วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 22:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


"....อย่าส่งจิตออกนอก...."

มันจะเชื่อคำนี้ได้ก็ต่อเมื่อ...มันพบว่า..ส่งออกไปแล้วมันทุกข์

บางคนส่งออกไปแล้ว...เห็นอดีต..เห็นอนาคต...แล้วว่ามันดีมีประโยชน์

มันก็เที่ยวส่งออก..อยู่อย่างนั้นร่ำไป...

ร่ำไป...จนกว่าจะ...... cry cry


โพสต์ เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 07:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b27:
อนุโมทนาสาธุกับคุณกบ ที่รู้สึกจะมีสุภาษิตาวจามากขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ :b8:
:b16: :b16: :b16:


โพสต์ เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 06:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
จิตสมถะวิปัสสนา เปรียบดัง น้ำนิ่งที่ไหล

พ่อครัว ทำกับข้าว จะทำแบบชำนาญ เงียบๆ หรือทำแบบนึกถึงตำรา พูดพร่ำ ก็ ผลแห่งกับข้าว นั้น เช่นกัน เพียงแค่ ความชำนาญต่างกัน เงียบเสียจนไม่รู้ว่า พ่อครัว กำลัง ทำกับข้าวมาให้ทาน อยู่ อิอิ

หากไม่ใช้คิด ก็ไม่อาจหยุดคิด ได้จริง

วิเคราะห์ มันวิปัสสนึก หรือป่าวท่าน มันไม่ลงจิตลงใจ นะ วิเคราะห์ของตัวเองดีกว่า ดีสุดแย้ว :b12:
:b8:

:b27: :b8: :b12: :b12: :b12: :b12:
อันว่า ความชำนาญนั้น มันเป็นการทำของผู้ที่เป็นแล้วซึ่งจะได้โดยไม่ต้องคิดและก็ทำได้ดีด้วย
:b16: :b16:
อย่างไรก็ตามพ่อครัวผู้ชำนาญนั้นก็เริ่มต้นจากจุดเดียวกัน คือต้องศึกษา (สุตตมยปัญญา) คิดพิจารณา ใคร่ควร วิเคราะห์วิจัย หาเหตุหาผล(จินตมยปัญญา) ที่สุดก็ต้องลงมือทำ (ภาวนามยปัญญา) ทำใหม่ๆ
ก็อาจต้องกลับมาดูตำราบ้าง ทำไปตามธรรมชาติตามสถานการณ์บ้าง ผสมผสานกันไป ไม่ช้าไม่นาน ก็ถึงวารที่ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งตำราไม่ต้องคิด กลายป็นพ่อครัวผู้ชำนาญได้แกงอร่อยทุกจานทุกหม้อ
:b12: :b12: :b12:
วิเคราะห์ มันวิปัสสนึก หรือป่าวท่าน มันไม่ลงจิตลงใจ นะ วิเคราะห์ของตัวเองดีกว่า ดีสุดแย้ว......
:b4: :b4:
[color=#000080]ใช่ครับวิเคราะห์เป็นวิปัสสนึก ที่จะมาช่วยหนุนวิปัสสนาในภายหลังถ้าเป็นวิปัสสนาเมื่อไหร่เขาลงใจเองหละครับ[/color]

:b4: :b4: :b4: :b16: :b16:


ก็เท่านั้นแหละครับ จริงแล้วผมว่าที่ใครๆเรียก วิปัสสนึก มันก็เป็นส่วนเริ่มต้นหรือส่วนหนึ่ง ของวิปัสสนา นั้นแหละ แต่เล่นเอามาพูด ให้อัตตาตนเองดูดีขึ้น ว่าตัวเองวิปัสสนา ไม่ได้ วิปัสสนึก
เล่นเอา วิปัสสนึก ดูไม่ดีไปเลย :b12: :b12: :b12:

:b16: s006 s006
"วิปัสสนึก"เป็นศัพท์บัญญัติใหม่ในคนรุ่นไม่เกิน 100 ปีหลังนี้เท่านั้น
เราทำกลับไปที่เดิมให้ถูกต้องว่า "สังเกต พิจารณา"(สัมมาสังกัปปะ) น่าจะไม่ทำให้งงและสงสัยนะครับ คุณฝึกจิต
:b11:


โพสต์ เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 06:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
asoka เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
จิตสมถะวิปัสสนา เปรียบดัง น้ำนิ่งที่ไหล

พ่อครัว ทำกับข้าว จะทำแบบชำนาญ เงียบๆ หรือทำแบบนึกถึงตำรา พูดพร่ำ ก็ ผลแห่งกับข้าว นั้น เช่นกัน เพียงแค่ ความชำนาญต่างกัน เงียบเสียจนไม่รู้ว่า พ่อครัว กำลัง ทำกับข้าวมาให้ทาน อยู่ อิอิ

หากไม่ใช้คิด ก็ไม่อาจหยุดคิด ได้จริง

วิเคราะห์ มันวิปัสสนึก หรือป่าวท่าน มันไม่ลงจิตลงใจ นะ วิเคราะห์ของตัวเองดีกว่า ดีสุดแย้ว :b12:
:b8:

:b27: :b8: :b12: :b12: :b12: :b12:
อันว่า ความชำนาญนั้น มันเป็นการทำของผู้ที่เป็นแล้วซึ่งจะได้โดยไม่ต้องคิดและก็ทำได้ดีด้วย
:b16: :b16:
อย่างไรก็ตามพ่อครัวผู้ชำนาญนั้นก็เริ่มต้นจากจุดเดียวกัน คือต้องศึกษา (สุตตมยปัญญา) คิดพิจารณา ใคร่ควร วิเคราะห์วิจัย หาเหตุหาผล(จินตมยปัญญา) ที่สุดก็ต้องลงมือทำ (ภาวนามยปัญญา) ทำใหม่ๆ
ก็อาจต้องกลับมาดูตำราบ้าง ทำไปตามธรรมชาติตามสถานการณ์บ้าง ผสมผสานกันไป ไม่ช้าไม่นาน ก็ถึงวารที่ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งตำราไม่ต้องคิด กลายป็นพ่อครัวผู้ชำนาญได้แกงอร่อยทุกจานทุกหม้อ
:b12: :b12: :b12:
วิเคราะห์ มันวิปัสสนึก หรือป่าวท่าน มันไม่ลงจิตลงใจ นะ วิเคราะห์ของตัวเองดีกว่า ดีสุดแย้ว......
:b4: :b4:
[color=#000080]ใช่ครับวิเคราะห์เป็นวิปัสสนึก ที่จะมาช่วยหนุนวิปัสสนาในภายหลังถ้าเป็นวิปัสสนาเมื่อไหร่เขาลงใจเองหละครับ[/color]

:b4: :b4: :b4: :b16: :b16:


ก็เท่านั้นแหละครับ จริงแล้วผมว่าที่ใครๆเรียก วิปัสสนึก มันก็เป็นส่วนเริ่มต้นหรือส่วนหนึ่ง ของวิปัสสนา นั้นแหละ แต่เล่นเอามาพูด ให้อัตตาตนเองดูดีขึ้น ว่าตัวเองวิปัสสนา ไม่ได้ วิปัสสนึก
เล่นเอา วิปัสสนึก ดูไม่ดีไปเลย :b12: :b12: :b12:

:b16: s006 s006
"วิปัสสนึก"เป็นศัพท์บัญญัติใหม่ในคนรุ่นไม่เกิน 100 ปีหลังนี้เท่านั้น
เราทำกลับไปที่เดิมให้ถูกต้องว่า "สังเกต พิจารณา"(สัมมาสังกัปปะ) น่าจะไม่ทำให้งงและสงสัยนะครับ คุณฝึกจิต
:b11:


ผมก็คิดว่า ดีมากครับ เพราะผมเอง ไม่ได้เอามาพูด เอามาใช้ :b1:


โพสต์ เมื่อ: 26 มิ.ย. 2012, 22:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองดูตัวเองซิ...ว่า...ชอบอะไรมากที่สุด...กับ..ไม่ชอบอะไรมากที่สุด

s006


โพสต์ เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 07:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลองดูตัวเองซิ...ว่า...ชอบอะไรมากที่สุด...กับ..ไม่ชอบอะไรมากที่สุด

s006

:b12: :b2: :b2:
ชอบสนทนาธรรม กับ ไม่ชอบถ้าไม่ได้สนทนาธรรม ครับ
:b12: :b12: :b12:
:b27:
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 11:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นี้แหละ....ขยะในใจ....
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 18:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นี้แหละ....ขยะในใจ....
:b8:

:b12: :b12: :b12:
คุณกบก็เข้ามารับขยะใหม่ให้ตนเองและ เพิ่มขยะให้ผู้อื่นด้วยทุกวันไม่ใช่หรือครับ?
:b17: :b17: :b17:


โพสต์ เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 19:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีใคร...ไปเพิ่ม..ขยะให้ใคร..ได้หรอกครับ..

เป็นผู้นั้น..ทำเองต่างหาก...

อย่างความอยาก..ของอโสกะ...ก็เป็นอโสกะ..ทำเอง...


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 06:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b11:
ทุกสิ่งที่ได้สัมผัส ได้อ่านผ่านตา ได้ครุ่นคิดพิจารณา ล้วนบันทึกลงในสัญญาแห่งใจ และกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ขยะใจ" จะทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว ก็ล้วนบันทึกหรือเก็บลงไว้ในใจ
:b10: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 20:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b12: :b12:
กบร้อง......
"ไม่มีใคร...ไปเพิ่ม..ขยะให้ใคร..ได้หรอกครับ"

ถ้ามีใครเอาขยะมาทิ้งหน้าบ้านผม....ผมอาจจะโกรธ..(ขยะเพิ่ม)

แต่ถ้าเอาไปทิ้งหน้าวัดพระอรหันต์....ท่านจะโกรธมั้ย..(ขยะไม่เพิ่ม)

ถามอโสกะว่า..ใครกันแน่ที่เพิ่มขยะให้ตัวเอง
เพราะคนอื่นที่เอามาทิ้ง....หรือว่าจะเป็นเพราะ...เจ้าของเป็นผู้เอาเข้าตัว...เอง

ยัง..งง...ได้อีก...บ่

เข้าใจแล้ว....ก็เลิกโทษสิ่งแวดล้อม..ซะนะ
:b10: :b10:
ถ้ามีใครเอาขยะมาทิ้งหน้าบ้านผม....ผมอาจจะโกรธ..(ขยะเพิ่ม)
:b34:
เฉพาะประโยคนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบได้ดีแล้วนะครับคุณกบ ว่าขยะความคิดเห็นทั้งหมดที่นำมาเขียนกองไว้ในกระทู้ต่างๆ ผู้อ่านส่วนใหญ่ล้วนเป็นปุถุชน หรือหากจะมีก็คงมีเพียงอริยะชั้นต้น ไม่ใช่พระอรหันต์ คุณกบเองก็ยอมรับด้วยตัวเองดังคำพูดประโยคที่ยกมา ฝาถังขยะคุณกบก็ปิดไม่มิดดุจเดียวกับปุถุชนท่านอื่นๆ จึงโกรธ ดังที่ว่า แล้วความคิดเห็นทั้งหมดที่นำมาเขียนกองไว้ในกระทู้ต่างๆ จะไม่เป็นการไปเพิ่มขยะให้ผู้อื่นหรือครับ ?
:b10:
:b32:



เพราะมองเป็น ขยะ เลยมองว่าไม่มีประโยชน์ ถ้ามองให้มีประโยชน์ ที่ว่า ขยะ ยังเป็น ขยะอีกมั้ย หรือจะเป็น ขยะ ที่มีประโยชน์

..... มีกัน พอ หรือ ป่าว แค่นั้น เรียนรู้ สร้างมัน

:b8:


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 21:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะครวญ..

asoka เขียน:
:b10: :b10:
ถ้ามีใครเอาขยะมาทิ้งหน้าบ้านผม....ผมอาจจะโกรธ..(ขยะเพิ่ม)
:b34:
เฉพาะประโยคนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบได้ดีแล้วนะครับคุณกบ ว่าขยะความคิดเห็นทั้งหมดที่นำมาเขียนกองไว้ในกระทู้ต่างๆ ผู้อ่านส่วนใหญ่ล้วนเป็นปุถุชน หรือหากจะมีก็คงมีเพียงอริยะชั้นต้น ไม่ใช่พระอรหันต์ คุณกบเองก็ยอมรับด้วยตัวเองดังคำพูดประโยคที่ยกมา ฝาถังขยะคุณกบก็ปิดไม่มิดดุจเดียวกับปุถุชนท่านอื่นๆ จึงโกรธ ดังที่ว่า แล้วความคิดเห็นทั้งหมดที่นำมาเขียนกองไว้ในกระทู้ต่างๆ จะไม่เป็นการไปเพิ่มขยะให้ผู้อื่นหรือครับ ?
:b10:
:b32:


กบตอบ.. :b32:

ขยะหน้าบ้านผม..กับข้อเขียนทั้งหลายในนี้..มันต่างกัน

ข้อเขียนในนี้...คนที่เขาเขียน..ต่างก็คิดว่ามันดีมีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ...

ส่วนขยะหน้าบ้านนั้น...คนทิ้งมันเห็นแล้วว่าไม่ดีไม่มีประโยชน์...ถ้าดีมันก็ไม่มาทิ้งใว้หน้าบ้านคนอื่นเขาหรอก...มันเก็บใว้บ้านมันแล้วละ...แล้วก็เป็นธรรมดาของผมที่ผมยังมีตัวโง่อยู่...ขยะอยู่นอกบ้านดันคว้ามาใว้ที่ใจ...นี้..ผมยังโง่

แต่ก็ยังมีคนที่ยังโง่กว่าผม... :b32: ...ที่ไม่เห็นความโง่ตัวเอง...โยนกลองให้แต่สิ่งแวดล้อมว่าเป็นต้นเหตุของขยะในใจตน... :b32:


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ใจเราเปรียบเหมือนถังขยะใบมหึมา เราได้เก็บสะสมขยะ 2 ประเภทไว้ในถังขยะใจนี้ คือ
1.ขยะบุญ
2.ขยะบาป
เมื่อได้นั่งสงบดูกายสังเกตจิตใจทีไรก็เหมือนได้กลับไปเปิดดูขยะที่มีอยู่ในจิต

ใครมีขยะบุญมากก็จะพบแต่ความสะอาด สุขกาย สงบใจไม่เดือดร้อน

ใครมีขยะบาปสะสมไว้มากก็จะได้รับแต่ผลเป็นความทุกข์ เศร้าหมอง เดือดร้อนกายใจ

สมถะภาวนา จะเปรียบเหมือนการพยายามที่จะปิดฝา กลบบัง ถังขยะไว้เพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นหรือภาพอันไม่น่าดูเล็ดลอดออกมา

ส่วนการทำวิปัสสนาภาวนานั้น เปรียบเหมือนการหันกลับเข้าไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงคือขยะหรือผลบุญบาปที่มีอยู่ในใจทั้งหมดแล้วหยิบ โกยเอาขยะทั้งหลายนั้นออกทิ้ง
จนกว่าจะหมดสิ้นไปจากถังขยะ หรือเบาลงจนพอจะยกเททิ้งได้ หมดขยะก็หมดภาระ

1 อารมณ์ คือ ขยะ 1 ชิ้น ถ้าสามารถนิ่งรู้ นิ่งสังเกตมันไปโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ จนอารมณ์นั้นและลูกหลานที่เกิดจากอารมณ์นั้น ดับไปต่อหน้าต่อตา ขยะชิ้นนั้น หรืออุปาทานในเรื่องนั้นๆก็จะหายไปจากใจ
ไม่กลับมาเป็นภาระให้ต้องขุดคุ้ย เก็บ โกย อีก

ใครขยันนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ ไม่ช้าไม่นาน ขยะในใจเขาก็จะลดน้อย เบาบาง จนในที่สุดหมดเกลี้ยง เมื่อขยะหมดหรือใกล้จะหมด เบาพอยกได้แล้ว ก็

ทุบถังขยะ คือความเห็นผิดว่าเป็นตัวกู ใจกู ของกู ทิ้งไปเสีย ก็จะหมดที่จะให้ขยะค้างอยู่ หมดภาระเรื่องขยะกันเสียที

ตอนนี้ต้องอดทน มีวิริยะ อุตสาหะ มานะบากบั่น หันหน้าเข้าไปรู้กายรู้จิต ลงปัจจุบัน จนกว่าจะทำลายความเห็นผิดว่าเป็นกูเป็นเราให้ตายขาดจากใจได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญอันดับที่ 1

เรื่องของถังขยะใจ เมื่อพิจารณาต่อไปให้ลึกซึ้งปรากฎว่า สอดคล้องและกลมกลืนกับ โอวาทปาติโมกข์ได้เป็นอย่างดียิ่งเลย
ลองพิจารณากันดูซิครับ


1.ละชั่ว คือการไม่เอาขยะบาปเติมลงไปใหม่
2.ทำดี คือการเลือกรับและใส่ลงไปเฉพาะขยะบุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ คือเก็บโกยขยะทั้งบุญและบาปออกจนถังขยะเบาพอก็ยกเทขยะในใจทิ้งไปทั้งหมด
สุดท้ายทุบถังขยะใบใหญ่คือ สักกายทิฐิ หรืออัตตทิฐิ ทิ้ง แล้วเพียรเอาขยะออกจากถังขยะใบเล็กที่ซ้อน ซ่อน จม อยู่ในถังขยะใบใหญ่จนหมดหลังจากนั้นจึงทุบถ้งขยะใบเล็ก คือมานะทิฐิทิ้งไป ก็จะหมดกิจที่พึงทำทั้งปวงของชาวพุทธ

:b8:
ขอนี้เห็นดีด้วยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับตอนนี้เห็นแต่ความชั่วของตัวเอง น่ากลัวจริง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ค. 2012, 07:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bjgtoo.....
ขอนี้เห็นดีด้วยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับตอนนี้เห็นแต่ความชั่วของตัวเอง น่ากลัวจริง
:b8: :b8:
แม่นแล้วครับคุณ bjgtoo เมื่อมาได้รู้วิชาชำระขยะออกจากใจ(สะจิตตะปริโยทปนัง)ที่พระบรมศาสดาทรงสอนไว้แล้ว เบื้องต้นที่จะโกยขยะออกเราจะต้องไปเจอขยะบาป ขยะชั่วที่เป็นของหยาบก่อนเสียเป็นส่วนมาก ผ่านด่านขยะบาปนี้ไปได้แล้วจึงจะได้เจอและชำระขยะบุญออกอีกที จนที่สุดถังขยะใบใหญ่(สักกายทิฏฐิ)นี้ว่างเปล่าจนทุบทิ้งได้ จึงจะได้เจอถังขยะใบเล็ก(มานะทิฏฐิ)ที่ซ่อนอยู่ข้างใน กระบวนการชำระก็ใช้หลักเดียวกัน(สติปัฏฐาน 4) จนหมดขยะในถังใบเล็กแล้วทุบมันทิ้งไป เมื่อนั้นจึงจะเสร็จกิจ หรือหมดงานอย่างแท้จริง.....สบาย..ๆ...ๆ
:b4: :b4:
:b31: :b31:


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ค. 2012, 07:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะครวญ..

asoka เขียน:
:b10: :b10:
ถ้ามีใครเอาขยะมาทิ้งหน้าบ้านผม....ผมอาจจะโกรธ..(ขยะเพิ่ม)
:b34:
เฉพาะประโยคนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบได้ดีแล้วนะครับคุณกบ ว่าขยะความคิดเห็นทั้งหมดที่นำมาเขียนกองไว้ในกระทู้ต่างๆ ผู้อ่านส่วนใหญ่ล้วนเป็นปุถุชน หรือหากจะมีก็คงมีเพียงอริยะชั้นต้น ไม่ใช่พระอรหันต์ คุณกบเองก็ยอมรับด้วยตัวเองดังคำพูดประโยคที่ยกมา ฝาถังขยะคุณกบก็ปิดไม่มิดดุจเดียวกับปุถุชนท่านอื่นๆ จึงโกรธ ดังที่ว่า แล้วความคิดเห็นทั้งหมดที่นำมาเขียนกองไว้ในกระทู้ต่างๆ จะไม่เป็นการไปเพิ่มขยะให้ผู้อื่นหรือครับ ?
:b10:
:b32:


กบตอบ.. :b32:

ขยะหน้าบ้านผม..กับข้อเขียนทั้งหลายในนี้..มันต่างกัน

ข้อเขียนในนี้...คนที่เขาเขียน..ต่างก็คิดว่ามันดีมีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ...

ส่วนขยะหน้าบ้านนั้น...คนทิ้งมันเห็นแล้วว่าไม่ดีไม่มีประโยชน์...ถ้าดีมันก็ไม่มาทิ้งใว้หน้าบ้านคนอื่นเขาหรอก...มันเก็บใว้บ้านมันแล้วละ...แล้วก็เป็นธรรมดาของผมที่ผมยังมีตัวโง่อยู่...ขยะอยู่นอกบ้านดันคว้ามาใว้ที่ใจ...นี้..ผมยังโง่

แต่ก็ยังมีคนที่ยังโง่กว่าผม... :b32: ...ที่ไม่เห็นความโง่ตัวเอง...โยนกลองให้แต่สิ่งแวดล้อมว่าเป็นต้นเหตุของขยะในใจตน... :b32:

:b12: :b12: :b12:
แสดงว่าคุณกบยังไม่ถึงสัจจธรรมที่ว่า......."เมื่อจะถึงที่สุดแห่งธรรม ต้องทิ้งทั้ง ดี (กุศล)และ ชั่ว(อกุศล) และต้องทิ้ง ตัวรู้ (วิมุติญาณทัศนะ)อันเปรียบประดุจ ภาระ หรือ ขยะใจทั้งหลายให้หมดไปด้วย"
:b42:
สงสัยจะโง่จริงๆเสียละกระมัง?เรา ? หรือ ท่าน ?
:b10:
:b12: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร