วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกบฯ เข้าใจถาม ก็ตอบว่า มันไม่ใช่บัญญัติ มันเป็นสภาวะที่มีจริง เกิดขึ้นจริง จึงไม่ใช่บัญญัติ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 19:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็แสดงว่า...สภาวะถูกต้องก็ใช้ได้...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 22:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟองคลื่น พยับแดด เกิดขึ้นจริงๆ

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 22:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


มันคือทักษา หมายถึงทักษา นั่นแหละ

*เรากดอ้างอิงแล้วมันหลุดทุกทีเลยอ่า

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 04:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


narapan เขียน:
:b1: ท่านโฮฮับครับ
ฝึกสติแบบฉบับ พระอาจารย์สมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ
เข้าตามหลักที่ท่านอธิบายมั๊ยครับ

เรามาฝึกสติกันครับ

อย่าพูดว่าหลักของผมซิครับ เดี๋ยวเจอข้อหาตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิ
ตอนนี้พวกขบวนการ "ตามล่าแม่มด" ยิ่งเยอะอยู่ด้วย
ยิ่งเป็นกระทู้แนวนี้ รับรองได้มาด้อมๆมองๆอยู่ ที่รู้เห็นอยู่คนสองคนครับ :b13:

ส่วนเรื่องคำสอนของพระอาจารย์ที่คุณไปเอามา มันก็เป็นแนวเดียวกันนั้นแหล่ะครับ
ต่างกันที่บัญญัติที่ใช้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ถึงได้ว่า สติต้องปล่อยให้เกิดไปตามเหตุ สมาธิก็ต้องปล่อยให้เกิดเองตามเหตุตามกาลแห่งสติ
การบังคับอายตนะส่วนอื่นไม่ให้ทำงาน(การทำสมาธิ) มันเป็นโทษเป็นผีเปรตแบบที่คุณซุปว่าคือ
จะถูกรถชนตายครับ :b13:

:b4: :b4: :b4: :b8: :b8: :b8:
โชคดีที่ยังดึงกลับมาเข้าประเด็นทัน ไม่เตลิดเปิดเปิงนอกประเด็นไปไกล
ขอบคุณครับ :b13: :b13: :b13:

แน่ะ! ก็ตัวเองกำลังทำอยู่ยังไม่รู้ตัวอีก
ผมว่าต้องคุยเรื่องหลักการ เรื่องประเด็น เรื่องของเหตุและผล
ให้คุณทักษาเข้าใจเสียหน่อย เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆก่อน เดี๋ยวหาว่านอกประเด็น

เอาน้ำจิ้มไปก่อนครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ดับทุกข์ให้ดับที่เหตุ คุณทักษาต้องไปดูที่เหตุ
หรือไปว่าที่ต้นตอที่เป็นที่มา ของการนอกประเด็นครับ แล้วต้นตอก็คือ เจ้าของปัญหาว่า
"พวกมากพวกน้อย" กับเจ้าของคำว่า"โคลัมบัสกับตระกูลไร้ท์"ครับ

ตัวผมอยู่ในประเด็นครับ แต่เป็นประของ น้องเจ้าอารมณ์คนนั้น กับของคุณทักษาครับ
ทักษา เขียน:
[มันเกิดขึ้นจริงๆครับ มีให้เห็นเยอะแยะ พวกนี้มันชอบกินบ้านกินเมือง
วันๆไม่ทำอะไร นั่งหลับตาพูดๆๆอยู่ในถ้ำ พอออกมาจากถ้ำมันก็พากัน
ไปนั่งจิบกาแกคุยเล่นกันขำๆเหมือนเดิม
:b13: :b13: :b13:

อันนี้ผมว่าไม่นอกประเด็นครับ แต่มันนอกเรื่องเลยเชี่ยวล่ะ
แหย่เล่นเพื่อสร้างความสนิทสนม อย่าถือสาเลยครับ
เดี๋ยวจะมาไล่ผมออกนอกกระทู้ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 08:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
narapan เขียน:
:b1: ท่านโฮฮับครับ
ฝึกสติแบบฉบับ พระอาจารย์สมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ
เข้าตามหลักที่ท่านอธิบายมั๊ยครับ

เรามาฝึกสติกันครับ

อย่าพูดว่าหลักของผมซิครับ เดี๋ยวเจอข้อหาตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิ
ตอนนี้พวกขบวนการ "ตามล่าแม่มด" ยิ่งเยอะอยู่ด้วย
ยิ่งเป็นกระทู้แนวนี้ รับรองได้มาด้อมๆมองๆอยู่ ที่รู้เห็นอยู่คนสองคนครับ :b13:

ส่วนเรื่องคำสอนของพระอาจารย์ที่คุณไปเอามา มันก็เป็นแนวเดียวกันนั้นแหล่ะครับ
ต่างกันที่บัญญัติที่ใช้ครับ


:b1: ขอบคุณครับท่านโฮฮับ

ผมกล่าวว่า เข้าตามหลักที่ท่านอธิบายมั๊ยครับ
จะเป็นหลักของใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นหลักของท่านครับ

:b41: :b46: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 08:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
narapan เขียน:
:b1: ท่านซุปฯครับ

สวัสดีครับ ซุปท่านอร่อยดีจริงครับ :b12: :b13:

:b41: :b46:


จริงครับ ผมกินทุกวันเลยพักนี้ :b12: :b12: :b12:


:b1: ท่านเน้นไปทางรสไหนครับ

รสที่ผมลิ้มเป็นรสไม่เที่ยง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครับ

:b41: :b46: :b53: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 09:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


narapan เขียน:
:b1: ท่านซุปฯครับ

สวัสดีครับ ซุปท่านอร่อยดีจริงครับ :b12: :b13:

ผมสงสัยจากที่อื่นมาครับ ที่บอกว่า ต้องไม่มีทั้งผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้
รู้โดยไม่ต้องอาศัยสัญญา รู้โดยไม่ต้องอาศัยปัญญาจากสมอง
แต่เป็นปัญญาที่นอกเหนือจากสัญญาและปัญญา
เป็นยังไงครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

:b41: :b46:


Supareak Mulpong เขียน:
คุณ narapan ที่ท่านได้ยินได้ฟังมา มันก็ผลผลจากการที่ชาวพุทธเราทิ้งพระไตรปิฏก แล้วตั้งหน้าตั้งตาไปหาปัญญาเอาเองนั่นแหละครับ พระพุทธองค์ได้มีพระปาติโมกข์ไว้ว่า ห้ามสาวกบัญญัติสิ่งใดขึ้นมาใหม่ และห้ามยกเลิกบัญญัติที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ดีแล้ว

ไม่มีทั้งผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ น่าจะมาจากพวกนั่งสมาธิจนตัดผัสสะได้นะครับ ตอนนั้นจะไม่มีการรับรู้ทางใดเลยนอกจากทางมโนทวาร

รู้สักแต่ว่ารู้ ฯ หมายถึง เห็นรูปแล้วไม่เกิดเวทนา เพราะเห็นมันตามความเป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ คือ เห็นว่า รูปไม่เทียงฯ ก็เท่านี้แหละครับ

รู้โดยไม่ต้องอาศัยสัญญา แต่ถ้าแปลว่า อยู่ดีๆ ก็รู้โดยไม่ใช้ข้อมูลเดิมในจิต อันนี้เปรตกระซิบแน่นอน

ในธรรมวินัยนี้มีสุญญตสมาบัติ มีความหมายไกล้ๆ กัน คือ รับรู้โดยไม่มีการดึงสัญญาเก่าเข้ามาประกอบกับอารมณ์ (ดูสูตรใน การก้าวลงสู่ความว่างตามความเป็นจริง ประกอบ) เป็นสมาธิขั้นสูงของพระอริยะ เช่น อยู่ในป่าช้าแต่ไม่มีความคิดเลยว่าอยู่ในป่าช้า ฯ เป็นต้น

ปัญญาไม่ได้อยู่ในสมองอยู่แล้วครับ ปัญญาเป็นสัญญาชนิดหนึ่งอยู่ในจิต ถ้าไม่ได้ลากมาจากสัญญา ก็ได้รับมาจากที่อื่นล่ะครับ มาจากใหนก็ไปตามกันดูเอาเอง

ปัญญาที่นอกเหนือจากสัญญาและปัญญา มันจะรู้อะไรกันไปขนาดใหน มันไม่มีหรอกครับ น่าจะมาจากพวกหาปัญญาในสมาธิไม่เจอ จริงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า ปัญญาที่พระพุทธองค์ตรัสหมายถึงอะไร

วิญญานแปลว่ารู้ ญานก็แปลว่ารู้ ปัญญาก็แปลว่ารู้เหมือนกัน บางทีไปอ่านพระบาลีก็ทำให้สับสนได้ แปลผิดแปลถูก แล้วเอามารวมกับประสบการณ์ของตัวเอง เลยกลายเป็นศาสนาใหม่ขึ้นมาแข่งกับพระพุทธเจ้า ตอนนี้มีเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

จิตเราบังคับไม่ได้นะครับ มันเป็นอนัตตา พวกที่ไปบังคับจิตให้ว่าง ไปบังคับจิตให้วาง ไปบังคับจิตให้ติดตามดูโน่นดูนี่ หรือ เพ่งอะไรสักอย่าง ฯ พวกนี้ฝืนธรรมชาติของจิตทั้งนั้น ผลที่ได้ ก็คือ มิจฉาสมาธิ

การสอนโดยใช้หลักตรรกปรัชญาในศาสนานี้ เป็นเรื่องไม่ควรนะครับ พระพุทธองค์ตรัสห้ามไว้ เป็นพระปาติโมกข์เหมือนกัน เพราะมันไปเข้าทางพวกเดรถีย์ จะพากันถกเถียงจนเข้ารกเข้าพง ห่างจากความจริงเข้าไปทุกที เถียงกันไปหลายร้อยหลายพันปี จะหาต้นตอเดิมไม่ได้เลย .. การแสดงธรรมต้องตีตรา "สำเนาถูกต้อง" เท่านั้น


:b8: :b8: :b8:

ขอบคุณครับท่านซุปฯ

ผมนำหลักการปฏิบัติวิปัสสนาของท่านมาปฏิบัติหลายวันแล้ว ได้ผลดีครับ

บทความในบางเรื่องที่ท่านเขียนนับว่าเขียนได้ดีและมีประโยชน์มากครับ ถ้ารู้จักเลือกเฟ้น
ปีก่อนๆ ที่ผ่านมา ท่านก็คงเขียนแบบนี้ไม่ได้ เพราะท่านยังไม่ได้มีประสบการณ์
ปีนี้ท่านเขียนได้แบบนี้
ปีต่อๆไป ท่านอาจจะมีประสบการณ์มากขึ้นไปเรื่อยๆ ก็คงเขียนได้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
และคำตอบที่ผมถามเรื่องนี้อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ครับ
ไม่เที่ยงแท้แน่นอน :b38: :b37:

ผมจะติดตามอ่านครับ

:b41: :b46: :b53: :b39:
หลังม่านแห่งความทุกข์คือความสิ้นทุกข์


แก้ไขล่าสุดโดย narapan เมื่อ 18 มี.ค. 2011, 10:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b27:
...อันนี้...การฝึกสมาธิเป็นบาปมหันต์ เป็นที่สถิตของเปรต...คือชื่อหัวข้อ...
...อันข้างล่างนี้...ที่อ้างอิงคือจากท่านกรัชกายคือหลักคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า...
:b1:
1. ทานมัย บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน
2. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
3. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
4. อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยการประพฤติถ่อมตน
5. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายในกิจที่ชอบ
6. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ
7. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
8. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม
9. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม
10.ทิฏฐุชุกัมม์ ทำความเห็นให้ตรง
(ข้อไหนยากก็ตัดออกไป เช่น ข้อ 3 ข้อ 10 )

:b16:
...จะเชื่อคำสอนของผู้สิ้นกิเลสหรือจะเชื่อความคิดเจ้าของหัวข้อที่ยังไม่สิ้นกิเลส...
...ผู้ที่เข้ามาอ่านก็ควรคิดพิจารณาเอาเองก็แล้วกันนะเจ้าคะ...ว่าสิ่งไหนควร-ไม่ควร...
...สำหรับความคิดของข้าพเจ้าตามที่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนมาพอสมควร...
...ตามความเชื่อของข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อที่ต้องทำให้เข้าใจถูกก่อนข้ออื่นๆคือข้อ10...
...เพราะการได้ยินได้ฟังในสิ่งที่มีจริงๆที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนคือความเห็นตรง...
...ต้องเปลี่ยนมิจฉาทิฐิให้เป็นสัมมาทิฐิก่อนถึงจะเป็นสัมมาสติสัมมาสมาธิและอริยมรรคครบทั้ง8องค์ค่ะ...
:b17:
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Rosarin นำมาไม่หมดยังเหลือนี่อีก

และที่ง่ายกว่านั้นอีก ก็บุญจากการปิดทองฝังลูกนิมิต ปิดทองพระประจำวัน ตักบาตรพระร้อย ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า สร้างโบสถ์ วิหารลานเจดีย์ ซื้อกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์ สร้างห้องน้ำ สร้างสะพาน ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯลฯ

พึ่งนึกได้อีก ตั้งนะโม 3 จบ ไหว้พระ (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ...) สวดมนต์ เช่น อิติปิโส พาหุง มหากา ฯ กรวดน้ำ (อิมินา...) แผ่เมตตา (สัพเพ สัตว์ตา...) เอาง่ายๆเตาะแตะๆ ไปก่อน อย่าเพิ่งไปคิดอะไรเกินตัว นี่พูดจริงๆนะเนี่ย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก็แสดงว่า...สภาวะถูกต้องก็ใช้ได้...
ถ้าเป็นความจริงที่แท้จริงนะครับ ไม่ใช่ความจริงที่สมมุติ ไม่ได้มาจากความตรึก แต่ก็พูดได้แสดงได้ตอนที่ไม่ได้บวชนี่แหละครับ ถ้าบวชแล้ว ถึงเป็นความจริง บางเรื่องพระพุทธองค์ก็ห้ามแสดง เข้าข่ายอาบัติ เผลอๆ ถึงปราชิก รวมถึงเรื่องเปรตพวกนี้ด้วย ถ้ามีใครมาถามหลังจากบวช พูดได้คำเดียวว่า ... มันไม่ใช่กิจของสงฆ์
อ้างคำพูด:
ผมนำหลักการปฏิบัติวิปัสสนาของท่านมาปฏิบัติหลายวันแล้ว ได้ผลดีครับ
:b8: ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอครับ เราถือท่านเป็นบรมครู ไม่ใช่ของกระผม ผมเป็นสาวกก็เอามาบอกต่อ ที่ผมรู้ก็เพราะได้พบสัตตบรุษมาก่อน ท่านชื่อ สินธพ ทรวงแก้ว ... มีกฏเหล็กอยู่ข้อหนึ่งสำหรับผู้วิปัสสนา คือ ห้ามกินเหล้าเด็ดขาด พอกินเหล้า สภาวะจิตคนจะเท่าเดรัจฉาน จะไม่มีโสภณะจิตเกิดขึ้นมาเลย พอเมาได้ที่ ความพอใจไม่พอใจที่เกิดขึ้นตอนนั้น จะทับความจริงที่เราอุตส่าห์สะสมมาจนมิด ทำให้เราต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ บางคนวิปัสสนาไปได้ ๘๐-๙๐% จะได้โสดาปัตติผล พอไปกินเหล้า หรือ 0% ทันที เจ้าตัวจะรู้เองด้วยว่ามันหายไป

ผู้ที่ได้ฟังธรรมปริยายดังนี้ แล้วได้ทดลองทันทีว่า มันดับได้จริอย่างว่าใหม (คงคิดในใจว่า โม้หรือเปล่าฟะ แต่ลองดูก็ไม่เห็นเสียหายอะไร) แล้วเกิดดวงตาเห็นธรรมทันทีที่ฟังจบ ตอนนี้มีเพียง ๒ คนเท่านั้น ก็ได้โสดาปัตติมรรค หรือเป็นโสดาบันทันที ... ไม่รู้ในที่นี้จะมีสักกี่คน ...

เอาเป็นว่า ... ธรรมอันใดที่พระศาสดาแสดงเพื่อทำให้พ้นโลก ธรรมอันนั้นผมได้นำแสดงไว้แล้ว ณ ที่นี้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของบุญบาปของพวกท่านละครับ :b8:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...สภาพที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...อธิบายได้อย่างนี้...
...1ทางตา...เห็นเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป...ถ้าหลับตาเห็นก็ไม่เกิดขึ้น...
...2ทางหู...ได้ยินสารพัดเสียงเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป...ปิดหูก็ไม่ได้ยินเสียง...
...3ทางจมูก...ได้กลิ่นแล้วก็หมดไป...ขณะไม่ได้กลิ่นยังคิดกลิ่นได้เวลาคิดถึงกุหลาบ...
...คงไม่มีใครอยากจะปิดจมูกเพราะต้องอ้าปากหายใจ...อวัยวะก็ทำงานผิดหน้าที่ไปด้วย...
...4ทางลิ้น...รู้รสเวลามีอาหารในปาก...เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป...เวลาไม่มีอาหารในปากก็ไม่รู้รส...
...5ทางกาย...รับสัมผัสเย็น-ร้อน-อ่อน-แข็ง...เกิดเวลาสัมผัส...เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป...
...6ทางใจ...รับรู้อารมณืทุกอย่างที่มากระทบทางตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ...เกิดแล้วก็หมดไป...
:b20:
...สภาพที่เกิดขึ้นทั้ง6ทางที่ว่ามานี้เกิดขึ้นแล้วก็หมดไปคือสภาพเกิด-ดับเป็นอนิจจัง...
...คือไม่อาจตั้งอยู่ได้นานเรียกว่ามีความไม่เที่ยงทั้ง6ทาง...แต่ทุกคนก็ไม่เคยคิดแยกแยะดู...
...เพราะสภาพต่างๆทั้ง6ทางที่เกิดแล้วก็หมดไปเป็นสภาพที่แต่ละบุคคลเห็นว่าต่อเนื่องไม่ขาดตอน...
...ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นแค่สภาพเกิดขึ้นพียงนิดเดียวแล้วก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาทุกวินาทีไม่มีสิ่งเดิมเกิด...
...แต่ก็ยังยึดถือว่าเป็นตัวตนที่เที่ยงแท้แน่นอน...ก็เพราะยึดสิ่งที่ไม่เที่ยงตลอดเวลานี่เรียกว่ากองทุกข์เกิดทุกขัง...
...เพราะไม่เที่ยงจึงเป็นทุกข์...เกิดการยึดมั่นถือมั่นที่ไม่มีใครไปบังคับหรือเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วให้เป็นอย่างอื่นได้...
...จึงมีความเป็นอนัตตาคือมีการเกิดขึ้นทั้ง6ทางจริงๆ...แต่เป็นเพียงสภาพเกิดขึ้นแล้วก็หมดไปจึงไม่มีตัวตนจริง...
...แต่สภาพกิเลสหลอกคนทั้ง6ทาง...จึงมัวเมาและหลงผิดไป...พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพระธรรมเพื่อสั่งสอนไง...
:b27:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


http://guru.google.co.th/guru/thread?ti ... dbacbbaf8e

ลองอ่านดูนะครับ (ถ้าจะอ่านกรุณาอ่านให้จบด้วยนะครับ)
ถูกผิดอย่างไร ลองพิจารณาดูนะครับ

ป.ล.ว่าจะไม่ลงเพราะดูเหมือนกระทู้จะจบไม่อยากสานต่อ อันนี้อันสุดท้ายของผมสำหรับกระทู้นี้แล้วครับ

ขอสันติจงมีแด่ใจทั้งปวง :b43: :b43: :b39:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร