วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 16:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เรื่องนอกประเด็นนี่ผมว่า ถ้าคุณจะว่าต้องไปว่าน้องเขาครับ
ผมเห็นเขาสงสัยเรื่อง "พวกมากพวกน้อย" ก็คุยให้น้องเขาฟัง


:b5: :b5: :b5: :b13: :b13: :b13: :b22: :b22: :b22: เรื่องที่นอกประเด็นมันก็จริง ก็คุณบอกเองไม่ใช่หรอค่ะ ว่าคนเราความคิดไม่เหมือนกัน :b25: :b24: :b26: ก็ไม่เข้าใจก็เลยถาม... :b26: :b26: ที่นอกประเด็นมีแค่กระทู้เดียว
ที่ถามไปก็เพราะอยากรู้ แต่ก็คือมันไม่ได้จบแค่ตรงคำถามนั้น คำถามเดียว ก็เพราะยังไม่รู้คำตอบ ว่าทำไม แค่นั้นเอง
:b30: :b30: พี่โฮฮับ ก็ เล่น ตอบ นอกประเด็น ซะเป็นชุดเลย : :b25: :b25: :b25: :b25: :b25: :b25: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: :b24: b25: :b25: :b25: :b25: :b25: :b25:
(หนูไม่ได้สนใจเรื่องพวก มาก พวกน้อย ที่ สน ใจ คือ ทำไม พี่ ซุป ถึง มี ความ คิดเห็น แตกต่าง จาก คนอื่น แค่นั้น )
(ส่วนเรื่องพวก มาก พวก น้อย ก็ แค่ ยกตัวอย่างเฉยๆ ว่าคนส่วนมาก มีความคิดเห็น ตรงกัน แต่ทำไมพี่ ซุป ถึง มีความคิดเห็น แตกต่าง จาก คนอื่น ก็ แค่ นั้นเอง ที่อยากจะรู้ แล้ว มันผิด มากไหมค่ะคุณพี่ ที่ หนูก็มีความคิดเห็นไม่เหมือน คนอื่นๆ อยากจะรู้มากกว่าคนอื่น มันผิดมากมายเลยหรือไง ค่ะคุณพี่
) :b2: :b2: :b5: :b5: :b14: :b5: :b10: :b14: :b5: :b2: :b21: :b21:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วตกลงคุณ nida nida ได้คำตอบที่ต้องการแล้วหรือยังครับ

คุณทักษา พระไตรปิฏกที่อ่าน ก็ฉบับหลวงแปลไทยนี่ก็ได้ ถ้าได้ฉบับ พ.ศง๒๕๒๕ หรือฉบับฉลองรัตณโกสินฯ ๒๐๐ ปีจะดีมาก แปลมาจากเปรียญรุ่นเก๋า รุ่นนี้กลัวมากเรื่องการแก้ธรรมวินัย พยายามแปลโดยรักษาความหมายเดิมไว้ให้มากที่สุด แต่อาจจะอ่านยากหน่อย เพราะจะมีแปลทับศัพท์เยอะ โสก ก็แปลว่า โสกะ ไม่ได้แปลว่า โศรกเศร้า

ฉบับต่อๆ มาเริ่มมีเพี้ยนบ้าง ด้วยความหวังดี กลัวคนอ่านไม่รู้เรื่อง เช่น แปลนายบ้าน เป็นผู้ใหญ่บ้าน ฯ มีการอธิบายขยายความในวงเล็บ โดยเฉพาะของมหามงกุฏฯ แต่เนื้อหาส่วนมาก ยังครบ มีข้อไม่ตรงบาลีบ้าง แปลหายไปบางสูตร บางหน้า แต่ก็เป็นสูตรเล็กน้อย ไม่ได้สำคัญอะไร

ฉบับ on-line ที่ 84000.org ก็ใช้อ้างอิงได้ เท่าที่ดูก็ยังถือว่าครบ เหมือนจะเป็นฉบับเดียวกันกับของมหาจุฬาฯ

ให้อ่านแต่เนื้อหาในพระไตรปิฏก ไม่ให้อ่านเรื่องประกอบหรือคำอธิบายพระไตรปิฏก เพราะจะถูกความคิดของผู้อธิบายกระกบกับการแปลพระไตรปิฏก อ่านพระสูตรก่อน ๒๕ เล่ม แล้วไปอ่านพระวินัย ๘ เล่ม จากนั้นค่อยมาดูพระอภิธรรม

พระสูตร ๓ เล่มแรก เป็นเรื่องยาว ๓๔ เรื่อง เป็นเรื่องที่ควรรู้ เหมือนเป็นบทนำ ทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจที่มาที่ไปของศาสนามากขึ้น

สูตรกลาง ๓ เล่ม เป็นการสอนพระภิกษุตั้งแต่บวชจนถึงอรหันต์ มีความสรุปไว้ที่ ๑๐ สูตรแรก (มูลปริยายวรรค) สูตรที่เหลือเป็นการขยายความ ยกตัวอย่าง กรณีศึกษา ฯ จัดลงใน ๑๐ สูตรแรกได้ทั้งหมด

มีคั่น ๑ เล่ม เป็นเรื่องของเทวดาลงมาถามพระพุทธเจ้า

ต่ออีก ๓ เล่ม เป็นเรื่องการวิปัสสนา เริ่มตั้งแต่การมีดวงตาเห็นธรรม แสดงปกิจสมุปบาทและการวิปัสสนา เล่มต่อมา สอนการพิจารณาขันนธ์ ๕ เล่มสุดท้ายสอนการพิจารณาอินทรีย์ ๖

เล่มต่อมา เป็นการสรุปองค์ธรรมในโพธิปักฯ เป็นส่วนๆ เริ่มจากมรรค ไปเรื่อยๆ ท้ายเล่มเป็นเรื่องของโสดาปัตติยังคะ

ที่เหลือเป็นสูตรสั้น มีหลายเรื่องปนกัน เวลามีปัญญาอะไร หาคำตอบไม่ค่อยจะได้ พออ่านไป บางทีก็มาเจอคำตอบในสูตรเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 16 มี.ค. 2011, 18:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปุญฺญญฺเจ ปุริโส กยิรา กยิราเถนํ ปุนปฺปุนํ
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญญสฺส อุจฺจโย.

ถ้าหากว่า คนพึงทำซึ่งบุญไซร้ ควรทำบุญนั้นบ่อยๆ
ควรทำความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้.

บุญมาปัญญาช่วย ที่ป่วยก็หาย ที่หน่ายก็รัก
บุญไม่มาปัญญาไม่ช่วย ที่ป่วยก็หนัก ที่รักก็หน่าย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
แล้วตกลงคุณ nida nida ได้คำตอบที่ต้องการแล้วหรือยังครับ


:b20: :b20: :b20: คำตอบ....ได้แล้วค่ะ มีพี่ท่านหนึ่งมาบอกหนูว่า... :b16: :b16: :b1: :b1: :b20: :b20: :b48: :b44: :b42: :b41: :b46: :b45: :b53: :b46:

... :b41: :b41: :b41: เรื่องนี้เพียงแค่ว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมที่จะวางทิฏฐิของตัวเองลง
ก็เล่นเอาตัวเราของเรา (ความคิดของเราถูกคนอื่นผิด) เข้าห้ำหั่นกัน
ไม่ได้เอาประโยชน์ของผู้ที่เข้ามาอ่านเป็นที่ตั้งเล่นจะเอาชนะคะคานกัน
ผลมันก็ออกมาเป็นแบบนี้เถียงกันไปเถียงกันมารังแต่จะลากกันลงนรกเสียเปล่าๆ


:b48: :b48: :b48: :b48:
.....หนูเลยได้คำตอบที่ดี ที่สุดแล้วล่ะ .....
:b44: :b44: :b44: :b20: :b20: tongue ขอบคุณพี่ที่หวังดีกับหนูนะค่ะ ถ้าพี่ไม่หวังดีกับหนูพี่คงไม่มาบอกหนูหรอก
ขอบคุณ ด้วยใจค่ะ ซาบซึ้ง :b20: :b20: :b27: :b27: :b8: :b8: :b8: ในจิตใจพี่ มากๆ เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


แก้ไขล่าสุดโดย nida nida เมื่อ 16 มี.ค. 2011, 17:25, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

:b29: :b29: :b29:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 17:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ก็ไม่ได้พ้นไปจากทิฏฐิ อยู่ดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวเรามีกองร่างกาย (รูปขันธ์) เมื่อร่างกายได้รับข้อมูลภายนอก ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส ก็เอามาคิดปรุงแต่ง เกิดความพอใจไม่พอใจและความหลง สะสมเป็นกองความรู้สึก (เวทนาขันธ์) ความรู้สึกพวกนี้ก็ถูกเก็บไว้เป็นกองความทรงจำ (สัญญาขันธ์) ที่จะเอามาเป็นฐานการคิด (สังขารขันธ์) ทำให้เกิดความคิดเห็น เราจึงรู้เห็นแจ้งในอารมณ์เป็นไปตามครรลองนี้ (วิญญานขันธ์)

เพราะฉะนั้น คนเราจริงๆ ไม่มี เหมือรถยนต์ จริงๆ แล้วไม่มี มีแต่ โลหะ อโลหะ มาประชุมกันชั่วคราวเท่านั้น พอแยกแตกสลาย ก็ไม่มีรถให้เห็น ร่างกายเรา จริงๆ ประกอบมาจากนามรูปอยู่รวมกันชั่วคราว เลิกประชุมกัน ตัวเราก็ไม่มี

เราจึงสั่งตัวเองไม่ได้ คิดเองไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถูกสะสมไว้ในจิต ความรู้ของเรา มาจากความคิด ความคิดมาจากความทรงจำ ความทรงจำมาจากการรับรู้ วิถีของคนจึงเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับ หรือเรารู้เห็นอย่างไร รู้สึกกับมันอย่างไร สิ่งเหล่านั้น ก็จะกลับมาสั่งเรา ให้เราเป็นไปแบบนั้น เกิดเป็นเราขึ้นมา เกิดเป็นนิสัย เป็นความเคยชินอย่างละเอียด เกิดเป็นลักษณะเฉพาะบุคคล จนเกิดความเป็นตัวตนขึ้นมา

ความพอใจไม่พอใจและความหลง เป็นกิเลสอันนอนเนื่อง จะลากเราลงต่ำ ให้เราเกิดความคิดเห็นตอบสนองกับสิ่งที่เข้ามากระทบสัมผัสว่า พอใจ ไม่พอใจ ฯ เกิดเป็นทุกข์ สุข และเก็บเป็นความทรงจำ เอากลับมาผลักให้เราคิดเห็นแบบเดิมอีก ฯ สิ่งเหล่านี้ คือ ความเห็น เกิดจากความไม่รู้ เป็นไปตามอำนาจของอวิชชา ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ จะพ้นจากอำนาจของอวิชชา จึงดูเหมือนว่า จะเป็นไปไม่ได้เลย

การอบรม หรือ การฝึกจิต จึงทำได้วิธีเดียว คือ ป้อนความจริงให้จิตรู้ เพราะจิตมันทำได้แค่รู้และจำ หรือ เอาข้อมูลใหม่ใส่เข้าไปทับข้อมูลเก่า อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ จึงได้ปัญญามาจากการฟังจนมีดวงตาเห็นธรรม หรือรับข้อมูลดับทุกข์เก็บไว้ในจิต จากนั้นก็ฝึกเอาความจริงป้อนเข้าไป ผ่านทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และความคิด จนข้อมูลความจริงมีมากพอ ความเห็นชอบที่มั่นคงถาวรจึงจะเกิดขึ้นมาได้ เราเรียกบุคคลที่มีความจริงในจิตใจมากว่า เป็นผู้มีปัญญาแล้ว เป็นบุคคลผู้ประเสริฐ หรือ เป็นอริยบุคคล

ข้อมูลดับทุกข์ สร้างขึ้นเองไม่ได้ง่ายๆ ผู้รู้เองเห็นเอง คือ พระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น

มนุษย์จึงประเสริฐได้ด้วยการฝึก ผู้ใดไม่ฝึก ผู้นั้นเลวได้ยิ่งกว่าเดรัจฉาน พระพุทธองค์ตรัสสอนแบบนี้ มาจากความจริงของโลกและชีวิต มาจากสภาวะที่เป็นจริง หรือ มาจากความจริงที่แท้จริง ไม่ได้สอนไปเพียงแต่จะให้เชื่อและมาปฏิบัติตามเท่านั้น

สาวกของพระพุทธองค์ ได้รู้เห็นความจริงแบบนี้ จึงเอาความจริงมาแสดงต่อๆ ไป ..... จนกว่าจะหมดอายุศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 19:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
มรรค แปลว่า ทาง หนทาง หรือ วิถีทาง ... มรรคยังมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก แต่เพราะว่า ไม่มีใครเอาพระไตรปิฏกมาเป็นหลักในการศึกษาเลย ถึงไม่มีใครพบมรรคมา ๑๔๐๐ ปี พบแต่ทางไปถึงฌานอภิญญาเท่านั้น




คุณ ทักษา...คราบ...นี้เป็นความเห็นของท่านซุปฯเขานะคราบ...ไม่ช่ายของผมคราบบบ...
:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 19:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ตัวเรามีกองร่างกาย (รูปขันธ์) เมื่อร่างกายได้รับข้อมูลภายนอก ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส ก็เอามาคิดปรุงแต่ง เกิดความพอใจไม่พอใจและความหลง สะสมเป็นกองความรู้สึก (เวทนาขันธ์) ความรู้สึกพวกนี้ก็ถูกเก็บไว้เป็นกองความทรงจำ (สัญญาขันธ์) ที่จะเอามาเป็นฐานการคิด (สังขารขันธ์) ทำให้เกิดความคิดเห็น เราจึงรู้เห็นแจ้งในอารมณ์เป็นไปตามครรลองนี้ (วิญญานขันธ์)

เพราะฉะนั้น คนเราจริงๆ ไม่มี เหมือรถยนต์ จริงๆ แล้วไม่มี มีแต่ โลหะ อโลหะ มาประชุมกันชั่วคราวเท่านั้น พอแยกแตกสลาย ก็ไม่มีรถให้เห็น ร่างกายเรา จริงๆ ประกอบมาจากนามรูปอยู่รวมกันชั่วคราว เลิกประชุมกัน ตัวเราก็ไม่มี

เราจึงสั่งตัวเองไม่ได้ คิดเองไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถูกสะสมไว้ในจิต ความรู้ของเรา มาจากความคิด ความคิดมาจากความทรงจำ ความทรงจำมาจากการรับรู้ วิถีของคนจึงเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับ หรือเรารู้เห็นอย่างไร รู้สึกกับมันอย่างไร สิ่งเหล่านั้น ก็จะกลับมาสั่งเรา ให้เราเป็นไปแบบนั้น เกิดเป็นเราขึ้นมา เกิดเป็นนิสัย เป็นความเคยชินอย่างละเอียด เกิดเป็นลักษณะเฉพาะบุคคล จนเกิดความเป็นตัวตนขึ้นมา

ความพอใจไม่พอใจและความหลง เป็นกิเลสอันนอนเนื่อง จะลากเราลงต่ำ ให้เราเกิดความคิดเห็นตอบสนองกับสิ่งที่เข้ามากระทบสัมผัสว่า พอใจ ไม่พอใจ ฯ เกิดเป็นทุกข์ สุข และเก็บเป็นความทรงจำ เอากลับมาผลักให้เราคิดเห็นแบบเดิมอีก ฯ สิ่งเหล่านี้ คือ ความเห็น เกิดจากความไม่รู้ เป็นไปตามอำนาจของอวิชชา ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ จะพ้นจากอำนาจของอวิชชา จึงดูเหมือนว่า จะเป็นไปไม่ได้เลย

การอบรม หรือ การฝึกจิต จึงทำได้วิธีเดียว คือ ป้อนความจริงให้จิตรู้ เพราะจิตมันทำได้แค่รู้และจำ หรือ เอาข้อมูลใหม่ใส่เข้าไปทับข้อมูลเก่า อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ จึงได้ปัญญามาจากการฟังจนมีดวงตาเห็นธรรม หรือรับข้อมูลดับทุกข์เก็บไว้ในจิต จากนั้นก็ฝึกเอาความจริงป้อนเข้าไป ผ่านทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และความคิด จนข้อมูลความจริงมีมากพอ ความเห็นชอบที่มั่นคงถาวรจึงจะเกิดขึ้นมาได้ เราเรียกบุคคลที่มีความจริงในจิตใจมากว่า เป็นผู้มีปัญญาแล้ว เป็นบุคคลผู้ประเสริฐ หรือ เป็นอริยบุคคล

ข้อมูลดับทุกข์ สร้างขึ้นเองไม่ได้ง่ายๆ ผู้รู้เองเห็นเอง คือ พระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น

มนุษย์จึงประเสริฐได้ด้วยการฝึก ผู้ใดไม่ฝึก ผู้นั้นเลวได้ยิ่งกว่าเดรัจฉาน พระพุทธองค์ตรัสสอนแบบนี้ มาจากความจริงของโลกและชีวิต มาจากสภาวะที่เป็นจริง หรือ มาจากความจริงที่แท้จริง ไม่ได้สอนไปเพียงแต่จะให้เชื่อและมาปฏิบัติตามเท่านั้น

สาวกของพระพุทธองค์ ได้รู้เห็นความจริงแบบนี้ จึงเอาความจริงมาแสดงต่อๆ ไป ..... จนกว่าจะหมดอายุศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์


ส่วนใหญ่..ก็เห็นด้วย..ตามนี้..จะมีบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เห็นด้วย..ตัวอย่างเช่น...ที่ทำตัวแดง ๆ..นั้นแหละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกบฯ นั่นแหละ มรรค ที่หายไป

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
คุณกบฯ นั่นแหละ มรรค ที่หายไป


มรรค มันหายไปไหนครับ พอรู้ข่าวไหม แล้วเราจะตามกลับมาได้ไหมครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


หายไปกับความใจร้อน อยากบรรลุธรรมเร็วๆ ของชาวพุทธปัจจุบันนี้แหละครับ เลยไม่ได้ทบทวนสิ่งที่ได้ยินได้ฟังให้ถี่ถ้วนก่อน ฟังแล้วก็เชื่อเลยเพราะเห็นว่าแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ ... ตอนนี้ตามเจอแล้ว คาดว่า จะอยู่ต่ออีกพันกว่าปี แล้วทีนี้คงจะหายไปอีกนานนนนนน ....

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
หายไปกับความใจร้อน อยากบรรลุธรรมเร็วๆ ของชาวพุทธปัจจุบันนี้แหละครับ เลยไม่ได้ทบทวนสิ่งที่ได้ยินได้ฟังให้ถี่ถ้วนก่อน ฟังแล้วก็เชื่อเลยเพราะเห็นว่าแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ ... ตอนนี้ตามเจอแล้ว คาดว่า จะอยู่ต่ออีกพันกว่าปี แล้วทีนี้คงจะหายไปอีกนานนนนนน ....


ตอนนี้ตามเจอแล้ว คาดว่า จะอยู่ต่ออีกพันกว่าปี


ว๊ายยยตาเถร เจอแล้วหรอครับดีใจจัง เป็นไงครับมรรคที่พบปะเจอะเจอแล้ว หน้าตาเป็นไงครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b16: :b16: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
คุณกบฯ นั่นแหละ มรรค ที่หายไป


มรรค คุณซุปฯ..มีความบกพร่องต่างหากละครับ..

อ้างคำพูด:
เราจึงสั่งตัวเองไม่ได้ คิดเองไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถูกสะสมไว้ในจิต

การที่มีมนุษย์...ออกจากทุกข์ได้...เป็นหลักฐานอย่างดีว่า...เราสั่งใจเราได้..

แต่ที่ยังออกจากทุกข์ไม่ได้..ก็แค่เราสั่งใจเราตามคำแนะนำของอวิชชา..เท่านั้นเอง

อ้างคำพูด:
จากนั้นก็ฝึกเอาความจริงป้อนเข้าไป ผ่านทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย


การฝึกป้อนความจริง...ป้อนผ่านใจอย่างเดียว...ครับ
ส่วน..ตา..หู..จมูก...ลิ้น..กาย...คนตายก็มี..ก็ไม่เห็นจะรู้จะเห็นอะไรได้เลย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร