วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 05:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 98 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2011, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ผงธุลีดิน เขียน:
อยากรู้ก็ลองทายใจผมดูสิน่า ท่านหลับอยู่ :b1:



ขอเดาว่า คุณขี้เกียจ ภาวนา :b1:


ให้ทายใจอย่างนึง ดันไปเดาอีกอย่างนึง สิน่า :b18:

ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง
นี้แล นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุญญัง

ในส่วนของ สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ นี้
ที่พอจะทราบความได้ ก็มี

ผู้มีอายุ ธรรมทั้งปวง มีฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูล, มีการทำไว้ในใจเป็นแดนเกิด,
มีผัสสะ(ความกระทบ) เป็นต้นเหตุให้เกิด, มีเวทนา(ความรู้สึกอารมณ์สุข ทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่สุข)
เป็นที่รวม,มีสมาธิเป็นประมุข, มีสติเป็นใหญ่, มีปัญญาเป็นยอดเยี่ยม, มีวิมุติ(ความหลุดพ้น)
เป็นสาระ หยั่งลงสู่อมตะ มีนิพพานเป็นปริโยสาน"

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา.......ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
เตสํ เหตุ ตถาคโต..........พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ.......และความดับของธรรมเหล่านั้น
เอวํ วาที มหาสมโณ........พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง มีอยู่
ถ้าไม่มีธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง
ความพ้นไปจากธรรมชาติที่เกิด ที่เป็น ที่มีใครทำ ที่มีอะไรปรุงแต่ง ก็จะปรากฏไม่ได้
เพราะเหตุที่มีธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง
ความพ้นไปจากธรรมชาติที่เกิด ที่เป็น ที่มีใครทำ ที่มีอะไรปรุงแต่ง จึงปรากฏได้."

อนัตตาสูตร
พระนครสาวัตถี. ท่านพระราธะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ
ที่เรียกว่า อนัตตา อนัตตา ดังนี้ อะไรหนอเป็นอนัตตา? พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา
วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.


:b41: สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ ธัมมา อนัตตา
อันนี้เป็นข้อความรวม ไม่ได้แสดงแยก สัพเพ ธัมมา อนัตตา ออกมาต่างหาก
ทรงแสดงความจริงของขันธ์5

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้
โลกหน้า พระจันทร์ และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป
เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้
มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์

ดังนี้
เมื่อถึงซึ่ง ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ย่อมพ้นไปจากธรรมชาติที่เกิด
ที่เป็น ที่มีใครทำ ที่มีอะไรปรุงแต่ง ความดับไม่เหลือนี้ จึงพ้นเหตุเกิด

ผมจึงมีความเห็นว่า นิพพานไม่มีความปรากฏว่าอัตตา ไม่มีความปรากฏว่าอนัตตา
:b48: :b48:

ส่วน นิพพานัง ปรมัง สุญญัง
ที่พอจะทราบความได้ก็มี

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนอานนท์ สารีบุตร
พาเอาศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์ หรือวิมุตติ-
ญาณทัสสนขันธ์ปรินิพพานไปด้วยหรือ.
ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า หามิได้ พระเจ้าข้า ท่านพระสารีบุตร
มิได้พาศีลขันธ์ปรินิพพานไปด้วย ฯลฯ มิได้พาวิมุตติญาณ-
ทัสสนขันธ์ปรินิพพานไปด้วย. ก็แต่ว่าท่านพระสารีบุตรเป็นผู้กล่าว
สอนให้รู้ชัดแสดงให้เห็นแจ้ง เป็นต้น

ดูกรอานนท์ ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฐิ อันอาศัยวิเวก
อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสละคืน ย่อมเจริญสัมมาสังกัปปะ ...
ย่อมเจริญสัมมาวาจา ... ย่อมเจริญสัมมากัมมันตะ ... ย่อมเจริญสัมมาอาชีวะ ...
ย่อมเจริญสัมมาวายามะ ... ย่อมเจริญสัมมาสติ ... ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อัน
อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสละคืน ฯ


:b41: :b53: :b41:

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2011, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต



อภิญญาวรรคที่ ๖
[๒๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน
คือ ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้ไว้ก็มี ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละ
เสียก็มี ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงให้เจริญก็มี ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึง
กระทำให้แจ้งก็มี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้
เป็นไฉน อุปาทานขันธ์ ๕ นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนด
รู้ไว้ ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสียเป็นไฉน คือ อวิชชา และภวตัณหา
นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสีย ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้ว
พึงให้เจริญเป็นไฉน คือ สมถะและวิปัสสนา นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญา
แล้วพึงให้เจริญ
ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้งเป็นไฉน คือ วิชชา
และวิมุตติ นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้ง ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้แล ฯ
[๒๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนริยปริเยสนา การแสวงหาอันไม่ประเสริฐ
๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ตนเองเป็นผู้
มีชราเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีชราเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ตนเองเป็นผู้มี
พยาธิเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีพยาธิเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ตนเองเป็นผู้มี
มรณะเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีมรณะเป็นธรรมดานั่นเอง ๑ ตนเองเป็น
ผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา
นั่นเอง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนริยปริเยสนา ๔ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยปริเยสนา การแสวงหาอย่างประเสริฐ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน
คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา รู้โทษในสิ่งที่มีชรา
เป็นธรรมดาแล้ว ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่มีชรา เป็นแดนเกษมจากโยคะ
อย่างเยี่ยม
๑ ตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดา รู้โทษในสิ่งที่มีพยาธิเป็นธรรมดา
แล้ว ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่มีพยาธิ เป็นแดนเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ๑
ตนเองเป็นผู้มีมรณะเป็นธรรมดา รู้โทษในสิ่งที่มีมรณะเป็นธรรมดาแล้ว ย่อม
แสวงหานิพพานอันไม่ตาย เป็นแดนเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ๑ ตนเองเป็นผู้มี
ความเศร้าหมองเป็นธรรมดา รู้โทษในสิ่งที่มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดาแล้ว
ย่อมแสวงหานิพพานอันไม่เศร้าหมอง เป็นแดนเกษมจากโยคะชั้นเยี่ยม ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยปริเยสนา ๔ ประการนี้แล ฯ


อ่านต่อได้ที่...
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ บรรทัดที่ ๖๕๖๙ - ๖๗๒๒. หน้าที่ ๒๘๑ - ๒๘๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0


:b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2011, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นแดนเกษมจากโยคะอย่างยอดเยี่ยม

Quote Tipitaka:
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ บรรทัดที่ ๕๑๕๑ - ๕๒๑๑. หน้าที่ ๒๑๗ - ๒๒๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=1


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 02:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 14:50
โพสต์: 69

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริง ... กรุงเทพฯ เนื้อที่กว้างขวาง ใหญ่โต น้ำไม่ท่วม (บางที่) คนดีดีเยอะ
สมมุติ ... .. กรุงเทพฯ เล็กกว่าขวด เราก็เอากรุงเทพฯ มาใส่ในขวดได้จิงเปล่า

smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้
โลกหน้า พระจันทร์ และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป
เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้
มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์


แต่นิพพานนั้น เป็นแค่ นามธรรม ...............ซึ่งไม่รู้อารมณ์
ปรากฏ อยู่ท้ายๆ พระไตรปิฏก

รูป คือ สภาพ หรือ สภาวะธรรม ที่ไม่รู้อารมณ์
นาม คือ สภาพ หรือ สภาวะธรรม ที่รู้อารมณ์ (ยกเว้นนิพพาน ซึ่งเป็นนามธรรม ที่ไม่รู้อารมณ์)

และ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ได้แค่ตีความ เพราะกลัวสิ่งที่มีอยู่จริง

คำก็บอกโต้งๆ ชัดๆ ก็ตีๆๆๆ ความกัน มา นามรูป รูปนามอะไรกัน เลอะเทอะ ๆลๆจนเรื่องโลกุตระ กลายเป็นของ ต่ำกันไปแล้ว ปริพาชกทั้งหลาย
สงสัยบรรลุทำนิพพานให้แจ้งกันหมดแล้วกระมัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตลกดีครับ มาพูดมาเถียงกันเรื่องนิพพาน
กะอีแค่เจอความเห็นที่แทงใจดำ ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี้ยงกันแล้ว
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังมีพระสูตรที่แทงใจ อีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ตลกดีครับ มาพูดมาเถียงกันเรื่องนิพพาน
กะอีแค่เจอความเห็นที่แทงใจดำ ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี้ยงกันแล้ว
:b13:


สนทนาพุทธธรรมถ้าไม่พูดเรื่องนิพพาน แล้วจะให้พูดเรื่องอะไร

พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องการดับทุกข

ทุกขที่ดับสิ้นแล้วคือนิพพาน

ธรรมทั้งหลายมีจุดสรุปที่นิพพาน

การสนทนาธรรมจึงต้องคุยกันเรื่องนิพพาน


จะให้สนทนาวิจารณบันเทิงคงไม่ใช่กาละเทศะ



ส่วนเรื่องแทงใจดำ เรื่องโกรธเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถ้าไปยั่ว ไปตั้งใจพูดจาแทงใจดำกวนใจเขา เขาก็ด่าเอา

เพราะยังไม่มีใครถึงนิพพาน ถ้าถึงนิพพานคงเลิกด่า

เมื่อยังไม่ถึงนิพพานก็คงจะคุยเรื่องนิพพานต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ

คงบังคับให้เลิกคุยเรื่องนิพพานไม่ได้

และบังคับให้เข้ามาอ่านก็ไม่ได้





.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


โทสะมีโทษมาก เป็นไฟเผาผลาญตัวเอง การกล่าววาจาผรุสวาท ไม่มีประโยชน์อันใด เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนตัวเองบ้าง ผู้ใดคิดว่าเขาด่าเรา เขาว่าเรา เวรของผู้นั้นย่อมไม่สงบรำงับ


รูปขันธ์ นามขันธ์นี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา เขาจะด่าจะว่าก็ด่าว่าแต่รูปขันธ์ นามขันธ์ หาได้ด่าเราไม่
บุคคลเมื่อไม่ยึดว่ารูปขันธ์นามขันธ์เป็นเราเป็นของเรา เมื่อเห็นว่า เบญจขันธ์นี้เป็นสุญญตาธรรม
บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้ยิ่งด้วยขันติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
โทสะมีโทษมาก เป็นไฟเผาผลาญตัวเอง การกล่าววาจาผรุสวาท ไม่มีประโยชน์อันใด เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนตัวเองบ้าง ผู้ใดคิดว่าเขาด่าเรา เขาว่าเรา เวรของผู้นั้นย่อมไม่สงบรำงับ


รูปขันธ์ นามขันธ์นี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา เขาจะด่าจะว่าก็ด่าว่าแต่รูปขันธ์ นามขันธ์ หาได้ด่าเราไม่
บุคคลเมื่อไม่ยึดว่ารูปขันธ์นามขันธ์เป็นเราเป็นของเรา เมื่อเห็นว่า เบญจขันธ์นี้เป็นสุญญตาธรรม
บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้ยิ่งด้วยขันติ


เขาด่าเรายังดีกว่าเขาตีเรา

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ(มุขเดิม)
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นสุข สิ่งนั้น เป็นอะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ต่อ(มุขเดิม)
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นสุข สิ่งนั้น เป็นอะไร


สิ่งนั้นเป็นทุกข

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้านิพพานเป็นสุขยิ่ง นิพพานเป็นทุกข์หรือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 98 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร