วันเวลาปัจจุบัน 08 ก.ย. 2025, 14:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 482 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16 ... 33  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 19:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรส..ดูนี้..

ฟังแล้ว...เป็นผล..นั้น...เป็นยังงัย

eragon_joe เขียน:
http://puredhamma.com/1701a0619mo/

อ้างคำพูด:

“…ฟังธรรมไป ๆ จะทำให้มีความเห็นตรงได้ ฟังไป ๆ แก้ได้สองสามข้อแล้ว ฟังไปอีก ฝืนฟังไปมันจะมีฉันทะได้ ทำให้จิตของผู้ที่ฟังมีความผ่องใส มีความเห็นตรง ถ้าไม่ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ฟัง เข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ”




:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 20:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาดูนี้..ตัวจริง...เสียงจริง...ประสบการณ์จริง...จากการฟัง
https://www.naewna.com/likesara/385163

อ้างคำพูด:
ณ วัดถ้ำกลองเพล "พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ" ได้ถาม "หลวงปู่ขาว อนาลโย" ว่า ในอดีตที่ผ่านมาในครั้งพุทธกาลนั้นท่านได้สร้างบารมีมาอย่างไร ขอนิมนต์หลวงปู่เล่าความเป็นมาในอดีตให้ฟัง หลวงปู่ก็ยิ้มๆ แล้วเริ่มเล่าความเป็นมาในสมัยครั้งนั้น


ฟังครั้งแรก...

ฟังมิจฉา..ก็มีผลเป็นมิจฉา

อ้างคำพูด:
หลวงปู่บอกว่าในสมัยนั้น เฮาเป็นพระนวกะเพิ่งบวชใหม่ ยังไม่รู้จักความผิดถูกในธรรมวินัยดี ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติก็ยังไม่เข้าใจพอ แต่มีความหวังดีในการบวช มีความยินดีในการปฏิบัติ และอยากพ้นไปจากทุกข์ทั้งหลาย ในครั้งนั้นมีพระบวชใหม่ด้วยกันประมาณ 500 องค์ ทุกองค์ต่างก็ยังไม่รู้ในพระธรรมวินัยดี แล้วก็มีพระองค์ที่ท่านบวชก่อนมาชักชวนให้ไปเป็นหมู่คณะ โดยพูดว่า มีพระอาจารย์องค์หนึ่งท่านได้เป็นพระอรหันต์ มีความรู้เฉลียวฉลาดเฉียบแหลมมาก แนวทางปฏิบัติตรงต่อมรรคผลนิพพานทีเดียว มีข้อวัตรปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จึงทำให้ผู้ปฏิบัติถึงพระนิพพานได้เร็วขึ้น เฮาเองก็มีความเชื่อ เพราะอยากเป็นพระอรหันต์อยู่แล้ว พระผู้บวชเก่าองค์นั้นก็ได้พูดในลักษณะเดียวกันนี้ให้พระบวชใหม่ฟังอีกหลายองค์ ซึ่งทุกองค์ก็เชื่อแล้วยอมมอบตัวเป็นลูกศิษย์เพิ่มขึ้นมาอีก และพร้อมใจยินยอมตามไปด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วก็พากันออกเดินทางพร้อมกัน ทั้งหมดมีพระใหม่ประมาณ 500 องค์ เมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มีพระเถระผู้ใหญ่คอยอยู่ในที่นั้นแล้ว

จากนั้น ก็พากันเข้าไปกราบคารวะคอยรับฟังโอวาทต่อไป ขณะนั้นมีประธานสงฆ์ให้โอวาทว่า คณะสงฆ์ทั้งหมดต้องอยู่ในข้อปฏิบัติเดียวกัน 5 ประการ คือ 1) ไม่ฉันเนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นวัตร 2) ต้องอยู่ป่าเป็นวัตร 3) ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร 4) บิณฑบาตเป็นวัตร 5) อยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร

ทั้ง 5 ข้อนี้ให้พระสงฆ์ทุกองค์ถือเอาเป็นข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อาจารย์ใหญ่ที่เป็นประธานสงฆ์นั้นชื่อว่า พระเทวทัต องค์ที่รองลงมาชื่อว่า พระโกกาลิก และยังมีรองลงไปอีกหลายองค์ จากนั้น ก็พากันปฏิบัติในข้อบัญญัติ 3 ประการอย่างจริงจังทีเดียว


แล้ว...มีการฟังครั้งหลัง

ฟังสัมมา..ก็มีผลเป็นสัมมา

อ้างคำพูด:
ต่อมาไม่นานนักได้เห็นพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตรตามไป แล้วทำความสนิทสนมกับพระเทวทัตเป็นอย่างดี ในคืนหนึ่ง พระเทวทัตให้โอกาสแก่พระสารีบุตรได้แสดงธรรมแก่พระบวชใหม่ทั้งหลาย ในขณะนั้น เฮามีความเลื่อมใสในพระสารีบุตรมาก ท่านแสดงธรรมได้ไพเราะมีเหตุผลพอเชื่อถือได้ จึงคิดเปลี่ยนใจว่าเราจะขอติดตามกับท่านสารีบุตรไปอย่างแน่นอน

ในขณะนั้น พระเทวทัตผู้มีทิฏฐิสูงไม่ยอมฟังธรรมของพระสารีบุตร เอาแต่นอนเฉยไม่สนใจในการฟังธรรมเลย พระโกกาลิกก็พากันนอนฟังเช่นเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะอำนาจฤทธิ์ของพระโมคคัลลาน์ก็เป็นไปได้ จึงทำให้พระเทวทัตและพระโกกาลิกนอนหลับไปอย่างสนิททีเดียว

พระใหม่ทั้งหมดมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลาน์เป็นอย่างมาก เมื่อพระสารีบุตรพูดว่า จะพาพระใหม่ไปกราบพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทุกองค์ก็เตรียมพร้อมทันที เมื่อพร้อมกันแล้วพระใหม่ทั้งหมดก็ออกเดินทางตามพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตรไป


เอ้า..อ่านให้จบ...ไปเลย... :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
เฮาก็ได้เป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตรองค์หนึ่ง แต่เฮาก็ไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไรเลยในสมัยนั้น แต่มีความศรัทธายินดี เชื่อว่าการบวชนั้นอานิสงส์มาก และยินดีในการปฏิบัติ ยอมสละชีวิตอุทิศต่อพระพุทธศาสนาจวบจนวันตาย

จึงเป็นอันว่าหลวงปู่ขาวก็เคยเป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตรมาแล้วในอดีตชาติ ในชาติปัจจุบันของหลวงปู่ที่กำลังภาวนาปฏิบัติอยู่ ก็นิมิตเห็นพระสารีบุตรมาแสดงธรรมให้ฟังอยู่เสมอ นี่คือความเกี่ยวข้องกันมาในชาติอดีต ถึงท่านจะเข้าถึงพระนิพพานไปแล้วก็ตาม คุณธรรมในความเมตตานั้น ยังมาแสดงตนเป็นภาพในนิมิตเพื่อโปรดผู้ที่ยังตกอยู่กับโลกนั่นเอง ก็เหมือนกับท่านที่ไม่เคยเห็นครูอาจารย์มั่นมาก่อน แต่ทำไมท่านจึงมีนิมิตปรากฏเห็นท่านครูอาจารย์มั่นมาแสดงธรรมให้ฟังเป็นประจำเล่า เฮาก็เหมือนกัน ท่านพระสารีบุตรนิพพานไปนานแล้ว แต่เฮาก็เห็นนิมิตเห็นท่านมาสอนเช่นกัน

เรื่องอย่างนี้ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร หรืออาจารย์ทูลแต่งขึ้นเอง เพื่อความแน่ใจ ให้ไปถาม "ท่านอาจารย์บุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล" ดูก็แล้วกัน หลวงปู่ขาวเคยเปรยๆ ให้ฟังมาแล้ว แต่ท่านไม่ได้พูดมาก กลัวพระเณรจะไม่เข้าใจ ตัวอาจารย์ทูลได้ถามเรื่องนี้กับหลวงปู่ขาวโดยตรง หลวงปู่จึงได้เปิดเผยเรื่องนี้ทั้งหมดออกมาอย่างละเอียด และมีอาจารย์ทูลองค์เดียวเท่านั้นที่ได้รับฟังในเรื่องนี้ทั้งหมด

คัดลอกจากหนังสือ อัตโนประวัติพระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ วัดป่าบ้านค้อ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทราบไหมคะว่าค่าฟังนั้นแพงมากเพราะ
เงินซื้อไม่ได้และเสียเวลาไปแล้วย้อนเวลากลับไปฟังไม่ได้
มีแต่ต้องกำลังเพียรอดทนฟังตรงปัจจุบันขณะตอนลืมตาตื่นรู้เพื่อตามรู้จักกิเลสตนเองค่ะ
:b17: :b17:


:b32: :b32: :b32:

ฟัง...นั้นแพงมาก..จริงจริง...นั้นแหละ..

คุณโรส..ฟังนะ..ฟังตามนี้...เพียรอดทนฟัง..ให้ตรงปัจจุบัน..ขณะลืมตา..เพื่อรู้จักกิเลสตนเองนะ..ครับ


หลักการห้ามความคิด การใช้ความคิด ต้องฝึกทั้งสองอย่าง

:b32:
แน่ใจหรือว่าไม่ได้กำลังคิด
รู้ไหมว่าไม่คิดตอนไหน
555หลับสนิทไม่ฝันค่ะ
ที่ลืมตาเห็นแล้วนั้น
ปรากฏแล้วว่าคิด
ที่เห็นสิ่งใดๆ
นั่นน่ะคิด
ก็ไม่รู้
:b32: :b32:


ฟัง...ยังละ..คุณโรส.?.

ฟังแล้ว..เป็นยังงัยบ้าง?

:b12:
สงสัยหรือคะ...คนที่เขาฟังเข้าใจมันก็จบตรงเข้าใจสะสมปัญญาไปแล้ว
ส่วนคนที่ไม่ได้ทำฟังก็ทำไปตามที่ชอบที่ชอบๆทำก็ไปสู่ที่ชอบที่ชอบไงคะ
ฟังเข้าใจจบแล้วคิดต่อตามที่ลืมตาดูเห็นอะไรก็ผิดไปตามที่เห็นก็ขาดการฟังอยู่ไง
ถ้ากำลังทำฟังอยู่ต้องมีอาการว่าอย่างนี้นะเปิดคลิปดูมีเสียงเข้าหูตาก็ดูไปหูก็ฟังนึกตามคำที่ได้ยินไปเรื่อยๆ
https://youtu.be/ZCZp3TyvYZI
:b32: :b32:


:b32:

ถาม..นี้..ไม่ได้สงสัยหรอก...

เพราะรู้อยู่แล้วว่า..โรส..ไม่ฟัง...ดอก

:b12: :b12: :b12:

:b32:
อ่านก็ได้นะกบ...แต่คิดให้ตรงทีละ1คำ
:b16:
เห็นสีไม่ใช่เห็นมหาภูตรูปที่มีบัญญัติเรียกว่าคนสัตว์สิ่งของ
เพราะกายที่มีก็คือมหาภูตรูปและรู้ว่ามีมหาภูตรูปเมื่อสัมผัส
ไม่ใช่ดูมหาภูตรูปเพราะมหาภูตรูปมองเห็นไม่ได้คิดออกไหม
งม...หา...มหาภูตรูปคือสัมผัสแตะต้องนั้นมันมืดคร่าาาาาาาาา
และเห็นก็ไม่ได้เห็นมหาภูตรูปและไม่รู้ที่ตั้งจะรู้ที่ตั้งมหาภูตรูปตอนจับ
และตอนจับก็ไม่ได้รู้ทั้งก้อนรู้ทีละ1ลักษณะว่าเป็นธาตุอะไรทีละ1ธาตุไม่ปนกัน
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มาดูนี้..ตัวจริง...เสียงจริง...ประสบการณ์จริง...จากการฟัง
https://www.naewna.com/likesara/385163

อ้างคำพูด:
ณ วัดถ้ำกลองเพล "พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ" ได้ถาม "หลวงปู่ขาว อนาลโย" ว่า ในอดีตที่ผ่านมาในครั้งพุทธกาลนั้นท่านได้สร้างบารมีมาอย่างไร ขอนิมนต์หลวงปู่เล่าความเป็นมาในอดีตให้ฟัง หลวงปู่ก็ยิ้มๆ แล้วเริ่มเล่าความเป็นมาในสมัยครั้งนั้น


ฟังครั้งแรก...

ฟังมิจฉา..ก็มีผลเป็นมิจฉา

อ้างคำพูด:
หลวงปู่บอกว่าในสมัยนั้น เฮาเป็นพระนวกะเพิ่งบวชใหม่ ยังไม่รู้จักความผิดถูกในธรรมวินัยดี ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติก็ยังไม่เข้าใจพอ แต่มีความหวังดีในการบวช มีความยินดีในการปฏิบัติ และอยากพ้นไปจากทุกข์ทั้งหลาย ในครั้งนั้นมีพระบวชใหม่ด้วยกันประมาณ 500 องค์ ทุกองค์ต่างก็ยังไม่รู้ในพระธรรมวินัยดี แล้วก็มีพระองค์ที่ท่านบวชก่อนมาชักชวนให้ไปเป็นหมู่คณะ โดยพูดว่า มีพระอาจารย์องค์หนึ่งท่านได้เป็นพระอรหันต์ มีความรู้เฉลียวฉลาดเฉียบแหลมมาก แนวทางปฏิบัติตรงต่อมรรคผลนิพพานทีเดียว มีข้อวัตรปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จึงทำให้ผู้ปฏิบัติถึงพระนิพพานได้เร็วขึ้น เฮาเองก็มีความเชื่อ เพราะอยากเป็นพระอรหันต์อยู่แล้ว พระผู้บวชเก่าองค์นั้นก็ได้พูดในลักษณะเดียวกันนี้ให้พระบวชใหม่ฟังอีกหลายองค์ ซึ่งทุกองค์ก็เชื่อแล้วยอมมอบตัวเป็นลูกศิษย์เพิ่มขึ้นมาอีก และพร้อมใจยินยอมตามไปด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วก็พากันออกเดินทางพร้อมกัน ทั้งหมดมีพระใหม่ประมาณ 500 องค์ เมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มีพระเถระผู้ใหญ่คอยอยู่ในที่นั้นแล้ว

จากนั้น ก็พากันเข้าไปกราบคารวะคอยรับฟังโอวาทต่อไป ขณะนั้นมีประธานสงฆ์ให้โอวาทว่า คณะสงฆ์ทั้งหมดต้องอยู่ในข้อปฏิบัติเดียวกัน 5 ประการ คือ 1) ไม่ฉันเนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นวัตร 2) ต้องอยู่ป่าเป็นวัตร 3) ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร 4) บิณฑบาตเป็นวัตร 5) อยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร

ทั้ง 5 ข้อนี้ให้พระสงฆ์ทุกองค์ถือเอาเป็นข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อาจารย์ใหญ่ที่เป็นประธานสงฆ์นั้นชื่อว่า พระเทวทัต องค์ที่รองลงมาชื่อว่า พระโกกาลิก และยังมีรองลงไปอีกหลายองค์ จากนั้น ก็พากันปฏิบัติในข้อบัญญัติ 3 ประการอย่างจริงจังทีเดียว


แล้ว...มีการฟังครั้งหลัง

ฟังสัมมา..ก็มีผลเป็นสัมมา

อ้างคำพูด:
ต่อมาไม่นานนักได้เห็นพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตรตามไป แล้วทำความสนิทสนมกับพระเทวทัตเป็นอย่างดี ในคืนหนึ่ง พระเทวทัตให้โอกาสแก่พระสารีบุตรได้แสดงธรรมแก่พระบวชใหม่ทั้งหลาย ในขณะนั้น เฮามีความเลื่อมใสในพระสารีบุตรมาก ท่านแสดงธรรมได้ไพเราะมีเหตุผลพอเชื่อถือได้ จึงคิดเปลี่ยนใจว่าเราจะขอติดตามกับท่านสารีบุตรไปอย่างแน่นอน

ในขณะนั้น พระเทวทัตผู้มีทิฏฐิสูงไม่ยอมฟังธรรมของพระสารีบุตร เอาแต่นอนเฉยไม่สนใจในการฟังธรรมเลย พระโกกาลิกก็พากันนอนฟังเช่นเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะอำนาจฤทธิ์ของพระโมคคัลลาน์ก็เป็นไปได้ จึงทำให้พระเทวทัตและพระโกกาลิกนอนหลับไปอย่างสนิททีเดียว

พระใหม่ทั้งหมดมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระสารีบุตรและพระโมคคัลลาน์เป็นอย่างมาก เมื่อพระสารีบุตรพูดว่า จะพาพระใหม่ไปกราบพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทุกองค์ก็เตรียมพร้อมทันที เมื่อพร้อมกันแล้วพระใหม่ทั้งหมดก็ออกเดินทางตามพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตรไป


เอ้า..อ่านให้จบ...ไปเลย... :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
เฮาก็ได้เป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตรองค์หนึ่ง แต่เฮาก็ไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไรเลยในสมัยนั้น แต่มีความศรัทธายินดี เชื่อว่าการบวชนั้นอานิสงส์มาก และยินดีในการปฏิบัติ ยอมสละชีวิตอุทิศต่อพระพุทธศาสนาจวบจนวันตาย

จึงเป็นอันว่าหลวงปู่ขาวก็เคยเป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตรมาแล้วในอดีตชาติ ในชาติปัจจุบันของหลวงปู่ที่กำลังภาวนาปฏิบัติอยู่ ก็นิมิตเห็นพระสารีบุตรมาแสดงธรรมให้ฟังอยู่เสมอ นี่คือความเกี่ยวข้องกันมาในชาติอดีต ถึงท่านจะเข้าถึงพระนิพพานไปแล้วก็ตาม คุณธรรมในความเมตตานั้น ยังมาแสดงตนเป็นภาพในนิมิตเพื่อโปรดผู้ที่ยังตกอยู่กับโลกนั่นเอง ก็เหมือนกับท่านที่ไม่เคยเห็นครูอาจารย์มั่นมาก่อน แต่ทำไมท่านจึงมีนิมิตปรากฏเห็นท่านครูอาจารย์มั่นมาแสดงธรรมให้ฟังเป็นประจำเล่า เฮาก็เหมือนกัน ท่านพระสารีบุตรนิพพานไปนานแล้ว แต่เฮาก็เห็นนิมิตเห็นท่านมาสอนเช่นกัน

เรื่องอย่างนี้ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร หรืออาจารย์ทูลแต่งขึ้นเอง เพื่อความแน่ใจ ให้ไปถาม "ท่านอาจารย์บุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล" ดูก็แล้วกัน หลวงปู่ขาวเคยเปรยๆ ให้ฟังมาแล้ว แต่ท่านไม่ได้พูดมาก กลัวพระเณรจะไม่เข้าใจ ตัวอาจารย์ทูลได้ถามเรื่องนี้กับหลวงปู่ขาวโดยตรง หลวงปู่จึงได้เปิดเผยเรื่องนี้ทั้งหมดออกมาอย่างละเอียด และมีอาจารย์ทูลองค์เดียวเท่านั้นที่ได้รับฟังในเรื่องนี้ทั้งหมด

คัดลอกจากหนังสือ อัตโนประวัติพระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ วัดป่าบ้านค้อ



Kiss Kiss Kiss

ธรรมดี ๆ อย่างนี้ อ่านแล้วชุ่มใจ เอามาลงเยอะ ๆ อ๊บซ์
เอกอนชอบ ... :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทราบไหมคะว่าค่าฟังนั้นแพงมากเพราะ
เงินซื้อไม่ได้และเสียเวลาไปแล้วย้อนเวลากลับไปฟังไม่ได้
มีแต่ต้องกำลังเพียรอดทนฟังตรงปัจจุบันขณะตอนลืมตาตื่นรู้เพื่อตามรู้จักกิเลสตนเองค่ะ
:b17: :b17:


:b32: :b32: :b32:

ฟัง...นั้นแพงมาก..จริงจริง...นั้นแหละ..

คุณโรส..ฟังนะ..ฟังตามนี้...เพียรอดทนฟัง..ให้ตรงปัจจุบัน..ขณะลืมตา..เพื่อรู้จักกิเลสตนเองนะ..ครับ


หลักการห้ามความคิด การใช้ความคิด ต้องฝึกทั้งสองอย่าง


:b1: :b1: :b1:

เอกอนไม่ค่อยได้ฟังหลวงพ่อเทศน์
แต่เมื่อได้ฟัง หลวงพ่อเทศน์ได้น่าฟังมากเลย

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คุณโรส..ดูนี้..

ฟังแล้ว...เป็นผล..นั้น...เป็นยังงัย

eragon_joe เขียน:
http://puredhamma.com/1701a0619mo/

อ้างคำพูด:

“…ฟังธรรมไป ๆ จะทำให้มีความเห็นตรงได้ ฟังไป ๆ แก้ได้สองสามข้อแล้ว ฟังไปอีก ฝืนฟังไปมันจะมีฉันทะได้ ทำให้จิตของผู้ที่ฟังมีความผ่องใส มีความเห็นตรง ถ้าไม่ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ฟัง เข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ”




:b1: :b1: :b1:

ยึดติดตัวตนตัวเองไม่พอ
ยังไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน
หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง
พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่างนี้นะ
ให้ฟังคำสอนให้ไตร่ตรองตามให้
ถูกตรงตามคำสอนตรงที่กายตัวมี
รู้สึกตัวคือรู้เนื้อรู้ตัวว่ายังไม่รู้อะไรบ้าง
ไม่ใช่ไปดูพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้มันมีที่ไหน
ปัญญารู้ถูกตามคำสอนได้ตรงที่กายใจตนมีเท่านั้นไม่รู้หรือคะ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2018, 22:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทราบไหมคะว่าค่าฟังนั้นแพงมากเพราะ
เงินซื้อไม่ได้และเสียเวลาไปแล้วย้อนเวลากลับไปฟังไม่ได้
มีแต่ต้องกำลังเพียรอดทนฟังตรงปัจจุบันขณะตอนลืมตาตื่นรู้เพื่อตามรู้จักกิเลสตนเองค่ะ
:b17: :b17:


:b32: :b32: :b32:

ฟัง...นั้นแพงมาก..จริงจริง...นั้นแหละ..

คุณโรส..ฟังนะ..ฟังตามนี้...เพียรอดทนฟัง..ให้ตรงปัจจุบัน..ขณะลืมตา..เพื่อรู้จักกิเลสตนเองนะ..ครับ


หลักการห้ามความคิด การใช้ความคิด ต้องฝึกทั้งสองอย่าง


:b1: :b1: :b1:

เอกอนไม่ค่อยได้ฟังหลวงพ่อเทศน์
แต่เมื่อได้ฟัง หลวงพ่อเทศน์ได้น่าฟังมากเลย

:b16: :b16: :b16:

หามาลงอีกเยอะ ๆ ค่ะ

ธรรมดี ๆ ฟังแล้วเจริญใจ

:b16: :b16: :b16:

อะไรที่ไม่เจริญใจ ก็ปล่อยไป

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คุณโรส..ดูนี้..

ฟังแล้ว...เป็นผล..นั้น...เป็นยังงัย

eragon_joe เขียน:
http://puredhamma.com/1701a0619mo/

อ้างคำพูด:

“…ฟังธรรมไป ๆ จะทำให้มีความเห็นตรงได้ ฟังไป ๆ แก้ได้สองสามข้อแล้ว ฟังไปอีก ฝืนฟังไปมันจะมีฉันทะได้ ทำให้จิตของผู้ที่ฟังมีความผ่องใส มีความเห็นตรง ถ้าไม่ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ฟัง เข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ”




Rosarin เขียน:
:b1: :b1: :b1:

ยึดติดตัวตนตัวเองไม่พอ
ยังไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน
หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง

พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่างนี้นะ
ให้ฟังคำสอนให้ไตร่ตรองตามให้
ถูกตรงตามคำสอนตรงที่กายตัวมี
รู้สึกตัวคือรู้เนื้อรู้ตัวว่ายังไม่รู้อะไรบ้าง
ไม่ใช่ไปดูพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้มันมีที่ไหน
ปัญญารู้ถูกตามคำสอนได้ตรงที่กายใจตนมีเท่านั้นไม่รู้หรือคะ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


:b32: :b32:

1. " ยึดติดตัวตนตัวเองไม่พอ ยังไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน
หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง"


คุณโรส..กำลังว่าตัวเองอยู่...นะเนี้ย

ดูได้ง่าย..เลยว่า..ฟังแต่ ยูทูป..ของป้า..เท่านั้น...ไม่ฟังใคร
:b9: :b9: :b9:

2. คุณโรส..กล่าวหาว่า .."ไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง"

นี้..ก็ชัดว่า..คุณโรส..ตกเป็นทาสของความคิด..ของตน..เป็นกิเลสแล้วนะ..(อิอิ)..
หมกหมุ่นแต่ในความคิดของตน...จึงไร้ญาณ..ไร้ฌาณ...แยกแยะกุศลไม่ออก..ไม่รู้ที่ไหนมันชุ่มเย็น..ไม่รู้ที่ไหนมันน้ำเน่าเหม็น..อิอิ

คุณโรส..คราบ...ผมฟังใครนี้..ไม่ใช่เพราะคิดว่าท่านเป็นอรหันต์.อะไรดอก...ผมฟังที่เนื้อหาธรรมที่ท่านพูด..นะขอรับ..คุณโรสเดาความคิดผมผิดเพราะคุณโรสไม่มีดี..รู้ป้าว.. :b9: :b9:

3. กรรม..ที่มักตำนิพระ เป็นนิสัย...ว่าอรหันต์ไม่มี...
จึงบดบังปัญญา...มรรคผลนิพพานจึงไม่มีแก่ตน..
เลยไม่แปลกใจ...ทำไมจึงชอบฟังคนพูดดีแต่ศีลแปลก ๆ .. :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คุณโรส..ดูนี้..

ฟังแล้ว...เป็นผล..นั้น...เป็นยังงัย

eragon_joe เขียน:
http://puredhamma.com/1701a0619mo/

อ้างคำพูด:

“…ฟังธรรมไป ๆ จะทำให้มีความเห็นตรงได้ ฟังไป ๆ แก้ได้สองสามข้อแล้ว ฟังไปอีก ฝืนฟังไปมันจะมีฉันทะได้ ทำให้จิตของผู้ที่ฟังมีความผ่องใส มีความเห็นตรง ถ้าไม่ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ฟัง เข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ”




Rosarin เขียน:
:b1: :b1: :b1:

ยึดติดตัวตนตัวเองไม่พอ
ยังไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน
หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง

พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่างนี้นะ
ให้ฟังคำสอนให้ไตร่ตรองตามให้
ถูกตรงตามคำสอนตรงที่กายตัวมี
รู้สึกตัวคือรู้เนื้อรู้ตัวว่ายังไม่รู้อะไรบ้าง
ไม่ใช่ไปดูพระอรหันต์องค์นั้นองค์นี้มันมีที่ไหน
ปัญญารู้ถูกตามคำสอนได้ตรงที่กายใจตนมีเท่านั้นไม่รู้หรือคะ
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


:b32: :b32:

1. " ยึดติดตัวตนตัวเองไม่พอ ยังไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน
หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง"


คุณโรส..กำลังว่าตัวเองอยู่...นะเนี้ย

ดูได้ง่าย..เลยว่า..ฟังแต่ ยูทูป..ของป้า..เท่านั้น...ไม่ฟังใคร
:b9: :b9: :b9:

2. คุณโรส..กล่าวหาว่า .."ไปยึดติดตัวบุคคลที่ตน หลงเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้จริง"

นี้..ก็ชัดว่า..คุณโรส..ตกเป็นทาสของความคิด..ของตน..เป็นกิเลสแล้วนะ..(อิอิ)..
หมกหมุ่นแต่ในความคิดของตน...จึงไร้ญาณ..ไร้ฌาณ...แยกแยะกุศลไม่ออก..ไม่รู้ที่ไหนมันชุ่มเย็น..ไม่รู้ที่ไหนมันน้ำเน่าเหม็น..อิอิ

คุณโรส..คราบ...ผมฟังใครนี้..ไม่ใช่เพราะคิดว่าท่านเป็นอรหันต์.อะไรดอก...ผมฟังที่เนื้อหาธรรมที่ท่านพูด..นะขอรับ..คุณโรสเดาความคิดผมผิดเพราะคุณโรสไม่มีดี..รู้ป้าว.. :b9: :b9:

3. กรรม..ที่มักตำนิพระ เป็นนิสัย...ว่าอรหันต์ไม่มี...
จึงบดบังปัญญา...มรรคผลนิพพานจึงไม่มีแก่ตน..
เลยไม่แปลกใจ...ทำไมจึงชอบฟังคนพูดดีแต่ศีลแปลก ๆ .. :b32: :b32: :b32:

cool
หลักการง๊ายง่ายแสนจะง่ายมากที่สุดเลยจ้ะกบ
ที่กายใจตัวเองมีครบจิตทั้ง6ทางไม่ขาดตอนลืมตา
และตอนลืมตาเห็นและกำลังฟังคำสอนเรื่องเห็น
ถึงจะเข้าใจเห็นที่ตัวเองกำลังเห็นว่าผิดมาก
เพราะตถาคตแสดงว่าจิตเห็นแสงสี1สีค่ะ
ตาเนื้อตัวเองไม่ได้เห็นแค่สี1สีตรงไหม
สีล้วนสีเดียวเป็นยังไงลองไปเอา
กระดาษเปล่ามาบังหน้าแล้วก็
ลืมตาดูนั่นน่ะมีแค่1สีสะท้อนแสง
เข้าตาดำดับในตาดำไม่มีกระดาษ555
แค่หลับตาก็ขาดอายตนะทางตาแล้วดูให้ชัด
ตอนกะพริบตาเป็นจิตครบ6ทางขณะใหม่แล้ว
และรู้ป่าวกิเลสไหลออกมาจากจิตตัวเองตลอดเวลา
จนกว่าจะเริ่มมีเสียงความจริงให้ได้ยินว่าเห็นแค่สี1สีนะ
แล้วก็มืดตลอดเวลาที่มีจิตทางอื่นปรากฏเดี๋ยวนี้คิดมืดๆๆๆ
ถ้าตอนคิดมีแสงแปลว่ากำลังคิดเห็นผิดตรงๆไม่มีอ้อมคริคริคริ
เห็นกิเลสตนเองไหมถ้าฟังน้อยกว่าเห็นแปลว่ากิเลสใหม่เกิดมากกว่าปัญญา...เข้าใจบ๊อออออิอิอิ
:b16:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 10:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบรรยาย งาม ๆ
ฟังธรรมหลวงปู่กันดีกว่าค่ะ :b16:

:b8: :b8: :b8:



:b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 13:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b16: :b16:
ธรรมบรรยาย งาม ๆ
ฟังธรรมหลวงปู่กันดีกว่าค่ะ :b16:

:b8: :b8: :b8:



:b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 14:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอ๊บไปเล่นกระทู้เรากันครับ อิอิ

โดยมากคนเพ้อกาลามสูตรมักจะไม่เข้าใจว่าคือ อะไร พูดแต่ว่าอย่าเชื่อตามๆกันมา คนนี้คือคนอ่านพระสูตรหรือสอนกันมาผิดๆนะครับ

กาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนคือ ศรัทธาด้วยปัญญา คือ เชื่อเพราะรู้เห็นตามจริง มีความรู้ความเข้าใจถูกต้องตามจริง พิสูจน์ได้ ทบทวนตรวจสอบได้ เห็นผลได้ สัมผัสได้จริง


** ซึ่งแท้จริงแล้วในกาลามสูตร พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสสอนใน พละ ๕ นั่นเอง

1. ศรัทธาด้วยปัญญา จึงเกิดศรัทธาที่ประกอบด้วยศีล (จึงตรัสเรื่องกรรม ผลของกรรม การผิดศีลและมีศีล และกรรมอันละเว้นแล้วในพระสูตรด้วย เพื่อให้เห็นตามจริงและเกิดหิริโอตัปปะ)
2. ศรัทธาที่ประกอบด้วยศีลย่อมมีฉันทะปลงใจในศีล ตั้งมั่นในศีล เกิดเป็นความเพียรในศีล
3. ศีลและความเพียรทำให้เกิดสติมีกำลังเกิดขึ้น ความเพียรด้วยสติอันประกอบด้วยศีล คือ สัมมัปปธาน ๔ ทำให้สติตั้งมั่นด้วยกุศลในอินทรีย์ (เป็นอินทรีย์สังวร)
4. เมื่อสติตั้งมั่นถึงพร้อมด้วยกุศล ก็ทำให้จิตตั้งมั่นด้วยกุศลจดจ่อเป็นอารมณ์เดียวได้นานตาม ทำให้จิตมีกำลังไม่กวัดแกว่งตามความรู้สึกนึกคิดสมมติกิเลสของปลอม (หยั่งลงสู่ความสุจริตทั้งกาย วาจา และใจ)
5. จิตตั้งมั่นปราศจากกิเลสนิวรณ์เครื่องร้อยรัด ทำให้จิตมีกำลังคลายอุปาทานทั้งปวง เข้าไปรู้เห็นตามจริง รู้ของจริงต่างหากจากสมมติ (ญาณ) จิตน้อมลงมหาสติรู้เห็นของจริงในกาย เวทนา จิต ธรรม (ปัญญา) (พระพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงว่าภิกษุในธรรมวินัยนี้จะไปทิศใดย่อมแผ่ศีลไปสู่ทิศนั้น เพื่อเข้าถึงการทำอบรมจิตเป็นภาวนานั่นเอง)**

- แต่น้อยคนจะเข้าใจในพระสูตรนี้ตามจริง
- โดยส่วนมากจะรู้แค่ว่าเป็นเรื่องของความเชื่อแบบบอดี้สแลม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสสอนคนที่ยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา
- คนที่เข้าไปรู้เห็นธรรมได้ สัมผัสได้ ก็จะเข้าใจที่ผมพูดเองตามจริงเมื่ออ่านหรือเรียนในพระสสูตรนี้
:b32: :b32: :b32:

- คนที่เขาฉลาดจะแยกแยะความเชื่อ กุสโลบาย และความจริงออก จึงกลายเป็น ประเพณี วิถีชีวิต และการเจริญปฏิบัติ กฏระเบียบ สังคม ในการดำรงชีพถูก :b32: :b32: :b32:

- คนไม่รู้ก็อ้างกาลามสูตรไปเรื่อยตามปะสาคนหลงไปว่าอย่าเชื่อตามๆกันมา โดยไม่รู้ความหมายแท้จริงจากพระสูตรอันเป็นพระปัญญาและพระกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้ของพระพุทธเจ้า ทำให้หลงสิ่งที่มองไม่เห็นจนพลาดพลั้งทำกรรมชั่วมีมาก แต่ก็กรรมเขา เหมือนความเชื่อของเขาเรื่องทานว่าไม่มีผลพึงหวังไม่ได้ พระอรหันตไม่มีจริง พระอริยะสงฆ์ไม่มีจริง เขาก็เลยละเว้นทาน อานิสงส์จากทานเขาก็ไม่มี เขาจึงไม่นับถือพระอรหันต์ พระอริยะสงฆ์ เขาจึงทำอนันตริยกรรม

- สิ่งที่ลูบคลำไม่ได้ ยังเห็นจริงไม่ได้..ที่อัตตาหลงเชื่อก็เพราะขาดปัญญา ทั้งๆที่อ้างกาลามสูตร คนนี้โง่มากน่าสงสารนะ คิดว่าสิ่งนั้นคือปัญญาอันยิ่ง สิ่งนี้ๆถูกที่สุดสิ่งอื่นไม่มีอีก โดยที่ไม่รู้เหตุ ปัจจัย ให้ดำเนินไปสู่สิ่งนั้นได้เลย
- สิ่งที่หลงว่าเป็นปัญญาบางอย่างมีอยู่จริง มีทางให้เข้าถึงได้ แต่ตนทิ้งทางเข้าถึงมันไปแล้ว ก็จะไม่เห็นทางเข้าถึงที่ถูกตรงตามจริงอีกนอกจากความอนุมานเอา ก็เลยอัตตาไปไม่สิ้นสุด
- บางคนมีโอกาสไปอยู่กับพระอรหันต์ แต่ปฏิบัติเห็นตามไม่ได้ ก็ละเลยมาถือเอาสิ่งที่เขาพูดให้เชื่อตามๆกันมาว่าเป็นปัญญาอันยิ่ง ทั้งๆที่ไม่มีทางที่ตนจะเข้าถึงได้เลย ..เหตุเพราะให้ไปถึงตนละเสียแล้วนั่นเอง เพราะอัตตาเชื่อตามๆกันมาก็หลงผิดคิดชั่ว ก็พูดชั่ว ทำชั่วตามมา พระพุทธเจ้าก็สอนสัตว์ไม่ได้ทุกตัว อย่างน้อยสัตว์บางตัวก็หลงฟุ้งธรรมของพระพุทธเจ้าก็ปล่อยไปเสีย หากบุญบารมีเขามีพอเมื่อไหร่ เขาจะน้อมมาปฏิบัติเอง แล้วจะมองย้อนกลับไปจุดที่ตนเองหลุดออกมาว่า ช่วงเวลานั้นเราช่างโง่นัก

- แต่อีกประการบางคนก็ถือว่ามีโอกาสไม่มากจะเกิดมาเจอพระพุทธเจ้า สิ่งนี้เป็นปัญญา กรรมฐานมีได้ทั่วไป ก็เรียนศึกษาไว้ เพราะกลัวจะไม่มีโอกาสพบเจออีก แต่มันก็ได้แค่สัญญาไป จนลืมคิดไปว่า ๔๐ กรรมฐานนี้ก็คือ ปัญญาของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุดและจุดเชื่อมต่อไปยังวิปัสสนาที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าถึงญาณคือมรรคและปัญญาที่ตรงที่สุด ที่ทำให้ถึวความสิ้นทุกทั้งปวง ซึ่งกรรมฐาน ๔๐ อันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นทุกข์นี้มีแค่ในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น

ดังนั้นก็ปล่อยๆไปเสีย วันไหนเขาตันทาง เขาจะเข้าใจเองแหละ พระตถาคตยังทำได้แค่เป็นผู้บอกทางจะไปข่มเขาควายขืนให้กินหญ้ามันก็หนักเราเกินไปมันจะขวิดเอานะ :b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 26 ธ.ค. 2018, 16:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 16:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
ท่านอ๊บไปเล่นกระทู้เรากันครับ อิอิ

โดยมากคนเพ้อกาลามสูตรมักจะไม่เข้าใจว่าคือ อะไร พูดแต่ว่าอย่าเชื่อตามๆกันมา คนนี้คือคนอ่านพระสูตรหรือสอนกันมาผิดๆนะครับ

กาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนคือ ศรัทธาด้วยปัญญา คือ เชื่อเพราะรู้เห็นตามจริง มีความรู้ความเข้าใจถูกต้องตามจริง พิสูจน์ได้ ทบทวนตรวจสอบได้ เห็นผลได้ สัมผัสได้จริง


** ซึ่งแท้จริงแล้วในกาลามสูตร พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสสอนใน พละ ๕ นั่นเอง

1. ศรัทธาด้วยปัญญา จึงเกิดศรัทธาที่ประกอบด้วยศีล (จึงตรัสเรื่องกรรม ผลของกรรม การผิดศีลและมีศีล และกรรมอันละเว้นแล้วในพระสูตรด้วย เพื่อให้เห็นตามจริงและเกิดหิริโอตัปปะ)
2. ศรัทธาที่ประกอบด้วยศีลย่อมมีฉันทะปลงใจในศีล ตั้งมั่นในศีล เกิดเป็นความเพียรในศีล
3. ศีลและความเพียรทำให้เกิดสติมีกำลังเกิดขึ้น ความเพียรด้วยสติอันประกอบด้วยศีล คือ สัมมัปปธาน ๔ ทำให้สติตั้งมั่นด้วยกุศลในอินทรีย์ (เป็นอินทรีย์สังวร)
4. เมื่อสติตั้งมั่นถึงพร้อมด้วยกุศล ก็ทำให้จิตตั้งมั่นด้วยกุศลจดจ่อเป็นอารมณ์เดียวได้นานตาม ทำให้จิตมีกำลังไม่กวัดแกว่งตามความรู้สึกนึกคิดสมมติกิเลสของปลอม(หยั่งลงสู่ความสุจริตทั้งกาย วาจา และใจ)
5. จิตตั้งมั่นปราศจากกิเลสนิวรณ์เครื่องร้อยรัด ทำให้จิตมีกำลังคลายอุปาทานทั้งปวง เข้าไปรู้เห็นตามจริง รู้ของจริงต่างหากจากสมมติ(ญาณ) จิตน้อมลงมหาสติรู้เห็นของจริงในกาย เวทนา จิต ธรรม(ปัญญา) (พระพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงว่าภิกษุในธรรมวินัยนี้จะไปทิศใดย่อมแผ่ศีลไปสู่ทิศนั้น เพื่อเข้าถึงการทำอบรมจิตเป็นภาวนานั่นเอง)**

- แต่น้อยคนจะเข้าใจในพระสูตรนี้ตามจริง
- โดยส่วนมากจะรู้แค่ว่าเป็นเรื่องของความเชื่อแบบบอดี้สแลม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสสอนคนที่ยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา
- คนที่เข้าไปรู้เห็นธรรมได้ สัมผัสได้ ก็จะเข้าใจที่ผมพูดเองตามจริงเมื่ออ่านหรือเรียนในพระสสูตรนี้
:b32: :b32: :b32:

- คนที่เขาฉลาดจะแยกแยะความเชื่อ กุสโลบาย และความจริงออก จึงกลายเป็น ประเพณี วิถีชีวิต และการเจริญปฏิบัติ กฏระเบียบ สังคม ในการดำรงชีพถูก :b32: :b32: :b32:

- [u]คนไม่รู้ก็อ้างกาลามสูตรไปเรื่อยตามปะสาคนหลงไปว่าอย่าเชื่อตามๆกันมา โดยไม่รู้ความหมายแท้จริงจากพระสูตรอันเป็นพระปัญญาและพระกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้ของพระพุทธเจ้า ทำให้หลงสิ่งที่มองไม่เห็นจนพลาดพลั้งทำกรรมชั่วมีมาก แต่ก็กรรมเขา เหมือนความเชื่อของเขาเรื่องทานว่าไม่มีผลพึงหวังไม่ได้ พระอรหันตไม่มีจริง พระอริยะสงฆ์ไม่มีจริง เขาก็เลยละเว้นทาน อานิสงส์จากทานเขาก็ไม่มี เขาจึงไม่นับถือพระอรหันต์ พระอริยะสงฆ์ เขาจึงทำอนันตริยกรรม

- สิ่งที่ลูบคลำไม่ได้ ยังเห็นจริงไม่ได้..ที่อัตตาหลงเชื่อก็เพราะขาดปัญญา ทั้งๆที่อ้างกาลามสูตร คนนี้โง่มากน่าสงสารนะ คิดว่าสิ่งนั้นคือปัญญาอันยิ่ง สิ่งนี้ๆถูกที่สุดสิ่งอื่นไม่มีอีก โดยที่ไม่รู้เหตุ ปัจจัย ให้ดำเนินไปสู่สิ่งนั้นได้เลย
- สิ่งที่หลงว่าเป็นปัญญาบางอย่างมีอยู่จริง มีทางให้เข้าถึงได้ แต่ตนทิ้งทางเข้าถึงมันไปแล้ว ก็จะไม่เห็นทางเข้าถึงที่ถูกตรงตามจริงอีกนอกจากความอนุมานเอา ก็เลยอัตตาไปไม่สิ้นสุด
- บางคนมีโอกาสไปอยู่กับพระอรหันต์ แต่ปฏิบัติเห็นตามไม่ได้ ก็ละเลยมาถือเอาสิ่งที่เขาพูดให้เชื่อตามๆกันมาว่าเป็นปัญญาอันยิ่ง ทั้งๆที่ไม่มีทางที่ตนจะเข้าถึงได้เลย ..เหตุเพราะให้ไปถึงตนละเสียแล้วนั่นเอง เพราะอัตตาเชื่อตามๆกันมาก็หลงผิดคิดชั่ว ก็พูดชั่ว ทำชั่วตามมา พระพุทธเจ้าก็สอนสัตว์ไม่ได้ทุกตัว อย่างน้อยสัตว์บางตัวก็หลงฟุ้งธรรมของพระพุทธเจ้าก็ปล่อยไปเสีย หากบุญบารมีเขามีพอเมื่อไหร่ เขาจะน้อมมาปฏิบัติเอง แล้วจะมองย้อนกลับไปจุดที่ตนเองหลุดออกมาว่า ช่วงเวลานั้นเราช่างโง่นัก

- แต่อีกประการบางคนก็ถือว่ามีโอกาสไม่มากจะเกิดมาเจอพระพุทธเจ้า สิ่งนี้เป็นปัญญา กรรมฐานมีได้ทั่วไป ก็เรียนศึกษาไว้ เพราะกลัวจะไม่มีโอกาสพบเจออีก แต่มันก็ได้แค่สัญญาไป จนลืมคิดไปว่า ๔๐ กรรมฐานนี้ก็คือ ปัญญาของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุดและจุดเชื่อมต่อไปยังวิปัสสนาที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าถึงญาณคือมรรคและปัญญาที่ตรงที่สุด ที่ทำให้ถึวความสิ้นทุกทั้งปวง ซึ่งกรรมฐาน ๔๐ อันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นทุกข์นี้มีแค่ในพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น

ดังนั้นก็ปล่อยๆไปเสีย วันไหนเขาตันทาง เขาจะเข้าใจเองแหละ พระตถาคตยังทำได้แค่เป็นผู้บอกทางจะไปข่มเขาควายขืนให้กินหญ้ามันก็หนักเราเกินไปมันจะขวิดเอานะ :b32: :b32: :b32:


อิอิ ใช่ อ๊บซ์ ไปเล่นกระทู้่โน้นเถอะ ^^

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 18:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ธรรมบรรยาย งาม ๆ
ฟังธรรมหลวงปู่กันดีกว่าค่ะ :b16:

:b8: :b8: :b8:



:b48: :b48: :b48:

:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2018, 18:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

อิอิ ใช่ อ๊บซ์ ไปเล่นกระทู้่โน้นเถอะ ^^

:b16: :b16: :b16:


:b32: :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 482 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16 ... 33  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร