วันเวลาปัจจุบัน 10 มิ.ย. 2025, 15:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้ามไปแล้ว....แล้วต้องไปปล่อยอะไรอีก s006 s006

ข้ามไปแล้ว...ก็อรหันตผล
:b8:
อย่างหยาบ...ก็ข้ามความเป็นความตาย
อย่างกลาง...ก็ข้ามตัณหาอุปาทาน
อย่างละเอียด...ก็ข้ามจิตอวิชชา

ข้ามไปหมดแล้วจะมีอะไรเหลือให้ต้องปล่อย :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 12 พ.ค. 2012, 22:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ข้ามไปแล้ว....แล้วต้องไปปล่อยอะไรอีก s006 s006

ข้ามไปแล้ว...ก็อรหันตผล
:b8:

สวัสดีครับพี่กบนอกกะลา :b8:
งั้นเพียงพระโสดาบันท่านก็ข้ามสักกายทิฏฐิได้แล้วแถมยังข้ามได้ถึงสังโยชน์ 3 ทำไมยังมีกิจให้ท่านต้องละอีกล่ะครับ?
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โสดา..ข้ามได้แต่ของหยาบ....ยังไม่ข้ามสักกายทิฏฐิอันที่ละเอียดกว่า

ราคะ..ปฏิฆะ...จึงยังมี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะมีเรา....ของดีจึงอยากได้...ของไม่ดีก็ไม่อยากเอา...นี้ราคะมีเพราะมีเรา

เพราะมีเรา....เราถึงเคือง...มันว่าเรา...มันหย่ามเกียร์ติเรา...นี้ปฏิฆะมีเพราะมีเรา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 22:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สักกายทิฏฐิอย่างหยาบกับอย่างละเอียด ทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่สักกายทิฏฐิในสังโยชน์เดียวกันหรือ เหตุใดพระพุทธองค์จึงไม่ได้ระบุลงไปอย่างชัดเจนว่าพระโสดาท่านข้ามสักกายทิฏฐิได้เพียงส่วนที่หยาบ แต่พระองค์ตรัสเพียงว่าพระโสดาท่านก้าวข้ามสังโชยน์ในเบื้องต่ำ 3 อย่างได้แล้ว จึงเป็นผู้ปิดอบายได้แล้ว ความเสื่อมอันมีทุกคติย่อมไม่มีในพระโสดาบันกันครับ...ถามเพิ่มอีกนิดนะครับ สักกายทิฏฐิกับอัตตานี้มีความหมายเหมือนกันหรือกว้างยาวเท่ากันหรือไม่ครับ?
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากว่ากันตามตัวหนังสือแล้ว....ก็จริงอย่างนั้น

แต่ผมถามท่านตามความรู้สึก...คุณลูกพระป่ารู้สึกอย่างไรกับที่ผมว่าอย่างนี้

อ้างคำพูด:
เพราะมีเรา....ของดีจึงอยากได้...ของไม่ดีก็ไม่อยากเอา...นี้ราคะมีเพราะมีเรา

เพราะมีเรา....เราถึงเคือง...มันว่าเรา...มันหย่ามเกียร์ติเรา...นี้ปฏิฆะมีเพราะมีเรา


รู้สึกอย่างไร...ก็ว่าไปตามความรู้สึก....ซื่อสัตย์กับความรู้สึก....ไม่ต้องกลัวผิด

จะกว้างลึกยาวแคบเท่าไรเป็นเรื่องหลักภาษา...ของตรงหน้าเราคือเรื่องของเรา

ธรรมะเป็นของสด...

ถูก ๆ ผิด ๆ เป็นเรื่องธรรมดา.....เวลามันจะสอนเราเอง...


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 12 พ.ค. 2012, 23:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากว่ากันตามตัวหนังสือแล้ว....ก็จริงอย่างนั้น

แต่ผมตามท่านตามความรู้สึก...คุณลูกพระป่ารู้สึกอย่างไรกับที่ผมว่าอย่างนี้

อ้างคำพูด:
เพราะมีเรา....ของดีจึงอยากได้...ของไม่ดีก็ไม่อยากเอา...นี้ราคะมีเพราะมีเรา

เพราะมีเรา....เราถึงเคือง...มันว่าเรา...มันหย่ามเกียร์ติเรา...นี้ปฏิฆะมีเพราะมีเรา


รู้สึกอย่างไร...ก็ว่าไปตามความรู้สึก....ซื่อสัตย์กับความรู้สึก....ไม่ต้องกลัวผิด

ธรรมะเป็นของสด...

ถูก ๆ ผิด ๆ เป็นเรื่องธรรมดา.....เวลามันจะสอนเราเอง

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากว่ากันตามตัวหนังสือแล้ว....ก็จริงอย่างนั้น

แต่ผมตามท่านตามความรู้สึก...คุณลูกพระป่ารู้สึกอย่างไรกับที่ผมว่าอย่างนี้

อ้างคำพูด:
เพราะมีเรา....ของดีจึงอยากได้...ของไม่ดีก็ไม่อยากเอา...นี้ราคะมีเพราะมีเรา

เพราะมีเรา....เราถึงเคือง...มันว่าเรา...มันหย่ามเกียร์ติเรา...นี้ปฏิฆะมีเพราะมีเรา


รู้สึกอย่างไร...ก็ว่าไปตามความรู้สึก....ซื่อสัตย์กับความรู้สึก....ไม่ต้องกลัวผิด

ธรรมะเป็นของสด...

ถูก ๆ ผิด ๆ เป็นเรื่องธรรมดา.....เวลามันจะสอนเราเอง



หลวงพ่อชา เคยเตือนว่า อย่าปฏิบัติธรรม เพื่อให้ถึง อะไร หรือ ให้ได้ อะไร แต่ให้ปฏิบัติธรรม เพื่อ ละ เสียให้สิ้น

ประมาณนี้ละมั่งครับ เดียวจะติดสมมุติกัน เพียรสร้างเหตุแห่งการดับไม่เหลือแห่งทุกข์ไปเรื่อยๆ เมื่อปัจจัยส่งเสริมพร้อม เดี่ยวมันก็มาเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าว่ากันตามความรู้สึกของผมที่ได้พิจารณาดูแล้ว สักกายทิฏฐินั้นผมเห็นว่าคือความถือตัวถือตนอย่างยิ่ง ขยายความได้ว่า คือความเห็นว่ากายนี้คือเรา เราคือกายนี้ กายนี้เจ็บเราก็เจ็บ กายนี้แก่เราก็แก่ กายนี้ตายเราก็ตายไปด้วย และมีทิฏฐิมานะอันยิ่งยวด คือ ใครจะมาดุด่าว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอน เอารัดเอาเปรียบ นินทาว่าร้าย ไม่ว่าจริงหรือไม่จริงก็เดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ถือเอาศักดิ์ศรีของเราของเขายิ่งกว่าถือเอาธรรมเป็นสำคัญ...ดังนั้นเมื่อข้ามสักกายทิฏฐิได้จึงข้ามได้เพียงความถือตัวถือตนอย่างยิ่งเท่านั้น ถ้าจะก้าวข้ามอัตตาหรือหรือความหลงในรูปได้ก็ต้องก้าวข้ามสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้ง 5 มีกามคุณเป็นที่สุดครับ ข้ามกามคุณได้นั่นแหละครับถึงเรียกได้ว่า ปล่อยวางรูปนามหรือขันธ์ 5 ได้อย่างสิ้นเชิง เป็นผู้ไม่เกิดอีกต่อไป ผิดถูกโปรดพิจารณาด้วยครับ ขอให้พิจารณาธรรมโดยธรรม
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จะใช้คำใดแทนสิ่งนั้น....ก็ไม่เป็นปัณหา...อารมณ์เดียวกัน...ผลก็อันเดียวกัน
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
มีทิฏฐิมานะอันยิ่งยวด คือ ใครจะมาดุด่าว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอน เอารัดเอาเปรียบ นินทาว่าร้าย ไม่ว่าจริงหรือไม่จริงก็เดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ถือเอาศักดิ์ศรีของเราของเขายิ่งกว่าถือเอาธรรมเป็นสำคัญ...
คุนกล่าวประโยคนี้ แปลว่าคุนยังไม่เข้าใจว่า คนที่ละสักกายทิฏฐิหรือก้าวข้ามสังโยชน์เบื้องต่ำ 3ประการได้ จะมีเหตุมีผล มีมานะทิฏฐิคือเอาความคิดของตนเป็นที่ตั้งโดยมีสัมมาทิฏฐิผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ถ้ามีคนมากล่าวหาว่าตนผิดโดยที่ตนเองนั้นคิดว่าตนไม่ผิด ก็จะถือตนถือตัวว่าไม่ผิดต่อให้เอามีดมาปาดคอก็ไม่ยอมว่าตนผิด นี่คือ มานะทิฏฐิขั้นละเอียด คุนยึดญัญญัติเกินไปไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงจัง เลยไม่เข้าใจ


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 12 พ.ค. 2012, 23:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นยัง ผลของการปฏิบัติ เพื่อ อยากได้ อยากมี จะละสักกายทิฏฐิ แล้วใครละที่อยาก s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 23:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับพี่กบนอกกะลา :b8:
ผมมักสังเกตหรือรู้สึกถึงอะไรที่แปลกๆได้ไวเสมอ ดังที่ผมสังเกตเห็นสังขาร วิญญาณ ในปฏิจฯ ที่มีซ้ำกันในรูปนามของวงปฏิจฯ....ในสังโยชน์ผมก็สังเกตเห็นสักกายทิฏฐิที่เมื่อก้าวข้ามพ้นแล้วทำไมยังมีปฏิฆะ ทำไมยังมีกามราคะได้อยู่ จึงพิจารณาลงที่สักกายทิฏฐิกับอัตตา ก็ได้ความว่าอัตตานี้มีความลึกซึ้งกว้างและลึกยิ่งกว่าสักกายทิฏฐิมาก ดังนั้นถึงข้ามสักกายทิฏฐิได้แล้วแต่อุปทานในอัตตาทั้งหลายก็ยังมีอยู่นั่นเอง...อันนี้เป็นภูมิรู้ดั้งเดิมของผม ซึ่งผมเห็นว่ามันต่างจากหลายๆท่านอยู่จึงได้ถามเพื่อแลกเปลี่ยนธรรมกัน ส่วนจะผิดจะถูกก็พิจารณากันไปตามธรรมครับ หวังว่าพี่คงจะเข้าใจและไม่ขุ่มเคืองผมนะครับ
ขบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2012, 00:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
มีทิฏฐิมานะอันยิ่งยวด คือ ใครจะมาดุด่าว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอน เอารัดเอาเปรียบ นินทาว่าร้าย ไม่ว่าจริงหรือไม่จริงก็เดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ถือเอาศักดิ์ศรีของเราของเขายิ่งกว่าถือเอาธรรมเป็นสำคัญ...
คุนกล่าวประโยคนี้ แปลว่าคุนยังไม่เข้าใจว่า คนที่ละสักกายทิฏฐิหรือก้าวข้ามสังโยชน์เบื้องต่ำ 3ประการได้ จะมีเหตุมีผล มีมานะทิฏฐิคือเอาความคิดของตนเป็นที่ตั้งโดยมีสัมมาทิฏฐิผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ถ้ามีคนมากล่าวหาว่าตนผิดโดยที่ตนเองนั้นคิดว่าตนไม่ผิด ก็จะถือตนถือตัวว่าไม่ผิดต่อให้เอามีดมาปาดคอก็ไม่ยอมว่าตนผิด นี่คือ มานะทิฏฐิขั้นละเอียด คุนยึดญัญญัติเกินไปไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงจัง เลยไม่เข้าใจ

สวัสดีครับคุณ nongkong :b8:
ผมยอมรับครับว่าผมไม่เข้าใจอารมณ์ของทิฏฐิมานะขั้นละเอียดเช่นที่คุณว่ามา...เลยจะขอถามสักหน่อยนะครับว่า เมื่อสักกายทิฏฐิก็ละได้แล้ว ขันธ์ 5 ก็ปล่อยวางแล้ว ความเห็นว่าเราว่าเขาก็ไม่มีแล้ว...แล้วจะเอาทิฏฐิมานะมาจากไหนกันอีกล่ะครับ?

ขอบุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2012, 00:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
nongkong เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
มีทิฏฐิมานะอันยิ่งยวด คือ ใครจะมาดุด่าว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอน เอารัดเอาเปรียบ นินทาว่าร้าย ไม่ว่าจริงหรือไม่จริงก็เดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ถือเอาศักดิ์ศรีของเราของเขายิ่งกว่าถือเอาธรรมเป็นสำคัญ...
คุนกล่าวประโยคนี้ แปลว่าคุนยังไม่เข้าใจว่า คนที่ละสักกายทิฏฐิหรือก้าวข้ามสังโยชน์เบื้องต่ำ 3ประการได้ จะมีเหตุมีผล มีมานะทิฏฐิคือเอาความคิดของตนเป็นที่ตั้งโดยมีสัมมาทิฏฐิผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ถ้ามีคนมากล่าวหาว่าตนผิดโดยที่ตนเองนั้นคิดว่าตนไม่ผิด ก็จะถือตนถือตัวว่าไม่ผิดต่อให้เอามีดมาปาดคอก็ไม่ยอมว่าตนผิด นี่คือ มานะทิฏฐิขั้นละเอียด คุนยึดญัญญัติเกินไปไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงจัง เลยไม่เข้าใจ

สวัสดีครับคุณ nongkong :b8:
ผมยอมรับครับว่าผมไม่เข้าใจอารมณ์ของทิฏฐิมานะขั้นละเอียดเช่นที่คุณว่ามา...เลยจะขอถามสักหน่อยนะครับว่า เมื่อสักกายทิฏฐิก็ละได้แล้ว ขันธ์ 5 ก็ปล่อยวางแล้ว ความเห็นว่าเราว่าเขาก็ไม่มีแล้ว...แล้วจะเอาทิฏฐิมานะมาจากไหนกันอีกล่ะครับ?

ขอบุณครับ :b8:

ตอนนี้คุณคิดว่าคุณละสักกายทิฏฐิได้หรือยัง หรือมีแต่ความคิดว่าอยากละสักกายทิฏฐิ สักการทิฏฐิไม่สามารถละได้หมด ตราบไดที่ยังละสังโยชน์ไม่ได้หมดทั้ง 10 ก็ยังปล่อยวางขันธ์5ไม่ได้ แต่การละสักกายทิฏฐิ คือ การ ค่อยๆละ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปโดยการ เจริญสติปัฏฐาน 4เห็นรูป นาม นี้ไม่เที่ยง หลังจากนั้น อารมณ์ของคนที่ละสักกายทิฏฐิก็คือ อยากกับไม่อยาก ละได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ อินทรย์ของแต่ละบุคคล ดิฉันเข้าใจแบบนี้เจ้าค่ะ เพราะมันเป็นรุปธรรมที่เกิดขึ้นกับกายและใจของดิฉัน แล้วตัวมานะทิฏฐิสังโยชน์ตัวที่ 7 อย่าคิดว่าจะละได้ง่ายๆนะเจ้าค่ะ พูดง่ายแต่เวลาทำมันทำยาก ละขันธ์5ได้ มันก็ต้องละสังโยชน์ 10อย่างให้ได้ ถึงจะเป็นอรหันต์ หยุดการ เวียนว่าย ตาย เกิด


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 338 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร