรธานหายไป เริ่มแต่ทสุตตรสูตรจนถึงพรหมชาลสูตร.

ปุจฉาคาถา (คือคาถาที่เป็นคำถาม) คาถาเดียวบ้าง สองคาถาบ้าง ยังอยู่ไปเป็นระยะเวลานาน
แต่ไม่อาจทรงพระศาสนาไว้ได้เหมือน สัพพิยปุจฉา และอาฬวกปุจฉา.

การที่จะรักษาพระศาสนา ปริยัติจึงมีความสำคัญมากกว่า ถ้าช่วยกันศึกษาช่วยกันเรียนให้มากให้นาน
การปฏิบัติกับปฏิเวธก็ทรงอยู่ได้นานเช่นกัน

จำมาเป็นตุเป็นตะ :b17: :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2015, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มี.ค. 2012, 17:36
โพสต์: 210


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1: :b1: :b1: :b1:

.....................................................
กระบี่อยู่ที่ใจ : เมตตาธรรมค้ำจุนโลก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร