วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 04:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 219 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
ขณะนี้ที่กำลังมีเป็นสติหรือยัง
ถ้ายังก็คือไม่ตรงปัจจุบันแล้ว
เพราะสติระลึกตรงคำสัจจะ
ทีละ1คำที่รู้ตรง1ลักษณะ
จะรู้ที่ฐานใดก็ต้องจริง
ตรง1คำ1จริง1ทาง
ที่ตนสะสมจริงๆ
อย่างอื่นไม่มี
เข้าใจไหม
:b12: :b12:
onion onion onion


เอาสิ่งที่คุณโรสโพสสดๆร้อนๆเลยครับ

คุณโรสบอกว่า อย่างอื่นไม่มี นี่หมายความว่าอย่างไรครับ?

กำลังปฏิเสธเหตุปัจจัยแห่งธรรมหรือปล่าวครับ?

อันนี้ทักท้วงในฐานะพุทธบริษัท4ครับ
เดี๋ยวจะหาว่าเพ่งโทษ ไม่ได้เพ่งโทษด้วย

คุณโพสอย่างไร ผลก็ออกมาอย่างนั้น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
คุณโรส กำลังปฏิเสธ เหตุปัจจัยแห่งธรรมที่ปรากฎเป็นช่วงๆ

ก่อนที่คุณโรสจะมีชีวิตขึ้นมา เหตุปัจจัยได้ปรากฎมาเป็นคุณโรสทุกวันนี้ แม้ในทางธรรม คุณโรสจะไม่มีตัวตนที่แท้จริง เพราะธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา แต่เหตุปัจจัยได้ปรากฎในเรื่องของ สังขตะธรรม อยู่แล้ว

เคยอ่านพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าแสดงเรื่องของ ทิฏฐิมานะ ของคนบางกลุ่มไหมครับ

ปฏิเสธโลกหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ อย่างนี้คือมิจฉาทิฏฐิ

คุณโรสพยายามอธิบายในเรื่องสติ รู้ทีละคำ คำจริง ก็ขอ อนุโมทนา ตรงนี้

แต่อย่าลืมว่า การปรากฏขึ้นมาของธรรมต่างๆ มีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล

ทุกคนที่เป็นพุทธ ล้วนเชื่อและพยายามรักษาสติให้มั่นคงทั้งนั้น

คุณโรสพูดเหมือนคนในนี้ไม่มีสติ เรียนธรรมข้ามสติกันอย่างนั้นเหรอครับ?

Kiss
ทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงที่มีแล้วปรากฎตามความเป็นจริง
ผ่านอายตนะ6แค่กระพริบตา1ครั้งนับขณะจิตแต่ละ1นั้น
มีนับไม่ถ้วนการฝึกอบรมจิตต้องตามรู้สิ่งที่กำลังมีทีละ1ทาง
โดยจำเพาะหน้า1ลักษณะต้องตรงความจริงทีละทางตรงจริงๆ
ที่ตนตามรู้จนกว่าสติจะรวดเร็วรู้ทั่วถึงทั้ง6ทางเป็นสติสัมปชัญญะ
ถ้าไม่เริ่มจากช้าๆทีละ1ทาง1สภาพธรรมตามจริงที่จิตตนมีก็ไม่ตรง
หนทางถูกคือตามรู้สิ่งที่มีจริงทีละ1จนกว่าสติเร็วขึ้นเพราะชำนาญขึ้น
แค่ดับความเห็นผิดที่ไม่รู้ความจริงที่จิตตนมีก่อนจนกว่าจะตรงทางแท้จริง
จนกระทั่งสามารถรู้ทั่วถึงพร้อมทุกทางที่มีจริงๆที่เกิดกับสติปัญญาของตนตามปกติ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
สติปัฏฐานหมายถึงการเป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัญญา
ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วนั้นให้รู้ตามเป็นจริง
เพราะเป็นผู้มีปกติรู้ตรงความจริงเป็นอุชุปฏิปัณโณจริงๆ
https://m.youtube.com/watch?v=0v_FTmgLEVE
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
student เขียน:
คุณโรส กำลังปฏิเสธ เหตุปัจจัยแห่งธรรมที่ปรากฎเป็นช่วงๆ

ก่อนที่คุณโรสจะมีชีวิตขึ้นมา เหตุปัจจัยได้ปรากฎมาเป็นคุณโรสทุกวันนี้ แม้ในทางธรรม คุณโรสจะไม่มีตัวตนที่แท้จริง เพราะธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา แต่เหตุปัจจัยได้ปรากฎในเรื่องของ สังขตะธรรม อยู่แล้ว

เคยอ่านพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าแสดงเรื่องของ ทิฏฐิมานะ ของคนบางกลุ่มไหมครับ

ปฏิเสธโลกหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ อย่างนี้คือมิจฉาทิฏฐิ

คุณโรสพยายามอธิบายในเรื่องสติ รู้ทีละคำ คำจริง ก็ขอ อนุโมทนา ตรงนี้

แต่อย่าลืมว่า การปรากฏขึ้นมาของธรรมต่างๆ มีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล

ทุกคนที่เป็นพุทธ ล้วนเชื่อและพยายามรักษาสติให้มั่นคงทั้งนั้น

คุณโรสพูดเหมือนคนในนี้ไม่มีสติ เรียนธรรมข้ามสติกันอย่างนั้นเหรอครับ?

Kiss
ทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงที่มีแล้วปรากฎตามความเป็นจริง
ผ่านอายตนะ6แค่กระพริบตา1ครั้งนับขณะจิตแต่ละ1นั้น
มีนับไม่ถ้วนการฝึกอบรมจิตต้องตามรู้สิ่งที่กำลังมีทีละ1ทาง
โดยจำเพาะหน้า1ลักษณะต้องตรงความจริงทีละทางตรงจริงๆ
ที่ตนตามรู้จนกว่าสติจะรวดเร็วรู้ทั่วถึงทั้ง6ทางเป็นสติสัมปชัญญะ
ถ้าไม่เริ่มจากช้าๆทีละ1ทาง1สภาพธรรมตามจริงที่จิตตนมีก็ไม่ตรง
หนทางถูกคือตามรู้สิ่งที่มีจริงทีละ1จนกว่าสติเร็วขึ้นเพราะชำนาญขึ้น
แค่ดับความเห็นผิดที่ไม่รู้ความจริงที่จิตตนมีก่อนจนกว่าจะตรงทางแท้จริง
จนกระทั่งสามารถรู้ทั่วถึงพร้อมทุกทางที่มีจริงๆที่เกิดกับสติปัญญาของตนตามปกติ
onion onion onion


อายตนะ6กระทบกับอายตนะภายนอกก็คือ "ผัสสะ" นั่นแหละครับ
จะรวดเร็วแค่ไหนก็ผัสสะครับ

เรากำลังเรียนธรรมะฝ่าย "พิจารณานะครับ"ให้โพธิปักขิยธรรมสมบูรณ์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสก็พูดเองว่า อายตนะ6

ก็ตามเหตุปัจจัยคือเกิด "ผัสสะ" ครับ

ตามเหตุปัจจัยก็เกิดเวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกาปริเทวะ

ตามเหตุปัจจัยแห่งธรรมครับ ปฎิเสธปัจจัยแห่งธรรมไม่ได้ครับ

เพราะธรรมปรากฎขึ้นมาแล้ว

แล้วอะไรละครับที่จะเป็นทางสู่โพธิปักขิยธรรมที่สมบูรณ์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
สติปัฏฐานหมายถึงการเป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัญญา
ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วนั้นให้รู้ตามเป็นจริง
เพราะเป็นผู้มีปกติรู้ตรงความจริงเป็นอุชุปฏิปัณโณจริงๆ
https://m.youtube.com/watch?v=0v_FTmgLEVE
onion onion onion


แล้วอะไรล่ะครับที่เป็นธรรมเพื่อเข้าไปเจริญสติปัฏฐาน

อยู่ๆสติปัฏฐานจะเกิดเป็นองค์ธรรมขึ้นมาเหรอครับถ้าไม่มีเหตุ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เริ่มแรกคุณก็ต้องเห็นประโยชน์ของการเข้าไปปฏิบัติสติปัฏฐาน

แล้วเข้าไปเห็นประโยชน์ได้อย่างไรครับ

ใครในโลกนี้บอกไว้ไหม

ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดในโลกนี้ สัตว์โลกผู้ยังงมอยู่ในวงจรทุกข์ก็จะไม่มีทางเห็นทางสว่าง

ถึงได้ถามว่า.

ก่อนที่จะเรียนปฏิบัติสติปัฏฐาน คุณมีธรรมอะไรเป็นฐานให้เข้ามาปฏิบัติ

เพราะคุณเห็นประโยชน์ เห็นว่าเป็นหนทางแห่งวิชชา นำไปเพื่อดับทุกข์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย student เมื่อ 29 ก.ย. 2016, 23:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเรียนธรรม

เขาก็เห็นประโยชน์ของสติทุกคนนั่นแหละครับ

ไม่มีใครที่ไม่มุ่งความเพียรด้วยสติ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
ที่คุณกรัธกายถามๆ
ผมก็ตอบไปทุกข้อ
ไม่เว้นแม้แต่ข้อเดียว
ลองพิจารณาดูครับ

คำตอบทั้งหมดคือ การที่ผมเรียนๆมาแล้วทำให้เกิดความคิดเห็นแบบนี้
ไม่ใช่ว่ารู้หมดรู้ลึก แต่ตอบเท่าที่พิจารณา


ขอบคุณนะขอรับ จะได้ว่ากันต่อไป

เรื่อง "จงกรม" (เดินไปมาโดยมีสติกำกับการเดิน ซึ่งต่างจากเดินไปมาทั่วๆไป) เป็นกายานุปัสสนานะ ฝ่ายรูปธรรม มองเห็นด้วยตาเนื้อนะ :b1:


เรามาว่ากันต่อไป

ที่เหลือจะมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อเพราะเป็นฝ่ายนามธรรม

1. กายานุปัสสนา (ข้อนี้ผ่านไป)

2. เวทนานุปัสสนา

3.จิตตานุปัสสนา

4. ธัมมานุปัสสนา

สามข้อที่เหลือเป็นโพธิปักขิยธรรมไหม

1. เป็น

2. ไม่เป็น

3.อื่นๆ


ถ้ากายานุปัสสนามีโพธิปักขิยธรรมเป็นฐานแล้ว
ที่เป็นฝ่ายนาม ก็ถือว่าเป็นโพธิปักขิยธรรมครับ

เพราะนามธรรมคือปัจจัยแห่งขันธ์ 5 มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เป็นสังขตะธรรม



คุณ student จัดขันธ์ ๕ เข้าใน รูปธรรม, นามธรรมสิครับ


ขันธ์5 รูปขันธ์คือรูปธรรม เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ คือนามธรรมครับ


ขอบคุณครับ

คุณ student สงเคราะห์ สติปัฏฐาน 4 ลงในขันธ์ 5 สิครับ (ได้แค่ไหนก็แค่นั้น)


การเข้าไปศึกษาสัจธรรม ของนามรูป ที่เป็นสภาวะของสามัญลักษณะครับด้วยธรรมที่ปรากฏเป็นปัจจุบันอารมณ์


กรัชกายถามไม่ชัด หรือคุณ student เข้าใจคำถามผิด เอาใหม่นะครับ จะพิมพ์ให้เห็นภาพ แล้วคุณจัดเข้ากันหรือสงเคราะห์ให้ลงกัน ดู

สติปัฏฐาน มี 4 คือ

1. กายานุปัสสนา
2. เวทนานุปัสสนา
3. จิตตานุปัสสนา
4. ธัมมานุปัสสนา

ขันธ์ มี 5 คือ

1. รูปขันธ์
2. เวทนาขันธ์
3. สัญญาขันธ์
4. สังขารขันธ์
5. วิญญาณขันธ์

ข้อไหนเข้ากับข้อไหนได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเป็นนักรบมันต้องเข้าสู่สนามรบกับข้าศึกคือกิเลสซึ่งมันแสดงความเป็นตัวมันเองในรูปต่างๆแล้วๆเอาตัวรอดได้ จึงเรียกนักรบในสงครามชีวิต มี ตย.มาอีกแล้ว :b32:


เมื่อถึงเวลาที่ต้องนั่งสมาธิ เกิดปวดขาอย่างมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ทนนั่งจนหมดเวลา...ระหว่างที่ปวดมากๆ ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา และสู้เนื่องจากเคยได้ยินว่า "ไม่เคยมีใครตายจากการนั่งสมาธิ" รวมทั้งประโยคที่ว่า "นิพพานอยู่ฝั่งตาย" (จำไม่ได้ว่าเป็นของหลวงพ่อท่านไหนค่ะ) และคิดว่าตายเป็นตาย แต่จะไม่ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถก่อนหมดเวลาแน่นอน (ใจก็นึกถึงแต่พระพุทธเจ้าตลอดเวลาค่ะ)

เมื่อนาฬิกาดังหมดเวลา เราก็ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อคลายอาการปวดขา แต่เรารู้สึกว่า...ทันทีที่เราลืมตา เราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหู ทั้งๆที่เวลานั้นไม่ได้มีพระสวดมนต์อยู่ใกล้ๆค่ะ

ก่อนหน้านี้....เมื่อครั่งที่เราไปปฏิบัติธรรมครั้งแรก และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เราก็สวดแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลที่บ้าน เราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหูอีกเหมือนกัน ทั้งๆที่ใกล้ๆบ้านก็ไม่มีวัดและไม่มีใครเปิดวิทยุค่ะ (ตอนแรกนึกว่ามีพระสวดทำวัตรเย็นอยู่ใกล้ๆ แต่บ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้วัด )

แล้วก็เคยมีอีกครั้งนึง เราคุยกับแม่ แนะนำแม่เรื่องการไปปฎิบัติธรรม และชวนแม่ให้ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังแว่วในหูอีก

เสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน 2 ครั้งแรก จะได้ยินเพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงชม.ค่ะ แต่ครั้งล่าสุดได้ยิน(หลังจากนั่งสมาธิ) ดังนานหลาย ชม.ตั่งแต่ประมาณเกือบ 4 โมงเย็น จนถึงเวลานอนตอน 4 ทุ่มเลยค่ะ

เสียงสวดมนต์ดังกล่าว เป็นเสียงเหมือนพระสวดมนต์ ฟังจับใจความได้เป็นบางคำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นบทสวดอะไร

บางครั้งก็จะได้ยินเป็นเสียงดนตรีไทยบรรเลงอยู่ ระหว่างสวดมนต์และตอนเดินจงกรม ทั้งที่วัดและที่บ้าน ถามเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าได้ยินไหม เค้าบอกว่าไม่เห็นได้ยินอะไรเลย เราก็เลยไม่กล้าถามเค้าต่อ กลัวเขาว่าเราสติไม่ดี

เลยอยากถามผู้มีความรู้หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์ว่าเคยมีใครได้ยินเป็นลักษณะนี้บ้างหรือไม่ แล้วเป็นเสียงของใครเหรอคะ หรือว่าเราคิดมากไปเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
ที่คุณกรัธกายถามๆ
ผมก็ตอบไปทุกข้อ
ไม่เว้นแม้แต่ข้อเดียว
ลองพิจารณาดูครับ

คำตอบทั้งหมดคือ การที่ผมเรียนๆมาแล้วทำให้เกิดความคิดเห็นแบบนี้
ไม่ใช่ว่ารู้หมดรู้ลึก แต่ตอบเท่าที่พิจารณา


ขอบคุณนะขอรับ จะได้ว่ากันต่อไป

เรื่อง "จงกรม" (เดินไปมาโดยมีสติกำกับการเดิน ซึ่งต่างจากเดินไปมาทั่วๆไป) เป็นกายานุปัสสนานะ ฝ่ายรูปธรรม มองเห็นด้วยตาเนื้อนะ :b1:


เรามาว่ากันต่อไป

ที่เหลือจะมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อเพราะเป็นฝ่ายนามธรรม

1. กายานุปัสสนา (ข้อนี้ผ่านไป)

2. เวทนานุปัสสนา

3.จิตตานุปัสสนา

4. ธัมมานุปัสสนา

สามข้อที่เหลือเป็นโพธิปักขิยธรรมไหม

1. เป็น

2. ไม่เป็น

3.อื่นๆ


ถ้ากายานุปัสสนามีโพธิปักขิยธรรมเป็นฐานแล้ว
ที่เป็นฝ่ายนาม ก็ถือว่าเป็นโพธิปักขิยธรรมครับ

เพราะนามธรรมคือปัจจัยแห่งขันธ์ 5 มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เป็นสังขตะธรรม



คุณ student จัดขันธ์ ๕ เข้าใน รูปธรรม, นามธรรมสิครับ


ขันธ์5 รูปขันธ์คือรูปธรรม เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ คือนามธรรมครับ


ขอบคุณครับ

คุณ student สงเคราะห์ สติปัฏฐาน 4 ลงในขันธ์ 5 สิครับ (ได้แค่ไหนก็แค่นั้น)


การเข้าไปศึกษาสัจธรรม ของนามรูป ที่เป็นสภาวะของสามัญลักษณะครับด้วยธรรมที่ปรากฏเป็นปัจจุบันอารมณ์


กรัชกายถามไม่ชัด หรือคุณ student เข้าใจคำถามผิด เอาใหม่นะครับ จะพิมพ์ให้เห็นภาพ แล้วคุณจัดเข้ากันหรือสงเคราะห์ให้ลงกัน ดู

สติปัฏฐาน มี 4 คือ

1. กายานุปัสสนา
2. เวทนานุปัสสนา
3. จิตตานุปัสสนา
4. ธัมมานุปัสสนา

ขันธ์ มี 5 คือ

1. รูปขันธ์
2. เวทนาขันธ์
3. สัญญาขันธ์
4. สังขารขันธ์
5. วิญญาณขันธ์

ข้อไหนเข้ากับข้อไหนได้


จัดไม่เป็นหรอกครับคุณกรัธกาย
สิ่งที่ลึกซึ้งในสติปัฏฐานไม่ใช่ง่ายที่จะจัด mix and match

พอจะพิจารณาให้นึกภาพออกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นการพิจารณากาย เช่น อวัยวะต่างๆ
ปอด หัวใจ ตามัว ตาพร่ามัว น้ำเลือด สรุปคืออวัยวะต่างๆ ที่มีความเสื่อมเป็นธรรมดา

เอาความเห็นคุณกรัธกายด้วยครับ
ถามมาได้ แต่คุณกรัธกายก็ต้องให้ความเห็นด้วยว่าพิจารณาอย่างไร
จะmix and match ก็ตามสะดวกครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
ที่คุณกรัธกายถามๆ
ผมก็ตอบไปทุกข้อ
ไม่เว้นแม้แต่ข้อเดียว
ลองพิจารณาดูครับ

คำตอบทั้งหมดคือ การที่ผมเรียนๆมาแล้วทำให้เกิดความคิดเห็นแบบนี้
ไม่ใช่ว่ารู้หมดรู้ลึก แต่ตอบเท่าที่พิจารณา


ขอบคุณนะขอรับ จะได้ว่ากันต่อไป

เรื่อง "จงกรม" (เดินไปมาโดยมีสติกำกับการเดิน ซึ่งต่างจากเดินไปมาทั่วๆไป) เป็นกายานุปัสสนานะ ฝ่ายรูปธรรม มองเห็นด้วยตาเนื้อนะ :b1:


เรามาว่ากันต่อไป

ที่เหลือจะมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อเพราะเป็นฝ่ายนามธรรม

1. กายานุปัสสนา (ข้อนี้ผ่านไป)

2. เวทนานุปัสสนา

3.จิตตานุปัสสนา

4. ธัมมานุปัสสนา

สามข้อที่เหลือเป็นโพธิปักขิยธรรมไหม

1. เป็น

2. ไม่เป็น

3.อื่นๆ


ถ้ากายานุปัสสนามีโพธิปักขิยธรรมเป็นฐานแล้ว
ที่เป็นฝ่ายนาม ก็ถือว่าเป็นโพธิปักขิยธรรมครับ

เพราะนามธรรมคือปัจจัยแห่งขันธ์ 5 มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เป็นสังขตะธรรม



คุณ student จัดขันธ์ ๕ เข้าใน รูปธรรม, นามธรรมสิครับ


ขันธ์5 รูปขันธ์คือรูปธรรม เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ คือนามธรรมครับ


ขอบคุณครับ

คุณ student สงเคราะห์ สติปัฏฐาน 4 ลงในขันธ์ 5 สิครับ (ได้แค่ไหนก็แค่นั้น)


การเข้าไปศึกษาสัจธรรม ของนามรูป ที่เป็นสภาวะของสามัญลักษณะครับด้วยธรรมที่ปรากฏเป็นปัจจุบันอารมณ์


กรัชกายถามไม่ชัด หรือคุณ student เข้าใจคำถามผิด เอาใหม่นะครับ จะพิมพ์ให้เห็นภาพ แล้วคุณจัดเข้ากันหรือสงเคราะห์ให้ลงกัน ดู

สติปัฏฐาน มี 4 คือ

1. กายานุปัสสนา
2. เวทนานุปัสสนา
3. จิตตานุปัสสนา
4. ธัมมานุปัสสนา

ขันธ์ มี 5 คือ

1. รูปขันธ์
2. เวทนาขันธ์
3. สัญญาขันธ์
4. สังขารขันธ์
5. วิญญาณขันธ์

ข้อไหนเข้ากับข้อไหนได้


จัดไม่เป็นหรอกครับคุณกรัธกาย
สิ่งที่ลึกซึ้งในสติปัฏฐานไม่ใช่ง่ายที่จะจัด mix and match

พอจะพิจารณาให้นึกภาพออกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นการพิจารณากาย เช่น อวัยวะต่างๆ
ปอด หัวใจ ตามัว ตาพร่ามัว น้ำเลือด สรุปคืออวัยวะต่างๆ ที่มีความเสื่อมเป็นธรรมดา

เอาความเห็นคุณกรัธกายด้วยครับ
ถามมาได้ แต่คุณกรัธกายก็ต้องให้ความเห็นด้วยว่าพิจารณาอย่างไร
จะmix and match ก็ตามสะดวกครับ



ก่อนอื่น ถามอีกหน่อย แล้วทั้งสติปัฏฐาน 4 กับ ขันธ์ 5 ใช่ชีวิตของคนชีวิตหนึ่งๆไหม ตามความเข้าใจของคุณ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
สติปัฏฐานหมายถึงการเป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัญญา
ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วนั้นให้รู้ตามเป็นจริง
เพราะเป็นผู้มีปกติรู้ตรงความจริงเป็นอุชุปฏิปัณโณจริงๆ
https://m.youtube.com/watch?v=0v_FTmgLEVE
onion onion onion


แล้วอะไรล่ะครับที่เป็นธรรมเพื่อเข้าไปเจริญสติปัฏฐาน

อยู่ๆสติปัฏฐานจะเกิดเป็นองค์ธรรมขึ้นมาเหรอครับถ้าไม่มีเหตุ

Kiss
สติปัฏฐานเป็นกุศลธรรมล้วนๆไม่มีอกุศลธรรมค่ะ
การมีอุปาทานขันธ์ไม่สามารถถึงสติขั้นสติปัฏฐาน
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
คุณโรสก็พูดเองว่า อายตนะ6

ก็ตามเหตุปัจจัยคือเกิด "ผัสสะ" ครับ

ตามเหตุปัจจัยก็เกิดเวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกาปริเทวะ

ตามเหตุปัจจัยแห่งธรรมครับ ปฎิเสธปัจจัยแห่งธรรมไม่ได้ครับ

เพราะธรรมปรากฎขึ้นมาแล้ว

แล้วอะไรละครับที่จะเป็นทางสู่โพธิปักขิยธรรมที่สมบูรณ์

Kiss
สภาพธรรมแต่ละ1ขณะที่จิตรู้ตรงๆที่กำลังสะสม
คือจิต+เจตสิก+รูปมี2อย่างคือ1กุศล2อกุศล
เกิดไม่มีทางพร้อมกันสลับกันทั้ง6ทาง
มีสติรู้ตรงแต่ละทางที่สลับกันจริงๆ
คุณสติวเด้นมีสติเกิดระลึกตรง
ทางใดก่อนหลังคือสะสม
ความจริงที่ตนมีจริงๆ
แต่การระลึกเป็น
คำยาวๆบาลี
ไม่ใช่จริง
ที่ตนมี
รู้ยัง
:b12:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
สติปัฏฐานหมายถึงการเป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัญญา
ในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่ามีแล้วนั้นให้รู้ตามเป็นจริง
เพราะเป็นผู้มีปกติรู้ตรงความจริงเป็นอุชุปฏิปัณโณจริงๆ
https://m.youtube.com/watch?v=0v_FTmgLEVE
onion onion onion


แล้วอะไรล่ะครับที่เป็นธรรมเพื่อเข้าไปเจริญสติปัฏฐาน

อยู่ๆสติปัฏฐานจะเกิดเป็นองค์ธรรมขึ้นมาเหรอครับถ้าไม่มีเหตุ

Kiss
การระลึกรู้สภาพธรรมตามเป็นจริงที่จริงอย่างแท้จริงไม่มีชื่อ
แต่เป็นสติปัญญารู้ความจริงตามเป็นจริง1ทางตรง1ผัสสะ
รู้เป็นลักษณะธาตุได้เพียงธาตุเดียวที่1ขณะที่สะสมค่ะ
การระลึกได้ตรงทางสลับกันเป็นสติตรงความจริง
ที่แต่ละคนมีไม่ซ้ำกันและไม่เหมือนกันได้เลย
สติปัฏฐานแยกพิจารณาได้ตรงแต่ละฐาน
กาย เวทนา จิต ธรรม ไม่ปนกันแต่ละ1
ปัญญารู้ชัดทีละทางทีละอย่างจริงๆ
และต้องเป็นสติสัมปชัญญะที่รู้ทั่ว
เพราะเป็นกุศลธรรมล้วนๆแล้ว
ถ้าไม่ตรงคือไม่ใช่สติปัฏฐาน
ต้องถึงปกติสติสัมปชัญญะ
ไม่มีโมหะในอุปาทานขันธ์
รู้ทุกข์/ละสมุทัย/ถึงแล้ว
ซึ่งมรรคและผลคือถึง
อริยสัจจธรรมตามจริง
onion onion onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 219 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร