cool เถียงกัน เพราะใช้ความหมายคนละระดับกัน
เวลาที่มีการเถียงกันแบบนี้ เรามักจะนึกถึงกรณีแต่ก่อน ที่เถียงกันว่า วิญญาณขันธ์คือจิตหรือไม่.

ท่านกบ เขาใช้ความหมายเหมือนกับที่คนอื่นๆ ทั่วไปใช้ (รวมถึงตัวเราเองด้วย)
เช่น เคยฆ่าไก่กิน 2 วัน 1 ตัว, กินเจ 10 วัน ก็ละเว้นการฆ่าไก่ไป 5 ตัว. แน่นอน ไก่ในเล้าย่อมตายทุกตัวอยู่แล้ว แต่ท่านกบ เขาก็ละเว้นการฆ่าไป 5 ครั้ง.

ส่วนท่าน amazing ท่านคิดมากเกินไป, มากเกินกว่าที่ควรจะคิด.
ท่านคิดว่า ต่อให้กินเจยังไง ไก่ในเล้ามันก็ต้องโดนเจี๋ยนอยู่ดี, ซึ่งก็จริง. เพราะพอท่านกบเลิกกินเจ 10 วัน ไก่ในเล้าก็หนีการโดนเจี๋ยนไปไม่พ้น.

คนหนึ่งพูดในมุมของกรรมปัจจุบัน, อีกคนพูดในมุมของวิบากกรรมเก่า.
คนหนึ่งพูดในมุมของคน, อีกคนพูดในมุมของสัตว์.

เถียงกันยังไงก็ไม่มีวันจบ เพราะก็ถูกกันทั้งนั้น.

มันคล้ายๆ กับว่า ถ้าเราป่วย เราจะรักษาทำไม. ในเมื่อถึงที่สุดแล้ว เราทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี.
คือมองที่จุดต้นและจุดปลาย โดยไม่ได้มองถึงตรงกลางระหว่างนั้น

ในอดีต การกินเจเป็นการลดการฆ่าสัตว์ (ของผู้กินเจ). แต่ไม่ได้ไถ่ชีวิตให้กับสัตว์ ที่รอจะถูกกินหลังพ้นเทศกาล. แล้วถ้ามองในมุมของ amazing, ถึงจะไถ่ชีวิต มันก็อาจจะถูกรถทับตายก็ได้


แถมให้นะ
เรื่องของกรรมเป็น อจินไตย ไม่ได้แปลว่าไม่ควรคิด. แต่มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าความคิดของมนุษย์ จะสามารถเข้าใจได้

มนุษย์มีระบบความคิดแบบ 3 มิติ (อะไรๆ ต้องเป็นชิ้นๆ เป็นตัวๆ) แต่...

พุทธวิสัย ต้องใช้ระบบความคิดแบบ 0 มิติจึงจะเข้าใจได้ (Singularity). การตรัสรู้ คือการเข้าถึง สัญญาของพรหม ในร่างมนุษย์ หรือที่เขาเรียกว่า โพธิญาณ. ถ้าเอาแบบไซไฟก็คือ ผู้สร้างในร่างมนุษย์. The creator in human form แปลแบบนี้ได้มะ

กรรมวิสัย เป็นเรื่องของระบบ 1 มิติ. เป็นระบบพื้นฐานของทุกสิ่งในกามภพ. อะไรๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นในกามภพ (เอกภพ) ก็ล้วนมีพื้นฐานมาจากกรรมทั้งสิ้น.

โลกวิสัย เป็นเรื่องของ ระนาบ 2 มิติ, มนุษย์เรา เจอระบบ 2 มิตินี้เข้าไปก็แป๊กแล้ว ตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ในโลกปัจจุบันก็คือ แสงหรือโฟตอน. นักวิทย์แค่รู้ว่ามันคือ อนุภาคพิเศษ. แต่มันคืออนุภาคแน่หรือ, หรือจะนับรวมควอนตัมเข้าไปด้วยก็ได้ ที่มีเรื่องที่ขัดกับสามัญสำนึกมากมาย.
ที่ดังๆ ก็คือการเคลื่อนที่ในลักษณะ teleport (โผล่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งทันที).

ฌานวิสัย เป็นการรับรู้ในสภาวะแบบ 2 มิติ. อืม... ไม่รู้จะขยายความยังไง

เพราะงั้น อย่าใส่ใจเรื่องกรรมเก่ามาก, สนใจที่กรรมปัจจุบันนี่แหล่ะ

จบล่ะ

ผมพุดในหลักพุทธมันไม่ได้เกิดประโยชน์เลยในทางธรรมแก่ตัวเอง10วันเขาไม่กินเนื้อสัตว์รวมน้ำหนักสักสองกิโลน่าจะได้นะ เท่ากับตัวเขาไม่ฆ่าไก่เพียงตัวเดียวเอง. กรรมในอดีตที่ทำกันมันมากมายสาหัสตั้งไม่รุ้เท่าไรต่อเท่าไรทำไมไม่แก้. มาสนใจงดไก่ตายแค่ตึเดียวนี่นะผมกลุ่มใจผัวเมียทะเลาะกันมากมายเพราะเรื่องไม่ใช่เรืองเพราะกินเจนี้แหละ

เราจะแก้กรรมนอดีตได้อย่างไร บอกเขาไปดิ แล้วอดีตตั้งแต่ชาติไหนบ้าง

มรรคนี้ไงครับ กรรมแก้ให้ตายก็ไม่หมด. แต่ถ้าจะตัดขาดก็ต้องตัควงจรของขันธ์5งับ

ที่ห้ามนั้นจะเพราะเป็นสาเหตุอันใดนั้นและไม่ห้ามนั้นจะเป็นเพราะสาเตุอันใด กบแสดงบ้างสิว่าจะตรงใจแมสซิ่งป่าว

ผมถามอเมสซิ้ง..และรู้ว่าอเมสซิ้งตอบไม่ได้หรอก...ขืนตอบออกมามันก็เข้าตัว...

ตัดวงจรของขันธ์ 5 มิตายหรือ กะลังจะค้านกับการปฏิบัิตของตนเองที่ว่าด้วยอานาปานะแระ

ไม่ควรพูดคำศัพท์บ่อยนะครับ เช่น มรรค คิกๆๆ

กบเอยกบน้อยแค่นี้ก็ไม่เข้าใจกรรมนะมันเล่นงานได้เฉพาะระบบที่มีขันธ์5 ถ้าเราสามารถออกจากระบบของขันธ์5ได้ก็จบกัน. มันค้านอานาปานตรงไหนกับ. สงสัยกบจะเป็นข้าศึกต่อพระศาสดาแล้วล่ะ

เห็นแล้วอดคันปากไม่ได้นะ พูดกันจัง ขันธ์ 5 ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ออกจากระบบ ขันธ์ 5 ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พูดเป็นคุ้งเป็นแคว เอาเข้าจริงไม่รู้ว่าขันธ์ 5 มันอยู่ที่ไหน แล้วจะออกจากระบบมันยังไง ในเมื่อไม่่รู้มัันอยู่ไหน แล้วจะออกยังไง ออกไปไหน คิกๆๆ

หาอะไรมาตบปากสิถ้ามันคันมาก. คิดว่ารุ้อยุ่คนเดียวล่ะมั้งกรัช อานาปานสติไงกรัชที่เป็นทางออก

เอาแบบไม่ต้องคำศัพท์นะ ขันธ์ 5 มันอะไร อยู่ที่ไหน นี่พูดจริงๆ พูดกันบ่อยๆมาก เหมือนเป็นคำสามัญไปแล้ว

กรัชกายไปซื้อขันมาห้าใบ. เอามาวางเรียงกันนั้นแหล่ะมันก็มีเท่านั้น

พูดเป็นเล่นไป พูดเอาการเอางานน่ะ ที่พูดสามัญ คือ ขันธ์ 5 ดับขันธ์ 5 เกิด ดับๆ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่พอลงในรายละเอียด ไปกันคนล่ะเรื่อง

มีเจตนาวิรัติงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ก็เป็นบุญนะคุณ amazing เค้าไม่ฆ่าสัตว์มาทำอาหาร แต่เค้ากินผักแทน

ตามพระไตรปิฎก(เถรวาท) พระพุทธองค์ไม่ได้ห้ามคนกินเจ หรือห้ามคนกินเนื้อ

พระองค์ทรงตรัสกับพระภิกษุ สำหรับฆารวาสอย่างเราทำตามได้ก็ควรทำตาม





ใครจะกินเจก็กินไปตามใจ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นต้องมาพูดกันมากมาย
กินเจจะเป็นบุญมั้ยมันขึ้นกับกายวาจาใจของคนคนนั้นแหละ ถ้าเค้ากินโดยมีเจตนางดเว้นจากการฆ่า การเบียดเบียนสัตว์ก็เป็นบุญ บางคนกินเจก็ไม่ใช่เพื่อละการเบียดเบียนแต่ประการใด ก็เพียงเพราะเหม็นสาบเนื้อ หรือเพื่อสุขภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือด้วยเหตุผลอื่น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล คนจะกินเนื้อก็ต้องระวังในการกินไม่ฆ่าเองและไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่าเนื้อมาเพื่อให้ตนได้กิน กินเนื้อที่ตายอยู่แล้วและบริสุทธิ์ทั้งสามส่วน คือไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ