วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 13:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 20:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เริ่มเข้าใจสัตตานังแล้ว....ซึ่งมันก็เข้าท่าจริง ๆ ซะด้วย..อิอิ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 21:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เริ่มเข้าใจสัตตานังแล้ว....ซึ่งมันก็เข้าท่าจริง ๆ ซะด้วย..อิอิ
:b12:


ยัง งง อยู่ ไม่เข้าใจอะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
ขณะจิต เขียน:
:b20: นิพพานคงมีอยู่ในทุกๆที่ ที่ไม่มีทุกข์ :b9:

ที่ๆมีความสุข ก็ไม่มีนิพพาน นะครับ
อย่างเรา มีความสุขที่เล่นไพ่ได้เิงินมา ได้เงินมาตอนนั้นเรามีความสุข ไม่มีทุกข์
แต่ตอนนั้นก็ไม่น่าจะเป็นนิพพานนะครับ :b8:


Onion_R นั่นสุขเวทนา ไม่ใช่นิพพาน :b34:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 22:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เริ่มเข้าใจสัตตานังแล้ว....ซึ่งมันก็เข้าท่าจริง ๆ ซะด้วย..อิอิ
:b12:


ยัง งง อยู่ ไม่เข้าใจอะครับ


ถามผม....แล้วผมจะไปถามใคร!!!... :b32: :b32:

ผมกำลังคิดว่า...ถ้าผมมอง..โดยไม่ผ่านเลนส์ลูกกะตา...สิ่งที่เห็นจะเหมือนเดิมมั้ย

อ่านหนังสือธรรมะ...ก็ผ่านเลนส์ลูกกะตาตัวนี้แหละ...

แมลง....นก....ปลา..ฯลฯ...เห็นอย่างที่เราเห็นมั้ย?

เลนส์ตา...VS...สัตตานัง

งง..งง..เหมือนกัน..อิอิ :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 01:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
student เขียน:
แล้วเอาอะไรเข้าไปเห็นทุกข์ (รวมทั้งอนิจจังด้วย)


สิ่งที่เห็นทุกข์ และ เห็นอนิจจัง คือ สัตตานัง

และ การเห็น อนัตตา สัตตานัง จะค่อย ๆ ถูกสั่นคลอนไป

สัตตานัง ก็เห็นผ่านการทำงานของ ขันธ์

การทำงานของ ขันธ์ ก็คือการทำงานของ ขันธ์

การทำงานของขันธ์ที่ปรากฎ คือ สิ่งที่ สัตตานัง เข้าไปหลงยึดว่าเป็น ตัวตนของ สัตตานัง

สัตตานังจะเป็นผู้เข้าไปค้นพบเอง ในการตั้งอยู่ของเขา

เมื่อเขาเห็นว่า หาสาระไม่ได้ เป็นเหมือน กาฝาก

เขาก็จะสังเวชในความหลง

เขาก็จะวาง และเข้าสู่ วิมุตติ ต่อไป


สัตตานัง ก็ราวกับว่า เป็นการประชุมกันของ อวิชชา

เรา คือ ชุมนุมอวิชชา

คือ ถ้าเข้าสู่ วิมุตติ ก็จะเห็นว่า สัตตานัง กับ ขันธ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
สัตตานัง ก็ประมาณเหมือนเป็น อวิชชา ที่อาศัย ขันธ์ เกิด
เพราะ อวิชชา ไม่ใช่ ขันธ์ เป็นแต่ อาศัย เกิด
และเมื่อ อวิชชา หายไป สัตตานัง ก็หายไป

:b53: :b55: :b55: :b53:


ทุกคนเห็นทุกข์ แต่ไม่ชัด ทุกคนเห็นอนิจจังแต่ไม่ชัด เพราะสติไม่เข้มแข็งตามวิญญาณขันธ์ไม่ทันใช่หรือไม่ครับ เช่น ถ้าเรากำหนดรู้ที่ปลายนิ้วมือ ต้องมีสติและวิญญาณขันธ์ที่ปลายนิ้วมือ และสามารถกำหนดรู้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงความเป็นอนัตตา (เท่าที่ความเป็นอนัตตาจะปรากฏ)

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 12:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ทุกคนเห็นทุกข์ แต่ไม่ชัด ทุกคนเห็นอนิจจังแต่ไม่ชัด เพราะสติไม่เข้มแข็งตามวิญญาณขันธ์ไม่ทันใช่หรือไม่ครับ

อันนี้เอกอนไม่แน่ใจนะ เรื่องการเห็นชัด ไม่ชัด ชัดแค่ไหน
คือ บางทีเอกอนมองว่า บางคนเห็นชั๊ดดดชัด แต่ก็ดูจะไม่ get สักที
คือ แบบ เห็นชัด เข้าใจ แต่ไม่ "อ๋ออออ" สักที
อย่างคนเป็นสามี ภรรยากัน มองตากันก็ "อ๋ออออ" รู้ใจกันโดยไม่ต้องพูดสักแอะ
ซึ่งถ้าเปลี่ยนจาก ภรรยา เป็นเอกอนไปนั่งมองตาเขา ต่อให้เอกอนเห็นลูกตาเขาชั๊ดดดดด...
ชัดแบบชนิดใช้แว่นขยายซูมเข้าไปจนเห็นเนื้อในตา
เอกอนก็อาจจะไม่ "อ๋ออออ" อย่างที่ ภรรยาเขา "อ๋ออออ"

ดังนั้น ความชัดในการเห็น ไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติเห็นทุกข์ เห็นอนิจจังชัด
ความชัดในเรื่อง ทุกข์ เรื่อง อนิจจัง อนันตตา นั้น
เอกอนมองว่า มัน "อ๋ออออ" แก่ใจยังไง นะ

บางทีไม่ต้องเห็นอะไรละเอียดเรย แต่ดันทำหนักมาทาง "ละวาง"
คือ ละวาง ได้หมด มันก็นำไปสู่จุดหมายได้

ดังนั้น อย่าไปผูกว่า ต้องละเอียด เท่านั้น เท่านี้ จึงจะเห็นเช่นนั้นเช่นนี้ได้

คือ เอกอนก็ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะให้ถึงความละเอียดขึ้นนะ
เพราะ ยิ่งละเอียด มันก็ไปเป็น พรหม ไง
แต่ถ้าเข้าใจว่า เห็นแค่ไหนก็แค่นั้น แต่เราละวางได้ แม้พรหมเราก็ไม่เอา ไม่เป็น ไง
ซึ่ง...บางทีเราไม่ได้วางเป้าไว้ว่าเราจะต้องเข้าถึงความเห็นที่ละเอียด
แต่...ปรากฎว่า การปล่อยวาง มันก็ลาดไปสู่ความละเอียดเอง

โอเคย์...มั๊ย...

:b4: :b4: :b4:


อ้างคำพูด:
เช่น ถ้าเรากำหนดรู้ที่ปลายนิ้วมือ ต้องมีสติและวิญญาณขันธ์ที่ปลายนิ้วมือ และสามารถกำหนดรู้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงความเป็นอนัตตา (เท่าที่ความเป็นอนัตตาจะปรากฏ)


ถ้าเอกอนบอกว่า นี่เป็นลักษณะการกำหนดรู้ที่ยัง หยาบ ล่ะ

ลองนึกถึง มาม่ารสหมูสับ บางทีถ้าเราสับหมูละเอียดไป มันก็กินไม่ได้อารมณ์นะ
มันจะ กลมกล่อม ในความ พอดี ของมัน

อย่างทำขนมปัง มันจะมีตระแกรงร่อนแป้ง 2 ขนาด รูหยาบ รูละเอียด
ทั้งสอง ต่างก็ทำหน้าที่ของเขาให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของงานได้

เป้าหมายการปฏิบัติ ไม่ได้ให้เราเข้าถึงความละเอียด

แต่ให้เราเข้าถึงการวางความยึดติด วางตัวตนลง

:b1: .... :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 12:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เช่น ถ้าเรากำหนดรู้ที่ปลายนิ้วมือ ต้องมีสติและวิญญาณขันธ์ที่ปลายนิ้วมือ และสามารถกำหนดรู้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงความเป็นอนัตตา (เท่าที่ความเป็นอนัตตาจะปรากฏ)


ไม่ เวลาที่เอกอนกำหนดรู้ที่ปลายนิ้วมือ
ลักษณะอนิจจัง จะปรากฎคือ
- ความรู้ที่นิ้วมือ ย้ายจุดไปเป็น ตรงจุดอื่น
- ความรู้ที่นิ้วมือ จางไปจนความรู้สึกที่นิ้วมือหายไป

คือ การกำหนดรู้มันไม่ได้หายไปไหน แต่จากที่มันตั้งอยู่ที่นิ้วมือ
มันเปลี่ยนไปตั้งอยู่ที่อื่น
เห็นมันย้าย มันเปลี่ยน ก็เห็น ทุกข์ เห็น อนิจจัง

เป็นคำถามที่ดี

บางคนคิดว่าเห็น นิ้วหาย นั่นเป็นการเห็น อนัตตา
ก็ใช่ ก็จะเห็นเช่นนั้นได้
มันจะเข้าทำนอง "นิ้วไม่ใช่ของเรา"
แต่มันก็มีสิ่งที่ รู้ อยู่ใช่มั๊ย นั่นก็คือ จิตมันไปตั้งอยู่ในอีกสิ่งแล้ว

ตาม รู้ ไปเรื่อย ๆ คือ ตามการตั้งอยู่ของจิตไปเรื่อย ๆ
เราก็จะเห็นว่า จิต มันมีลักษณะการปรากฎ ตั้งอยู่ อย่างไร
ถ้าเห็น การตั้งอยู่ของจิต ก็จะเห็น ทุกข์ เห็น อนิจจัง ชัดขึ้นเรื่อย ๆ นะ ...
ส่วน อนัตตา คือ เมื่อเห็นทุกข์ เห็นอนิจจัง
เห็นความตั้งอยู่ของจิต ที่หมุนเวียนไปเรื่อย และเห็นการตั้งอยู่แต่จะการตั้งอยู่นั้น
เป็น มายา
มันก็จะ หน่าย ......... และ น้อมเข้าสู่การ ถอดถอน ......
ถอดถอนได้ จึงเห็น อนัตตา .....

:b1: :b16: :b16: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมถามเรื่องนามครับ คือวิญญาณขันธ์ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่สังขารขันธ์)

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 16:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: กลายเป็นเอกอนงงคำถามเอง... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b1: กลายเป็นเอกอนงงคำถามเอง... :b12:

ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้สูงอายุ .. อิอิ :b9: :b32:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 12:27
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ทุกคนเห็นทุกข์ แต่ไม่ชัด ทุกคนเห็นอนิจจังแต่ไม่ชัด เพราะสติไม่เข้มแข็งตามวิญญาณขันธ์ไม่ทันใช่หรือไม่ครับ

น่าจะเป็นสติกับปัญญาประกอบกันนะค่ะ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 19:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์เจ้าขา เขียน:
student เขียน:
ทุกคนเห็นทุกข์ แต่ไม่ชัด ทุกคนเห็นอนิจจังแต่ไม่ชัด เพราะสติไม่เข้มแข็งตามวิญญาณขันธ์ไม่ทันใช่หรือไม่ครับ

น่าจะเป็นสติกับปัญญาประกอบกันนะค่ะ :b4:


:b14: :b5:

:b32: :b32: :b32:

:b4: :b13: :b13: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 19:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b1: กลายเป็นเอกอนงงคำถามเอง... :b12:

ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้สูงอายุ .. อิอิ :b9: :b32:


อายุก็ไม่ได้มีเกินหน้าเกินตาใครเลย
ก็มีแค่เลข 2 ตัว ไม่ได้มีสามตัว สี่ตัว สิบตัวซะเมื่อ


:b6: :b28: :b28: :b6:

:b13: :b4: :b4: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
วิริยะ เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b1: กลายเป็นเอกอนงงคำถามเอง... :b12:

ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้สูงอายุ .. อิอิ :b9: :b32:


อายุก็ไม่ได้มีเกินหน้าเกินตาใครเลย
ก็มีแค่เลข 2 ตัว ไม่ได้มีสามตัว สี่ตัว สิบตัวซะเมื่อไหร่


:b6: :b28: :b28: :b6:

:b13: :b4: :b4: :b13:

ฮิ้วววววววว ... :b32: :b32:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 21:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะเห็นวิญญาณดับ

บอกตรง ๆ ว่าเอกอนก็ไม่ใช่นักปฏิบัติที่รู้ดี ละเอียดนักนะ
แต่ในเวลาที่ปฏิบัติ
จุดที่เอกอนเห็นว่า จุดที่วิญญาณดับ
คือช่วง/จังหวะที่ วิญญาณปล่อยจากสิ่งหนึ่งแล้ว และยังไม่ได้เข้าไปจับสิ่งใหม่
แค่ช่วงจังหวะนั้น เท่านั้น

คือ วิถีจิต มันมี เกิด เจริญ เสื่อม ดับ หมุนเวียนกันไป
แม้ว่า ปิติ ปิติเมื่อเกิด และมันก็เจริญ และมันก็เสื่อม และมันก็ดับ
ปิติ จึงปรากฎ และก็ดับ ไม่มีใครประคองปิติไว้ได้ตลอด
ฌาณ 1 ก็เหมือนกัน วิตกเกิด วิตกเจริญ วิตกเสื่อม วิตกดับ
และมันก็เข้าสู่ ฌาณ 2 วิจารณ์เกิด วิจารณ์เจริญ วิจารณ์เสื่อม วิจารณ์ดับ
จริง ๆ ฌาณ 1 มันก็มีวิจารณ์อยู่ แต่จิตตั้งมั่นหนักแน่นอยู่ที่ วิตก
วิตก จึงเป็นองค์ธรรมที่ เด่น
ฌาณ 3 ฌาณ 4 .... ประมาณเดียวกัน
คือ เราคิดว่า จิตมันปล่อยจาก ฌาณหนึ่ง ไปสู่อีกฌาณหนึ่งได้ยังไง
คือ เมื่อจิตละเอียดขึ้น ต่อให้เราไม่ได้อยากปล่อยสิ่งหยาบ
มันก็ ปล่อย องค์ธรรมที่หยาบ ไปสู่องค์ธรรมที่ละเอียดขึ้น
ไม่ใช่เราต้องการปล่อยสิ่งนี้ แล้วไปจับอีกสิ่ง
จิต ดำเนินไปตาม ปัจจัย
ในสมาธิ เอกอนนั่งเฝ้ามอง สิ่งเหล่านี้
เมื่อรู้ชัดที่ลม รู้ชัดที่ลมเกิด เจริญ เสื่อม ดับ
และมันก็ไปรู้ชัดตรงโนน้ ตรงนี้ ไม่ว่ามันจะรู้ชัดที่ไหน
มันก็จะเห็นวิถีซ้ำ ๆ คือ เกิด เจริญ เสื่อม ดับ

การแยกการเกิดดับของ วิญญาณ/วิถีจิต/จังหวะของจิต ออกจาก จังหวะของกาย
เพราะ ร่างกายมีอุปกรณ์การให้จังหวะอยู่
บางคนจะรับรู้ถึงจังหวะของหัวใจเต้นได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย
บางคนรับรู้ได้ถึงจังหวะกระแสที่แผ่ซ่านในกายเป็นจังหวะ ๆ

ส่วน วิถีจิต จริง ๆ เขาว่าเกิดดับเร็วมาก การจะตามเฝ้าดูจิตในทุกวิถี ใครจะทำได้เอกอนไม่รู้
สำหรับเอกอน
คือ จะใช้การทรงตัวที่อารมณ์เดียว(การหน่วงอารมณ์)เข้าช่วยในการสังเกต การเกิดดับ
เพราะวิถีจิตที่เกิดดับนั้นมันจะค่อย ๆ ส่งต่ออารมณ์ คือ 1 ช่วงชีวิตของอารมณ์
เพื่อสังเกตการเกิดภพของอารมณ์ ชาติ ชรา มรณะ ของอารมณ์ แต่ละอารมณ์

คือ ถ้าเราคุ้นเคยกับการทรงตัวในอารมณ์ในลักษณะนี้
เมื่อกระทำหลาย ๆ รอบ มันจะเห็น จิตในช่วงการเกิด กับจิตในช่วงการเจริญ ไม่ใช่จิตดวงเดียวกัน
มันมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง องค์ประกอบ (ซึ่งเมื่อมาอ่านตำรา สิ่งนั้นเรียก เจตสิก)
เมื่อกระทำหลาย ๆ รอบ มาก ๆ เข้า มันก็จะเห็นรูปแบบของ การแต่งจิต
และ มันก็จะแยกจิต กับ สิ่งที่เข้ามาปรุงแต่งจิตออกจากกัน ได้

เมื่อเห็น จิต เห็น สิ่งที่ปรุงแต่งจิต โอกาสที่จะเห็น สัตตานัง อยู่ตรงนี้

ดังนั้น การน้อมธรรมขึ้นมาพิจารณาในสมาธิ
คือ จิตต้องดำเนิน/ทรงตัวไปใน กิจอันเดียว และน้อมไปในอารมณ์ได้ต่อเนื่องทันที
เหมือนการล้มของตัวโดมิโน่
และมันต้องเป็นไปอย่างเรียบ เนียน รับช่วงต่อเนื่องกันไปในทันที
ไม่ใช่เรื่องที่ จะมาคิดว่าสภาวะนี้ปรากฎ เราจะกำหนดจิตไปอย่างนั้น อย่างนี้
คนที่ทำเท่านั้นจะรู้ ว่าถ้ามีอะไรมาขัด สภาวะก็จะชะงัก และก็แต่งอารมณ์กันใหม่
ชะงักตรงไหน อย่างไร เขาก็จะรู้
ก็กลับมาแต่งอารมณ์แก้กันใหม่ คือมันจะค่อย ๆ ได้รุกคืบไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันต้องมีสักครั้ง...

ปัจจัตตัง มันเป็นสิ่งที่รู้ ของคนที่ทำ

คือ ทุกคำสอนของพระพุทธองค์ มีความหมายนะ :b1:

:b14: :b5: :b5: :b14:

ไม่นึกว่าจะเอาเรื่องนี้มาฟุ้งซะยืดยาว

จริง ๆ ไม่ค่อยอยากจะฟุ้งเรย

:b3: กลัว...จะเป็นปล่อยไก่ :b9: :b9:



แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 09 ม.ค. 2013, 21:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร