วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 71 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
เข้าใจแล้วครับ
นี่ตอบไปผมใจสั่นไป
:b41:

พระสูตรที่มีเจตนามา สวนกลับผม คุณflameต้องย้อนดูให้ดี ผมไม่ได้ มีจิตอกุศลกับคุณเลย ด้วยสัจจะนี้ขอให้คุณเฟรม จงสุขใจ สบายกาย ในทุกที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อเทอญ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
:b8: :b8: :b8:

:b8: :b8: :b8:
ฌาณที่เป็นอกุศล บอกไว้ในพระสูตรนี้ ตรงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่คุณหลับอยู่เช่นกันครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่คุณหลับอยู่เช่นกันครับ

:b8: :b8: :b8:

ต่อ.... ฌาณที่เป็นอกุศลนี้ ก้ไม่ได้เป็น สมาธิ3แบบนั่นเช่นกัน ใช่หรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


แน่นอนคนละอย่างกัน เพราะอันหนึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติ
ส่วนอีกอันพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 01:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยู่ขอตัดความในพระสูตรนี้เป็นบางส่วน...อ่านต่อเอาเองได้ที่ลิงค์ด้านล่าง :b8:





ดูกรพราหมณ์ ก็พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรง
สรรเสริญฌานเช่นไรเล่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
เข้าปฐมฌาน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เข้าทุติยฌาน มีความ
ผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบ วิตกและวิจาร
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ
มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย เข้าตติยฌานที่พระอริยะเรียกเธอ
ได้ว่า ผู้วางเฉย มีสติอยู่เป็นสุขอยู่ เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะ
อุเบกขาอยู่ ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญฌานเช่นนี้
แล ฯ





[๑๑๙] ครั้งนั้นแล เมื่อวัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์แห่งมคธรัฐ
หลีกไปแล้วไม่นาน พราหมณ์โคปกะ โมคคัลลานะ ได้กล่าวกะท่านพระอานนท์
ดังนี้ว่า ปัญหาของกระผม ซึ่งกระผมได้ถามพระอานนท์ผู้เจริญนั้น พระคุณเจ้า
ยังมิได้พยากรณ์แก่กระผมเลย ฯ
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรพราหมณ์ เราได้กล่าวแก่ท่านแล้วมิใช่หรือว่า
ดูกรพราหมณ์ ไม่มีเลยแม้สักรูปหนึ่งผู้ถึงพร้อมด้วยธรรมทุกๆ ข้อ และทุกๆ
ประการ ที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธทรงถึง
พร้อมแล้ว
เพราะพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงให้มรรคที่ยังไม่อุบัติได้อุบัติ
ที่ยังไม่เกิดได้เกิด ตรัสบอกมรรคที่ยังไม่มีใครบอก ทรงทราบชัดมรรค ทรงรู้แจ้ง
มรรค และทรงฉลาดในมรรค ส่วนเหล่าสาวกในบัดนี้ เป็นผู้ดำเนินตามมรรค
จึงถึงพร้อมในภายหลังอยู่ ฯ
จบ โคปกโมคคัลลานสูตร ที่ ๘
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๑๗๓๕ - ๑๙๗๙. หน้าที่ ๗๔ - ๘๓.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... agebreak=0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้
เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็น
มรรคที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค)
เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค).

ภิกษุทั้งหลาย! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้
เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมาย
ที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมา-
สัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ
:b8: :b8: :b8:
ขนฺธ. สํ. ๑๗ /๘๑ / ๑๒๕
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น น. ๗๒๑

ที่มา http://www.watnapahpong.org


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 14 เม.ย. 2011, 02:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
แน่นอนคนละอย่างกัน เพราะอันหนึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติ
ส่วนอีกอันพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ



:b1: ไม่ได้บัญญัติ ว่าอยู่ในสัมมาสมาธิ แต่ก็ไม่ได้ตรัสบอกว่า ขณิกสมาธิ อัปนาสมาธิ ๆ ไม่มีไม่ใช่หรือ?

และ 3สมาธินี้ ก้ไม่ใช่ขั้นฌาณ
ขณิกสมาธิ แปลว่า ตั้งใจมั่นเล็กน้อย

แล้วไอ้ความตั้งใจมั่นเล็กน้อย คนเราไม่ว่าดีหรือชั่ว มันจะไม่มีเลยหรือ? :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
แน่นอนคนละอย่างกัน เพราะอันหนึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติ
ส่วนอีกอันพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ



บัญญัติอะไร ไม่ได้บัญญัติอะไร ครับ
ขอคำตอบด้วย :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ในสมัยพุทธกาล พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ล้วนพูดแต่คำพระตถาคต จึงไม่มีความสับสนวุ่นวายดังเช่นทุกวันนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
FLAME เขียน:
แน่นอนคนละอย่างกัน เพราะอันหนึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติ
ส่วนอีกอันพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ



บัญญัติอะไร ไม่ได้บัญญัติอะไร ครับ
ขอคำตอบด้วย :b8:


ขอคำตอบด้วย ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
FLAME เขียน:
แน่นอนคนละอย่างกัน เพราะอันหนึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติ
ส่วนอีกอันพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ



บัญญัติอะไร ไม่ได้บัญญัติอะไร ครับ
ขอคำตอบด้วย :b8:



พระองค์ทรงบัญญัติฌาณที่พระองค์ไม่สรรเสริญ

หลับอยุ่ เขียน:
Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์


พระองค์ทรงบัญญัติฌาณที่พระองค์ไม่สรรเสริญ
[๑๑๗] อา. ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญ
ฌานทั้งปวงก็มิใช่ ไม่ทรงสรรเสริญฌานทั้งปวงก็มิใช่ พระองค์ไม่ทรงสรรเสริญ
ฌานเช่นไร ดูกรพราหมณ์ ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ มีใจรัญจวนด้วยกามราคะ
ถูกกามราคะครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัดกามราคะอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็น
จริง
เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะกามราคะ ทำกามราคะไว้
ในภายใน
มีใจปั่นป่วนด้วยพยาบาท ถูกพยาบาทครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัด
พยาบาทอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็นจริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ
มุ่งหมายเฉพาะ
พยาบาท ทำพยาบาทไว้ในภายใน มีใจกลัดกลุ้มด้วยถีนมิทธะ
ถูกถีนมิทธะครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัดถีนมิทธะอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็น
จริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะถีนมิทธะ ทำถีนมิทธะไว้
ในภายใน มีใจกลัดกลุ้มด้วยอุทธัจจกุกกุจจะ ถูกอุทธัจจกุกกุจจะครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดอุทธัจจกุกกุจจะอันเกิดขึ้นแล้ว ตามความเป็นจริง เธอย่อมเพ่งเล็ง
จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะอุทธัจจกุกกุจจะ ทำอุทธัจจกุกกุจจะไว้ในภายใน
มีใจกลัดกลุ้มด้วยวิจิกิจฉา ถูกวิจิกิจฉาครอบงำอยู่ และไม่รู้จักสลัดวิจิกิจฉาอันเกิด
ขึ้นแล้ว ตามความเป็นจริง เธอย่อมเพ่งเล็ง จดจ่อ ปักใจ มุ่งหมายเฉพาะ
วิจิกิจฉา ทำวิจิกิจฉาไว้ในภายใน ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ไม่ทรงสรรเสริญฌานเช่นนี้แล
ดูกรพราหมณ์ ก็พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรง
สรรเสริญฌานเช่นไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
เข้าปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เข้าทุติยฌาน มีความ
ผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบ วิตกและวิจาร
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ
มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย เข้าตติยฌานที่พระอริยะเรียกเธอ
ได้ว่า ผู้วางเฉย มีสติอยู่เป็นสุขอยู่ เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะ
อุเบกขาอยู่ ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญฌานเช่นนี้
แล ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๑๙๓๕ - ๑๙๖๐. หน้าที่ ๘๒ - ๘๓.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... agebreak=0


แต่ไม่บัญญัติ คำสามคำนั้น คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมอาจจะเป็นคนติดคำติดบัญญัติมากไป
แต่ถ้าเราไปเพิ่มไปเติม ไปตัด คำของพระพุทธเจ้าเสียแล้ว
ผลที่ตามมาก็คือ พระสัทธรรมอาจเลอะเลือนไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ติดมากกว่าผมอีก :b1:


คุณจะปฏิเสธไหมว่า คนเราไม่ว่าดีหรือชั่ว มันจะไม่มีสมาธิเล็กน้อยเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 02:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นผมขอถามคุณหลับอยู่ บ้างครับ
สมาธิในพระพุทธศาสนาหมายถึงอะไร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 71 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร