วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 07:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 206 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b16: :b12:

ท่านมู...ต่อนะ ต่อ...

อิ อิ คิดได้ไง... :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2010, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

จริง ๆ ตอนนี้เอกอนวกกลับมาใส่ใจในรายละเอียดของ อิทัป-ปฏิจจ. อีกครั้ง...
เพราะ...
ตอนที่เอกอนพิจารณาเรื่องนี้ในทีแรกนั้น...เอกอนมี step การพิจารณา
เป็นสองวง... วงเล็ก..กะวงใหญ่...
แต่พอมาเดินเล่นในกระดานสนทนา...
ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่การหยิบวงเล็กมาถก...มาแลกเปลี่ยน...
เรื่องวงใหญ่เอกอนจึงวางไว้ เพราะคิดว่าสงสัยเราจะพิจารณาเกินพระธรรม...
...
ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ เอกอนได้ฟังการบรรยายธรรมที่กล่าวถึงปฏิจจ วงรอบใหญ่...
...
และก็...มีทัศนะในการพิจารณาสภาวะได้ตรงกัน...

นี่...ท่านมู เอกอนจะถามท่านเป็นครั้งที่สามอยู่แล้ว...อิ อิ

ท่านใช้เครื่องมืออะไรในการจับต้นชนปลายเรื่องพวกนี้...
นี่เอกอน...ถามจริง ๆ นะ...
ไม่เชื่อดูหน้า จริงจัง สิ่ :b24:

:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้เครื่องมืออะไรเหรอ... :b6: :b6: :b6: เปล่าเลย คิดอย่างเดียว

จะว่าไป สิ่งที่คิดก็น่าจะเข้าข่าย ปรัชญา นะ เพียงแต่ลงลึกไปหน่อย...

ส่วนใหญ่เราจะคิดแบบเทียบเคียง คืบไปเรื่อยๆ น่ะ เพราะมีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้ สิ่งนี้เป็นแบบนั้น เพราะสิ่งนั้นเป็นแบบนี้ ทั้งสิ่งนี้และสิ่งนั้นจึงเป็นอย่างนั้นและอย่างนี้ :b32: :b32: :b32:
แต่การคิดแบบนี้ ต้องพอจะเข้าใจกฎพื้นฐานของธรรมชาตินะ เพื่อไม่ให้กลายเป็นเพ้อเจ้อไป

โพสต์ที่เราแปะไป มันถึงแก้ไขได้ยาก เพราะมันเกี่ยวกันไปเป็นทอดๆ ถ้าแก้อันหนึ่ง ก็ต้องเอาที่เหลือมาคิดใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพังลงทั้งหมดนะ แค่เอามาปรับให้มันลงรอยกัน...


ตอนนี้กำลังคิดเรื่อง รูปปรมัตถ์ หรือก็คือ ส่วนควบคุมร่างกาย หลังจากกูเกิ้ลดูจึงรู้ว่า ข้อมูลเท็จ มีมากเหมือนกัน คิดจะกูเกิ้ลก็ต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก


ต่อให้นิดหนึ่ง :b32: :b32: :b32:
จิตเป็นอิสระต่อสสาร ซึ่งก็หมายความว่า เราไม่สามารถพิสูจน์การมีอยู่ของจิตได้ โดยใช้เครื่องมือวัด เพราะจิตไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับสสาร มันจึงไม่มีมิติและเวลา

แต่รูปปรมัตถ์เป็นส่วนหนึ่งของสนามแรงโน้มถ่วง ดังนั้นมันจึงถูกวัดได้ หากมีเครื่องมือที่มีความสามารถสูงพอ
รูปปรมัตถ์น่าจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ทางจีนเขาเรียกว่า ลมปราณ หรือ พลังชี่ พอจะเปรียบเทียบได้ว่า เหมือนกระแสน้ำในมหาสมุทร
รูปปรมัตถ์ไม่ใช่อนุภาค ไม่ใช่แสง มันคือเส้นทางการเคลื่อนไหวของสนาม เส้นทางนี้คงอยู่ได้โดย อำนาจจิต

ข้างล่างนี้ น่าจะเข้าข่ายนิทาน :b32: :b32: :b32:
การสร้างชีวิตแบบสสาร ผู้สร้างจะต้องมีความเข้าใจในรูปแบบของเจตสิก ตัวอ่อนจะถูกสร้างขึ้นมาโดย มีโครงร่างของรูปปรมัตถ์ และมีเจตสิกที่จำเป็นรอไว้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อจิตเข้ามาเชื่อม (จิตไม่ได้สร้างเจตสิกขึ้นมาเอง) อำนาจของจิตจะส่งผ่านไปยังรูปปรมัตถ์ พัฒนาการของชีวิตก็เริ่มนับแต่บัดนั้น
หมายเหตุว่า: จิตโดยทั่วไปจำเป็นต้องสร้างรูปเสมอ แต่ในกรณีนี้ รูปถูกสร้างไว้ก่อนแล้ว


จริงๆ เรากำลังคิดเรื่อง การมองเห็น อยู่ ยังไม่เคลียร์ดี แต่มาติดตรงที่ว่า ภายใน ต่อมไพเนียล มีของเหลว หรือมีลักษณะอะไรที่เป็นเหมือนแผ่นรับภาพหรือเปล่า... :b6: :b6: :b6:
แต่ลองค้นข้อมูลดู ก็ไม่มีอะไรให้หาแฮะ... เพราะงั้นถ้าขยายความไป ก็ออกแนวเพ้อเจ้อเสียมากกว่า :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้เครื่องมืออะไรเหรอ... :b6: :b6: :b6: เปล่าเลย คิดอย่างเดียว
จะว่าไป สิ่งที่คิดก็น่าจะเข้าข่าย ปรัชญา นะ เพียงแต่ลงลึกไปหน่อย...

:b6: ธ่อ....เอกอนนึกว่านั่งทางใน...อิ อิ

ส่วนใหญ่เราจะคิดแบบเทียบเคียง คืบไปเรื่อยๆ น่ะ เพราะมีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้ สิ่งนี้เป็นแบบนั้น เพราะสิ่งนั้นเป็นแบบนี้ ทั้งสิ่งนี้และสิ่งนั้นจึงเป็นอย่างนั้นและอย่างนี้ :b32: :b32: :b32:
แต่การคิดแบบนี้ ต้องพอจะเข้าใจกฎพื้นฐานของธรรมชาตินะ เพื่อไม่ให้กลายเป็นเพ้อเจ้อไป

โพสต์ที่เราแปะไป มันถึงแก้ไขได้ยาก เพราะมันเกี่ยวกันไปเป็นทอดๆ ถ้าแก้อันหนึ่ง ก็ต้องเอาที่เหลือมาคิดใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพังลงทั้งหมดนะ แค่เอามาปรับให้มันลงรอยกัน...

เอกอนคิดว่าท่านมูน่าเก็บ ๆ ไว้คิดในรายละเอียด เพื่อต่อยอดนะ...
จริง ๆ นะ เอกอนชอบเรื่องที่ท่านมูเขียน...
เพียงแต่ เอกอนว่ามันยังรวบรัดและสั้นไปน่ะ...
ถ้าท่านมูมีเวลา จะได้หยิบมาแต่ง ๆ เกลา ๆ ...

ท่านมูต้องมี diary แบบไม่มีบรรทัดเล่มใหญ่ ๆ เพื่อที่จะได้เขียนไปวาดรูปไป...

อิ อิ รู้ป่าว เอกอนมีครบเซตเลย ปากกาสี ดินสอสี...
แต่ยังไม่เคยได้ลงมือใช้มันเลย.... 5555


ตอนนี้กำลังคิดเรื่อง
....
แต่ลองค้นข้อมูลดู ก็ไม่มีอะไรให้หาแฮะ... เพราะงั้นถ้าขยายความไป ก็ออกแนวเพ้อเจ้อเสียมากกว่า :b32: :b32: :b32:


5555

เมื่อยี่สิบปีก่อน...เอกอนนั่งเรียนหนังสือ...
อยู่ ๆ ภาพก็ฉายในทัศนะ... สิ่งที่เกิดควบคู่คือ แสงแว๊บเหมือนแสงแฟล็ช
มันทำให้เอกอนรู้ว่า...ข้อมูลสัมพันธ์กับแสง...แต่แสงไม่ใช่แค่แสง
มันเป็นสิ่งที่แสดงสถานะได้หลายสถานะในตัวมันเอง...
นั่นคือรูปแบบการสื่อสาร...ระดับจิต... และเป็นภาษาที่ตรงวัตถุประสงค์ที่สุด...
ภาษาพูด/เขียน... เป็นภาษาที่บิดเบือนซับซ้อนเกินไป...

แต่หลังจากนั้นมาเริ่มมีการผลิตแผ่น cd เดี๋ยวนี้ blue-ray
แต่ก็ยังเทียบกับศักยภาพของรูปแบบสิ่งที่เอกอนเห็นไม่ได้...

เอกอนเห็นวิถีการตายของตัวเองด้วย... :b12:

และเอกอนก็ไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า
คิดว่า ตัวเองมีแววเข้าศรีธัญญา 55555
จนกระทั่ง...อ่านผ่านไปเจอในพระสูตร...


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 03 ต.ค. 2010, 23:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


แหมๆ ถ้าเรามีทิพยจักษุนะ เราก็ไม่ต้องคิดมากขนาดนี้หรอก เพราะมันจะเป็นแค่ การสังเกตและแยกแยะ เท่านั้น... แต่เพราะเราใช้การ คิด เอา เราจึงต้องรอข้อมูลจากตำราวิทย์ เพื่อเอามาปะติดปะต่อ จนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา... ถ้าไม่มีข้อมูลจากนักวิทย์ เราก็แป๊กล่ะ :b9: :b9: :b9:

โพสต์ที่เราเขียน มันอาจจะรวบรัดและสั้นมาก คือ... เราเข้าใจภาพทั้งหมดในหัวล่ะ แล้วเราก็เลยเขียนในส่วนที่เป็น ความคิดรวบยอด ออกมา แล้วอธิบายเพิ่มบางอย่างที่เราคิดว่ามัน น่าจะ อธิบาย
เรื่องของเรื่องคือ... มันไม่มีใครถามไง :b32: :b32: :b32: เราก็เลยไม่แน่ใจว่า ควรจะอธิบายขนาดไหนดี
เห็นโพสต์สั้นๆ แบบนี้ บางโพสต์เราเรียบเรียงความคิดเป็นวันๆ เลยนะ :b6: :b6: :b6:

ที่เราบอกว่า ถ้าไม่มีข้อมูลจากนักวิทย์ เราก็แป๊ก ก็เช่นเรื่องการมองเห็นนี่แหล่ะ คือเราคิดไปในทางที่ว่า...

ดวงตาทำหน้าที่ในการคัดกรอง (คำที่เป็นวิทย์มากกว่า น่าจะเป็นว่า ตอบสนอง) คลื่นที่มีความถี่ช่วงหนึ่ง ซึ่งเราเรียกว่า แสง
เซลในเรตินา จะยิงข้อมูล ซึ่งน่าจะเป็นระบบดิจิตอล ไปตามเส้นประสาทตา...
และน่าจะมีจุดหนึ่งในสมองที่ข้อมูลเหล่านั้น จะ ยิง เข้าไปรวมกันที่ ต่อมไพเนียล ว่าง่ายๆ คือ จะมีการสร้างภาพขึ้นอีกครั้งในนั้น

จักขุวิญญาณ เป็นปรมัตถ์เล็กๆ ที่จะเชื่อมจิตเข้ากับต่อมไพเนียล และนี่ก็คือวิธีการในการจำกัดการมองเห็นของเรา ให้อยู่ที่แสงเท่านั้น... จิตไม่ได้มองเห็นจากดวงตา แต่จิตกำลังมองภาพที่เกิดขึ้นภายในต่อมนั้น

ทีนี้ถ้ากลไกแบบนี้เป็นจริง มันจะมีคำอธิบายไปได้อีกมากมายเลย เช่น...

1. ต่อมไพเนียลก็คือ หน่วยความจำ Buffer ในด้านภาพ ซึ่งก็จะไปเกี่ยวข้องกับปรมัตถ์อื่นๆ อีก เช่น การบันทึกความจำ ความคิดหรือจินตนาการที่เป็นภาพ (ความฝัน) เป็นต้น ซึ่งก็คือ ต่อมไพเนียลเป็นชุมทางของรูปปรมัตถ์

2. เมื่อมีการรวมข้อมูลเข้าด้วยกัน นั่นก็แสดงว่า เรามองเห็นภาพเป็น 2 มิติ การมีดวงตา 2 ข้าง เป็นไปเพื่อให้การโฟกัสทำได้ละเอียดและแม่นยำขึ้น คือจิตจะเรียนรู้ว่า หากต้องการจะจับของให้แม่น ของสิ่งนั้นจะต้องชัด คืออยู่ในโฟกัสตลอดเวลา
แต่ถ้าสิ่งนั้นอยู่ห่างจากเรา จนระยะโฟกัสไม่มีผล ความแม่นยำจะไม่เกิด เช่น เราจะกะความเร็วของรถยนต์ที่วิ่งเข้ามาแต่ไกลได้ยากมาก...

3. เราสามารถอธิบายการเกิดปรากฎการณ์ ภาพติดตา ได้ว่า ฉากรับภาพในต่อมไพเนียลนั้น ยังคงมีพลังงานเหลืออยู่ จากการถูกยิงอย่างต่อเนื่อง
ในฌาณสมาธิ เราก็สามารถอธิบายการเกิดแสงสว่าง หรือปฏิภาคนิมิตได้ (หลังจากอธิบาย นิมิตความฝันได้แล้ว)

4. เราสามารถอธิบายปรากฎการณ์พระอาทิตย์ดับ หลังจากเราจ้องนานๆ ได้... คือเซลเรตินาในดวงตา ถูกกระตุ้นให้ยิงสัญญาณจนเซลพัง เมื่อหมดการยิง ก็ไม่มีภาพเกิดในจุดนั้นๆ ในต่อมไพเนียล ซึ่งก็คือการตาบอดชั่วคราว

5. ในเด็กทารก เด็กจะมองในสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ เพราะจิตยังไม่เรียนรู้ว่า สิ่งอื่นๆ นั้นคือ วัตถุ จิตจะต้องรอให้ระบบการเคลื่อนไหวสมบูรณ์ก่อน เมื่อเกิดการจับต้อง จิตจึงจะรู้ว่า นั่นคือวัตถุ และเริ่มเรียนรู้การโฟกัสของดวงตา...

6. มันอธิบายได้เช่นกันว่า ทำไมเราจึงมองเห็นภาพที่ไม่ครบส่วน กลายเป็นภาพที่สมบูรณ์ได้ ก็เพราะฉากรับภาพในต่อมไพเนียลนี้ มันเหมือนเป็นกระดานที่ภาพต่างๆ ทั้งจากดวงตา จากความจำ และจากความคิด ถูกนำมาเขียนไว้ในที่เดียวกัน...
เมื่อเรากำลังคิดเป็นภาพ ภาพจากดวงตาจะเป็นเสมือน Background แต่ถ้าความคิดเราแรงกล้ามาก ภาพจากดวงตาจะถูกแทนที่ด้วยความคิดไปทั้งหมด...

และ 7. เราก็รู้ตำแหน่งของเจตสิกที่แน่นอนแล้ว หนึ่งอัน

พยายามให้ได้ 7 ข้อนะเนี่ย :b32: :b32: :b32: แต่ที่เขียนมา เห็นไม๊ว่า... คีย์หลักเลยอยู่ที่ว่า ต่อมไพเนียล มี พื้นที่ ที่จะเป็นฉากรับภาพหรือเปล่า พื้นที่นี้อาจเป็นของเหลว หรือเป็นชั้นของโมเลกุลก็ได้ แต่มันต้องมีลักษณะเป็นพื้นผิวว่างๆ

ซึ่งถ้าทางวิทย์ เขาบอกว่า ไม่เห็นจะมี มีแต่โครงข่ายประสาท... แนวคิดนี้ก็โยนทิ้งเลย :b34: :b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
แหมๆ ถ้าเรามีทิพยจักษุนะ เราก็ไม่ต้องคิดมากขนาดนี้หรอก


เกรงว่าถ้ามี...ท่านอาจจะคิดไปมองอย่างอื่น...อะจิ่...
ประเด็นเรื่องวิทย์...ตกไป...

:b32: :b32: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool cool แหมๆ เราออกจะสุภาพบุรุษ อะไรที่ไม่น่ามอง เราก็ไม่มองหรอก :b22: :b22: :b22:

เพิ่มเติมนิดโหน่ย...
เป็นไปได้ว่า สัญญาณจากเส้นประสาทตาจะถูกคัดกรองออก มีแต่สัญญาณจากตำแหน่งโฟกัสเท่านั้น ที่จะถูกส่งเข้าไปในต่อมไพเนียลแบบเต็มๆ (ยังยึดเอาต่อมไพเนียลเป็นหลัก)
สัญญาณที่เหลือจะถูกนำไปจัดเก็บในแบตเตอรี่ต่อไป...

ในส่วนอายตนะอื่น น่าจะซับซ้อนน้อยกว่า และน่าจะเป็นระบบอนาล็อก...

:b6: :b6: :b6: ตอนนี้เราเริ่มสงสัยบางอย่าง... อายตนะที่เป็นสากลจริงๆ อาจมีเพียงอายตนะเดียวคือ การมองเห็น
การสื่อสารระหว่างจิตในแต่ละภูมิ อาจเป็นการสื่อสารด้านภาพ... อายตนะอื่นๆ ดูเหมือนจะเป็นอายตนะของมนุษย์เท่านั้น แต่อันนี้ยังไม่ยืนยันนะ

การสร้างอวัยวะเทียมด้วยองค์ประกอบของสสาร น่าจะสร้างไปได้จนถึง จุดที่มีการเชื่อมกับรูปปรมัตถ์ เช่น...
หากใช้แนวคิดเรื่องต่อมไพเนียล วิทยาการจะสามารถสร้างดวงตาเทียม ไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ยิงสัญญาณเข้าไปที่ต่อมไพเนียล...

ทำไมต้องมีการจำกัดการรับรู้ อันนี้เป็นแนวคิดที่ต้องร่ายกันอีก... เอาไว้ค่อยเขียน :b32: :b32: :b32:


ทีนี้ มานอกเรื่องนิดหน่อย...
เรามาลองตีความใหม่ องค์ประกอบของชีวิต (มนุษย์และสัตว์) ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ
ดิน คือ อนุภาค -สนามแรงโน้มถ่วงที่หมุนตัวจนแยกออกจากสนามพื้นหลัง
น้ำ คือ สนามพื้นหลัง
ลม คือ รูปปรมัตถ์ (ลมปราณ) - การเคลื่อนตัวของสนามแรงโน้มถ่วง
ไฟ คือ แสง - การกระเพื่อมในขีดจำกัดสูงสุดของสนามแรงโน้มถ่วง จะใช้คำว่า พลังงาน ก็ได้

สวรรค์ 6 ชั้น เป็นการจัดหมวดหมู่ในทางพุทธ คล้ายๆ เกรด A มีคะแนน 80-100 แบบนั้น... ไม่ได้หมายความว่า มีจุดจุติอยู่ 6 ที่

จบตอน... :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 19:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool cool แหมๆ เราออกจะสุภาพบุรุษ อะไรที่ไม่น่ามอง เราก็ไม่มองหรอก :b22: :b22: :b22:

:b14: อุ๋ย...ทำหน้าน่าเชื่อถือ... :b5: :b6: :b6: :b12:

เพิ่มเติมนิดโหน่ย...
เป็นไป่ได้ว่า สัญญาณจากเส้นประสาทตาจะถูกคัดกรองออก มีแต่สัญญาณจากตำแหน่งโฟกัสเท่านั้น ที่จะถูกส่งเข้าไปในต่อมไพเนียลแบบเต็มๆ (ยังยึดเอาต่อมไพเนียลเป็นหลัก)
สัญญาณที่เหลือจะถูกนำไปจัดเก็บในแบตเตอรี่ต่อไป...

ในส่วนอายตนะอื่น น่าจะซับซ้อนน้อยกว่า และน่าจะเป็นระบบอนาล็อก เช่นการได้ยิน แต่โดยหลักการน่าจะเป็นแบบเดียวกันคือ หูจะเป็นตอบสนองต่อความสะเทือนที่ค่าหนึ่ง แล้วส่งคลื่นไปสร้างใหม่ที่ Buffer ด้านเสียง

เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งโจบบบ...จิ่...

เลนส์...มันสร้างภาพแบบกลับหัว...ในตาเป็นวุ้นเหลว...และ...
เดี๋ยว...งานยุ่งงงงง....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:54
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนท่าน murano แล้วตอนต่อไป เมื่อไรจะมาครับ ติดตามท่านมา12หน้า ชอบแนวคิดของท่านในการยกตัวอย่างอธิบาย มีเหตุเข้าใจไปตามความเป็นจริงของธรรมชาติ เรื่องจิตกายการเกิดดับ อาจเป็นเพราะระดับปัญญาของผมมันจัดในประเภทLow Iq สนใจเรื่องพุทธธรรมมานาน เข้ามาศึกษากี่ครั้งก็ต้องถอยกลับเพราะเข้าใจยาก มีแต่ภาษาบาลีที่ไม่เคยเรียนมา ต้องเข้าไปหาในเวปหาที่ละคำว่ามันแปลว่าอะไร แต่ละคำตอบก็ไม่ตรงกันแล้วแต่ความเห็นของกูรูแต่ละอาจารย์ เลยเลอะไม่รู้จะเชื่อใครดี ไปถามแย้งใครก็จะโดนว่าเป็นมิจฉาธิฐิ ตามืดบอดเลยท้อ ยิ่งไปเจอเรื่องนั่งสมาธิในเวปพลังจิต ไปถึงญาณนั้นญาณนี้ มีองค์ลง ถอดจิตได้ เลยกลัวจิตไม่กลับเข้าร่าง กลัวตาย เลยกล้าไปต่อเขาเล่าว่า บางคนขนาดเป็นบ้าไปก็มี ส่วนตัวเป็นคนกลัวผี รู้ทั้งรู้ผีไม่มีแต่เกจิอาจารย์บอกมี เลยกล้าๆกลัว แต่พอมาอ่านกระทู้ของท่าน ใสๆดี เข้าใจง่ายเชื่อมโยงกับธรรมแท้ของพระพุทธเจ้าได้ดี ขอให้กำลังใจครับ ปูเสื่อรอผลงานต่อไป.
ขอบคุณมากที่ให้สาระดีๆ...นานๆเจอที ไปไหนขอไปด้วย ฝากตัวเป็นศิษย์โง่ดัวยคน.. :b8:

เราเป็นจุดหนึ่งในโลก โลกเป็นจุดหนึ่งในแกเลกซี่ เกมส์นี้อีกนาน..
แนบไฟล์:
Resize of Resize of hs-2009-14-a-2560x1024_wallpaper.jpg
Resize of Resize of hs-2009-14-a-2560x1024_wallpaper.jpg [ 18.87 KiB | เปิดดู 4102 ครั้ง ]


แก้ไขล่าสุดโดย ศิษย์โง่งม เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 16:51, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิษย์โง่งม เขียน:
...แล้วตอนต่อไป เมื่อไรจะมาครับ....

ยังมีเขียนเรื่อยๆ แหล่ะครับ แล้วแต่ว่าความสนใจจะมุ่งไปที่ใด แต่ตอนนี้ขอเบรกก่อนนิดหนึ่ง ได้เกมใหม่มา ฮิฮิ


ขอแก้ไขนิดหนึ่ง... อายตะที่ต้องมีส่วน Buffer มีเพียง การมองเห็น เท่านั้น ส่วนอายตนะอื่น พวกการได้ยิน กลิ่น รส ไม่มี Buffer สัญญาณอนาล็อกจะถูกนำไปใช้ทันที
เดี๋ยวจะไปแก้โพสต์ข้างบนด้วย :b6: :b6: :b6:

ปล. ทางเว็บน่าจะมีให้ขีดฆ่าตัวหนังสือด้วย แบบ... อยากขีดทิ้งมากกว่าลบน่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 19:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
ศิษย์โง่งม เขียน:
...แล้วตอนต่อไป เมื่อไรจะมาครับ....

ยังมีเขียนเรื่อยๆ แหล่ะครับ แล้วแต่ว่าความสนใจจะมุ่งไปที่ใด แต่ตอนนี้ขอเบรกก่อนนิดหนึ่ง ได้เกมใหม่มา ฮิฮิ


ขอแก้ไขนิดหนึ่ง... อายตะที่ต้องมีส่วน Buffer มีเพียง การมองเห็น เท่านั้น ส่วนอายตนะอื่น พวกการได้ยิน กลิ่น รส ไม่มี Buffer สัญญาณอนาล็อกจะถูกนำไปใช้ทันที
เดี๋ยวจะไปแก้โพสต์ข้างบนด้วย :b6: :b6: :b6:

ปล. ทางเว็บน่าจะมีให้ขีดฆ่าตัวหนังสือด้วย แบบ... อยากขีดทิ้งมากกว่าลบน่ะ


ท่านมู ก็ไปเปลี่ยนขนาดตัวอักษรให้เล็กลงและทำให้สีจางลง :b5:
ก็ได้ แต่เมื่อยแย่เลย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
ศิษย์โง่งม เขียน:
...แล้วตอนต่อไป เมื่อไรจะมาครับ....

ยังมีเขียนเรื่อยๆ แหล่ะครับ แล้วแต่ว่าความสนใจจะมุ่งไปที่ใด แต่ตอนนี้ขอเบรกก่อนนิดหนึ่ง ได้เกมใหม่มา ฮิฮิ


ขอแก้ไขนิดหนึ่ง... อายตะที่ต้องมีส่วน Buffer มีเพียง การมองเห็น เท่านั้น ส่วนอายตนะอื่น พวกการได้ยิน กลิ่น รส ไม่มี Buffer สัญญาณอนาล็อกจะถูกนำไปใช้ทันที
เดี๋ยวจะไปแก้โพสต์ข้างบนด้วย :b6: :b6: :b6:

ปล. ทางเว็บน่าจะมีให้ขีดฆ่าตัวหนังสือด้วย แบบ... อยากขีดทิ้งมากกว่าลบน่ะ


ใครบอกกกกก....
หูมันเป็นโครงสร้างของการแปลงการสั่นสะเทือน หรือ การบีบอัดสลับคลาย
ให้เป็นเสียงงงงงง หง่ะ...

ส่วนรส ก็เป็นเรื่องสภาวะความเป็นกรด/เบส

ส่วนกลิ่น...นี่เป็น ก็เป็นสิ่งที่ ... คือ รสกับกลิ่นมันมีการทำปฏิกริยากับเคมีของร่างกาย
ณ จุดสัมผัส... หือออ....??? ... ท่านมู.... ไหง๋ไม่มี buffer ล่ะ...

ส่วนผิว...มันเป็นเรื่องของ การสัมผัสพื้นผิว
แรงเสียดทาน การถ่ายเทพลังงาน(ความร้อน/เย็น/ประจุไฟฟ้า-ขนลุกเป็นต้น)


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 19:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool cool Buffer หมายถึงหน่วยพักข้อมูลจากเซนเซอร์น่ะ
ดวงตา หู หรืออื่นๆ ถือเป็นเซนเซอร์ ถ้าไม่มี buffer หมายถึงว่า ข้อมูลจากเซนเซอร์จะถูกนำไปใช้ทันที

เหมือน Harddisk น่ะ ในตัวฮาร์ดดิสก์มันจะมีหน่วยความจำเล็กๆ อันหนึ่ง เขาเรียกว่า Cache เพราะคำว่า Buffer มันเป็นศัพท์ยุคโบราณ :b9: :b9: :b9:
เวลาระบบจะอ่านข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ มันไม่ได้อ่านตรงๆ แต่ตัว Controller ของฮาร์ดดิสก์จะอ่านข้อมูลมาเก็บไว้ใน cache (แคช) ก่อน แล้วมีการประมวลผลขั้นต้น เช่น ตรวจสอบความผิดพลาด จัดรูปแบบข้อมูลให้สอดคล้องกับระบบ แล้วจึงส่งต่อให้กับระบบ...

ถ้าเทียบฮาร์ดดิสก์กับดวงตา...
ดวงตาก็คือเซนเซอร์ เป็นตัวอ่านสัญญาณ สัญญาณที่ได้มา จะถูกจัดการเบื้องต้นโดยโครงข่ายประสาทชุดหนึ่ง (controller) จะมีการปรับสัญญาณเบื้องต้น เช่น รวมภาพจากตาทั้งสองข้าง กรองแสงออก กลับรูป จากนั้นจึงส่งผ่านไปที่ต่อมไพเนียล ซึ่งทำหน้าที่คล้าย cache คือภาพที่ถูกกรองแล้วจะถูกสร้างขึ้นที่นี่ และระบบ (จิต) จะนำภาพที่ได้ไปใช้งาน

ต่างกับคอมตรงที่ว่า อุปกรณ์คอมแต่ละชิ้นจะมีแคชเป็นของตัว แต่แคชในสมองเป็นแกงโฮะ มีหลายๆ ส่วนมามะลุ่มมะตุมกันใช้ :b32: :b32: :b32:

ส่วนอายตนะอื่น สัญญาณที่ได้จากเซนเซอร์ (เช่น หู ต่อมรับรส กลิ่น) น่าจะถูกนำไปใช้ทันทีโดยไม่ต้องมีแคช
ทีเราคิดแบบนี้ ก็อาศัยที่ว่า เราสามารถจดจำภาพที่เห็นแป๊บๆ ได้ ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะลืม คือก่อนที่ภาพใหม่ๆ จะเข้ามาแทน แต่เราจะไม่สามารถนึกย้อน เสียง กลิ่นและรส ได้ จริงปะ :b6: :b6: :b6:
มันน่าจะแสดงได้ว่า เสียง กลิ่นและรสนั้น เราจะรับรู้ในขณะปัจจุบันเสมอ คือไม่มีการพักข้อมูลไว้ที่ส่วนใด...

เจ๋งมะ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
cool cool cool Buffer หมายถึงหน่วยพักข้อมูลจากเซนเซอร์น่ะ
ดวงตา หู หรืออื่นๆ ถือเป็นเซนเซอร์ ถ้าไม่มี buffer หมายถึงว่า ข้อมูลจากเซนเซอร์จะถูกนำไปใช้ทันที

เหมือน Harddisk น่ะ ในตัวฮาร์ดดิสก์มันจะมีหน่วยความจำเล็กๆ อันหนึ่ง เขาเรียกว่า Cache เพราะคำว่า Buffer มันเป็นศัพท์ยุคโบราณ :b9: :b9: :b9:


:b10: :b14: :b5: :b32: รู้แล้ว...ว่าท่านมู...รุ่นโบราณ... :b14: :b32:

เป็น node มีรูปแบบการจ่ายพลังงานเพื่อหล่อเลี้ยง...สภาวะภายใน node ...
ทางเทคนิคเรียก แคโทด รึเปล่า เอกอนจำไม่ค่อยได้... :b10:


แต่แคชในสมองเป็นแกงโฮะ มีหลายๆ ส่วนมามะลุ่มมะตุมกันใช้ :b32: :b32: :b32:

55555 อร่อย...

แต่เราจะไม่สามารถนึกย้อน เสียง กลิ่นและรส ได้ จริงปะ :b6: :b6: :b6:

อืมมมม.... ไม่สามารถ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ไปซะทีเดียว...
เพียงแต่ว่า.... ไม่...นี่คือ...เรายังไม่สังเกตเห็นพฤติกรรมของมันอย่างทั่วถึง...
บางสิ่งที่มันเป็น ... เราอาจจะยังไม่รู้... :b12:


มันน่าจะแสดงได้ว่า เสียง กลิ่นและรสนั้น เราจะรับรู้ในขณะปัจจุบันเสมอ คือไม่มีการพักข้อมูลไว้ที่ส่วนใด...

เจ๋งมะ :b32: :b32: :b32:

เจ๋ง...
แต่เอกอน...ชัวร์....เพราะ...ชัวร์...เพราะได้เจอจุดสังเกตนี้หลายครั้ง และชัดเจน
ในสภาวะที่...ผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น ไม่เกิด...
แต่จิตสามารถ...ถูกกระตุ้นให้แต่งกลิ่น แต่งรสได้...

จริง ๆ แต่ก่อนเมื่อไตร่ตรองเรื่องเทือก ๆ นี้...
มันทำให้เรามีทัศนะต่อสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเรา และแม้แต่ตัวเราเปลี่ยนแปลงไป...
โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา และโลกไม่ได้หมุนรอบดวงอาทิตย์แต่เพียงลำพัง
เราก็เป็นส่วนหนึ่ง..
ถ้าหากว่า...หน้าผาหินชันไม่มีวันทลาย วันนี้ก็ไม่มีเรา...เช่นนี้...
การเกิดของเรา ก็เพราะ มีการดับมาก่อน มันเป็นไปตามปัจจัย
มีผู้ที่ต้องทุกข์ แน่ ๆ ก็แม่ของเรา ... เพราะต้องเบ่งอย่างสุดชีวิต...

คำว่า เห็นแก่ตัว คำนี้ ตรง และ ชัดเจน...
เราเกิดมาบนความทุกข์ของผู้อื่น ...
เราเกิดมาเราก็ยืนเหยียบพื้นดิน เราเบียดเบียนทุกอย่างเพื่อการดำรงชีวิต...
และเราก็เห็นธรรมชาติที่ให้โอกาสในการเกิดแก่เรา
ให้โอกาสในการเรียนรู้แก่เรา เป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์...
และตะเกียดตะกายทางความคิดและการกระทำทุกอย่างเพื่อให้พ้นไปจาก...
จาก...อะไร...

การแสดงความเห็นในเชิงนี้ บางทีก็เหมือนคนกิเลสหนาปัญญาบาง...

555555



แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 06 ต.ค. 2010, 00:51, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


เออ... buffer คือส่วนพักข้อมูล ไม่ได้หมายถึง หน่วยเก็บข้อมูล...
ฮาร์ดดิสก์ ถ้าไม่มีข้อมูลใน buffer ตัว controller จะต้องอ่านข้อมูลจากหน่วยเก็บมาใส่ไว้ใน buffer...

แน่นอนว่า รูปแบบของเสียง กลิ่นและรส จะถูกเก็บไว้ในสมอง เป็นการจดจำว่า เสียงแบบนี้คือเสียงอะไร...
น่าสังเกตว่า เราไม่มีการต่อเติมเสียงที่กระท่อนกระแท่น ให้เป็นเสียงที่สมบูรณ์...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 206 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร