ไปเรื่อยๆเอ้า เช่นนั้น ฝึกทำยังไง

เจริญธรรม

ไปเรื่อยๆ แบบนี้ครับ

กรัชกายสรุป อานาปาสติ ตรงจิต ของเช่นนั้นแล้วกันนะ คือ เช่นนั้น ไม่ได้รู้เรื่องการปฏิบัติอานาปานสติอะไร เคยบอกว่า เช่นนั้น อ่านหนังสือดูพระสูตรแล้วเลือมใส แต่ไม่เคยลงมือภาวนาอะไรเลย จินตนาการจากการอ่านเอา

ผิดแล้ว กรัชกาย
เช่นนั้น ไม่เคยบอกว่า ไม่เคยลงมือภาวนาอะไรเลย เพราะไม่จำเป็นต้องบอก

ถ้ากรัชกายจะสรุป ก็แล้วแต่ตามสบาย
กรัชกาย ก็แนะนำอานาปานสติเน่าๆ แบบเอาถุงพลาสติคคลุมศีรษะต่อไปตามสบาย

เจริญธรรม

คิกๆๆๆ อานาปานสติ เป็นชื่อของวิธีการ เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ยิ่งกว่านั้น ยัง อานาปานสติ ตรงจิต เช่นนั้นนี่ ไม่ธรรมดาๆ

เจริญธรรม

อนุสติ 10 อย่าง จะให้ดูคำแปล และการผสมคำ โฟกัสข้อ 9 อานาปานสติ
อนุสติ มาจาก อนุ – น้อย ภายหลัง ตาม เป็นนิบาต +สติ = อนุสติ ตรงตัวแปล ตามระลึก ก็ได้ จะแปล ระลึกเฉยๆ ก็ได้ ดูตัวอย่างที่ท่านแปลไว้แล้วกัน


อนุสติ 10 คือ อารมณ์ที่ดีงามที่ควรระลึกถึงเนื่องๆ ได้แก่


1. พุทธานุสติ (พุทธ+อนุ+สติ) ระลึกถึงพระพุทธเจ้า และพิจารณาคุณของพระองค์


2. ธัมมานุสติ (ธัมม +อนุ+สติ) ระลึกถึงพระธรรม และพิจารณาคุณของพระธรรม


3. สังฆานุสติ (สังฆ+อนุ+สติ) ระลึกถึงพระสงฆ์ และพิจารณาคุณของพระสงฆ์


4. สีลานุสติ (สีล+อนุ+สติ) ระลึกถึงศีล พิจารณาศีลของตนที่ได้ประพฤติบริสุทธิ์ ไม่ด่างพร้อย


5. จาคานุสติ (จาค+อนุ+สติ) ระลึกถึงจาคะ ทานที่ตนได้บริจาคแล้ว และพิจารณาเห็นคุณธรรม คือ ความเผื่อแผ่เสียสละที่มีในตน


6. เทวตานุสติ (เทวตา + อนุ+สติ) ระลึกถึงเทวดา หมายถึงเทวดาที่ตนเคยได้รู้ได้ยินมา และพิจารณาเห็นคุณธรรมซึ่งทำคนให้เป็นเทวดา ตามที่มีในตน


7. มรณสติ (มรณ+สติ) ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาท


8. กายคตาสติ (กายคตา+สติ) สติอันไปในกาย หรือระลึกถึงเกี่ยวกับร่างกาย คือ กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ คืออาการ 32 อันไม่สะอาด ไม่งาม น่าเกลียด เป็นทางรู้เท่าทันสภาวะของกายนี้ มิให้หลงใหลมัวเมา


9. อานาปานสติ (อานาปาน+สติ) สติกำหนดลมหายใจเข้า-ออก


10. อุปสมานุติ ( อุปสม+อนุ+สติ) ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบคือนิพพาน และพิจารณาคุณของนิพพาน อันเป็นที่หายร้อนดับกิเลสและไร้ทุกข์



เมื่อท่านเช่นนั้นเห็น อานาปานสติ เป็นชื่อของวิธีการ (ฝ่ายกระทำ) ไปเสียแล้ว เขาจะต้องมีอารมณ์มาให้วิธีการนั้นทำ เขาก็ว่า ให้ไปเอา อัสสาส ปัสสาส (=ฝ่ายถูกกระทำ) มา แล้ว+อานาปานสติ ซึ่งเป็นวิธีการ จึงเป็น "อานาปานสติ ตรงจิต" ท่านเช่นนั้นสรุปแนวคิดท่านยังงี้

แต่เมื่อกรัชกายถามต่อว่า แล้ววิธีปฏิบัติ “อานาปานสติ ตรงจิต” ยังไง ลงมืออย่างไร ท่านยังตอบตนเองไม่ได้ ขอร้องก็แล้ว กราบก็แล้ว ท่านยังส่ายหน้าเป็นพัดลมอยู่เนี่ยะ

เมื่อดูแนวคิดของเช่นนั้นทั้งหมดแล้ว เช่นนั้น ไม่ได้ลงมือทำ ไม่ได้ปฏิบัติ ยังไม่เร่ิ่มภาวนา เพราะทำไปก็ติดขัดอยู่ในตัวหลักการนั้นเอง (สังเกตเช่นนั้นยังต้องร่ายยาวมาจากสติอีกทีหนึ่ง) เหตุุไปเห็นอานาปนสติเป็นวิธีการ ดังนั้น ก็จึงออกลูกออกหลานเป็น อานาปานสติ ตรงจิต คือคิดเอาว่า มันต้องตรงจิตใจ

สรุป อานาปานสติ (วิธีการ) อัสสาสะ ปัสสาสะ (ลมเข้าออก) ยังขาดสติ จึงต้องตามล่าหาสติกันต่อไป

เช่นนั้น กรัชกายพูดถูกมั้ยขอรับ

เช่นนั้นขอรับ ฟังเพลงก่อน ค่อยไปต่อนะ คิกๆๆ

http://www.youtube.com/watch?v=OFbD9eD6amc

สิ่งที่กรัชกาย พิมพ์มา ถูกอยู่อย่างเดียว ว่า อานาปานสติเป็นชื่อเรียก วิธีการ

แต่การสรุปหลังจากนั้นคือ เริ่มตั้งแต่ (ฝ่ายกระทำ).............. ท่านเช่นนั้นสรุปแนวคิดท่านยังงี้
เป็นการสรุปที่ผิด เป็นข้อสรุปที่กรัชกายคิดเองเออเอง

กรัชกาย ลืม จิต
อานาปานสติ : เป็นวิธีการปฏิบัติ ตรงจิต ..........

กรัชกาย อธิบาย อนุสติต่างๆ จึงเน่าไปตามการอธิบาย อานาปานสติ ทั้งหมด
สุดยอดของความเน่า ในการทำให้สิ่งดีกลายเป็นของเน่า

ติดตาม...ติดตาม...
ไม่คลาดสายตา...

อิอิ..

พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องเน่าๆๆๆๆ แต่ตัวเองไม่เคยเอาของดีมาเทียบกับของเน่า คิกๆๆ เช่นนั้น เอาของดีมาเทียบกันดูสิเอ้าๆๆ

ขอบคุณครับ กรัชกาย ที่รับว่า สิ่งที่กรัชกายแสดง เป็นของเน่า

ถ้ากรัชกาย ไม่ลืม จิต
มัวแต่เห็นศัพท์

เพราะกรัชกายใจร้อน อยากทานมาม่า ไวๆ บ๊ะหมี่สำเร็จรูป
จึงไม่เห็นว่า การสนทนา เมื่อวาน เป็นการเอาของดี มาเทียบเคียง กับของเน่า

ก็ยังไม่ได้ของดีๆตามแนวคิดของเช่นนั้นอยู่นั่แหละ คิกๆๆ


ลำดับความที่เราสนทนาค้างไว้แต่เมื่อคืน => อานาปานสติ (เป็นชื่อของวิธีการ) => อัสสาสะ ปัสสาสนะ (ลมหายใจเข้า-ออก) =>...? ว่าไปครับ

ลำดับความ ต้องต่อจากตรงนี้ครับ

เอาเลยครับต่อจื๊กซอร์ให้เป็นรูปเป็นร่างสำหรับใช้ปฏิบัติได้ เอาว่าไป

ลำดับความที่เราสนทนาค้างไว้แต่เมื่อคืน => อานาปานสติ (เป็นชื่อของวิธีการ) => อัสสาสะ ปัสสาสนะ (ลมหายใจเข้า-ออก) =>...? ว่าไปครับ

เอาแบบนี้หรอ

เริ่มต้น=>อานาปานสติ => อัสสาสะ ปัสสาสะ => สติ = อัสสาสปัสสาสสติ แล้วไงต่อขอรับท่านเช่นนั้น