วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2024, 05:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 286 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16 ... 20  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สวดซิ....

เงินทอง..ผมไม่แอ๊ป

บางคนแอ๊ป...ขอไม่มีเงิน..แต่ขอไปที่ชาติหน้า.. :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สวดซิ....

เงินทอง..ผมไม่แอ๊ป

บางคนแอ๊ป...ขอไม่มีเงิน..แต่ขอไปที่ชาติหน้า.. :b32:
ถ้าคิดว่าจะสวดเพราะความดื้อรั้นก็จงโง่ต่อไปนะกบตามสบายเลย. ส่วนเรื่องการอธิฐานของผม. ทุกวันนี้ยังตั้งใจต่อไปให้มากอย่าได้มีเลยเงินทองไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า ขอเพียงมีพุทธปัญญาก็เพียงพอแล้วกับชีวิตในสังสารวัฎ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 20:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเพิ่ม...ชาตินี้..ด้วย..

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มีเพิ่ม...ชาตินี้..ด้วย..

:b32: :b32:
กบเอ๋ยกบ ผมไม่ใช่เด็กมาเล่นขายของนะ ผมมาไกลกว่ากบจะเข้าใจได้นะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากบอกว่า..ไปลึกกว่าที่คิด...

จะเชื่อมากกว่า..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2015, 04:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากบอกว่า..ไปลึกกว่าที่คิด...

จะเชื่อมากกว่า..
อย่างน้อยผมก็ไม่ท่อง. เงินจงมาๆๆๆๆ55

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 05:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ปุถุชน..ทำมาหากินสุจริตนี้..ไม่ลงนรก

แต่..อไรยะ....จิบเหล้าแล้วกล่าวตู่....แถมพูดเท็จ..นี้...ไม่รู้ขึ้นหรือลง...

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 05:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
๒. วิตถตสูตร
ว่าด้วยเสขพละโดยพิสดาร


[๒] ภิกษุทั้งหลาย เสขพละ ๕ ประการนี้
เสขพละ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ

๑. สัทธาพละ
๒. หิริพละ
๓. โอตตัปปพละ
๔. วิริยพละ
๕. ปัญญาพละ

สัทธาพละ เป็นอย่างไร
คือ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศรัทธา คือเชื่อปัญญาเครื่องตรัสรู้ของ
ตถาคตว่า ‘แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต [๑. ปฐมปัณณาสก์]
๑. เสขพลวรรค ๒. วิตถตสูตร


หิริพละ เป็นอย่างไร
คือ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีหิริ คือละอายต่อกายทุจริต วจีทุจริต
มโนทุจริต ละอายต่อการประกอบบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย นี้เรียกว่า หิริพละ

โอตตัปปพละ เป็นอย่างไร
คือ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีโอตตัปปะ คือสะดุ้งกลัวต่อกายทุจริต
วจีทุจริต มโนทุจริต สะดุ้งกลัวต่อการประกอบบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย นี้เรียกว่า
โอตตัปปพละ

วิริยพละ เป็นอย่างไร
คือ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้อยู่ปรารภความเพียร๑ เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อให้
กุศลธรรมเกิด มีความเข้มแข็ง๒ มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้ง
หลายอยู่ นี้เรียกว่า วิริยพละ

ปัญญาพละ เป็นอย่างไร
คือ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีปัญญา คือประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่อง
พิจารณาเห็นทั้งความเกิดและความดับอันเป็นอริยะ๓ ชำแรกกิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์
โดยชอบ นี้เรียกว่า ปัญญาพละ

http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd22.htm


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 05:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
๔. ยถาภตสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดในนรกเหมือนถูกนำไปฝังไว้


[๔] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมดำรงอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำไปฝังไว้
ธรรม ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้

๑. เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒. เป็นผู้ไม่มีหิริ
๓. เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ

๔. เป็นผู้เกียจคร้าน
๕. เป็นผู้มีปัญญาทราม

ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมดำรงอยู่ในนรกเหมือนถูกนำ
ไปฝังไว้
ส่วนภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมดำรงอยู่ในสวรรค์เหมือนได้รับ
อัญเชิญไปประดิษฐานไว้


http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd22.htm

grin grin grin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 06:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
๔. ยถาภตสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดในนรกเหมือนถูกนำไปฝังไว้


[๔] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมดำรงอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำไปฝังไว้
ธรรม ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้

๑. เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒. เป็นผู้ไม่มีหิริ
๓. เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ

๔. เป็นผู้เกียจคร้าน
๕. เป็นผู้มีปัญญาทราม

ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมดำรงอยู่ในนรกเหมือนถูกนำ
ไปฝังไว้
ส่วนภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมดำรงอยู่ในสวรรค์เหมือนได้รับ
อัญเชิญไปประดิษฐานไว้


http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd22.htm

grin grin grin

:b12:
5555
grin
เหนื่อยที่ไปค้นตำราหาจนเจอเรื่องที่จะข่ม และเอาชนะ bigtoo ได้หรือครับคุณกบ

ชาตินี้มีโอกาสได้ถกเถียงกันเต็มที่ คงจะได้โอกาสดีมีนิพพิทาญาณเบื่อหน่ายคลายจางละวาง อภัย ให้อโหสิกันได้เสียทีนะครับ
:b46:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 06:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32:
ขอบคุณอโสกะที่เป็นห่วง...

ถ้ามีใครมาเต่ะตูด..อไรยะ...นี้แทน..ผมก็จะเฉยละ...ไม่ต้องทำงาน..สบายจะตายไป... :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
๔. ยถาภตสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดในนรกเหมือนถูกนำไปฝังไว้


[๔] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมดำรงอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำไปฝังไว้
ธรรม ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้

๑. เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
๒. เป็นผู้ไม่มีหิริ
๓. เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ

๔. เป็นผู้เกียจคร้าน
๕. เป็นผู้มีปัญญาทราม

ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมดำรงอยู่ในนรกเหมือนถูกนำ
ไปฝังไว้
ส่วนภิกษุประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมดำรงอยู่ในสวรรค์เหมือนได้รับ
อัญเชิญไปประดิษฐานไว้


http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd22.htm

grin grin grin

:b12:
5555
grin
เหนื่อยที่ไปค้นตำราหาจนเจอเรื่องที่จะข่ม และเอาชนะ bigtoo ได้หรือครับคุณกบ

ชาตินี้มีโอกาสได้ถกเถียงกันเต็มที่ คงจะได้โอกาสดีมีนิพพิทาญาณเบื่อหน่ายคลายจางละวาง อภัย ให้อโหสิกันได้เสียทีนะครับ
:b46:
นั้นไม่ใช่เรื่องจะข่มได้เลยที่กบยกมา. นั้นเป็นธรรมดาของการมีชีวิตอยู่บนเส้นทางธรรมจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านั้น. แต่การที่จะตัดจะละอะไรมันเป็นคนละฐานะ ขัดเจนอยู่แล้วที่พระองค์ตรัสไว้ ไม่มีใครจะมีสติที่จะรักษาอะไรได้ครบตามที่พระองค์สอน. นอกจากอรหันต์.

คนที่แสดงธรรมในฝ่ายดีอย่างเดียว ยังเป็นผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงความจริงเป็นเพียงผู้ที่ท่องตำรา. และท่องแบบไร้ปัญญา. เงินจงมาๆๆๆจึงเกิดแก่ผู้นั้น พระองค์ทรงรู้ความยิ่งและหย่อนของอินทรีย์. จึงแสดงตามฐานะและอฐานะว่าฐานะใดลดละเลิกอะไรได้จริง. ไม่ใช่ตีขุมเอาจนอริยะเป็นหุ่นยนต์. ยังโง่อีกเยอะที่ไม่ยอมดูพระสูตรอื่นๆ. ประกอบ. อกุศลกรรมบท 10 กิเลากรรม4อย่างที่อริยเลิกได้. ทางเสื่อม6ประการเป็นไฉน? ศิลว่าด้วยเจตนา กลิ่นดิบ และอื่นๆอีก.

และคนที่ยังหลงอยู่ ไม่มีทางวินิจฉัยพระสูตรได้ตรง. ถ้าวินิจฉัยพระสูตรได้ตรงคงไม่ท่องอะไรเพ้อเจ้อ. เงินจงมาๆๆๆแน่นอน เพราะนั่นเรื่องง่ายๆยังเละอยู่เลย จะมาวินิจฉัยอะไรที่ลึกซึ้งได้เกี่ยวกับชีวิตที่มีความหลากหลาย. นอกจากผู้นั้นจะมีประสบการณ์ที่โชกโชน เราไม่ได้มาคุยกันในเรื่องความดีเพื่อเข้าถึงชั้นสวรรค์เข้าถึงเทพนิกายชั้นต่างๆ. เราคุยกันถึงการข้ามโคตรภูมิปุถุชนจึงต้องมีความเห็นถูกและตรงนะครับ. แต่ถ้าจะเอาสวรรค์ชั้นฟ้า ผมไม่ต้องมาคุยหรอก. ท่านๆทั้งหลายในที่นี้ก็ล้วนแต่มีโอกาสได้สวรรค์เป็นที่ไปทั้งนั้น เพราะคนที่มีนรกเป็นที่ไปเขาไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอกครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 22 ต.ค. 2015, 18:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 12:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32:
ขอบคุณอโสกะที่เป็นห่วง...

ถ้ามีใครมาเต่ะตูด..อไรยะ...นี้แทน..ผมก็จะเฉยละ...ไม่ต้องทำงาน..สบายจะตายไป... :b9:

s004
กรรมของใคร วิบากของใครก็รับกันไปเองแหละ จะมีใครมาช่วยเตะตูด

"อะไรยะ" ให้ใครได้ ไม่พอใจ มีพยาบาทนิวรณ์เกิดขึ้นกับใครก็ต้องไปเตะเอาเองถ้าระงับไม่อยู่ขุดถอนไม่ได้เพราะไม่แยบคายไม่รู้วิธี
:b17: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2015, 13:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
สังโยชน์ที่ ๕ เรียกว่า ปฏิฆะ- ความรู้สึกไม่ชอบใจ หงุดหงิด กระทบกระทั่งแห่ง
จิต จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ได้, หรือแม้แต่โกรธอยู่เล็กน้อย หงุดหงิด หงุดหงิด
นิดๆ อยู่ในใจก็ได้ เรียกว่า ปฏิฆะทั้งนั้น แหละคือ ความโกรธ ทั้งนั้นแหละ ความ
กระทบกระทั่งแห่งจิต คือจิตไม่ชอบใจ, จิตดิ้นรนด้วยสิ่งที่มากระทบกระทั่ง เรียก
ว่า ปฏิฆะ บางทีไม่มีเหตุผลอะไรก็เกิดปฏิฆะขึ้นมาได้ด้วยความคิดที่ผิดๆ ความจำ
แต่หนหลังนานแล้วก็เอามาคิดนึกให้จิตเกิดปฏิฆะ กระทบกระทั่งอย่างนี้ก็ได้. ที่เป็น
ปัญหาโดยมากมันเป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องของสัญญาในอดีต เอามาคิดให้กระทบ
กระทั่งในจิตใจ ให้มันมากกว่าที่จะมีเรื่องจริงเฉพาะหน้าเข้ามากระทบ, ถึงเรื่อง
จริงเข้ามาเฉพาะหน้ากระทบ มันก็เป็นปฏิฆะเหมือนกัน; แต่ดูมันจะหายไปเร็วกว่า
ที่ว่าจะไปเอาเรื่องเก่าๆ ในอดีตในความจำมาคิดมานึกแล้วเกิดปฏิฆะ. แล้วเราก็อยู่
ด้วยความปฏิฆะ ไม่พอใจได้ง่าย, เดี๋ยวก็ด่าฝน, เดี๋ยวก็ด่าแดด, เดี๋ยวก็ด่าลม, เดี๋ยว
ก็ไม่พอใจอะไรๆ ที่มันเข้ามาเกี่ยวข้องมาถูกต้อง; นี้มันปฏิฆะ อยู่ที่กรุงเทพฯ คงจะ
ปฏิฆะด้วยยุงมากกว่าที่นี่, ไม่มีความปกติแห่งจิต มันปฏิฆะมันหงุดหงิด หงุดหงิด,
ถ้ามีจิตใจสูงพอ มันก็ไม่ต้องเป็น

เดี๋ยวนี้มันมีความเห็นแก่ตน พอไม่ได้อย่างตนต้องการมันก็ปฏิฆะ, แล้วมันโกรธ
หรือปฏิฆะมากกว่าความเป็นจริง เรามักจะโกรธอะไรมากเกินกว่าความเป็นจริง;
เช่น ยุงกัดนิดเดียวมันโกรธตั้ง ๑๐ เท่า ๑๐๐๐ เท่า เหมือนกับเป็นเรื่องใหญ่
เรื่องโต นี่มันเป็นสัญชาตญาณอันหนึ่ง มีการกระทบกระทั่งแห่งจิต เพราะมี
สัญชาตญาณตัวตน ไม่อยากให้อะไรมาลบหลู่ ดูหมิ่นตน, ไม่อยากให้มากระทบ
กระทั่งตน, ไม่อยากให้มาทำความเจ็บปวด แม้แต่รำคาญให้แก่ตน; แมลงวันหรือ
แมลงหวี่มาตอมที่ตา ก็โมโหโทโสเป็นยักษ์เป็นมาร, ถึงขนาดเป็นยักษ์เป็นมารก็ได้
นะ แมลงหวี่มาตอมที่ตา คิดดูให้ดีว่า ปฏิฆะนี่ก็ไม่ใช่ของเล่น มันเป็นของที่ทำลาย
ความสงบสุขความเยือกเย็นแห่งจิต.

:b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2015, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องของมิเตอร์หรือเครื่องมือที่จะช่วยชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมากันพอสมควรแล้ว คงถึงเวลาที่เราจะได้รู้จักมิเตอร์วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมตัวที่ละเอียดขึ้นไปอีกนะครับ

ความโลภ เป็นเครื่องมือประเภทที่ 2 ที่ใช้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้ดีแต่ต้องใช้ความสังเกตหรือปัญญาสัมมาสังกัปปะที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น จะวัดตัวเองหรือผู้คนที่เราพบเห็นคบค้าสมาคมด้วยก็ได้

โลภะมิเตอร์ นี้ถ้าใช้ตอนไปตักอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือตอนตักอาหารในวัดป่าทั้งหลายที่เขากินในภาชนะเดียวเหมือนบาตร เช่นกินข้าวในกาละมัง

ถ้าเราตั้งความสังเกตจิตให้ดีเราจะเห็นตัวโลภะที่ยังเหลือค้างในจิตใจโผล่ขึ้นมาชัดมาก โดยดูจากปริมาณและชนิดของอาหารที่ตักมาทั้งของเราและผู้อื่น
ลองสังเกตกันดูก่อนนะครับแล้วค่อยมาสนทนากันต่อไป

s004


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 286 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16 ... 20  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร