นี้แหละ....การทูตอีกแบบหนึ่ง...ดับอุณหภูมิอันสูงปรี๊ดที่ทะเลจีนใต้..ไปเลย

ถ้าปินส์คุยจีนได้...เวียตก็คุยได้...ถ้าตกลงแบ่งปันผลประโยชน์กันได้...ปินส์ก็ได้น้ำมัน..เวียตก็ได้น้ำมัน..ดีกว่าที่เป็นอยู่ไหนๆ..

ส่วนกับเมกา..ปินส์จะคุยตอนหลัง..ก็ย่อมได้..ไม่เสียหายอะไร...

การทูต..ที่วันนี้..ปินส์มีทางเลือกให้กับตัวเองมากขึ้น...ไม่ต้องจมอยู่กับความขัดแย้งที่ตัวเองก็ไม่ได้อะไร..นอกจากเป็นเวทีให้เมกาสร้างความขัดแย้งแล้วก็ขายอาวุธ...(สภาเมกายอมอนุญาติขายอาวุธให้เวียตไปแล้วด้วย)...

หันไปดูกองทัพไทย มีอาวุธเมกาเกือบ 100 %

เห็นคนบ่นถึงกรณีนี้กันประมาณว่า

วัฒนธรรมองค์กรของกองทัพคือ ของหลวงเอาให้ลูกเมียใช้ได้ แต่หน่วยงานราชการอื่น ข้าราชการชาร์จมือถือในที่ทำงานไม่ได้...

พอหันไปซื้อกริฟเฟ้น 39...ของสวีเดน...ก็โวยวายกันใหญ่โต..

ต่อไปคนเบี้ยน้อยหอยน้อย นั่งรถทัวร์จะได้กินกะเขามั่งแร้ว คิกๆๆ

โฆษกทบ. แจง 2 บ. 'ชลรัศมี งาทวีสุข’ คว้างานรัฐไม่เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน ชี้ธุรกิจมีมานานแล้ว แถมมากด้วยความสามารถ รัฐได้ ปย.สูง ระบุตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ขอให้สื่อ-สังคมฟังข้อเท็จจริง

.........

จากกรณีบริษัท งาทวีสุข จำกัด และบริษัท สื่อสายรุ้ง จำกัด ที่มี พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ และงานโฆษณาต่าง ๆ จากภาครัฐ ขณะที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมเมื่อปี 2551 และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เมื่อปี 2519 ระบุสาระสำคัญว่า ห้ามข้าราชการทหารมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะห้ามเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปยอมรับให้บริษัทห้างร้านของเอกชนเหล่านั้นอาศัยชื่อของตนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม...

ต่อ

http://www.isranews.org/isranews-news/i ... -5214.html

https://scontent.fbkk6-2.fna.fbcdn.net/ ... e=58727687


โทษฝ่ายตรงข้ามอีก รับแซบ

http://f.ptcdn.info/389/028/000/1423798 ... 8101-o.gif

จัดไป...

ลาออกจากกรรมการซะ...ขายหุ่นให้ญาติพี่น้องไป...ทีนี้คงไม่มีใครว่าอะไร.....เด้วโดนย้อนกลับไปหานายหัวแม้ว..

กบต่างดาวเอ้ย คนดีส่วนเดียวไม่มีหรอก เที่ยวจัดอีเว้นต์ต้านโกง จัดทำไม อิอิ

เป้าประสงค์ รปห. ได้แก่ อะไร บอกไปหลายครั้งแล้ว คิกๆๆ

“วีระ” อัด “วินธัย” ฟอกขาว “ชลรัศมี” เป็นเหยื่อการเมือง กลัวคนรู้ว่า คสช.ไม่ดีกว่า รบ.ในอดีต

(11 ต.ค.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้โพสต์ความเห็นลงเฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid กล่าวถึงประเด็นที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า กรณี พ.ต.หญิงชลรัศมี ผู้ประกาศข่าวประจำสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นคู่สัญญารับจ้างโฆษณาจากทางสถานี ไม่ถือเป็นการดำเนินการที่ส่อขัดผลประโยชน์ทับซ้อน ว่า

“พ.ต.หญิง ชลรัศมี รับราชการทหารกองทัพบก มาเปิดบริษัทรับงานกับกองทัพบก เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยประมวลจริยธรรม พ.ศ.2551 เป็นการยึดถือเอาผลประโยชน์ของตน มากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน”


และว่า “พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช.ออกมาให้สัมภาษณ์ชนิดฟอกดำให้เป็นขาว กล่าวหาสังคมว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ไม่หวังดี รังแก พ.ต.หญิง ชลรัศมี ให้ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ความจริงไม่มีใครเขากลั่นแกล้งใส่ความ แต่เธอทำตัวเองทั้งสิ้น ระเบียบหรือกฎหมายเขาไม่ได้บอกว่า ถ้าเป็นทหารผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ทำงานเก่ง มากความสามารถ แล้วจะสามารถเปิดบริษัทเข้าไปรับงานกับกองทัพบกที่เธอรับราชการอยู่ได้

พ.อ.วินธัย คุณรู้ได้อย่างไรว่า เธอทำด้วยความสุจริต ไม่รู้หรือว่าเธอเป็นใคร ใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกับบิ๊ก คสช.คนใด มีสำนักข่าวเปิดเผยว่าบริษัทของเธอมาเจริญรุ่งเรืองอย่างมากหลัง คสช.เข้ามามีอำนาจ บริษัทอื่นๆ ที่มีความสามารถมากกว่า ทำไมจึงพ่ายแพ้แก่บริษัทของเธอ ก็คงคล้ายๆ กับ หจก.รับเหมาก่อสร้างของลูกชายพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา นั่นแหละ

สรุปชัดๆ บริษัทของพ.ต. หญิง ชลรัศมี ได้ประโยชน์ ไม่ใช่รัฐได้ประโยชน์ เข้าใจนะ อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้”


“กรณีการกระทำที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน มันคือเรื่องการทุจริตนั่นเอง รัฐบาล คสช.ต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเป็นการยืนยันว่ารัฐบาล คสช.มีความจริงใจ มีความจริงจัง ในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าไม่กล้าตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ก็หมายความว่า คสช.กลัวความจริงจะปรากฎ และคนในสังคมจะรู้ความจริงว่า คสช.เป็นของปลอม รัฐบาล คสช.ก็ไม่ได้ดีไปกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆ มา มันก็เป็นอย่างนี้แหละ” นายวีระ กล่าว


https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_11008


เขาหาว่าหนูเป็น"เด็กเส้น" เมื่่อ 21 ก.พ. 2553

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/66190

ปัจจุบัน

https://twitter.com/dreamtuii/status/783892783350198272

ผบ.ทบ.แจงเปล่าเมินคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน 2519 ห้ามทหารทำธุรกิจ

เผยอะลุ่มอล่วยกัน หากไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด

ต่อ

http://www.thairath.co.th/content/751784


บ้างก็ว่าเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย บ้างก็ว่าอะลุ่มอล่วยกัน

ชลรัศมี ไม่ได้หนีหายไปไหน เพราะมีข่าวอื่นมากลบเท่านั้นนะ และไปโอนหุ้นให้พ่อเกลี้ยง

http://www.nanasara.org/forum/showthread.php?tid=5313

จิตสำนึกเจ้าหน้าที่รัฐ / โดย พระพยอม กัลยาโณ

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

การที่บริษัทเบียร์ หรือกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในบ้านเมือง มักจะเอาแม่ทัพนายกอง หรือพวกรองๆลงมา ทั้งทหาร และตำรวจระดับนายพล ที่เกษียณราชการแล้วไปเป็นที่ปรึกษา แต่ตอนนี้ยังไม่ทันเกษียณราชการก็เอาไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทแล้ว

คล้ายกับเอาผู้ใหญ่ที่มีบารมีไปคุ้มครองธุรกิจของตน ใครก็ไม่กล้าแตะต้อง ทั้งที่บริษัทผลิตน้ำเมาที่ให้ทั้งคุณและโทษ ส่วนใหญ่จะเป็นโทษมากกว่า คนเป็นทาสน้ำเมาจนเต็มบ้านเต็มเมือง เสียสติ เสียสตังค์ เสียสุขภาพ และเสียภาพลักษณ์ความเป็นชาวพุทธที่ดี

อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่ระดับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และยังเป็น สนช.(สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ไปรับเงินเดือนเป็นที่ปรึกษา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2558 ได้เงินเดือนเดือนละ 50,000 บาท

แม้ท่านผบช.น.จะบอกว่า เงินที่รับมาจะแจกจ่ายให้ลูกน้องเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่จากทำงานต่างๆ หรือค่าเบี้ยอะไรก็ตาม ซึ่งมีนิสัยเป็นลูกผู้ชายเหมือนกัน ได้เงินมาก็ไม่ได้เอามาเข้ากระเป๋าใช้แต่ผู้เดียว แต่คนทั่วไปก็ยังอดสงสัยแคลงใจไม่ได้ว่า ทำไมเงินเดือนระดับพลเอกก็มากโขอยู่ จะเอามาเลี้ยงลูกน้องก็น่าจะได้พอสมควร ทำไมต้องไปรับใช้เจ้าสัวนายทุนทั้งหลายอีก ถ้าบริษัทเกิดเรื่องอะไรก็คงต้องอาศัยบารมี ก็ต้องส่งผลต่อหน้าที่การทำงาน

ที่สำคัญยังมีคนให้ตรวจสอบว่า อย่างนี้ผิดมั้ย ทุจริตมั้ย เหยียบเรือสองแคม จับปลาสองมือ ทำให้การทำงานในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมีปัญหามั้ย ถ้าจับปลามือเดียวน่าจะทำงานทำประโยชน์ได้มากกว่า มั่นคงกว่า ดีกว่าเอาเวลาไปรับใช้นายทุนอย่างนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากขณะนี้ อาตมาเปิดสถานีโทรทัศน์ก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นด้วยหรือ ก็อยากจะฝากตำรวจผู้ใหญ่ นายทหารผู้ใหญ่ เมื่อเกษียณแล้วก็ควรมีศักดิ์ศรีเหมือนกัน มีตำแหน่งใหญ่แล้วก็ควรรักษาเกียรติยศให้คงอยู่ต่อไป อย่าเอาเกียรติยศไปสร้างความอัปยศอะไรขึ้นมาเลย เพราะจะสร้างความเสียหาย

ก็รู้ๆกันว่ามีอดีตแม่ทัพ อดีตผู้บัญชาการ ไปรับเงินจากนายทุน เจ้าสัวกันอยู่จำนวนไม่น้อย บางคนชื่อเสียงก็เงียบหายไป

นี่แหละมันจึงทำให้คนก็อยากซื้อตำแหน่ง ได้ตำแหน่ง ถ้าซื้อตำแหน่งได้แล้ว เงินทองก็ไหลมาเทมา ไม่ต้องไปรีดไปไถก็มีคนมายื่นให้ เสนอให้ แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ควร ไม่ดี เรื่องนี้จึงต้องไปสร้างจิตสำนึกการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากยังอยู่ในตำแหน่ง ยิ่งตำแหน่งสูงๆ ก็ไม่ควรไปรับส่วนเกินพวกนี้ ไปหาเศษหาเลยพวกนี้ ก็ลองไตร่ตรองเอาเองแล้วกัน สมองระดับนี้แล้ว ควรจะอยู่ให้เป็นขี้ปากเขานินทาหรือไม่ ทำอะไรก็อย่าให้เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย เดี๋ยวจะเสียกันไปมากกว่านี้

เจริญพร

http://www.lokwannee.com/web2013/?p=249745

โรงพักพักไว้ก่อน



ลูบหน้าปะจระเข้ขวางคลอง

รองอธิบดีฯ ยอมรับขโมยภาพโรงแรมญี่ปุ่นเพราะเมา ขอโทษคนไทย ลาออกทันที

https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_202073

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ สุภัฒ โชคไม่ดีก่อเหตุนอกประเทศ

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/848898

พูดยังไง พูดเหมือนกับว่า ก่อเหตุในประเทศโชคดี ?