วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 02:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

อ้างคำพูด:
มหาสันติอันถือเป็นยานหรือคำสอนสูงสุดของพุทธศาสนาการปฏิบัติอธิ
โยคะในหมู่ผู้มีปัญญาอันเลอเลิศและได้ปฏิบัติด้วยความวิริยะอุตสาหะสามารถเข้าถึงพุทธภาวะใน
เวลาอย่างช้าสามปีในหมู่ผู้มีปัญญาสูงสามารถบรรลุผลในเวลาหกปีในหมู่ผู้มีปัญญาระดับทั่วไปก็
สามารถบรรลุผลได้ในเวลาสิบสองปีคำสอนการปฏิบัติตันตระที่ได้ปฏิบัติกันอยู่ มาจากหลายแหล่ง
เช่นจากที่มีบันทึกอยู่ในพระสูตรกันจุร์จากที่มีอยู่ในณิงมากิวบุมซึ่งได้แยกบันทึกไว้ต่างหากอีก ยี่สิบห้าฉบับจากพระอาจารย์ตันตระที่บรรลุมรรคผลโดยเกิดขึ้นเองในจิตของท่านในคำสอนทั้งหมด
ที่สมบูรณ์ที่สุดและแพร่หลายที่สุดเป็นคำสอนที่ถ่ายทอดโดยกูรูรินโปเช่และธรรมศักติเยเซโชเกียว
ซึ่งได้ถ่ายทอดโดยตรงและได้เก็บซ่อนไว้ในสถานที่ต่างๆกันซึ่งเรียกว่าเทอร์มาเพื่อให้เปิดเผยใน
เวลาต่อมาโดยผู้ที่ได้ถูกกำหนดไว้ซึ่งเรียกว่าเทอร์โตน
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 จนถึงปัจจุบัน
คำสอนอธิโยคะได้จัดระดับคำสอนไว้3ระดับ คือ เซมเด ลองเดและเมกาเดท่านคุรุศรีสิงหะ
ยังได้แบ่งเมกาเดออกเป็นอีก4ระดับคือระดับภายนอกระดับภายใน ระดับลับ และระดับลับสุดยอด ได้แยกการปฏิบัติออกเป็นสองลักษณะคือเตกโชและโทเกียวเตกโชคือการฟันฝ่าทะลุทะลวงดิ่งตรง
เข้าสู่พุทธภาวะและผสานจิตตนเข้ากับสภาวะธรรมชาติแห่งจักรวาลอย่างฉับพลันทันใดเป็นการสำเร็จ


ตอนอ่านเจอ เอกอนก็ตกใจนิด ๆ
จริง ๆ ไม่นิดหรอก



:b1: :b1: :b1:
ตำนานนี้อยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเปล่าพึ่งเคยอ่าน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:


ในโลกเรามีแต่เรื่องลี้ลับจริงๆ



ที่ว่าลี้ลับเพราะยังไม่รู้ ถ้ารู้มันก็ไม่ลี้ไม่ลับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 14:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ในโลกเรามีแต่เรื่องลี้ลับจริงๆ

:b32: :b32: :b32:

อิอิ บอกแล้วเอกอนมีพล็อตเรื่องที่จะเขียนนวนิยายไว้อยู่แล้ว
แค่มาใส่รายละเอียด เพิ่มเติมองค์ประกอบ
และใส่บทสนทนาเพิ่ม ก็ออกวางจำหน่ายได้เลย ...
:b32: :b32:

:b9: :b9:

bigtoo เขียน:
ตำนานนี้อยู่ที่ญี่ปุ่นหรือเปล่าพึ่งเคยอ่าน


:b12: ทิเบต

http://www.maameu.net/forum/index.php?topic=6562.0;wap2

คุรุปัทมสมภพ ธิเบตเรียก กูรูรินโปเช่ชาวพุทธวัชรยานถือว่าพระองค์เป็นพุทธเจ้าองค์ที่ 2

บังเอิญ เน๊อะ เพราะท่านบิ๊กก็กำลังนำเรื่อง พระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 ขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนา

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พี่อยู่ใกล้กับความตายมาก หรือ อยู่ตรงประตูแห่งความตายเลยทีเดียว
ประตูนี่เห็นสวรรค์หรือเห็นนรกมั้ยครับ


ฟังเอง :b1:



สงสัยงั้นแล่ะ



มรณานุสติ ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาท ในวัย ในชีวิต เร่งทำกิจที่ควรทำ


ตายเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ ไม่แปลก ไม่ตายสิแปลก แม้พระพุทธเจ้ายังตาย (ปรินิพพาน) (พูดเพื่อความเข้าใจง่าย) พระองค์รู้ว่าอีกสามเดือนจะตาย ยังเดินทางไปยังสถานที่ตาย ทำกิจสุดท้าย คือ สอนสุภัททปริพพาชก เป็นสาวกคนสุดท้าย

พระสารีบุตรรู้ว่าอีกเจ็ดวันจะตาย ก็เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อแสดงธรรมให้แม่ฟังจนเม่เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
พระโมคคัลลานะรู้ว่าจะตายก็ทูลลาพระพุทธไปตาย
ฯลฯ


แต่ถ้าพูดตามหลักปฏิจจสมุปบาท เราเกิด (ชาติ) แก่ (ชรา) ตาย (มรณะ) ทุกขณะทุกลมหายใจเข้าออก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พี่อยู่ใกล้กับความตายมาก หรือ อยู่ตรงประตูแห่งความตายเลยทีเดียว
ประตูนี่เห็นสวรรค์หรือเห็นนรกมั้ยครับ


ฟังเอง :b1:



สงสัยงั้นแล่ะ



มรณานุสติ ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาท ในวัย ในชีวิต เร่งทำกิจที่ควรทำ


ตายเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ ไม่แปลก ไม่ตายสิแปลก แม้พระพุทธเจ้ายังตาย (ปรินิพพาน) (พูดเพื่อความเข้าใจง่าย) พระองค์รู้ว่าอีกสามเดือนจะตาย ยังเดินทางไปยังสถานที่ตาย ทำกิจสุดท้าย คือ สอนสุภัททปริพพาชก เป็นสาวกคนสุดท้าย

พระสารีบุตรรู้ว่าอีกเจ็ดวันจะตาย ก็เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อแสดงธรรมให้แม่ฟังจนเม่เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
พระโมคคัลลานะรู้ว่าจะตายก็ทูลลาพระพุทธไปตาย
ฯลฯ


แต่ถ้าพูดตามหลักปฏิจจสมุปบาท เราเกิด (ชาติ) แก่ (ชรา) ตาย (มรณะ) ทุกขณะทุกลมหายใจเข้าออก
กลัวตายๆๆๆๆๆๆพี่เข้าใจมั้ย เร่งนะเร่งอยู่แล้วหดจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่มันกลัวเข้าใจมั้ยพี่ :b13:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

กลัวตายๆๆๆๆๆๆพี่เข้าใจมั้ย เร่งนะเร่งอยู่แล้วหดจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่มันกลัวเข้าใจมั้ยพี่


ใครตาย อะไรหดครับ ไม่เข้าใจ :b10: แล้วจะเร่งไปไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 17:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

กลัวตายๆๆๆๆๆๆพี่เข้าใจมั้ย เร่งนะเร่งอยู่แล้วหดจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่มันกลัวเข้าใจมั้ยพี่


ใครตาย อะไรหดครับ ไม่เข้าใจ :b10: แล้วจะเร่งไปไหน
มาถามได้ใครตาย ก็กลัวตัวผมนี่แหล่ะตาย หดนะไอ้นั้นนะหดเกือบหมดแล้ว(จำปีน้อย) เร่งไปนิพพานนะดิ! :b13:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:

กลัวตายๆๆๆๆๆๆพี่เข้าใจมั้ย เร่งนะเร่งอยู่แล้วหดจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่มันกลัวเข้าใจมั้ยพี่


ใครตาย อะไรหดครับ ไม่เข้าใจ :b10: แล้วจะเร่งไปไหน


มาถามได้ใครตาย ก็กลัวตัวผมนี่แหล่ะตาย หดนะไอ้นั้นนะหดเกือบหมดแล้ว (จำปีน้อย) เร่งไปนิพพานนะดิ! :b13:


ถ้าคิดว่ามีเรา เราตาย เราก็กลัวตาย ถ้าไม่มีเรา จะเอาเราจากไหนมาตาย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพานแบบไหนดี

ทิฏฐธรรมนิพพาน โดยปริยาย (โดยอ้อมหรือแง่หนึ่ง)
ทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย (โดยตรง )
ตทังคนิพพาน (นิพพานคู่ปรับ หรือ นิพาพานชั่วคราว)
สันทิฏฐิกนิพพาน (นิพพานที่ผู้บรรลุจะเห็นได้เอง)



“ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยปริยาย (โดยอ้อมหรือแง่หนึ่ง) ฯลฯ ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย (โดยตรง)
ผู้ที่ (กำลังเจริญวิปัสสนา) มองเห็นขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันจะต้องผันแปรไปเป็นธรรมดา ละความโศกเศร้าเป็นต้นเสียได้ หมดความร่านรนกระวนกระวาย อยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้ตทังคนิพพาน

มีพุทธพจน์แห่งหนึ่งตรัสว่า คนที่ถูกราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำ ย่อมคิดในทางที่จะทำตนเองให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำตนอื่นให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำทั้งตนเองและผู้อื่นให้ลำบากเดือดร้อนทั้งสองฝ่ายบ้าง ย่อมเสวยทุกข์โทมนัสทางใจบ้าง ครั้นเขาละราคะ โทสะ โมหะ ได้แล้ว เขาก็ไม่คิดในทางที่จะทำตนเองหรือทำผู้อื่น หรือทำทั้งสองฝ่ายให้ลำบากเดือดร้อน ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสทางใจ อย่างนี้แหละเป็นสันทิฏฐิกนิพพาน
เมื่อใดบุคคลผู้นี้เสวยภาวะปลอดราคะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโทสะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโมหะสิ้นเชิง (ราคักขัย โทสักขัย โมหักขัย) อย่างนี้แล คือนิพพานที่เป็นสันทิฏฐิกะ (ซึ่งผู้บรรลุเห็นได้เอง) อกาลิกะ (ไม่ขึ้นกับกาล) เอหิปัสสิกะ (เชิญให้มาพิสูจน์ดูได้) โอปนยิกะ (ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ) ปัจจัตตัง เวทิตัพพัง วิญญูหิ (ซึ่งวิญญูชน พึงทราบจำเพาะตน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2012, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นิพพานแบบไหนดี

ทิฏฐธรรมนิพพาน โดยปริยาย (โดยอ้อมหรือแง่หนึ่ง)
ทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย (โดยตรง )
ตทังคนิพพาน (นิพพานคู่ปรับ หรือ นิพาพานชั่วคราว)
สันทิฏฐิกนิพพาน (นิพพานที่ผู้บรรลุจะเห็นได้เอง)



“ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยปริยาย (โดยอ้อมหรือแง่หนึ่ง) ฯลฯ ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย (โดยตรง)
ผู้ที่ (กำลังเจริญวิปัสสนา) มองเห็นขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันจะต้องผันแปรไปเป็นธรรมดา ละความโศกเศร้าเป็นต้นเสียได้ หมดความร่านรนกระวนกระวาย อยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้ตทังคนิพพาน

มีพุทธพจน์แห่งหนึ่งตรัสว่า คนที่ถูกราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำ ย่อมคิดในทางที่จะทำตนเองให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำตนอื่นให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำทั้งตนเองและผู้อื่นให้ลำบากเดือดร้อนทั้งสองฝ่ายบ้าง ย่อมเสวยทุกข์โทมนัสทางใจบ้าง ครั้นเขาละราคะ โทสะ โมหะ ได้แล้ว เขาก็ไม่คิดในทางที่จะทำตนเองหรือทำผู้อื่น หรือทำทั้งสองฝ่ายให้ลำบากเดือดร้อน ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสทางใจ อย่างนี้แหละเป็นสันทิฏฐิกนิพพาน
เมื่อใดบุคคลผู้นี้เสวยภาวะปลอดราคะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโทสะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโมหะสิ้นเชิง (ราคักขัย โทสักขัย โมหักขัย) อย่างนี้แล คือนิพพานที่เป็นสันทิฏฐิกะ (ซึ่งผู้บรรลุเห็นได้เอง) อกาลิกะ (ไม่ขึ้นกับกาล) เอหิปัสสิกะ (เชิญให้มาพิสูจน์ดูได้) โอปนยิกะ (ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ) ปัจจัตตัง เวทิตัพพัง วิญญูหิ (ซึ่งวิญญูชน พึงทราบจำเพาะตน)
เอาแบบไม่เกิดเลยดีกว่า เที่ยวเดียวจบ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พ้นจากพุทธศักราชห้าพันไป นับถอยหลังสู่มิคสัญญี พอคนเริ่มสำนึกได้หันมาบำเพ็ญธรรมกันก็จะพ้นสู่มิคสัญญีสู่กัปขาขึ้น จนกระทั่งถึงยุคที่มนุษย์มีอายุขัยหนึ่งกัป(มนุษย์)พอดี แล้วเกิดประมาทในธรรม จนกระทั่งถึงยุคที่มนุนษย์มีอาขัยแปดหมื่นปีพระศรีอาริยเมตไตรยจึงจะมาตรัสรู้

เดาๆ แล้วนับจากพุทธศักราชนี้ไปอีกกี่ล้านปี?

เจริญธรรมครับ :b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร