วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 18:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
นิมิตเห็นกายระเบิด


อิอิ หลงนิมิต ถูกหลอกแล้ว เออ

เห็นปุ๊บ ให้ว่าในใจปั้บ เห็น.....ได้ยินปุ๊บ ก็ เสียง.....ได้กลิ่นปุ๊บ ก็ กลิ่น.....ฯลฯ คิดปุ๊บ ก็ คิด....เป็นต้น ตามสภาวะนั้นๆ

นั่นแหละ เติมหนอเข้าไป เป็นเห็นหนอๆๆ เสียงหนอๆๆๆ กลิ่นหนอๆๆ คิดหนอๆๆ ฯลฯ

cool onion
การเห็นด้วยนิมิตของหลวงพ่อชานั้นเป็นการเห็นตามลำดับของสภาวธรรมจริงๆไม่ใช่การเห็นด้วยอุปาทานความผูกยึดใดๆจึงต่างกันกับคนที่ติดนิมิต กรัชกายไม่แยกแยะให้ดีจนกล้าปมาทะว่าหลวงพ่อชาถูกหลอก
กรัชกายก่อกรรมหนักให้กับตัวเองอีกแล้ว อนิจจาคนรู้มากทำจริงน้อยมักเป็นเสียอย่านี้นี่เอง
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
นิมิตเห็นกายระเบิด


อิอิ หลงนิมิต ถูกหลอกแล้ว เออ

เห็นปุ๊บ ให้ว่าในใจปั้บ เห็น.....ได้ยินปุ๊บ ก็ เสียง.....ได้กลิ่นปุ๊บ ก็ กลิ่น.....ฯลฯ คิดปุ๊บ ก็ คิด....เป็นต้น ตามสภาวะนั้นๆ

นั่นแหละ เติมหนอเข้าไป เป็นเห็นหนอๆๆ เสียงหนอๆๆๆ กลิ่นหนอๆๆ คิดหนอๆๆ ฯลฯ


การเห็นด้วยนิมิตของหลวงพ่อชานั้นเป็นการเห็นตามลำดับของสภาวธรรมจริงๆไม่ใช่การเห็นด้วยอุปาทานความผูกยึดใดๆจึงต่างกันกับคนที่ติดนิมิต กรัชกายไม่แยกแยะให้ดีจนกล้าปมาทะว่าหลวงพ่อชาถูกหลอก
กรัชกายก่อกรรมหนักให้กับตัวเองอีกแล้ว อนิจจาคนรู้มากทำจริงน้อยมักเป็นเสียอย่านี้นี่เอง


หลวงพ่อชาบอกท่านอโศกแต่ตอนไหนไม่ทราบ :b10:

นิมิตที่ปรากฏทางใจมากมายนับไม่ถ้วน แล้วก็ทำให้คนหลงเข้าใจผิดบางรายถึงกับเพี้ยนมาแล้ว

เอ้า


อ้างคำพูด:
พี่สาวของสามีดิฉันเริ่มปฎิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี (ตอนนี้ 65 ปี) ปฎิบัติไปปฎิบัติมา เกิดอาการแบบที่คุณเป็นนั่นแหละค่ะ คือหูแว่ว นั่งอยู่ก็มีคนมาคุยด้วย บอกว่ามีครูบาอาจาย์มาสอนกรรมฐานอะไอย่างเนี้ยค่ะ จนหลังๆเป็นมากๆเข้า อยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมากินข้าว บอกว่าเค้าไม่ให้กินข้าว ให้กินแต่ผลไม้ ไม่หลับไม่นอน นั่งยิ้มอยู่ตลอด บอกว่าเค้ามาคุยด้วย .

จนญาติต้องส่งรพ.บ้านสมเด็จฯ และโรคที่ว่านี้คือ "จิตเภท" อาการคือหูแว่วนั่นเอง รักษาแล้วก็กินยาอยู่ตลอด บางทีห่างยา ก็อาการกำเริบ คือสรุปแล้วว่า...ถ้าเป็นโรคนี้แล้ว ต้องกินยาตลอดชีวิต

ตอนนี้ปฎิบัติแบบรู้สึกตัวในอริยาบทต่างๆเช่น กิน เดิน นั่ง นอน เดินจงกรมได้แต่ไม่นั่งกรรมฐาน


อ้างคำพูด:
ไม่ได้เห็นคนมาคุยด้วย เคยเห็นแค่ธง นกบินไปมาตอนที่คิดว่าเรากำลังรับข่าวสารตอบโต้ไปมานานเลย ส่วนใหญ่จะเห็นอะไรที่ดีๆไม่น่ากลัวค่ะ แต่มีเสียงคนมาคุยด้วยตลอด หลายคน พลัดกันไปมา เป็นอยู่หลายอาทิตย์จนเขาต้องพาไปโรงพยาบาล

ตอนนี้หายไปหมดแล้วค่ะ เพียงแต่ยังมีเสียงมาจากใจแต่เหมือนเป็นคนอื่นพูดเท่านั้น ดิฉันคิดว่ามันคงเป็นจิตเราเอง แค่แปลกใจทำไมพูดเหมือนเป็นคนอื่น


อ้างคำพูด:
ดิฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อบ้ามาก่อนไหม แต่รู้ว่าตัวเองสุขภาพจิตดีก่อนเกิดเหตุ
แต่เคยได้ยินว่าฝึกแล้วอาจจะบ้าได้ แต่เสียดายไม่เคยคิดเลยว่ามันใกล้ตัวไป ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรในการฝึก
ทำไปตามปกติสบายสบาย จนมันผิดปกติถึงได้พยายามแก้ไขเอง นี่เองจุดหักเข้าสู่ความตาย
พอเห็นอาการทางกายหายไป แล้วดิฉันเริ่มหลง เพราะเห็นพระที่ดิฉันนับถือที่สุดในชีวิตเอาพระองค์เล็กๆใส่มาในตัวเรา
ต่อจากนั้นก็รู้สึกไปว่าติดต่อทางจิตกับท่านตลอดเวลา
... เจอมุขนี้ มือใหม่จะรับมือไหวได้ยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
นิมิตเห็นกายระเบิด


อิอิ หลงนิมิต ถูกหลอกแล้ว เออ

เห็นปุ๊บ ให้ว่าในใจปั้บ เห็น.....ได้ยินปุ๊บ ก็ เสียง.....ได้กลิ่นปุ๊บ ก็ กลิ่น.....ฯลฯ คิดปุ๊บ ก็ คิด....เป็นต้น ตามสภาวะนั้นๆ

นั่นแหละ เติมหนอเข้าไป เป็นเห็นหนอๆๆ เสียงหนอๆๆๆ กลิ่นหนอๆๆ คิดหนอๆๆ ฯลฯ

cool onion
การเห็นด้วยนิมิตของหลวงพ่อชานั้นเป็นการเห็นตามลำดับของสภาวธรรมจริงๆไม่ใช่การเห็นด้วยอุปาทานความผูกยึดใดๆจึงต่างกันกับคนที่ติดนิมิต กรัชกายไม่แยกแยะให้ดีจนกล้าปมาทะว่าหลวงพ่อชาถูกหลอก
กรัชกายก่อกรรมหนักให้กับตัวเองอีกแล้ว อนิจจาคนรู้มากทำจริงน้อยมักเป็นเสียอย่านี้นี่เอง
:b7:


ขออภัยที่พูดตรงๆ คือ ท่านอโศกยังอ่อนหัดนัก ยังไม่รู้เรื่องการปฏิบัติทางจิตเลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 12:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


wink
ใครอ่อนหัดภาคปฏิบัติจริงๆ ดูจากเรื่องที่พูดก็รู้แล้ว

พวกเป็นแต่ก้อปตำรานั่นแหละ อ่อนหัด

คนที่พูดธรรมใหลออกมาจากใจนั้นสิจึงจะเป็นบัณฑิตแท้

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ใครอ่อนหัดภาคปฏิบัติจริงๆ ดูจากเรื่องที่พูดก็รู้แล้ว

พวกเป็นแต่ก้อปตำรานั่นแหละ อ่อนหัด

คนที่พูดธรรมใหลออกมาจากใจนั้นสิจึงจะเป็นบัณฑิตแท้


อยากเป็นบัณฑิตแท้ ถามหน่อยว่า นี่เขาเป็นอะไร แล้วจะต้องทำยังไง

อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ
มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ 30 นาที (คาดคะเนในใจ) เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอิริยาบถหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ...เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .......จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด (ขาข้างขวา) ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 07:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ใครอ่อนหัดภาคปฏิบัติจริงๆ ดูจากเรื่องที่พูดก็รู้แล้ว

พวกเป็นแต่ก้อปตำรานั่นแหละ อ่อนหัด

คนที่พูดธรรมใหลออกมาจากใจนั้นสิจึงจะเป็นบัณฑิตแท้


อยากเป็นบัณฑิตแท้ ถามหน่อยว่า นี่เขาเป็นอะไร แล้วจะต้องทำยังไง

อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ
มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ 30 นาที (คาดคะเนในใจ) เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอิริยาบถหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ...เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .......จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด (ขาข้างขวา) ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ

onion
บอกแล้วไงว่าจะไม่ตอบแล้วเรื่องของคนขาดสคิสัมปชัญญะอย่างนี้
:b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ใครอ่อนหัดภาคปฏิบัติจริงๆ ดูจากเรื่องที่พูดก็รู้แล้ว

พวกเป็นแต่ก้อปตำรานั่นแหละ อ่อนหัด

คนที่พูดธรรมใหลออกมาจากใจนั้นสิจึงจะเป็นบัณฑิตแท้


อยากเป็นบัณฑิตแท้ ถามหน่อยว่า นี่เขาเป็นอะไร แล้วจะต้องทำยังไง

อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ
มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ 30 นาที (คาดคะเนในใจ) เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอิริยาบถหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ...เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .......จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด (ขาข้างขวา) ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ

onion
บอกแล้วไงว่าจะไม่ตอบแล้วเรื่องของคนขาดสคิสัมปชัญญะอย่างนี้


ถามท่านอโศก คนเรานี่เกิดมาก็มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พร้อมกันทุกคนใช่ไหม หรือยังไงบอกสิ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2017, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างการทำงาน คิดเรื่องการทำงานของผู้ซึ่งชาวพุทธศึกษากันมาว่าเป็นพระอรหันต์



สารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพุทธเจ้า เกิดที่หมู่บ้านนาลกะ (บางแห่งเรียกนาลันทะ) ไม่ไกลจากเมืองราชคฤห์ เป็นบุตรแห่งตระกูลหัวหน้าหมู่บ้านนั้น บิดาชื่อวังคันตพราหมณ์ มารดาชื่อสารี จึงได้นามว่าสารีบุตร แต่เมื่อยังเยาว์ เรียก อุปติสสะ มีเพื่อนสนิทชื่อ โกลิตะ ซึ่งต่อมาคือพระมหาโมคคัลลานะ
มีน้องชาย ๓ คน ชื่อ จุนทะ อุปเสนะ และเรวตะ น้องหญิง ๓ คน ชื่อจาลา อุปจาลา และสีสุปจาลา ซึ่งต่อมาได้บวชในพระธรรมวินัยทั้งหมด

เมื่ออุปติสสะและโกลิตะจะบวชนั้น ทั้งสองคนไปเที่ยวดูมหรสพ ที่ยอดเขาด้วยกัน คราวหนึ่ง ไปดูแล้ว เกิดความสลดใจ คิดออกแสวงหาโมกขธรรม และต่อมาได้ไปบวชอยู่ในสำนักของสัญชัยปริพาชก แต่ก็ไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย

จนวันหนึ่งอุปติสสปริพาชก พบพระอัสสชิเถระขณะท่านบิณฑบาต เกิดความเลื่อมใสติดตามไปสนทนาขอถามหลักคำสอน ได้ฟังคำย่อเพียงคาถาเดียวก็ได้ดวงตาเห็นธรรม กลับไปบอกข่าวแก่โกลิตะ แล้วพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า มีปริพาชกเป็นศิษย์ตามไปด้วยถึง ๒๕๐ คน ได้รับเอหิภิกขุอุปสมบททั้งหมดที่เวฬุวัน

เมื่อบวชแล้ว ได้ ๑๕ วัน พระสารีบุตร ได้ฟังธรรมเทศนาเวทนาปริคคหสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ทีฆนขปริพาชก ณ ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฎ ก็ได้บรรลุพระอรหัต ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางมีปัญญามาก และเป็นอัครสาวกฝ่ายขวา

ท่านได้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธเจ้าในการประกาศพระศาสนา และได้รับยกย่องเป็น พระธรรมเสนาบดี คำสอนของท่านปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเป็นอันมาก เช่น สังคีติสูตร และทสุตตรสูตร ที่เป็นแบบอย่างแห่งการสังคายนา เป็นต้น

ท่านปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าไม่กี่เดือน เมื่อจวนจะปรินิพพาน ท่านได้เดินทางไปโปราดมารดาของท่าน ซึ่งยังเป็นมิจฉาทิฐิ ให้มารดาได้เป็นพระโสดาบันแล้วปรินิพพานที่บ้านเกิด ด้วยปักขันทิกาพาธ หลังจากปลงศพแล้ว พระจุนทะน้องชายของท่านนำอัฐิธาตุไปถวายพระบรมศาสดา

พระองค์ตรัสว่าให้ก่อสถูปบรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้ ณ พระเชตวัน เมืองสาวัตถี

พระสารีบุตรมีคุณธรรมและจริยาวัตรที่เป็นแบบอย่างหลายประการ เช่น เป็นผู้มีความกตัญญูสูง ดังได้แสดงออกเกี่ยวกับพระอัสสชิ (นอนหันหัวไปทางที่ พระอัสสชิพำนักอยู่) และราธพราหมณ์ (ระลึกถึงบิณฑบาตหนึ่งทัพพีและรับเป็นอุปัชฌาย์แก่ราธะ) สมบูรณ์ด้วยขันติธรรมต่อคำว่ากล่าว (ยอมรับคำแนะนำแม้ของสามเณร ๗ ขวบ) เป็นผู้เอาใจใส่อนุเคราะห์เด็ก (เช่น ช่วยเอาเด็กยากไร้มาบรรพชา มีสามเณรอยู่ในปกครองดูแล ซึ่งเก่งกล้าสามารถหลายรูป) และเอาใจใส่คอยดูแลภิกษุอาพาธ เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2017, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าจะเป็นที่มา

โย ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุไข้เถิด.

https://sites.google.com/site/thebuddha ... su-xaphath

http://www.faiththaistory.com/monk-illness/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron