วันเวลาปัจจุบัน 04 มิ.ย. 2025, 12:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 286 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 ... 20  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2015, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องของมิเตอร์หรือเครื่องมือที่จะช่วยชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมากันพอสมควรแล้ว คงถึงเวลาที่เราจะได้รู้จักมิเตอร์วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมตัวที่ละเอียดขึ้นไปอีกนะครับ

ความโลภ เป็นเครื่องมือประเภทที่ 2 ที่ใช้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้ดีแต่ต้องใช้ความสังเกตหรือปัญญาสัมมาสังกัปปะที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น จะวัดตัวเองหรือผู้คนที่เราพบเห็นคบค้าสมาคมด้วยก็ได้

โลภะมิเตอร์ นี้ถ้าใช้ตอนไปตักอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือตอนตักอาหารในวัดป่าทั้งหลายที่เขากินในภาชนะเดียวเหมือนบาตร เช่นกินข้าวในกาละมัง

ถ้าเราตั้งความสังเกตจิตให้ดีเราจะเห็นตัวโลภะที่ยังเหลือค้างในจิตใจโผล่ขึ้นมาชัดมาก โดยดูจากปริมาณและชนิดของอาหารที่ตักมาทั้งของเราและผู้อื่น
ลองสังเกตกันดูก่อนนะครับแล้วค่อยมาสนทนากันต่อไป

s004

ผมก็ได้ทำลายความโลภไปมากด้วยการอธิฐานจิตไปแล้วไม่ขอมีทรัพสมบัติเงินทองตลอดไปจนกระทั้งพบพระนิพพานใจสบายไม่สนใจแก้วแหวนเงินทองที่มากระทบ. เพราะไหนๆเราก็ไม่ปรารถนา. เวลาเสียอะไรไปใจก็ไม่หวั่นไหว. เพราะนั้นมันก็รวมอยู่ที่เราปราถนาอยู่แล้ว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2015, 12:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องของมิเตอร์หรือเครื่องมือที่จะช่วยชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมากันพอสมควรแล้ว คงถึงเวลาที่เราจะได้รู้จักมิเตอร์วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมตัวที่ละเอียดขึ้นไปอีกนะครับ

ความโลภ เป็นเครื่องมือประเภทที่ 2 ที่ใช้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้ดีแต่ต้องใช้ความสังเกตหรือปัญญาสัมมาสังกัปปะที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น จะวัดตัวเองหรือผู้คนที่เราพบเห็นคบค้าสมาคมด้วยก็ได้

โลภะมิเตอร์ นี้ถ้าใช้ตอนไปตักอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือตอนตักอาหารในวัดป่าทั้งหลายที่เขากินในภาชนะเดียวเหมือนบาตร เช่นกินข้าวในกาละมัง

ถ้าเราตั้งความสังเกตจิตให้ดีเราจะเห็นตัวโลภะที่ยังเหลือค้างในจิตใจโผล่ขึ้นมาชัดมาก โดยดูจากปริมาณและชนิดของอาหารที่ตักมาทั้งของเราและผู้อื่น
ลองสังเกตกันดูก่อนนะครับแล้วค่อยมาสนทนากันต่อไป

s004

ผมก็ได้ทำลายความโลภไปมากด้วยการอธิฐานจิตไปแล้วไม่ขอมีทรัพสมบัติเงินทองตลอดไปจนกระทั้งพบพระนิพพานใจสบายไม่สนใจแก้วแหวนเงินทองที่มากระทบ. เพราะไหนๆเราก็ไม่ปรารถนา. เวลาเสียอะไรไปใจก็ไม่หวั่นไหว. เพราะนั้นมันก็รวมอยู่ที่เราปราถนาอยู่แล้ว

:b8:
อนุโมทนาสาธุกับคุณ bigtoo ที่ทำลายความโลภด้วยการอธิษฐานดังกล่าวซึ่งน่าจะเหมาะกับชีวิตพระมากที่สุด

แต่การอธิษฐานเอานั้นมันเหมือนกับการคิดเอา ขอเอา มันจะไปกลบบังความโลภไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้นนะครับเผลอวันใด แรงอธิษฐานตกวันใด มันจะตีกลับมาแรงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่านะครับ

ถ้าจะขุดรากถอนโคนความโลภจะต้องใช้วิปัสสนาปัญญาไปขุดถอน จึงจะถอนความโลภออกจากใจได้โดยสิ้นเชิงครับ

วิธีภาวนาถอนความโลภ หรือถอนกิเลส ตัณหา อัตตา มานะ ทิฏฐิ ทุกตัว

[color=#FF0000]"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์" โดยไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ


ทำได้อย่างนี้ก็จะเกิดการถอนกิเลสนิสัยทุกชนิดให้หมดสิ้นไปได้โดยอัตโนมัติ"[/color]
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2015, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องของมิเตอร์หรือเครื่องมือที่จะช่วยชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมากันพอสมควรแล้ว คงถึงเวลาที่เราจะได้รู้จักมิเตอร์วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมตัวที่ละเอียดขึ้นไปอีกนะครับ

ความโลภ เป็นเครื่องมือประเภทที่ 2 ที่ใช้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้ดีแต่ต้องใช้ความสังเกตหรือปัญญาสัมมาสังกัปปะที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น จะวัดตัวเองหรือผู้คนที่เราพบเห็นคบค้าสมาคมด้วยก็ได้

โลภะมิเตอร์ นี้ถ้าใช้ตอนไปตักอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือตอนตักอาหารในวัดป่าทั้งหลายที่เขากินในภาชนะเดียวเหมือนบาตร เช่นกินข้าวในกาละมัง

ถ้าเราตั้งความสังเกตจิตให้ดีเราจะเห็นตัวโลภะที่ยังเหลือค้างในจิตใจโผล่ขึ้นมาชัดมาก โดยดูจากปริมาณและชนิดของอาหารที่ตักมาทั้งของเราและผู้อื่น
ลองสังเกตกันดูก่อนนะครับแล้วค่อยมาสนทนากันต่อไป

s004

ผมก็ได้ทำลายความโลภไปมากด้วยการอธิฐานจิตไปแล้วไม่ขอมีทรัพสมบัติเงินทองตลอดไปจนกระทั้งพบพระนิพพานใจสบายไม่สนใจแก้วแหวนเงินทองที่มากระทบ. เพราะไหนๆเราก็ไม่ปรารถนา. เวลาเสียอะไรไปใจก็ไม่หวั่นไหว. เพราะนั้นมันก็รวมอยู่ที่เราปราถนาอยู่แล้ว

:b8:
อนุโมทนาสาธุกับคุณ bigtoo ที่ทำลายความโลภด้วยการอธิษฐานดังกล่าวซึ่งน่าจะเหมาะกับชีวิตพระมากที่สุด

แต่การอธิษฐานเอานั้นมันเหมือนกับการคิดเอา ขอเอา มันจะไปกลบบังความโลภไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้นนะครับเผลอวันใด แรงอธิษฐานตกวันใด มันจะตีกลับมาแรงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่านะครับ

ถ้าจะขุดรากถอนโคนความโลภจะต้องใช้วิปัสสนาปัญญาไปขุดถอน จึงจะถอนความโลภออกจากใจได้โดยสิ้นเชิงครับ

วิธีภาวนาถอนความโลภ หรือถอนกิเลส ตัณหา อัตตา มานะ ทิฏฐิ ทุกตัว

[color=#FF0000]"สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์" โดยไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ


ทำได้อย่างนี้ก็จะเกิดการถอนกิเลสนิสัยทุกชนิดให้หมดสิ้นไปได้โดยอัตโนมัติ"[/color]
:b36:
ผมใช้เป็นบทพิสูจน์จิตใจใครลองดูซิ จะเห็นจิตตนเอง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2015, 05:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
สาธุอนุโมทนากับวิธีการของคุณ bigtoo ขอให้เจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จด้วยดีทั้งทางโลกทางธรรม

(แต่เอ้อ.!!!!!!! ทางโลกนี่สงสัยไม่ได้ละมั่งเพราะจะไปติดอธิษฐานไม่เอาอะไรของคุณเอง)

:b27:
อ้อ!!!!!!
เรื่องติดอธิษฐานนี่ก็สำคัญกั้นมรรคผลได้อยู่นะครับ ทั้งๆที่เรื่องอธิษฐานก็ดูดี เป็นกุศล

อธิษฐานที่มัดใจคนให้วกวนอยู่ในวัฏฏสงสารนานแสนนานมีตัวอย่างเช่น

1.อธิษฐานพุทธภูมิหรือโพธิสัตว์ภูมิ คือขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้านู้น.....เป็นเรื่องช้างขี้แล้วอยากขี้ตามช้าง อธิษฐานด้วย โมหะความไม่รู้จริง (มีรายละเอียดอีกเยอะในเรื่องนี้ถ้าจะคุยกัน)

2.อธิษฐานสาวกภูมิ ขอไปเป็นอรรคสาวก มหาสาวกหรือปกติสาวกของพระพุทธเจ้าองค์โน้นองค์นี้ โดยมองข้ามองค์ปัจจุบันคือพระสมณโคดมพุทธเจ้าไป

3.อธิษฐานขอให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนแล้วค่อยบรรลุธรรม เช่น ขอให้ได้อภิญญา มีฤทธิ์ก่อน ขอให้ได้บรรลุธรรมด้วยปฏิสัมภิทาหรือวิชชา 3 ฯลฯ


นึกได้แค่ 3 ข้อครับ
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2015, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
สาธุอนุโมทนากับวิธีการของคุณ bigtoo ขอให้เจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จด้วยดีทั้งทางโลกทางธรรม

(แต่เอ้อ.!!!!!!! ทางโลกนี่สงสัยไม่ได้ละมั่งเพราะจะไปติดอธิษฐานไม่เอาอะไรของคุณเอง)

:b27:
อ้อ!!!!!!
เรื่องติดอธิษฐานนี่ก็สำคัญกั้นมรรคผลได้อยู่นะครับ ทั้งๆที่เรื่องอธิษฐานก็ดูดี เป็นกุศล

อธิษฐานที่มัดใจคนให้วกวนอยู่ในวัฏฏสงสารนานแสนนานมีตัวอย่างเช่น

1.อธิษฐานพุทธภูมิหรือโพธิสัตว์ภูมิ คือขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้านู้น.....เป็นเรื่องช้างขี้แล้วอยากขี้ตามช้าง อธิษฐานด้วย โมหะความไม่รู้จริง (มีรายละเอียดอีกเยอะในเรื่องนี้ถ้าจะคุยกัน)

2.อธิษฐานสาวกภูมิ ขอไปเป็นอรรคสาวก มหาสาวกหรือปกติสาวกของพระพุทธเจ้าองค์โน้นองค์นี้ โดยมองข้ามองค์ปัจจุบันคือพระสมณโคดมพุทธเจ้าไป

3.อธิษฐานขอให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนแล้วค่อยบรรลุธรรม เช่น ขอให้ได้อภิญญา มีฤทธิ์ก่อน ขอให้ได้บรรลุธรรมด้วยปฏิสัมภิทาหรือวิชชา 3 ฯลฯ


นึกได้แค่ 3 ข้อครับ
:b12: :b12: :b12:
:b8:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 12:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
สำหรับนักสมถะภาวนาแล้วการเข้าออกฌาณในระดับต่างๆและทรงอยู่ได้ในฌาณระดับต่างๆได้ดั่งใจนึกนั่นคือเครื่องชี้วัดระดับความก้าวหน้าของการเจริญสมถะภาวนา

ส่วนนักวิปัสสนาภาวนาหรือผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเล่า เอาอะไรมาชี้วัด?

ความสามารถเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณได้รวดเร็ว ดั่งใจได้ เป็นเครื่องชี้วัด

จิตของนักวิปัสสนาภาวนานั้นความสามารถทรงอยู่ในระดับแยกรูปกับนามออกจากกันได้โดยเร็วหรือทันทีเป็นเครื่องชี้บอกได้ว่าคนผู้นั้นพร้อมทำวิปัสสนาได้ทันทีเสมอๆ

เครื่องช่วยชี้วัดว่าสติปัญญามีกำลังพร้อมแยกรูปแยกนาม (นามรูปปริเฉทญาณ)
นั้นคือความสามารถสัมผัสรู้ชีพจรของตนเองได้ชัดเจนทั่วร่างได้ดั่งใจ


เครื่องมือสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดวิปัสสนาปัญญาอยูเสมอนั้นคือ "ความสังเกต"
อันได้แก่ตัวปัญญาสัมมาสังกัปปะในมรรค 8 นั่นเอง


ลองสังเกตดูในกายและใจของทุกๆท่านนะครับ

เรื่องอย่างนี้อาจจะแปลกแปร่งและใหม่ไปหน่อยสำหรับหลายท่านแต่ก็ลองพิจารณาดูเป็นธรรมทัศนะ เป็นข้อสังเกตจากผู้ลงมือศึกษาการทำงานของกายและจิตจริงๆท่านเอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 05:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

เมื่อคืนวานนี้ผมมีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งท่านพูดอธิบายธรรมตอนหนึ่งว่า

"วิญญาณ" อันที่แปลว่าใจรู้นี้มันมาจากคำว่า "วิญ" + "ญาณ"

"วิญ"อุปมาเหมือนลมหายใจเข้า ออก ไปตรงกับคำว่า "wind" ของฝรั่งที่แปลว่าลม

วิญนี่แหละที่มันไปบัง "ญาณ" คือปัญญาหรือใจรู้ไว้

ถ้าหยุด วิญ คือลมหายใจเสียได้ ก็จะเหลือแต่ญาณ คือผู้รู้บริสุทธิ์ ที่รู้อยู่กับปรมัตถธรรม

เวลาจะตายก็ถ้าตายตรงที่มีแต่ "ญาณ" มันก็ไม่ไปอบายแล้ว

ดังนั้นท่านที่เจริญอานาปานสติทั้งหลาย ท่านกำลังไปกำหนดรู้ลมหายใจ ทำสติตั้งมั่นอยู่กับลมหายใจ ทุกวันเวลานาทีวินาทีที่ระลึกได้และมีโอกาส ท่านจะได้พบว่าลมหายนี้ละเอียด แผ่วเบาเหลือน้อยลงไปทุกทีๆ จนในที่สุดหยุดหายใจไปชั่วคราวที่เรียกว่า อัปปณาฌาณ หรือฌาณ 4 หรือ สัมมาสมาธิ

ณ ที่ตรงนั้น วิญ ที่บัง ญาณ จะหลบหายไปชั่วคราว ญาณนั้นจึงเป็นญาณที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง รู้อยู่กับปรมัตถ์ เตรียมเข้าสู่ปรมัตถ์แล้วในที่สุดก็เข้าถึงปรมัตถ์ อนัตตา นิพพาน

:b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 06:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:

อ้อ!!!!!!
เรื่องติดอธิษฐานนี่ก็สำคัญกั้นมรรคผลได้อยู่นะครับ ทั้งๆที่เรื่องอธิษฐานก็ดูดี เป็นกุศล

อธิษฐานที่มัดใจคนให้วกวนอยู่ในวัฏฏสงสารนานแสนนานมีตัวอย่างเช่น

1.อธิษฐานพุทธภูมิหรือโพธิสัตว์ภูมิ คือขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้านู้น.....เป็นเรื่องช้างขี้แล้วอยากขี้ตามช้าง อธิษฐานด้วย โมหะความไม่รู้จริง (มีรายละเอียดอีกเยอะในเรื่องนี้ถ้าจะคุยกัน)

2.อธิษฐานสาวกภูมิ ขอไปเป็นอรรคสาวก มหาสาวกหรือปกติสาวกของพระพุทธเจ้าองค์โน้นองค์นี้ โดยมองข้ามองค์ปัจจุบันคือพระสมณโคดมพุทธเจ้าไป

3.อธิษฐานขอให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก่อนแล้วค่อยบรรลุธรรม เช่น ขอให้ได้อภิญญา มีฤทธิ์ก่อน ขอให้ได้บรรลุธรรมด้วยปฏิสัมภิทาหรือวิชชา 3 ฯลฯ


นึกได้แค่ 3 ข้อครับ
:b12: :b12: :b12:


พวกวิปัสสนึก...สำเร็จได้เพราะคิดเอาเอง....ก็คิดทำนองอย่างนี้...คือ...หยาบๆ...ไม่ละเอียดปรานีตในคำพูดคำจา..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราติดในภพเพราะอวิชชา..ล่วงจากภพเพราะวิชชา..

ตอนอธิฐานครั้งแรก...ก็ล้วนทำตอนมีอวิชชาอยู่ทั้งนั่น...คือ..อยาก

ถ้าไม่อยากเลย....ก็ไม่มีทางจะพ้นจากวัฏฏะได้เหมือนกัน...

ตอนสุเมธดาบส..อธิฐานในสมัยพระพุทธเจ้าทีปังกร...ไม่ใช่การอธิฐานครั้งแรก..แต่เป็นการอธิฐานที่มีปัญญาสามารถตัดภพตัดชาติได้แล้วคือสามารถเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้นได้เลย...แต่เพราะมหากรุณา..ต่อสัตว์...จึงคิดจะช่วยพาสัตว์ไปด้วย..อาสาจะบอกพระธรรมอันเป็นมรรค์ให้สัตว์ที่ยังไม่สามารถไปพร้อมกับพระพุทธเจ้าในขณะนั้นได้...

อันนี้อธิฐานพร้อมด้วยปัญญาและมหากรุณา...

ส่วนคนใดที่อธิฐานอยากไปกับพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระองค์นี้...รึ..อยากจะมีนั้นมีนี้....ก็ใช่ว่าจะเป็นการอธิฐานครั้งแรก..
ถ้ามีที่สุดคือพระนิพพานเหมือนกันแล้วละก้อ...ดีทั้งนั้น..ไม่ถือว่าเป็นการเนิ้นช้า...อย่างที่อโสกะเข้าใจหรอก...

ให้ดูตัวเองให้มากๆ...ถ้าอโสกะแน่จริง..ทำไมไม่ไปตั้งกะสมัยพุทธกาล...ลากยาวมาถึงสมัยนี้ทำไม...จำได้มัยสมัยนั้นเกิดเป็นอะไร...เลวมั้ยถึงได้มาจนถึงสมัยนี้...และจะไปได้สมัยไหน..พยากรณ์ได้มั้ย?....และเลวมั้ยที่ไปไม่ได้ทันที...
ณ...เดียวนี้..นะ

อโสกะอย่าไปพูดในเชิงดูแคลนคน...อย่างที่ว่ามาเลย...มันมีเหตุมีปัจจัยของแต่ละคนกันมา...อธิฐานขอให้พ้นทุกข์เข้าพระนิพพานได้....ก็ถือว่าดีมากแล้ว...ใกล้แล้ว...ไม่เนิ่นช้าหรอก...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 12:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนเราติดในภพเพราะอวิชชา..ล่วงจากภพเพราะวิชชา..

ตอนอธิฐานครั้งแรก...ก็ล้วนทำตอนมีอวิชชาอยู่ทั้งนั่น...คือ..อยาก

ถ้าไม่อยากเลย....ก็ไม่มีทางจะพ้นจากวัฏฏะได้เหมือนกัน...

ตอนสุเมธดาบส..อธิฐานในสมัยพระพุทธเจ้าทีปังกร...ไม่ใช่การอธิฐานครั้งแรก..แต่เป็นการอธิฐานที่มีปัญญาสามารถตัดภพตัดชาติได้แล้วคือสามารถเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้นได้เลย...แต่เพราะมหากรุณา..ต่อสัตว์...จึงคิดจะช่วยพาสัตว์ไปด้วย..อาสาจะบอกพระธรรมอันเป็นมรรค์ให้สัตว์ที่ยังไม่สามารถไปพร้อมกับพระพุทธเจ้าในขณะนั้นได้...

อันนี้อธิฐานพร้อมด้วยปัญญาและมหากรุณา...

ส่วนคนใดที่อธิฐานอยากไปกับพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระองค์นี้...รึ..อยากจะมีนั้นมีนี้....ก็ใช่ว่าจะเป็นการอธิฐานครั้งแรก..
ถ้ามีที่สุดคือพระนิพพานเหมือนกันแล้วละก้อ...ดีทั้งนั้น..ไม่ถือว่าเป็นการเนิ้นช้า...อย่างที่อโสกะเข้าใจหรอก...

ให้ดูตัวเองให้มากๆ...ถ้าอโสกะแน่จริง..ทำไมไม่ไปตั้งกะสมัยพุทธกาล...ลากยาวมาถึงสมัยนี้ทำไม...จำได้มัยสมัยนั้นเกิดเป็นอะไร...เลวมั้ยถึงได้มาจนถึงสมัยนี้...และจะไปได้สมัยไหน..พยากรณ์ได้มั้ย?....และเลวมั้ยที่ไปไม่ได้ทันที...
ณ...เดียวนี้..นะ

อโสกะอย่าไปพูดในเชิงดูแคลนคน...อย่างที่ว่ามาเลย...มันมีเหตุมีปัจจัยของแต่ละคนกันมา...อธิฐานขอให้พ้นทุกข์เข้าพระนิพพานได้....ก็ถือว่าดีมากแล้ว...ใกล้แล้ว...ไม่เนิ่นช้าหรอก...

:b13: :b13: :b13:
จะพูดจาอ้างเหตุผลอย่างไรก็เป็นการพูดด้วยอำนาจโมหะ อวิชชา มานะและมิจฉาทิฏฐิอยู่ดี ทั้งๆที่มีผู้ปรารถนาดีมาสะกิดชี้เตือนด้วยเมตตาก็ยังหลงภูมิใจกับความอยากได้อยากมีอยากเป็นจนผูกตนเองไว้กับอธิษฐานและความเห็นที่จะมัดตนเองไว้กับวัฏสงสารอีกนานหลายกัปป์หลายกัลป์ หลายพุทธันดร ด้วยความไม่ประมาณตน เห็นช้างขี้ก็อยากขี้ตามช้าง แถมยังมากระฟัดกระเฟียดฟาดฟันงวงไปมาว่าข้าแน่

กัมมุนาวัฏฏิโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 21:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนเราติดในภพเพราะอวิชชา..ล่วงจากภพเพราะวิชชา..

ตอนอธิฐานครั้งแรก...ก็ล้วนทำตอนมีอวิชชาอยู่ทั้งนั่น...คือ..อยาก

ถ้าไม่อยากเลย....ก็ไม่มีทางจะพ้นจากวัฏฏะได้เหมือนกัน...

ตอนสุเมธดาบส..อธิฐานในสมัยพระพุทธเจ้าทีปังกร...ไม่ใช่การอธิฐานครั้งแรก..แต่เป็นการอธิฐานที่มีปัญญาสามารถตัดภพตัดชาติได้แล้วคือสามารถเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้นได้เลย...แต่เพราะมหากรุณา..ต่อสัตว์...จึงคิดจะช่วยพาสัตว์ไปด้วย..อาสาจะบอกพระธรรมอันเป็นมรรค์ให้สัตว์ที่ยังไม่สามารถไปพร้อมกับพระพุทธเจ้าในขณะนั้นได้...

อันนี้อธิฐานพร้อมด้วยปัญญาและมหากรุณา...

ส่วนคนใดที่อธิฐานอยากไปกับพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นพระองค์นี้...รึ..อยากจะมีนั้นมีนี้....ก็ใช่ว่าจะเป็นการอธิฐานครั้งแรก..
ถ้ามีที่สุดคือพระนิพพานเหมือนกันแล้วละก้อ...ดีทั้งนั้น..ไม่ถือว่าเป็นการเนิ้นช้า...อย่างที่อโสกะเข้าใจหรอก...

ให้ดูตัวเองให้มากๆ...ถ้าอโสกะแน่จริง..ทำไมไม่ไปตั้งกะสมัยพุทธกาล...ลากยาวมาถึงสมัยนี้ทำไม...จำได้มัยสมัยนั้นเกิดเป็นอะไร...เลวมั้ยถึงได้มาจนถึงสมัยนี้...และจะไปได้สมัยไหน..พยากรณ์ได้มั้ย?....และเลวมั้ยที่ไปไม่ได้ทันที...
ณ...เดียวนี้..นะ

อโสกะอย่าไปพูดในเชิงดูแคลนคน...อย่างที่ว่ามาเลย...มันมีเหตุมีปัจจัยของแต่ละคนกันมา...อธิฐานขอให้พ้นทุกข์เข้าพระนิพพานได้....ก็ถือว่าดีมากแล้ว...ใกล้แล้ว...ไม่เนิ่นช้าหรอก...


asoka เขียน:
:b13: :b13: :b13:
จะพูดจาอ้างเหตุผลอย่างไรก็เป็นการพูดด้วยอำนาจโมหะ อวิชชา มานะและมิจฉาทิฏฐิอยู่ดี ทั้งๆที่มีผู้ปรารถนาดีมาสะกิดชี้เตือนด้วยเมตตาก็ยังหลงภูมิใจกับความอยากได้อยากมีอยากเป็นจนผูกตนเองไว้กับอธิษฐานและความเห็นที่จะมัดตนเองไว้กับวัฏสงสารอีกนานหลายกัปป์หลายกัลป์ หลายพุทธันดร ด้วยความไม่ประมาณตน เห็นช้างขี้ก็อยากขี้ตามช้าง แถมยังมากระฟัดกระเฟียดฟาดฟันงวงไปมาว่าข้าแน่

กัมมุนาวัฏฏิโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

:b7:


อยากรู้จริง ๆ ว่า...อโสกะกล้าพูดอย่างนี้กับสุเมธดาบส..มั้ย? :b32: :b32:

กล้ามั้ย..อโสกะ

ทางที่ดีอโสกะอย่าไปยุ่งกะการอธิฐานของใครเลย..นะ
ถ้าตัวแน่จริง...ก็ให้ไปนิพพานก่อนสาวกของพระศรีอริยะเมตตรัย..ให้ได้ละกัน

:b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 13 พ.ย. 2015, 21:31, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


การจะหักคำอธิฐานเก่า ๆ...ไม่ง่ายแค่เปลี่ยนคำพูดหรอก..

คนไม่รู้อะไรก็พูดง่าย ๆ อย่าอโสกะนี้แหละ...

พวกชอบนึก ๆ...เอา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2015, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
การจะหักคำอธิฐานเก่า ๆ...ไม่ง่ายแค่เปลี่ยนคำพูดหรอก..

คนไม่รู้อะไรก็พูดง่าย ๆ อย่าอโสกะนี้แหละ...

พวกชอบนึก ๆ...เอา

s004
คนหลงทาง มีผู้ที่รู้ทางมาบอกกลับดื้อไม่ยอมเชื่อ ก็ย่อมจะเอาเวลาชีวิตและชาติภพไปหลงไปเสียเวลาอยู่กับความเห็นผิดยึดผิดอันนั้น กว่าจะรู้ตัวหันกลับมาตั้งต้นใหม่เดินไปบนทางอันถูกต้องก็ไปไกลจนสุดกู่เสียแล้วจนไม่อยากกลับมาตั้งต้นใหม่ให้ถูกต้องเลยต้องปล่อยชีวิตให้เลยตามเลยวนว่ายในวัฏฏะสงสารนานแสนนาน
:b7:
คำอธิษฐานจะเก่าแค่ไหน ถ้ามีปัญญาใหม่รู้ว่าผิด มีสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ไม่มีอัตติมานะที่ยิ่งใหญ่ ก็ย่อมหักใจเริ่มต้นใหม่อธิษฐานใหม่เพื่อเริ่มต้นเดินไปในทางที่ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิเต็มร้อยได้

กบมาโต้เถียงเพื่อจะให้คนหลงทางผิดมาได้เพื่อนให้กำลังใจเดินทางผิดอย่างกบได้ยังไง หรือกบเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนหลงทางเหล่านั้นเพราะกบเองก็อธิษฐานมัดตัวเองไว้ผิดๆเช่นกัน

บรรลุธรรมชาตินี้ ดับไฟที่ลุกไหม้บนหัวของตนเองเสียแต่บัดเดี๋ยวนี้ยังไม่ดีอีกหรือ ทำไมไม่สนับสนุนเรื่องนี้ ทำไมจะต้องไปหาเหตุผลมาอ้างมาสนับสนุนให้คนหลงวนอยู่ในวัฏฏะสงสารอันยาวไกลอีกหลายกัปป์หลายกัลป์ กบกำลังสร้างบาปให้กับตัวและใจของตนเองแล้วนะ

:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2015, 19:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
การจะหักคำอธิฐานเก่า ๆ...ไม่ง่ายแค่เปลี่ยนคำพูดหรอก..

คนไม่รู้อะไรก็พูดง่าย ๆ อย่าอโสกะนี้แหละ...

พวกชอบนึก ๆ...เอา


asoka เขียน:



บรรลุธรรมชาตินี้ ดับไฟที่ลุกไหม้บนหัวของตนเองเสียแต่บัดเดี๋ยวนี้ยังไม่ดีอีกหรือ ทำไมไม่สนับสนุนเรื่องนี้ ทำไมจะต้องไปหาเหตุผลมาอ้างมาสนับสนุนให้คนหลงวนอยู่ในวัฏฏะสงสารอันยาวไกลอีกหลายกัปป์หลายกัลป์ กบกำลังสร้างบาปให้กับตัวและใจของตนเองแล้วนะ[/size]
:b7:


พวกหลงสังขาร....วิปัสสนึก...เอาแต่ใจ..ไม่มีเหตุผล...มีแต่ตัวกู

เพราะอโสกะ..ไม่เข้าใจธรรม....จึงคิดฝืนธรรมชาติ

อโสกะจะไปฝืนธรรมชาติของคนอื่นทำไม..ไม่ทราบละครับ....พระพุทธเจ้ายังไม่ทำเลย...

ไม่งั้น..พระองค์คงประนามพวกไม่เอานิพพานตั้งกะสมัยพระองค์แล้วซิ...

อย่าเกินพระพุทธเจ้า..อโสกะ..เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ...(รึหลงว่ารอดแน่แล้ว)

พวกวิปัสสนึก...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 05:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การจะหักคำอธิฐานเก่า ๆ...ไม่ง่ายแค่เปลี่ยนคำพูดหรอก..

คนไม่รู้อะไรก็พูดง่าย ๆ อย่าอโสกะนี้แหละ...

พวกชอบนึก ๆ...เอา


asoka เขียน:



บรรลุธรรมชาตินี้ ดับไฟที่ลุกไหม้บนหัวของตนเองเสียแต่บัดเดี๋ยวนี้ยังไม่ดีอีกหรือ ทำไมไม่สนับสนุนเรื่องนี้ ทำไมจะต้องไปหาเหตุผลมาอ้างมาสนับสนุนให้คนหลงวนอยู่ในวัฏฏะสงสารอันยาวไกลอีกหลายกัปป์หลายกัลป์ กบกำลังสร้างบาปให้กับตัวและใจของตนเองแล้วนะ[/size]
:b7:


พวกหลงสังขาร....วิปัสสนึก...เอาแต่ใจ..ไม่มีเหตุผล...มีแต่ตัวกู

เพราะอโสกะ..ไม่เข้าใจธรรม....จึงคิดฝืนธรรมชาติ

อโสกะจะไปฝืนธรรมชาติของคนอื่นทำไม..ไม่ทราบละครับ....พระพุทธเจ้ายังไม่ทำเลย...

ไม่งั้น..พระองค์คงประนามพวกไม่เอานิพพานตั้งกะสมัยพระองค์แล้วซิ...

อย่าเกินพระพุทธเจ้า..อโสกะ..เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ...(รึหลงว่ารอดแน่แล้ว)

พวกวิปัสสนึก...

:b12:
หลงสังขารหรือหลงคิดนี่ยังถอนตัวง่ายกว่าพวกที่หลงตำราหลงความรู้ยิ่งนะครับ

ความคิดหรือสังขารมันเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เพียงพลิกใจสักนิด ก็จักเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในความคิด ดับอัตตาเข้านิพพาน

แต่คนที่หลงตำราและคัมภีร์นี่ซิถอนยากเพราะมันไปเสริมเพิ่มกำลังให้อัตติมานะและทิฏฐิมานะให้ฝังลึกฝังแน่นลงไปอีก ขุดถอนยากมากขึ้นอีก

ดูอย่างความเห็นผิดที่ทำให้ติดในภพชาติไปอีกตั้งยาวไกลด้วยความสำคัญตัวผิดคิดว่าตนจะเป็นโพธิสัตว์รื้อขนสัตว์โลกได้ แถมไม่พอยังไปอ้างไปกล่าวตู่พระพุทธเจ้ามาข่มขู่ผู้อื่น ไม่ใช้วินิจฉัยและเหตุผลตามธรรมกลับไปใช้ถ้อยคำในตำรามาอ้างอิง

พระพุทธเจ้าไม่ทรงเพ่งโทษผู่อืนหรือว่าร้ายให้ร้ายใคร มีแต่ทรงเมตตากรุณาสั่งสอนให้สัตว์โลกทั้งหลายเร่งดับไฟที่เผาไหม้อยู่บนศรีษะของตัวเอง

ไปรู้ได้ยังไงในรายละเอียดชีวิตประจำวันของพระพุทธเจ้าตลอด 45 พรรษาหลังการตรัสรู้ ว่าพระองค์ไม่ทรงคัดค้านคนที่หลงอธิษฐานพุทธภูมิ พระบรมศาสดาไม่ขวางมีแต่ทรงชี้ให้ผู้คนรู้จักประมาณตน และมีสติสัมปชัญญะและทรงแนะนำไว้ว่าผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องไปอธิษฐานที่ชมพูทวีปหรือกลางเมืองอินเดียโน้น และต้องได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งและมีองค์ประกอบสำคัญอีกหลายข้อจึงจะมีผล

แต่นี่เกือบทั้งหมดอธิษฐานมั่วไปเรื่อยตะพึดตะพือเพราะความไม่รู้เพราะมีศรัทธานำหน้าปัญญาไปไกลมากจนปิดหูปิดตาขาดสัมปชัญญะ

กบมีฤทิ์มีอภิญญาแล้วหรือ ถ้ามีทำไมไม่เอามาวิเคราะห์ตนเองว่าทำไมจึงยังติดค้างอยู่ในความเห็นผิดเช่นนี้มิรู้สร่างซาจะปรารถนาภพชาติไปอีกหลายแสนหลายล้านกัปป์ทั้งๆที่ไฟลุกไหม้บนหัวตัวเองอยู่ขณะนี้

หรือตนเองก็ไม่ปรารถนาหรอกแต่มาหลอกผู้คนให้หลงเชื่อและติดอยู่ในอธิษฐานที่ผูกมัดตัวเองไว้กับโลกวัฏฏสงสารอันยาวไกล

s004


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 286 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 ... 20  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร