วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 22:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หัวใจทำหน้าที่ปั้มเลือดไปเลี้ยงร่างกาย
สมองเป็นศูนย์กลางของร่างกาย
รับรู้สึก อารมณ์ และการแสดงออกต่างๆเกิดจากสมองทั้งสิ้น
แล้วจิตมันจะไปเกิดที่ไหนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 09:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนตัวผม รู้สึกว่ามันอยู่ กลางหน้าอกนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 11:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


แกงได เขียน:
หัวใจทำหน้าที่ปั้มเลือดไปเลี้ยงร่างกาย
สมองเป็นศูนย์กลางของร่างกาย
รับรู้สึก อารมณ์ และการแสดงออกต่างๆเกิดจากสมองทั้งสิ้น
แล้วจิตมันจะไปเกิดที่ไหนได้


สังเกตุได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ปสาทรูปทั้งหมดอยู่ที่ส่วนใดของร่างกายมากที่สุด
คือ ร่างกายส่วนบนซึ่งได้แก่ศีรษะนี่เอง มีอะไรบ้าง มี ตา หู จมูก ลิ้น กายและสมองนึกคิด
สิ่งเหล่านี้จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเกิดขึ้น แล้วแต่ทวารไหนมีการกระทบที่แรง
ก็จะเกิดการรับรู้ทางนั้น แล้วลงสู่ใจ แม้แต่การผุดคิดขึ้นมา ก็จะสังเกตุรู้ได้ว่ามีการนึกคิดผุดขึ้นมา
ใจเราก็รู้ได้ว่า คิดเรื่องอะไร

สมองหากไม่มีจิต ก็ไม่ต่างอะไรจากก้อนเนื้อ ในคนที่ตายแล้ว ก็มีสมอง แต่ไม่ทำงาน
เพราะไม่มีจิต สมองเป็นกายปสาทอย่างหนึ่ง แล้วก็รู้สึกได้ด้วยการนึกคิดในอารมณ์
แต่จิตเป็นผู้รู้อารมณ์อยู่เสมอ หากจิตไปรู้การนึกคิดมากๆ เข้า คิดไม่หยุด จิตก็เสีย คือเป็นบ้าได้
จิตจะไปรู้อารมณ์ตามทวารต่างๆ เพราะ ปสาทรูปของทวารนั้นๆ ก็ทำงานเมื่อมีการกระทบเกิดขึ้น
แล้วแต่ว่าจะมากระทบทางทวารใดแรง จิตก็ไปรู้ตามทวารนั้นๆ จิตเป็นแค่นามธรรม
ร่างกายคือ รูป ทั้ง นามและรูป อาศัยซึ่งกันและกัน หากขาดซึ่งกันและกัน ก็อยู่ไม่ได้
เหมือนไม้ 2 ท่อนที่พิงกันไว้ หากท่อนใดล้มลง อีกท่อนหนึ่งก็ตั้งอยู่ไม่ได้

จิตเกิดขึ้นนั้นมีขบวนการเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เหมือนว่า เราสามารถทำทุกอย่างได้อย่างเป็น
เรื่องเดียวกัน ตาดูทีวี หูก็ได้ยิน แถมยังกินอาหารไปด้วย โทรศัพท์เข้า รับโทรศัพท์คุยกับเพื่อนอีก
การผลัดเปลี่ยนนั้นมันมีช่วงหยุดพัก เพื่อสลับสับเปลี่ยน ขึ้นไปรับรับรู้ทางทวารใดทวารหนึ่ง
ทวารเดียว คือ รับรู้ได้ทีละทวาร จึงมีช่วงที่ลงภวังค์ ก่อนไปรับรู้ใหม่ในทวารต่อไป

คือ จิตไปรับรู้ทางตา แล้วก็ลงมโนทวาร
จนถึง นึกคิด คือธรรมารมณ์ ก็เกิดทางมโนทวาร
แต่ละวิถีจิตที่เกิดขึ้น จะลงภวังค์ทุกครั้ง แล้วก็ไปรู้ใหม่อีกค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 19:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


จิตคือพุทธะ"
โดย หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียง จิตหนึ่ง นอกจาก จิตหนึ่ง แล้วมิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย

จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้เลย มันไม่ใช่เป็นของมีสีเขียวหรือสีเหลือง และไม่มีทั้งรูป ไม่มีทั้งการปรากฏ ไม่ถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสิ่งทั้งที่มีการตั้งอยู่ และไม่มีการตั้งอยู่ ไม่อาจจะลงความเห็นว่า เป็นของใหม่หรือของเก่า ไม่ใช่ของยาวหรือของสั้น ของใหญ่หรือของเล็ก ทั้งนี้เพราะมันอยู่เหนือขอบเขต เหนือการวัดเหนือการตั้งชื่อ เหนือการทิ้งร่องรอยไว้ และเหนือการเปรียบเทียบทั้งหมดทั้งสิ้น

ทั้งหมด
http://www.selectcon.com/dharma_dule.asp


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตจะคือพุทธะหรือเป็นพุทธะอย่างว่า จิตนั้นจะต้องปราศจากอาสวะทั้งหลายก่อน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 00:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูจิต กันเถอะพวกเรา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 01:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
ดูจิต กันเถอะพวกเรา :b8:

ถูกต้องแล้วครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 04:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจิตมันอยู่ตรงไหน ที่ใด แล้วจะดูที่ตรงไหน ดูอย่างไร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 07:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจิตมันอยู่ตรงไหน ที่ใด แล้วจะดูที่ตรงไหน ดูอย่างไร :b1:


จิตเกิด ที่ไหนก็ดูตรงนั้น มันอยู่ในร่างกายเรานี่ละ

ไม่น่าจะอยู่นอกร่างกายได้นะ หรือจิตอยู่นอกร่างกายได้หว่า :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
ไม่น่าจะอยู่นอกร่างกายได้นะ หรือจิตอยู่นอกร่างกายได้หว่า :b6:


จิตไม่มีร่างกายก็อยู่ได้นะ คือพวกอรูปพรหม ๔ ไง พวกนี้เขาไม่มีร่างกาย เขามีแต่จิต

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




charl-2012-11-03-1351941215-1964042831263925211.gif
charl-2012-11-03-1351941215-1964042831263925211.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 4516 ครั้ง ]
เอาแล้ววุ๊ย คิกๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b55: เขียน:
:b44: คัมภีร์อรรถกถา กล่าวว่า หัวใจเป็นที่ตั้งของการกระทำทางจิต

:b44: ในคัมภีร์มหาปัฏฐานซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมปิฎก ได้กล่าวถึงที่อาศัยของมโนวิญญาณ
โดยมิได้เจาะจงอวัยวะในร่างกายว่า " จิตอาศัยรูปใดย่อมเกิดขึ้น รูปนั้นเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
ความเป็นที่อาศัย " จึงอาจสรุปว่า ที่อาศัยของมโนวิญญาณ อาจเป็นอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง
ซึ่งอาจเป็นหัวใจหรือศีรษะก็ได้(สมอง) สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์จะให้หัวใจเป็นที่ตั้งของจิต
ก็อาจกำหนดให้หัวสมองเป็นที่ตั้งของจิตก็ได้

การอธิบายความแบบนี้ ทำให้รู้ว่าผู้พูดก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวพูด
เมื่อไม่แน่ใจก็ควรจะบอกว่าไว้ด้วย ไม่ใช่มาบอกว่า ...อาจจะเป็น
แล้วก็มาบอกให้เลือกเอาเอง แบบนี้แถวบ้านผมเขาเรียกว่า..."พูดประสาอะไรกันหว่า"

จะบอกในสิ่งที่เป็นไปได้ให้ฟัง ทั้งสมองและหัวใจ เป็นที่อาศัยเกิดของจิตทั้งสองอย่างนั้นแหล่ะ

แต่สภาวะที่เกิดหรือจิตมันไม่เหมือนกัน และสิ่งที่ผมจะกล่าว มันเป็นเรื่องที่
ทำให้สับสนกันมานักต่อนัก ที่ว่าสับสนนั้นก็คือ ระหว่างสมองกับหัวใจอะไรเป็น
หทยวัตถุกันแน่ .......ไปตั้งกระทู้ถามดีกว่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


การที่จะเข้าใจพระธรรม สิ่งสำคัญคือ ศรัทธา
และน้อมใจเข้าไปใกล้ ให้ได้เข้าใจอย่่างเป็นระบบ อย่างละเอียด
อย่างเป็นระบบ คือ การเข้าไปรู้ไปเข้าใจเป็นขั้นเป็นตอน
อย่างละเอียด คือ การรู้ว่าสภาวะเช่นนี้ มีอะไรเกิดได้บ้างในแต่ละสภาวะ
และส่งผลถึงการปฏิบัติให้เข้าใจมากขึ้น

อยากรู้ว่า สมองและหัวใจ เข้ากับพระธรรมได้ในแง่ไหนอย่างไร
ไม่ใช่เรื่องที่จะหาความเข้าใจไม่ได้ หาได้ หาจาก เรื่องเหล่านี้ค่ะ วัตถุ6 ทวาร6 อารมณ์6
วิถีจิต คัมภีร์ปัฏฐาน เป็นต้น
ลองค้นหาจากหัวข้อเหล่านี้ดูนะคะ ก็จะได้คำตอบ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2013, 18:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
จิตไม่มีร่างกายก็อยู่ได้นะ คือพวกอรูปพรหม ๔ ไง พวกนี้เขาไม่มีร่างกาย เขามีแต่จิต

พวกที่ไม่จิต มีแต่รูปอย่างเดียวก็อยู่ได้ก็มี ก็พวกอสัญญสัตตาพรหมนั่นไง (พรหมลูกฟัก)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




Rup28.gif
Rup28.gif [ 25.63 KiB | เปิดดู 4470 ครั้ง ]
สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในกามภูมิ ถ้าไม่พิกลพิกาล รูปทั้ง ๒๘ จะมีครบบริบูรณ์
ดังที่ อภิธรรมมัตถะสังคหะทีท่านได้จำแนกไว้ เรื่อง รูป ๒๘

ถ้าสังเกตุในภาพ จะไม่เห็นเลยว่าสมองนั้นอยู่ใดเลย สมองเท่าที่เราเข้าใจนั้นท่านว่าเป็นกายปสาท
เราจะเห็นว่า ทวารทั้ง ๖ จุกขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย หทย นั้นที่เป็นสถานที่เกิดของจิต
ส่วน "หทย" นั้นเป็นที่เกิดด้วยคือเป็นทวาร และเป็นที่อยู่ด้วยคือเป็นวัตถุ ทำหน้าที่ ๒ อย่าง

เราคิดนึกเรื่องราวต่างๆ เหมือนว่าเราคิดเรื่องราวนั้นที่สมอง
แท้จริงแล้วในส่วนสมองนั้นเป็นที่ศูณย์รวมของปสาท ได้แก่ ปสาทรูป ๕
ในร่างกายเรานั้นจะแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน
ตั่งแต่คอขึ้นไป ๑ ส่วน
ตั้งแต่คอลงมาถึงสะดือ ๑ ส่วน
ตั้งแต่สะดือลงมาจถึงปลายเท้า ๑ ส่วน

นับตั่งแต่คอขึ้นไปจะมี
๑.จักขุปสาท ๒.โสตปสาท ๓.ฆานปสาท ๔.ชิวหาปสาท ๕.กายปสาท
ส่วนช่วงกลางจะมี ๒ คือ
๑. หทยวัตถุ ๒. กายปสาท
ช่วงล่างลงมาจะมี ๑ คือ
๑.กายปสาท

(ทิฏฐุชุกรรม)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร