วันเวลาปัจจุบัน 09 มิ.ย. 2025, 13:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 ... 27  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2015, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s005
Rosarin เขียน:
Kiss
...สัพเพธัมมา อนัตตา...สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ...ไม่ควรนึกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว...
...ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเพื่อให้เป็นไปตามที่ใจคิดอยากจะให้เป็น...
...ธรรมดาของสิ่งที่มีคือความจริงที่กำลังปรากฎ...กำลังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปทั้ง6ทาง...
...อายตนะ6ก็มีเดี๋ยวนี้เองเกิดและดับ...เมื่อไม่อยู่กับความจริงที่มีในปัจจุบัน...ก็คือหลงค่ะ...
:b1:
...ปกติในชีวิตประจำวันเป็นกุศลหรืออกุศลค่ะ...มีแค่2อย่างนี้...คือปกติเป็นไปในทาน ศีล ภาวนา ค่ะ...
...ธัมมะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...เริ่มที่เข้าใจจิต...ถ้ารู้ว่าจิตเป็นอกุศลเพราะหลงในตัณหา2อย่าง...
...คือ1.ภวตัณหา อยากได้สุขเกลียดทุกข์แต่ก็ไม่เคยพ้นไปจากทุกข์เพราะคิดปรุงไปเองตามความอยาก...
...อยากมี อยากเป็น อยากได้ ต้องการในสิ่งที่น่าพอใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็ชอบพอใจ...
...2.วิภวตัณหา ไม่อยากได้ทุกข์ ไม่พอใจสิ่งที่เป็นที่เห็น ที่ได้แต่ก็พ้นไปไม่ได้ เช่น ไม่อยากเห็น...
...ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น คือได้ในสิ่งที่ไม่น่าพอใจแล้วอยากให้พ้นสภาพที่ไม่น่าพอใจนั้น...
:b12:
...ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ประชุมพร้อมให้เข้าใจได้ตลอดเวลา...แต่ทุกอย่างลวงให้คิดไปเอง...
...ถ้าไม่ศึกษาคำสอนให้เข้าใจก่อน...จะรู้ไหมคะว่าที่นั่งอยู่เฉยแล้วคิดเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ก็คือชั่วแล้วค่ะ...
...ทรงแสดงธรรมเพื่อให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์....ละชั่วได้คือต้องเข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา...
...ถ้าติดดีก็คิดว่ามีตัวตนจะไปทำ...ถ้ารู้ว่าแค่คิดก็ผิดแล้วยังจะคิดเองต่อไปไหมคะ...หลงสมมุติก็บาป...
...ดีคือเข้าใจเป็นปัญญาที่รู้ว่าขณะนี้เองทั้ง6ทางดับไม่เหลือ...ขณะใหม่หมด...พอไม่รู้ก็คือบาปแล้วค่ะ...
...ละชั่วไม่ได้เลย...เพราะเพลินไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เล่านั้นเล่านี้...โดยไม่เข้าใจธัมมะคือเดี๋ยวนี้เอง...
...ไม่ใช่มีตัวตนไปปฏิบัติธรรมเพื่อละชั่ว...ต้องทำความเห็นให้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ...
...ถ้ายังคิ :b29: :b29: ดเอง...หลงเข้าใจว่าตนกำลังคิดถูกต้องเริ่มใหม่ค่ะ...เพราะที่มีทั้งหมดขณะนี้เองคือรักษาจิต...
...ไม่ให้เป็นไปตามกิเลสคือหลงไปตามความคิดที่เคยไม่รู้ที่เคยมีมา...คือคิดถึงสิ่งที่มีจริงๆเดี๋ยวนี้เองค่ะ...
:b8: :b8:
:b44:

...ตัณหา3...นึกได้หายไป1ค่ะ...กามตัณหาค่ะ...ไม่มีทักท้วงเลยค่ะ...
...สงสัยยังไม่มีใครเห็น...อิอิ...ความพอใจในกามคอรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส...
...สิ่งที่น่าพอใจเกิดภวตัณหาเช่นอยากเกิดบนสวรรค์...
...สิ่งไม่น่าพอใจ...ก็เป็นวิภวตัณหาเช่นไม่อยากเกิดเป็นขอทานเป็นต้น...
:b55: :b55:
:b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2015, 22:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: ฉงฉัย...อาจารย์ไม่ว่างตรวจการบ้าน... :b32: :b32:

:b22: ...วันหวยออก... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2015, 04:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สัญญาไม่เที่ยง

ถ้าผู้ปฎิบัติมีอารมณ์ของพระไตรลักษณ์ ธรรมที่ปรากฎขึ้นนั้น ก็จะง่ายต่อความเข้าใจ

หายใจเข้าออก จนดูไม่ออกว่าลมหายใจนั้นกำลังเข้าหรือกำลังออก เพราะอำนาจสมาธิแผ่กระจายและแนบแน่นไปทั่ว สมาธิก็ไม่เที่ยง นี่คืออารมณ์พระไตรลักษณ์ หากเราไปมุ่งความสนใจต่อสมาธิที่แผ่กระจายว่าสมาธินั้นเป็นของเรา ก็คืออัตตาหรือความยึดถือ

พอลมหายใจเข้าออกดูไม่ชัด นั่นคือสัญญาไม่เที่ยง เพราะจิตสังขารต้องแปลสภาวะธรรมที่ยึดถืออยู่ สัญญาจึงไม่เที่ยง เพราะถ้าสัญญาเที่ยงต้องรู้สิว่าลมหายใจกำลังเข้า หรือกำลังออก

แต่ถ้าไม่ใช่อารมณ์ของพระไตรลักษณ์ จิตสังขารมันก็จะปรุงแต่งธรรมเป็นนั่นเป็นนี่ไปทั่ว

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2015, 11:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


quote] ฉงฉัย...อาจารย์ไม่ว่างตรวจการบ้าน...    ...วันหวยออก...   [/quote]
s002 ไม่เล่นแล้วค่ะ..หวย :b32: :b32: :b32:
พ้นความมัวเมาจากมัน...แล้วโล่งค่ะ :b27: :b27: ไม่ต้องรอลุ้น :b34: :b34:
ก็เหตุนี้...
อ้างคำพูด:
...สัพเพธัมมา อนัตตา...สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ...ไม่ควรนึกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว......ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเพื่อให้เป็นไปตามที่ใจคิดอยากจะให้เป็น......ธรรมดาของสิ่งที่มีคือความจริงที่กำลังปรากฎ...กำลังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปทั้ง6ทาง......อายตนะ6ก็มีเดี๋ยวนี้เองเกิดและดับ...เมื่อไม่อยู่กับความจริงที่มีในปัจจุบัน...ก็คือหลงค่ะ... ...ปกติในชีวิตประจำวันเป็นกุศลหรืออกุศลค่ะ...มีแค่2อย่างนี้...คือปกติเป็นไปในทาน ศีล ภาวนา ค่ะ......ธัมมะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...เริ่มที่เข้าใจจิต...ถ้ารู้ว่าจิตเป็นอกุศลเพราะหลงในตัณหา2อย่าง......คือ1.ภวตัณหา อยากได้สุขเกลียดทุกข์แต่ก็ไม่เคยพ้นไปจากทุกข์เพราะคิดปรุงไปเองตามความอยาก......อยากมี อยากเป็น อยากได้ ต้องการในสิ่งที่น่าพอใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็ชอบพอใจ......2.วิภวตัณหา ไม่อยากได้ทุกข์ ไม่พอใจสิ่งที่เป็นที่เห็น ที่ได้แต่ก็พ้นไปไม่ได้ เช่น ไม่อยากเห็น......ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น คือได้ในสิ่งที่ไม่น่าพอใจแล้วอยากให้พ้นสภาพที่ไม่น่าพอใจนั้น... ...ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ประชุมพร้อมให้เข้าใจได้ตลอดเวลา...แต่ทุกอย่างลวงให้คิดไปเอง......ถ้าไม่ศึกษาคำสอนให้เข้าใจก่อน...จะรู้ไหมคะว่าที่นั่งอยู่เฉยแล้วคิดเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ก็คือชั่วแล้วค่ะ......ทรงแสดงธรรมเพื่อให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์....ละชั่วได้คือต้องเข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา......ถ้าติดดีก็คิดว่ามีตัวตนจะไปทำ...ถ้ารู้ว่าแค่คิดก็ผิดแล้วยังจะคิดเองต่อไปไหมคะ...หลงสมมุติก็บาป......ดีคือเข้าใจเป็นปัญญาที่รู้ว่าขณะนี้เองทั้ง6ทางดับไม่เหลือ...ขณะใหม่หมด...พอไม่รู้ก็คือบาปแล้วค่ะ......ละชั่วไม่ได้เลย...เพราะเพลินไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เล่านั้นเล่านี้...โดยไม่เข้าใจธัมมะคือเดี๋ยวนี้เอง......ไม่ใช่มีตัวตนไปปฏิบัติธรรมเพื่อละชั่ว...ต้องทำความเห็นให้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ......ถ้ายังคิดเอง...หลงเข้าใจว่าตนกำลังคิดถูกต้องเริ่มใหม่ค่ะ...เพราะที่มีทั้งหมดขณะนี้เองคือรักษาจิต......ไม่ให้เป็นไปตามกิเลสคือหลงไปตามความคิดที่เคยไม่รู้ที่เคยมีมา...คือคิดถึงสิ่งที่มีจริงๆเดี๋ยวนี้เองค่ะ...  

อ่านบทนี้ทั้งบทแล้วยิ้มๆค่ะ
cry แก้ตัวไม่ได้เลย...หยุดกึกเหมือนถูกตีหัว
ต้องขอบคุณ...คุณโรสค่ะ :b8: ที่คอยเตือน :b27: :b27:
เข้าใจนะคะ...แต่จิตมันไม่ยอมอยู่กับที่.....
ต้องออกมาบ่นๆตรงนี้...เวลามันมากเกินพอดี..จะได้มีคนเตือน
เหมือนจะไม่ยอมฟัง...
แต่ในทุกๆคำชี้แนะ..ก็พยายามไตร่ตรองอยู่ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2015, 11:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สัญญาไม่เที่ยงถ้าผู้ปฎิบัติมีอารมณ์ของพระไตรลักษณ์ ธรรมที่ปรากฎขึ้นนั้น ก็จะง่ายต่อความเข้าใจหายใจเข้าออก จนดูไม่ออกว่าลมหายใจนั้นกำลังเข้าหรือกำลังออก เพราะอำนาจสมาธิแผ่กระจายและแนบแน่นไปทั่ว สมาธิก็ไม่เที่ยง นี่คืออารมณ์พระไตรลักษณ์ หากเราไปมุ่งความสนใจต่อสมาธิที่แผ่กระจายว่าสมาธินั้นเป็นของเรา ก็คืออัตตาหรือความยึดถือพอลมหายใจเข้าออกดูไม่ชัด นั่นคือสัญญาไม่เที่ยง เพราะจิตสังขารต้องแปลสภาวะธรรมที่ยึดถืออยู่ สัญญาจึงไม่เที่ยง เพราะถ้าสัญญาเที่ยงต้องรู้สิว่าลมหายใจกำลังเข้า หรือกำลังออกแต่ถ้าไม่ใช่อารมณ์ของพระไตรลักษณ์ จิตสังขารมันก็จะปรุงแต่งธรรมเป็นนั่นเป็นนี่ไปทั่ว

:b8:
ขอบคุณค่ะ
คงเพราะความอยากรู้เรื่องใด..มันมาก..เลยหมกหมุ่นเกินไปจริงๆ..
คอยจะยึดตลอด..ยึด..เพราะอยากศึกษา..จนฝืนธรรม..ให้มันหยุด..หยุดให้ดูจะๆ
มันอยากรู้..ไม่หยุด..ทำไงดี :b20:
ไม่ใช่เพราะคิดว่ามันเที่ยงนะ...แต่มันลืมว่ามันไม่เที่ยง :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2015, 15:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พระพุทธองค์ทรงสอนธรรมตามลำดับ เช่น มีสติสัมปชัญญะ สติ คือ การระลึกรู้ ชึ่งก็คือขณะรู้ลมหายใจแล้วเผลอไปคิดเรื่องอื่น เมื่อรู้ตัวว่าเผลอก็กลับมาที่ลม จะเห็นได้ว่า ตัวรู้จะรู้เป็นจุดๆไป จนกระทั่งรู้ถึงการเกิดดับที่เกิดเป็นจุดๆ ต่อมาเมื่ออินทรีย์แก่กล้าขึ้นความเกิดดับเริ่มกระจายตัว อย่างเช่นคุณ idea พบว่าเหมือนมีอะไรสปารค์ภายในตัว หลายๆแห่ง ซึ่งผู้ปฏิบัติจะต้องปรับจากสติที่รู้เป็นจุด มาเป็นสัมปชัญญะที่หมายถึงการรู้ตัวทั่วพร้อม คือการรู้รวมๆภายในทั้งตัว รู้ลักษณะการสปาร์คทั่วพร้อม นั่นหมายถึง การพัฒนาระดับนี้เราไม่ได้ดูลมแล้ว เราเปลี่ยนมารู้การสปาร์ค หรือถ้าละเอียดแล้วจะกลายเป็นกระแสสั่นสะเทือน ซึ่งเป็นความเกิดดับที่ละเอียด กระแสเหล่านี้ จะไปแตกโมเลกุลของเซลส์ให้คลายอิออนซึ่งก็คือพลังนิวรณ์ ให้สลายลง จนกลายเป็นความว่าง ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่จะมาจนมุมตรงนี้ เพราะไม่รู้หลักต่อไปในเรื่องความสัมพันธ์ (เหตุและผล)

:b8: :b8: :b8:
ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่ะ



:b44: บางที..ที่เขียนเรื่องราวไว้ตรงนี้
ก็มันสงสัยอ่ะ :b9: :b9:
ไม่ได้คิดว่า..ที่ลงไว้..ตัวเรามันทำแล้วดียังไง............คิดว่าดีแล้วแต่ยังไม่พ้น น่าอายมากกว่า
เพราะก็พอรู้.......มีดี..ไม่ดี.....ก็ยังไปไหนไม่ได้ :b14:
แต่ก็ยังอยากรู้ว่า...ที่ทำๆมันเป็นอะไร..เรียกว่ายังไง..เป็นขั้นเป็นตอนยังไง...มันหาจุดตรงนี้
ไปถามใคร..เขาก็ไม่บอก..ไปพูดกับใคร..ก็ไม่ได้ :b34:
เหตุผล..ที่เขาไม่ให้ยุ่ง..ก็เชื่อนะ..ว่ามันดี
แต่มันอึดอัด..ทนไม่ไหว..ปล่อยไว้เดี๋ยวลามไปสงสัยเรื่องแบบโลกๆ...ยุ่งไปใหญ่
แค่ขอระบาย..ไว้ตรงที่ไม่ลับแบบนี้...(เหมือนโรคจิตเปล่าเนี๊ยะ :b22: )
ก็เบื่อนะ..ที่มันไม่หยุดยุ่ง :b22:
แต่เผื่อมีคนเข้ามาอธิบายให้กระจ่างที..
จริงๆ..คิดมานานละ..สงสัย..คิดแบบ..จับแล้วปล่อยๆนะ..ไม่เชิงหมกมุ่น
ว่าอะไร,,ทำไม...ที่เหมือนไฟจี้เป็นจุดๆ....บอกไม่ต้องไปสนใจ
ก็เหมือนมันไม่ฟังเลย..เดียวก็จับมาคิดๆ..อยากรู้อยากเห็นไม่จบ..จัดการมันก็ไม่ได้
แต่พอรู้แล้วมันเบ๊า..เบา..................เลิกคิดไปได้เลย
ดีก็ยอมรับ...ไม่ดีก็ยอมรับ....
ไม่มีทั้งดีและไม่ดีก็ยอมรับ..ไม่มีใครบอกก็ยอมรับ
ติดค่ะ...ติดตรงเนี๊ยะ cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2015, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องให้สงสัยอยู่เรื่อย :b9: ..ไม่รู้จบ :b14:
เวลานั่งสมาธิ..นับวัน..ทำไมยิ่งไม่เห็นมีลมหายใจเข้าออก...
วันก่อนๆ..จะมีพยายามสูดลมเข้า แต่เพียงเข้าก็หาย..เข้าก็หาย
เริ่มวางใจเป็นบ้างละ..เลยเหมือนตัดความกังวลมั้ง..แต่ก็มีอยู่บ้าง..ห่างๆ..ยังตัดไม่ขาด
โดยเมื่อลมหดมาตรงอก..ก็พยายามมารู้โดยรวมทั้งกาย
แต่ยังใส่เจตนา..ยังไม่เห็นตอนจิตมันเคลื่อนเองจริงๆ
เหมือนขยับไปมาเบาๆ..แล้วมันลงล็อคไปเลย..
แปลกตรงที่ยังได้ยินเสียงภายนอกอยู่..แต่ความคิดเริ่มทิ้งช่วงไปได้พักใหญ่ๆบ้าง..อิ่มกับตรงนั้น

สักครึ่งชม.......เริ่มรู้เวทนา..คิดบ้าง..อื่นๆบ้าง..
เห็นการเกิด...คือลักษณะจิตมันเคลื่อนไปรับอารมณ์แต่ละจุด.....
กายแน่นหนัก...มีแกว่งซ้ายขวาบ้าง...แต่ไม่มาก..แค้เริ่มมันก็ดึงกลับมาตั้งตรง..
ไม่เหนื่อยเหมือนเท่าเดิม..ที่เหวี่ยงทีเกือบครึ่งชม...วนไปมา
มีปิติตัวพองใหญ่.....
และรู้สึกแรงตรงอก..เหมือนหัวใจเต้น..แต่กระตุกแรงจนเหมือนกายมันไหวไปด้วย..วุ๊บๆๆๆๆ
.....วันนี้ไม่มีแบบไฟช๊อต.....มันเหมือนรู้อาการดับตอนมัน..วุ๊บๆๆๆไปด้วย
แต่ตรงนี้..เริ่มไม่สนละ..ดูมันไปเรื่อยๆ
เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป :b12: :b27: :b27:

สนเรื่องใหม่ :b43: :b43: :b9:
:b53: เป็นมา3-4ครั้งละ มาแบบตั้งอยู่ไม่นาน..เหมือนแวะมาเยือน
แต่วันนี้ไหงมัน..เริ่มมาแช่อยู่นานขึ้น
คือ..ทุกข์
ทุกข์อะไร..ทุกข์ตรงไหน..มันมาจากไหน :b2: :b7:
มันทุกข์นะ..ทุกข์มากเลย
ตรวจดูอารมณ์..ตอนนั้นดูสว่างไสวนะ..ขาก็ไม่ปวดทั้งที่ท้ายชม. แล้ว
แต่ทุกข์..หาเหตุไม่ได้..มันมาเป็นระลอกเหมือนปวดท้องเสียนั่นแหละ
หยุดให้พักสักแป๊ป..ก็เริ่มใหม่....ทุกข์ทรมาน..จนน้ำตาซึม
กายมีบิดหนีแบบเบาๆนะ..แต่ก็ไม่รู้จะหนีอะไร..น้ำตาซึมเลย..คิดว่าร้องไห้ออกมาจริงแล้วนะ
ทุกข์มาก..ทุกข์แบบหาตัวตนไม่ได้..มีทุกข์แบบนี้ด้วยเหรอ..ทุกข์อะไร
ทำไมทุกข์เหลือเกิน..เขียนๆอยู่นี่ยังเหมือนน้ำตาจะไหลมาอีก..ยังจำได้..ไม่ลืม
ตอนนั้นจนต้องตั้งใจพิจารณา...มันไม่เที่ยง..มันไม่ใช่ของเรา
แต่คำพิจารณาเหมือนไปแทรกแทรงมันไม่ได้เลย..ต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั่น
เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป..ตอนไหน..นี้ชัดหมด
แต่ก็รู้ว่าแพ้..ปล่อยไม่ได้เลย..แม้แต่ตอนนี้ยังไม่ลืม..เข็ด..แต่ก็แปลก
ไม่มีอยากออกสมาธิเลย....ตอนนั้น จนเวลาหมด

ระหว่างวัน..ปกติจะมีอาการไฟช๊อตกระจาย..บ่อยๆ
วันนี้เปลี่ยนอีก...มีอาการ..วุ๊บๆๆๆ..เหมือนหัวใจกระตุก..เหมือนกายไหวโครงข้างใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2015, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
quote] ฉงฉัย...อาจารย์ไม่ว่างตรวจการบ้าน...    ...วันหวยออก...   

s002 ไม่เล่นแล้วค่ะ..หวย :b32: :b32: :b32:
พ้นความมัวเมาจากมัน...แล้วโล่งค่ะ :b27: :b27: ไม่ต้องรอลุ้น :b34: :b34:
ก็เหตุนี้...
อ้างคำพูด:
...สัพเพธัมมา อนัตตา...สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ...ไม่ควรนึกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว......ทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเพื่อให้เป็นไปตามที่ใจคิดอยากจะให้เป็น......ธรรมดาของสิ่งที่มีคือความจริงที่กำลังปรากฎ...กำลังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปทั้ง6ทาง......อายตนะ6ก็มีเดี๋ยวนี้เองเกิดและดับ...เมื่อไม่อยู่กับความจริงที่มีในปัจจุบัน...ก็คือหลงค่ะ... ...ปกติในชีวิตประจำวันเป็นกุศลหรืออกุศลค่ะ...มีแค่2อย่างนี้...คือปกติเป็นไปในทาน ศีล ภาวนา ค่ะ......ธัมมะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...เริ่มที่เข้าใจจิต...ถ้ารู้ว่าจิตเป็นอกุศลเพราะหลงในตัณหา2อย่าง......คือ1.ภวตัณหา อยากได้สุขเกลียดทุกข์แต่ก็ไม่เคยพ้นไปจากทุกข์เพราะคิดปรุงไปเองตามความอยาก......อยากมี อยากเป็น อยากได้ ต้องการในสิ่งที่น่าพอใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็ชอบพอใจ......2.วิภวตัณหา ไม่อยากได้ทุกข์ ไม่พอใจสิ่งที่เป็นที่เห็น ที่ได้แต่ก็พ้นไปไม่ได้ เช่น ไม่อยากเห็น......ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น คือได้ในสิ่งที่ไม่น่าพอใจแล้วอยากให้พ้นสภาพที่ไม่น่าพอใจนั้น... ...ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ประชุมพร้อมให้เข้าใจได้ตลอดเวลา...แต่ทุกอย่างลวงให้คิดไปเอง......ถ้าไม่ศึกษาคำสอนให้เข้าใจก่อน...จะรู้ไหมคะว่าที่นั่งอยู่เฉยแล้วคิดเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ก็คือชั่วแล้วค่ะ......ทรงแสดงธรรมเพื่อให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์....ละชั่วได้คือต้องเข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา......ถ้าติดดีก็คิดว่ามีตัวตนจะไปทำ...ถ้ารู้ว่าแค่คิดก็ผิดแล้วยังจะคิดเองต่อไปไหมคะ...หลงสมมุติก็บาป......ดีคือเข้าใจเป็นปัญญาที่รู้ว่าขณะนี้เองทั้ง6ทางดับไม่เหลือ...ขณะใหม่หมด...พอไม่รู้ก็คือบาปแล้วค่ะ......ละชั่วไม่ได้เลย...เพราะเพลินไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เล่านั้นเล่านี้...โดยไม่เข้าใจธัมมะคือเดี๋ยวนี้เอง......ไม่ใช่มีตัวตนไปปฏิบัติธรรมเพื่อละชั่ว...ต้องทำความเห็นให้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ......ถ้ายังคิดเอง...หลงเข้าใจว่าตนกำลังคิดถูกต้องเริ่มใหม่ค่ะ...เพราะที่มีทั้งหมดขณะนี้เองคือรักษาจิต......ไม่ให้เป็นไปตามกิเลสคือหลงไปตามความคิดที่เคยไม่รู้ที่เคยมีมา...คือคิดถึงสิ่งที่มีจริงๆเดี๋ยวนี้เองค่ะ...  

อ่านบทนี้ทั้งบทแล้วยิ้มๆค่ะ
cry แก้ตัวไม่ได้เลย...หยุดกึกเหมือนถูกตีหัว
ต้องขอบคุณ...คุณโรสค่ะ :b8: ที่คอยเตือน :b27: :b27:
เข้าใจนะคะ...แต่จิตมันไม่ยอมอยู่กับที่.....
ต้องออกมาบ่นๆตรงนี้...เวลามันมากเกินพอดี..จะได้มีคนเตือน
เหมือนจะไม่ยอมฟัง...
แต่ในทุกๆคำชี้แนะ..ก็พยายามไตร่ตรองอยู่ค่ะ


...ถ้าแรงไปโปรดให้อภัย...เพราะจิตมันเร็วตรงคิดเร็วตอบเร็ว...
..บางครั้งต้องหยุดคิดว่า...เสียเวลาเล่าไม่พิจารณาความจริง...
...คิดแต่เรื่องเดิมเก่าๆ วนเวียนช้ำๆเพราะลืมว่าจิตขณะใหม่หมด...
...เหมือนเป็นการระบายความทุกข์...มากกว่าปรึกษาปัญหาที่ติดขัดค่ะ...
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
idea เขียน:
มีเรื่องให้สงสัยอยู่เรื่อย :b9: ..ไม่รู้จบ :b14:
เวลานั่งสมาธิ..นับวัน..ทำไมยิ่งไม่เห็นมีลมหายใจเข้าออก...
วันก่อนๆ..จะมีพยายามสูดลมเข้า แต่เพียงเข้าก็หาย..เข้าก็หาย
เริ่มวางใจเป็นบ้างละ..เลยเหมือนตัดความกังวลมั้ง..แต่ก็มีอยู่บ้าง..ห่างๆ..ยังตัดไม่ขาด
โดยเมื่อลมหดมาตรงอก..ก็พยายามมารู้โดยรวมทั้งกาย
แต่ยังใส่เจตนา..ยังไม่เห็นตอนจิตมันเคลื่อนเองจริงๆ
เหมือนขยับไปมาเบาๆ..แล้วมันลงล็อคไปเลย..
แปลกตรงที่ยังได้ยินเสียงภายนอกอยู่..แต่ความคิดเริ่มทิ้งช่วงไปได้พักใหญ่ๆบ้าง..อิ่มกับตรงนั้น

สักครึ่งชม.......เริ่มรู้เวทนา..คิดบ้าง..อื่นๆบ้าง..
เห็นการเกิด...คือลักษณะจิตมันเคลื่อนไปรับอารมณ์แต่ละจุด.....
กายแน่นหนัก...มีแกว่งซ้ายขวาบ้าง...แต่ไม่มาก..แค้เริ่มมันก็ดึงกลับมาตั้งตรง..
ไม่เหนื่อยเหมือนเท่าเดิม..ที่เหวี่ยงทีเกือบครึ่งชม...วนไปมา
มีปิติตัวพองใหญ่.....
และรู้สึกแรงตรงอก..เหมือนหัวใจเต้น..แต่กระตุกแรงจนเหมือนกายมันไหวไปด้วย..วุ๊บๆๆๆๆ
.....วันนี้ไม่มีแบบไฟช๊อต.....มันเหมือนรู้อาการดับตอนมัน..วุ๊บๆๆๆไปด้วย
แต่ตรงนี้..เริ่มไม่สนละ..ดูมันไปเรื่อยๆ
เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป :b12: :b27: :b27:

สนเรื่องใหม่ :b43: :b43: :b9:
:b53: เป็นมา3-4ครั้งละ มาแบบตั้งอยู่ไม่นาน..เหมือนแวะมาเยือน
แต่วันนี้ไหงมัน..เริ่มมาแช่อยู่นานขึ้น
คือ..ทุกข์
ทุกข์อะไร..ทุกข์ตรงไหน..มันมาจากไหน :b2: :b7:
มันทุกข์นะ..ทุกข์มากเลย
ตรวจดูอารมณ์..ตอนนั้นดูสว่างไสวนะ..ขาก็ไม่ปวดทั้งที่ท้ายชม. แล้ว
แต่ทุกข์..หาเหตุไม่ได้..มันมาเป็นระลอกเหมือนปวดท้องเสียนั่นแหละ
หยุดให้พักสักแป๊ป..ก็เริ่มใหม่....ทุกข์ทรมาน..จนน้ำตาซึม
กายมีบิดหนีแบบเบาๆนะ..แต่ก็ไม่รู้จะหนีอะไร..น้ำตาซึมเลย..คิดว่าร้องไห้ออกมาจริงแล้วนะ
ทุกข์มาก..ทุกข์แบบหาตัวตนไม่ได้..มีทุกข์แบบนี้ด้วยเหรอ..ทุกข์อะไร
ทำไมทุกข์เหลือเกิน..เขียนๆอยู่นี่ยังเหมือนน้ำตาจะไหลมาอีก..ยังจำได้..ไม่ลืม
ตอนนั้นจนต้องตั้งใจพิจารณา...มันไม่เที่ยง..มันไม่ใช่ของเรา
แต่คำพิจารณาเหมือนไปแทรกแทรงมันไม่ได้เลย..ต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั่น
เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป..ตอนไหน..นี้ชัดหมด
แต่ก็รู้ว่าแพ้..ปล่อยไม่ได้เลย..แม้แต่ตอนนี้ยังไม่ลืม..เข็ด..แต่ก็แปลก
ไม่มีอยากออกสมาธิเลย....ตอนนั้น จนเวลาหมด

ระหว่างวัน..ปกติจะมีอาการไฟช๊อตกระจาย..บ่อยๆ
วันนี้เปลี่ยนอีก...มีอาการ..วุ๊บๆๆๆ..เหมือนหัวใจกระตุก..เหมือนกายไหวโครงข้างใน

...สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า...ถ้าโรครุมเร้าก็ไม่ควรหนักทางนั่งสมาธิค่ะ...
...เพราะการนั่งเพื่อทำให้จิตสงบตรงแน่วไม่ส่งออกดิ่งลงภายในสภาวะที่จิตรวมจะไม่มีอย่างอื่น...
...มีเฉพาะจิตรู้เด่นภายใน กาย จิต เวทนา และสภาพธรรมที่จิตรู้จะต่างอันต่างอยู่ตรงที่ตั้ง...
...นี่ค่ะ...อันนี้คือเกิดทุกอย่างของสติปัฏฐานสี่ กายในกาย จิตในจิต เวทนาในเวทนา ธรรมในธรรม...
...ปกติสมาธิสงบนิ่ง...อาการที่ปวดจากน้อยจะมากจะชาแล้วก็จะหมดความรู้สึกพอถอนจิตจะไม่มีอาการ...
:b39: :b39:
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 14:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ...โรส :b8:
ไม่แรงเกินไปเลยค่ะ..ยินดี :b27: :b27:
บอกไง..ว่าอ่านไปแล้วยิ้มๆ...รู้สึกได้ถึงความหวังดีค่ะ
คิดแบบนั้นอยู่บ้าง..แต่มันคอยแต่หาเรื่องจะทำ..มันยุ่งมากเลย :b7:
ก็เลยจับให้มันมาอยู่เป็นที่ :b9: :b9: หางานให้มันทำ




Kiss
.......สุขภาพเรื่อยๆค่ะ โรครุมเร้านี่..เจ็บหัว..ปวดท้อง..กระเพาะ..ปวดตาและอื่นๆจิปาถะค่ะ
ยังไม่เจอโรคร้ายแรง แต่ก็ทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตบ้าง
เคยหาหมอ..ตรวจค้นยังไงเขาก็หาโรคไม่ได้..และไม่หาย..หรือบทจะหายก็หายเอง
เข้าๆออกๆอยู่ช่วงหนึ่ง..จนหน่าย..เดี๋ยวนี็ก็ปล่อยไป..เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา..ก็กินยาบรรเทา
ปล่อยๆไป..มันก็หายเองได้
........เรื่องการนั่งสมาธิ..ก็ออกมาแปลกๆแบบนี้หล่ะค่ะ
เลยเน้นศึกษา..เห็นม๊ะ..เก็บเงียบคนเดียวไม่ได้ :b14:
เคยคิดว่า..มันไม่ถูกต้อง..ไม่อยู่กะร่องกะรอย..ต้องอย่างนั้น..ต้องอย่างนี้
แต่พอทำตามแบบว่า..มันต้อง..
ก็รู้สึกเหมือนไปฝืนธรรม
มันอึดอัด..แต่ปล่อยแบบนี้..มันเบา..มันสว่างกว่า..มันก็ลงไตรลักษณ์กับความเบื่อหน่ายเหมือนกัน
ที่ยังไม่ค่อยพูดถึง..เพราะมันเหมือนมีอยู่เป็นพื้นอยู่แล้วค่ะ
แต่จะพูดต่อเมื่อมันเริ่มเด่นชัดขึ้นมาในจิตจริงๆ
เมื่อก่อนสงบ..จะเหมือนความคิดมันผุดขึ้น ผุดๆๆๆๆ
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เป็น(ไม่ได้ติดนะคะ).....ลองพยายามคิดขึ้นมา...มันก็คิดไม่ได้ค่ะ
คิดเหมือนมันย้ำลงไปตรงนั้นอยู่แล้ว...แต่อาการมันแปลกๆ..ก็อดสงสัยไม่ได้
ก็นะ...ศึกษาอยู่ค่ะ :b9: :b9: คลำทาง
:b29: :b29:
:b39: :b39: :b39:
มีอะไรชี้แนะด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
idea เขียน:
คุณ...โรส :b8:
ไม่แรงเกินไปเลยค่ะ..ยินดี :b27: :b27:
บอกไง..ว่าอ่านไปแล้วยิ้มๆ...รู้สึกได้ถึงความหวังดีค่ะ
คิดแบบนั้นอยู่บ้าง..แต่มันคอยแต่หาเรื่องจะทำ..มันยุ่งมากเลย :b7:
ก็เลยจับให้มันมาอยู่เป็นที่ :b9: :b9: หางานให้มันทำ




Kiss
.......สุขภาพเรื่อยๆค่ะ โรครุมเร้านี่..เจ็บหัว..ปวดท้อง..กระเพาะ..ปวดตาและอื่นๆจิปาถะค่ะ
ยังไม่เจอโรคร้ายแรง แต่ก็ทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตบ้าง
เคยหาหมอ..ตรวจค้นยังไงเขาก็หาโรคไม่ได้..และไม่หาย..หรือบทจะหายก็หายเอง
เข้าๆออกๆอยู่ช่วงหนึ่ง..จนหน่าย..เดี๋ยวนี็ก็ปล่อยไป..เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา..ก็กินยาบรรเทา
ปล่อยๆไป..มันก็หายเองได้
........เรื่องการนั่งสมาธิ..ก็ออกมาแปลกๆแบบนี้หล่ะค่ะ
เลยเน้นศึกษา..เห็นม๊ะ..เก็บเงียบคนเดียวไม่ได้ :b14:
เคยคิดว่า..มันไม่ถูกต้อง..ไม่อยู่กะร่องกะรอย..ต้องอย่างนั้น..ต้องอย่างนี้
แต่พอทำตามแบบว่า..มันต้อง..
ก็รู้สึกเหมือนไปฝืนธรรม
มันอึดอัด..แต่ปล่อยแบบนี้..มันเบา..มันสว่างกว่า..มันก็ลงไตรลักษณ์กับความเบื่อหน่ายเหมือนกัน
ที่ยังไม่ค่อยพูดถึง..เพราะมันเหมือนมีอยู่เป็นพื้นอยู่แล้วค่ะ
แต่จะพูดต่อเมื่อมันเริ่มเด่นชัดขึ้นมาในจิตจริงๆ
เมื่อก่อนสงบ..จะเหมือนความคิดมันผุดขึ้น ผุดๆๆๆๆ
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เป็น(ไม่ได้ติดนะคะ).....ลองพยายามคิดขึ้นมา...มันก็คิดไม่ได้ค่ะ
คิดเหมือนมันย้ำลงไปตรงนั้นอยู่แล้ว...แต่อาการมันแปลกๆ..ก็อดสงสัยไม่ได้
ก็นะ...ศึกษาอยู่ค่ะ :b9: :b9: คลำทาง
:b29: :b29:
:b39: :b39: :b39:
มีอะไรชี้แนะด้วยค่ะ

...วิธีกำหนดจิตรักษาโรคทำแบบนี้นะคะ...
...เวลาทำสมาธิกำหนดจิตเพ่งไปตรงนั้น...(เป็นก้อนเนื้อก็รักษาวิธีนี้กำหนดให้มันยุบค่ะ)
...แล้วสั่งให้มันหายเจ็บหายปวดหายอาการนั้น...
...ทำไปเรื่อยๆ..แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีสั่งไม่ออกเสียงน๊า...
...ไม่ต่ำกว่า3เดือนขึ้นอยู่กับอาการของโรคที่เป็นกำหนดไม่ได้ค่ะ...
:b12: :b20:
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 08:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ขอบคุณความเอื้อเฟื้อของคุณโรสค่ะ
ยินดีที่มีโอกาส..ได้สนทนากัน
:b27: :b27: :b27:
:b19:
:b29:


tongue
อยากจะรู้..ก็ให้มันรู้..ให้มันโม้
ก็เหนื่อยอีกละ..เบื่อละ
เลิกเล่น..เอาจริง :b16:
พักยกก่อนน๊าาาา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
Kiss
ขอบคุณความเอื้อเฟื้อของคุณโรสค่ะ
ยินดีที่มีโอกาส..ได้สนทนากัน
:b27: :b27: :b27:
:b19:
:b29:


tongue
อยากจะรู้..ก็ให้มันรู้..ให้มันโม้
ก็เหนื่อยอีกละ..เบื่อละ
เลิกเล่น..เอาจริง :b16:
พักยกก่อนน๊าาาา

...ยินดีค่ะทำอะไรตามใจก็คือตามกิเลส...
...ตามอัธยาศัยนะคะ...คงโพสต์แก้เหงา...
:b12: :b32:
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2015, 23:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s002
เริ่มเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติมากขึ้นเพียงไร
อุปสรรคในการใช้ชีวิต..ยิ่งถาโถม
รอบที่แล้วก็แบบนี้
จนต้องถอยออกมาทำแค่..รักษาจิต..คิดว่าเอาอยู่
แต่พอรู้ตัวอีกที..สมาธิก็เสื่อมไปแล้ว

มารอบนี้..ซ้ำรอยเดิม
ก็คอยดูอยู่..มาเรื่อยๆ..เหมือนจะรู้..ว่ามันต้องลงอีหรอบนี้
การเงิน..การงาน..จะเริ่มถอย..ถ้าเริ่มปฏิบัติ
ก็เฉยๆนะ..เรามิได้ทุกข์ร้อนอะไร
ชีวิตจะเปลี่ยน..เราก็ไม่ได้มีความกระวนกระวายอะไร
เราไม่ได้เดือดร้อนทุกข์ใจอะไร..มันไม่มีความหมาย
เรื่องเงินทองของรอบตัว..แม้แต่ร่างกายนี้..
ก็แทบจะไม่ได้ไปคิดบำรุงบำเรอ..มันมากเกินจำเป็น
80%ที่ลดลงจากเดิม..ในการไปสนใจ..ในเรื่องหลงสิ่งลวงๆในทางโลก
ผลของการพยายามปฏิบัติ..มันทำให้ง่ายต่อการ
ใช้คำว่า..เข้าใจ..ในหลายๆเรื่องมากขึ้น

แต่..เมื่อถึงจุดถอยมาจนถึงเกือบสุด
ก็รู้นะ..ว่าจิตมิมีกระเพื่อม..ในส่วนตัว..กลัวว่าจะทุกข์จะลำบาก
แต่..มองคนในครอบครัว..แล้วสงสาร
มันมากระเพื่อมตรงนี้..
วางตรงนี้ไม่ค่อยได้
เริ่มรู้สึกว่า..ทุกข์ตัวนี้..ไม่จับแล้วปล่อย..เริ่มไม่เป็นปกติละสิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2015, 07:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ห่างการปฏิบัติไปบ้าง
พอปุบปับเป็นไข้กะทันหัน..เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวก็ขั้นนอนซมในคืนนั้นเลย
ทั้งคุณลูกกะคุณแฟนก็ลงพร้อมกันอีก
เจอทุกขเวทนาอย่างแรง..เห็นแล้วสังเวชตัวเอง
ที่ยังจะคอยจะเอาทุกข์นั้นเป็นของเรา
อดคิดขึ้นมาไม่ได้..
เมื่อคิดว่าขันธ์5ไม่มีในเรา..เราไม่มีในขันธ์5...ทำไมมันยังคอยจะยึด
จึงเป็นโอกาสให้เร่งกำหนด..พยายามให้ต่อเนื่อง..ไม่งั้นสู้ไม่ได้
ตัดสินใจส่งพวกเขาไปซื้อยาอีกวัน..แต่ตัวเราเลี่ยง
เพราะคิดว่ามีสติตั้งรับได้พอสมควร..
ความเจ็บปวดมันมากก็มีกินยาพาราบรรเทาบ้าง
เพราะต้องยืนเป็นหลักในบ้านจะนอนซมไม่ได้
เวลาปวดมาก(ปวดเหมือนร้าวลงในกระดูก)
จะใช้วิธีเดินเร็วๆ...กำหนดรู้ไปตามตรงจุดที่มันเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ
สติดีพอสมควร..เพราะมันทำได้ดีกว่าปกติเสียอีก
นั่งสมาธิก็กำหนด..มันเบามากเกือบจะทันที
เพิ่งรู้นะเนี๊ยะ..เวลาเจ็บป่วยทางกาย..หลับตาปุ๊บจิตมันทิ้งกายเลย
หมายถึงกายภายนอกนะ..แต่กายภายในรวมความรู้สึกไปโดยรวม
มันเบาหวิวก่อนจะมารวมกันตรงกลางอก
แต่ก็ทำไม่นาน..คราวละ30นาที
ตกเย็นมีลังเลบ้าง..ว่าจะไหวจริงเหรอไม่กินยา..แต่ก็ยังเชื่อมั่นอยู่
รอบดึก..นั่งสมาธิรอบแรก
พอจิตสงบตรงกลางอก..นึกถึงตรงจุดนี้เหมือนเป็นแหล่งพลังงาน
แล้วกำหนดออกไปกว้างๆทั่วทั้งกาย
ทำซ้ำ2-3รอบ
ออกจากสมาธิ..รู้สึกหนาวสั่นก้าวไปจนจะไม่ถึงที่นอนอยู่ละ
จับสั่นห่มผ้า2ชั้น..แต่รู้สึกว่ามันหนาวมาจากข้างในมากกว่า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 ... 27  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร