วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 15:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังรอฟังคำตอบเรื่อง "หนอ" อยู่นะครับ ตกลงแล้วมันไม่เป็นวิปัสนาจริงๆหรือ... :b10: :b10:
กระผมเองก็สงสัยเหมือนกันครับ เข้าใจครับว่าวิปัสนามันไม่มีหนอก็ได้ แต่มีหนอก็ไม่ได้หมายความว่าจะวิปัสนาไม่ได้นี่ครับ อีกอย่างนึงที่ท่านกรัชกายถามไว้ว่า "ถ้าหนอเป็นเพียงสมถะแล้วเราจะไม่เอาหนอไม่เอาสมถะแล้วเราจะเอาวิปัสนาเลยได้หรือไม่ ?" ตรงนี้มีประเด็นนะครับ สมถะ-วิปัสนา จะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือ :b10: ถ้าได้....ที่ท่าน walaiporn อธิบายไว้ว่า "หนอ" เป็นเพียงสมถะก็ถูกต้อง แต่ถ้าไม่ได้ล่ะ...."หนอ" ก็ไม่ใช่แค่สมถะ

ส่วนตัวกระผมเองพิจารณาเห็นอยู่ว่า จะทำวิปัสนาก็ต้องมีสมถะเป็นเบื้องต้น หรือถ้าทำสมถะก็จะต้องมีวิปัสนาเป็นที่สุด จะเลือกเอาเฉพาะวิปัสนาโดยไม่มีสมถะ หรือจะเอาแต่สมถะโดยที่จะปฏิเสธวิปัสนา ย่อมไม่ได้

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ natdanai ทำความเข้าใจคำว่า สมถะกับคำว่า วิปัสสนา ลิงค์นี้ก่อนครับ
แล้วค่อยว่ากัน

viewtopic.php?f=2&t=19596

ส่วนคุณวลัยพรหลุดจากวงโคจรนี้ไปแล้วนะครับ :b1: :b12: ไม่ต้องเข้ามาแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่าววววว....ทำไมไปตีกันท่านวลัยพรแบบนี้ล่ะครับท่านกรัชกาย... :b13:
อ่านทำความเข้าใจลิงค์ที่ยกมาให้แล้วครับ... :b12: :b12:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
ยังรอฟังคำตอบเรื่อง "หนอ" อยู่นะครับ ตกลงแล้วมันไม่เป็นวิปัสนาจริงๆหรือ... :b10: :b10:
กระผมเองก็สงสัยเหมือนกันครับ เข้าใจครับว่าวิปัสนามันไม่มีหนอก็ได้ แต่มีหนอก็ไม่ได้หมายความว่าจะวิปัสนาไม่ได้นี่ครับ อีกอย่างนึงที่ท่านกรัชกายถามไว้ว่า "ถ้าหนอเป็นเพียงสมถะแล้วเราจะไม่เอาหนอไม่เอาสมถะแล้วเราจะเอาวิปัสนาเลยได้หรือไม่ ?" ตรงนี้มีประเด็นนะครับ สมถะ-วิปัสนา จะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือ :b10: ถ้าได้....ที่ท่าน walaiporn อธิบายไว้ว่า "หนอ" เป็นเพียงสมถะก็ถูกต้อง แต่ถ้าไม่ได้ล่ะ...."หนอ" ก็ไม่ใช่แค่สมถะ

ส่วนตัวกระผมเองพิจารณาเห็นอยู่ว่า จะทำวิปัสนาก็ต้องมีสมถะเป็นเบื้องต้น หรือถ้าทำสมถะก็จะต้องมีวิปัสนาเป็นที่สุด จะเลือกเอาเฉพาะวิปัสนาโดยไม่มีสมถะ หรือจะเอาแต่สมถะโดยที่จะปฏิเสธวิปัสนา ย่อมไม่ได้



สวัสดีค่ะคุณ natdanai

-- คุณคงไม่อ่านทุกหัวข้อในกระทู้นี้ที่สนทนากัน เพราะถ้าคุณอ่านหน้าสอง ดิฉันได้บอกคุณกรัชกายไว้แล้วว่า

อ่านดูค่ะที่คุณกรัชกายได้สนทนากับดิฉัน และดิฉันได้ตอบไว้แล้วควรทำอย่างไรต่อ

กรัชกาย เขียน:
กรัชกายกำลังสนทนาอยู่กับคุณ ไม่ได้สนทนากับท่านพุทธทาส คุณไปนำคำพูดของผู้นั้นผู้นี้มา คุณควรอธิบายแทนผู้นั้นได้

คุณเข้าใจ คำว่า หนอ เป็นสมถะหรือ
คุณเข้าใจวิปัสสนาว่าไม่มี หนอ หรือ

ตอบสั้นๆว่า ใช่, ไม่ใช่



-- อธิบายได้สิ อธิบายไม่ได้ไม่พูดหรอกค่ะ

-- เป็นอันว่า ถ้าคุณต้องการรู้ ก็ติดตามอ่านเอาเองจากลิงค์นี้ก็แล้วกัน

viewtopic.php?f=1&t=19855

-- กระทู้นี้ จบแล้ว สำหรับคุณกรัชกายค่ะ

-- บางคนไม่ได้แกล้งว่าตัวเองไม่รู้ แต่เพราะไม่รู้จริงๆ เลยไม่ยอมรับ แต่ทำเหมือนแกล้งว่าไม่รู้ ทั้งๆที่ยังแยกไม่ได้ ไม่งั้นไม่ยึดบัญญัติเหนียวแน่นขนาดนี้

-- แถมนิด ... ขนาดพูดเรื่องสภาวะวิปัสสนา ยังขนาดนี้ ถ้าพูดเรื่องสภาวะ วิปัสสนาญาณ จะขนาดไหน


-- คุณ natdanai ก็เข้าไปอ่านดูค่ะ เพียงแต่รายละเอียดทั้งหมดนั้น ดิฉันจะค่อยๆเพิ่มเติมเข้าไป

viewtopic.php?f=1&t=19855

-- ส่วนเรื่องที่คุณถามเกี่ยวกับสมถะและวิปัสสนา เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้หรือ เลือกไม่ได้ค่ะ เพราะมีสมถะก็ต้องมีวิปัสสนา มีวิปัสสนาก็ต้องมีสมถะ และทั้งสองต้องมี สติ สัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบอยู่ ไม่งั้นพระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสไว้หรอกค่ะว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางสายเอก

-- ส่วนคำบัญญัติที่ให้ค่าให้ความหมายเกี่ยวกับ สมถะและวิปัสสนานั้น แล้วแต่ครูบาฯแต่ละท่านค่ะ อย่าไปยึดอะไรมากมาย เราศึกษาเพื่อเป็นแนวทางไว้ ไม่ใช่นำมาถกเถียงกัน อย่างแนวทางการปฏิบัติของพม่า ทำไมสมถะของเขาจะต้องเป็นสมาธิระดับอัปปนาสมาธิเท่านั้น ทำไมทางพม่าจึงกล่าวว่า ขณิกสมาธิเหมาะสำหรับทำวิปัสสนา ทุกอย่างมันมีคำตอบค่ะไม่ใช่เขาแค่สักแต่ว่านำมาพูดกัน สำหรับดิฉันเอง สมถะคือผลของการทำสมาธิ ฉะนั้นผลของการทำสมาธิ ไม่ว่าสมาธิที่เกิดขึ้นระดับไหนก็ตาม มันก็คือสมถะ วิปัสสนา คือการดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ( อันนี้ต้องฝึกเจริญสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น ) ส่วนที่เขานำมากล่าวกันว่า วิปัสสนาคือความเห็นแจ้ง นั่นดิฉันถือว่า มันคือวิปัสสนาญาณค่ะ ไม่ใช่แค่คำว่าวิปัสสนาที่นำมากล่าวๆกัน

อ้อ .... เรื่องคุณกรัชกาย อย่าไปสนใจเลยค่ะ ว่าเขาจะพูดเกี่ยวกับดิฉันว่าอย่างไร เป็นจริตของเขาค่ะ เขาจะเป็นคนที่ชอบพูดจาแบบนี้แหละ ดิฉันน่ะชินเสียแล้ว อยากตีก็ให้ตีค่ะ ไม่สู้หรอกค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโต้ตอบด้วย เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ เพราะฟังพระธรรมบททุกวัน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า " ชนะอะไรก็ตาม สู้ชนะกิเลสในตัวเองไม่ได้หรอก นี่แหละคนเหนือคน " มีบางครั้งที่โต้ตอบ เพราะสติ สัมปชัญญะมันไม่ทัน เมื่อสติ สัมปชัญญะมากขึ้น มันก็ทัน มันก็ดับ กิเลสมันมีเท่านี้เอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว ! :b5: เรารึปรารถนาดีไม่อยากให้เสียคน อุตสาห์กันออกนอกวงสนทนาเรื่อง หนอ เรื่อง
แหน่แล้ว เข้ามาอีกจนได้ มาแล้วก็ตอบดิที่ถามน่า :b1: พูดพร่ำอะไรนักก็ไม่รู้ เหมือนคนแก่ขี้บ่น :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้าว ! :b5: เรารึปรารถนาดีไม่อยากให้เสียคน อุตสาห์กันออกนอกวงสนทนาเรื่อง หนอ เรื่อง
แหน่แล้ว เข้ามาอีกจนได้ มาแล้วก็ตอบดิที่ถามน่า :b1: พูดพร่ำอะไรนักก็ไม่รู้ เหมือนคนแก่ขี้บ่น :b12:




สวัสดีคุณ กรัชกาย

-- รู้ไหมว่า คำว่า " ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม " เพราะเหตุอันใด เนื่องจากการที่ผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ได้อย่างต่อเนื่อง ผู้นั้นย่อมมีสติ สัมปชัญญะที่เข้มแข็งมากขึ้น ยิ่งสติ สัมปชัญญะมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะมีองค์ธรรมอีกองค์หนึ่งเจริญมากขึ้นเท่านั้น องค์ธรรมนั้นคือ " หิริ โอตัปปะ " เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณจะเบียดเบียนดิฉันด้วยคำพูดอะไรก็แล้วแต่ คำพูดของคุณหรือการกระทำของคุณ ต่อไปนี้ ทำอะไรดิฉันไม่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างคือครูมาสอน ครูมาสอนเราต้องเรียน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอความรู้วิธีเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่คุณทำหน่อยครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดเหมือนโฆษก ไม่ใช่ดิ โฆษกใช้กับชาย ผู้หญิง ควรใช้คำว่า โฆษกี :b12: พูดไปเรื่อยเปี่อย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:03
โพสต์: 26


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
-- คุณสมพลได้ละเมิดดิฉันไปด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาศัยเพียงจากการอ่านข้อความที่คุณกรัชกายโพส แล้วตีความตามที่ตัวเองเข้าใจ คุณสมพลได้สร้างอกุศลกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นเสียแล้ว

ดิฉันอโหสิกรรมให้คุณสมพลค่ะ และตัวดิฉันเองต้องขออโหสิกรรมต่อคุณสมพลด้วย ที่การสนทนาของดิฉันกับคุณกรัชกาย ทำให้คุณเข้าใจผิด ขออโหสิค่ะ


ขอกราบขอโทษด้วยนะขอรับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นึกถึงธรรมบท บทไหนของใครอยู่หนอเงียบไป :b1: :b15:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
-- ส่วนเรื่องที่คุณถามเกี่ยวกับสมถะและวิปัสสนา เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้หรือ เลือกไม่ได้ค่ะ เพราะมีสมถะก็ต้องมีวิปัสสนา มีวิปัสสนาก็ต้องมีสมถะ และทั้งสองต้องมี สติ สัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบอยู่ ไม่งั้นพระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสไว้หรอกค่ะว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางสายเอก


แต่กระผมว่าสติปัฏฐานเป็นปัจจัยในการเดินทางครับ ทางเอกคือมรรคมีองค์ 8 การเจริญสติปัฏฐาน 4 เป็นสัมมาสติ เป็นองค์หนึ่งในมรรค

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
อ้างคำพูด:
-- ส่วนเรื่องที่คุณถามเกี่ยวกับสมถะและวิปัสสนา เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้หรือ เลือกไม่ได้ค่ะ เพราะมีสมถะก็ต้องมีวิปัสสนา มีวิปัสสนาก็ต้องมีสมถะ และทั้งสองต้องมี สติ สัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบอยู่ ไม่งั้นพระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสไว้หรอกค่ะว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางสายเอก


แต่กระผมว่าสติปัฏฐานเป็นปัจจัยในการเดินทางครับ ทางเอกคือมรรคมีองค์ 8 การเจริญสติปัฏฐาน 4 เป็นสัมมาสติ เป็นองค์หนึ่งในมรรค



-- แล้วแต่คุณ natdanai จะคิดค่ะ ตำรามีไว้เพื่อศึกษาเป็นแนวทาง แต่ก็ไม่ใช่ให้นอกตำรา คือองค์ประกอบทั้งหมดก็อยู่ในตำรา แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเรียงตามตำราที่มีอยู่เสมอไป

-- อยากให้ลองพิจรณาดูค่ะ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า " สติวินโย " สติเป็นผู้นำจิต

แล้วคุณnatdanai ลองคิดดูว่า มรรคทั้ง ๗ ข้อที่เหลือ ถ้าไม่มีสติ เป็นส่วนประกอบ จะเป็นสัมมาได้ไหมคะ ถ้าขาดสติประกอบด้วยแล้วก็เป็นมิจฉา อีกอย่างครูบาฯท่านก็เคยกล่าวๆกันไว้ว่า ถ้ามีสัมมาทิฏฐิ มรรคที่เหลือก็จะเป็นสัมมาทั้งหมด การที่จะมีสัมมาทิฏฐิต้องมีสติเป็นส่วนประกอบ เคยได้ยินไหมคะ เมื่อมีสัญญาวิปลาส ก็ย่อมทำให้มีสติวิปลาสตามไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้องมีสัมมาสติ การที่จะมีสัมมาสติได้ต้องเป็นผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น ส่วนสติในการใช้ชีวิตประจำวันนี่มันอีกเรื่องหนึ่ง ลองพิจรณาดูค่ะ ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร

สัญญาวิปลาส คือ ความจำผิด ความจำที่ผิดไปจากความเป็นจริง เกิดความเข้าใจผิด สำคัญผิดว่า บัญญัติเป็นปรมัตถ์ ปรมัตถ์เป็นบัญญัติ ของจริงเป็นของปลอม ของปลอมเป็นของจริง

สติวิปลาส คือ สติสำคัญผิดไปตามสัญญา ทำให้การกำหนดอาการ ตลอดจนความรู้สึกคลาดเคลื่อนหรือแปรปรวนไปจากสภาพความเป้นจริง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนวทางปฏิบัติ หรือ อุบายวิธีสำหรับปฏิบัติ ที่เรียกว่ามรรคล่ะทำอย่างไร ต้องได้แนวทางสำหรับ
ปฏิบัติก่อน เมื่อได้แนวทางแล้ว แล้วก็ดำเนินไปตามมรรคหรือแนวทางนั้น ยังไม่เห็นพูดถึง
ประเด็นนี้ชัดเจนสักที เพียงแต่พูดคำว่า สติวินโย เป็นต้น มาเท่านั้น
กล่าวคำว่า สติวินโย ก็สำเร็จประโยชน์แล้วหรอ ดับทุกข์ได้แล้วหรือ เป็นมรรคเป็นผลแล้วหรือ :b12:

ที่พูดๆนั้นเป็นผล ไม่ใช่เหตุ เหตุต้องก่อนผล :b42: :b38:
หากมีคนถามว่า แนวทางปฏิบัติเพื่อให้สติเป็นต้นเกิด จะทำอย่างไร ? ปฏิบัติยังไง ?
จะตอบคำถามนั้นอย่างไร ? :b42:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
.....งั้นก็เอาตามท่านว่าละกันครับเหมือนขับรถคนละยี่ห้อ แต่ก็ยังอยู่บนถนนเส้นเดียวกันครับ....สำหรับกระผมเน้นอยู่ที่ "สัพเพสังขาราอนิจจา สัพเพธัมมาอนัตตาติ" :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2009, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นึกถึงธรรมบท บทไหนของใครอยู่หนอเงียบไป :b1: :b15:



cool กรัชกาย

อา กัด - ชะ - กาย ลื้อคือติก่อไล้ ไม่มีการบ้านให้ทำแล้วหรือ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร