วันเวลาปัจจุบัน 14 มิ.ย. 2025, 22:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 27  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2015, 11:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากที่ว่า...คืออยากรักษาศีล อยากมีเวลาปฏิบัติให้มากกว่านี้ ..จนถึงอยากออกบวช :b1:
ไม่ใช่อยากแบบทุรนทุราย..แต่มันรู้ถึงความต้องการที่เด่นชัดในใจ
รอเวลา..ให้ทุกอย่างราบรื่นสักนิด
..แต่ก็รอไปเถอะ..มันยิ่งหนักขึ้นๆอย่างทันใจคิดเลย(แต่เป็นแบบตรงกันข้าม) :b9: :b9:
คือ..ทางโลก ไม่อยากได้อะไรแล้ว..
:b51: แม้แต่ลูก เคยห่วงหวง จนแทบไม่ให้คาดสายตา
ห่วงหวงจนเวอร์..แทบไม่ปล่อยแม้ไปกับตายายญาติพี่น้อง
หรือแม้แต่กับพ่อเขาหากไม่ได้ไปด้วยก็จะกำชับแล้วอีกอยู่นั่น..ไม่ใช่อยากปฏิบัติจนไม่เอาอะไรนะ
แต่มันเชื่อเรื่องของกรรม..หากกรรมจะส่งผลแล้ว..เราไปบังคับไม่ให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
เพราะการนั่งสมาธิ..เราก็รักษาแค่วันละประมานชม. หน้าที่ทุกอย่างรักษาไว้ครบไม่ให้เดือดร้อนกับใคร
ไม่ลำบากใจ..นอกจากให้ทำผิดศีล :b14:
:b51: แม้แต่สามี..ที่ห่างกันแทบไม่ได้..จนบางทีคิดอยากให้เขาไปมีใครซะ..เราจะได้ไปแบบไม่รู้สึกผิด
สิ่งที่ติดอยู่ในใจ..ก็เรื่องนี้..เป็นบ่วงร้อยรัดที่สุด
s007 คือตัดใจไปได้..ไม่ได้ห่วงหา..แบบรักอาลัยอาวรณ์..มันวางได้..ไม่มีรักหรือไม่รัก
มันกลายเป็นความเมตตา
แต่ที่รอเวลา..ไปไม่ได้..เพราะ..วิกฤตทางการเงินที่หนักมากขึ้นๆ
จากที่เคยมีฐานะ..จะออกบ้านแทบไม่มีตังค์เติมน้ำมันรถ..เงินให้ลูกไปรร...หรือจะกินข้าวในวันนี้
ข้อนี้มันวางเป็นอุเบกขาไม่ได้ :b5: :b5: ใจเราเองไม่ทุกข์ร้อนหรอก..
จะไม่มีอะไร..ยังไง..ไม่ห่วงตัวเองสักนิดเดียวก็ไม่มีเลย
แต่มีห่วงที่ครอบครัว..กำลังลำบากถึงที่สุด..หากทิ้งไปตอนนี้..เหมือนเห็นแก่ตัว
(ปล.จริงๆตอนที่ทบทวนเรื่องนี้ในตอนนั้น..มีคิดว่า..จนสุดท้าย..เหตุผลก็คือ..ย้อนมาห่วงตัวเองนั่นแหละ) :b7:
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:
แต่การใช้ชีวิตในทางโลก ควบคู่ไปกับการปฏิบัติ..มันก็ขัดแย้งกันเหลือเกิน
อยากปลีกไปวิเวกก็ทำไม่ได้...นี่เป็นสาเหตุที่มีเหนื่อยท้อเป็นพักๆ..เพราะมีความอยากตัวนี้
มันเป็นความเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตทางโลก..แบบว่าอยากจะไปแล้ว..แต่ต้องรอ..แต่ยิ่งรอยิ่งเห็นความเป็นไปไม่ได้
แต่ก็ไม่ทำให้ใจกระเพื่อมมาก..ความเข้าใจยังมีสูง..เพียงแต่ไม่เต็มร้อย..แหว่งไปนิด :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2015, 23:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ระหว่างนั้นเหมือนมีตัวอวดรู้มาเตือนอยู่บ่อยๆ...ประมาณว่า
ให้เลิกอธิษฐานสิ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
เพราะอธิษฐาน..อยากจะไปนิพพานให้ได้ในชาตินี้..นี่แหละทำให้เกิดวิบากหนัก
แวบหนึ่งหรือหลายแวบมีจิตตกบ้าง..เหนื่อยแล้วไม่เอาแล้ว..อยากจะถอนคำอธิษฐาน หรือความตั้งใจ
แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปัดความรู้สึกนี้ทิ้งไป
ซึ่งมันก็ไม่ยาก..เมื่อปฏิบัติไปถึงจุดๆหนึ่งที่สั่งจิตได้..อารมณ์ที่เจอมันจึงเป็นเหมือนแค่ลมที่พัดมาวูบหนึ่งเท่านั้นเอง
s007 กลับมาต่อเรื่องคำอธิษฐาน..ตอนนั้นอาจจะทำไปด้วยความรู้สึกที่คิดเอาเองว่าควรจะทำ
แต่หลังจากคราวนั้นจนมาถึงตอนนี้..ไอเดียเชื่อในคำอธิษฐาน

:b1: มีประโยคหนึ่ง...ประมานว่า
ขอให้ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม...พบครูบาอ...ขอให้การปฏิบัติดำเนินไปตามทางที่ถูกที่ควร...
ในทางที่จะเข้าถึงพระนิพพานให้ได้ในชาตินี้ด้วยเถิด

**ตอนนั้นมีคิด..เรามีลูกเล็ก..จะเดินทางไปปฏิบัติไกลก็จะติดเอาห่วงไปด้วย
(อยู่ไหนก็ทำได้ก็จริง..แต่ก็ยังอยากไปเพราะว่าอยากมีช่วงเวลาที่ทุ่มเทกับการปฏิบัติให้ต่อเนื่อง)
ก็หวังอีกว่าน่าจะให้มีใกล้ๆคือคิดเข้าข้างตัวเอง..จะเป็นไปได้ยังไง
:b44: แต่เชื่อใหม..หลังจากนั้นน่าจะ3เดือนได้ วัดใกล้บ้านที่เดินเท้าไปถึง....มีการก่อสร้างเพิ่มเติม
เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรกัน..แต่อีกประมาน5เดือนได้..เขาก็ขึ้นป้ายเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม^^
cry แต่ไม่มีโอกาสไปหรอก 2-3คอร์สแรก..งานที่ทำ..ค่อนข้างหนัก..ด้วยภาวะเศรฐกิจแย่ด้วย
ปล่อยมือจากงานได้..ไม่กิน,,ก็นอน,,หรือดูลูก ซึ่งพ่อเขาจะดูเป็นหลัก
ส่วน เราทำงานจนแม้กระทั่งหอบมาในห้องนอนด้วย..จนล้า..รามือก็นอนเลย^^เป็นเรื่องปกติ
:b14: มองหาช่องทางก็ไม่เห็นด้วย..เกรงใจแฟน..ไหนจะงาน..ไหนจะลูกเล็ก..ไหนจะคนงานที่รอหลายสิบชีวิต
...หนี้สินเริ่มทบทวีจนกระดิกแทบไม่ได้
:b4: แต่ก็คิดว่า..รอๆๆๆๆๆๆมาสักกี่ครั้ง..ไม่เคยมีความพร้อม
มันคืออุปสรรคหนึ่งที่ต้องฝ่าฝัน...ต้องมีจุดเริ่มต้น
และก็เหมือนที่พระอ.ท่านบอกจริงๆ...ว่าเมื่อสร้างเหตุไว้แล้ว ยังไงก็ต้องได้มา
:b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53:
**คือหลังจากครั้งแรก..ก็ไม่ใช่ว่ามีแต่ความพร้อมรอไว้หรอก
ยังมีอีกหลายอุปสรรควัดใจ :b3:
แต่ใจมันพร้อม...ยังไงก็พร้อม :b13: :b13:
มันอยู่ที่..ถึงจุดๆหนึ่ง..เชื่อหมดใจแล้วว่าการสร้างเหตุใด..สำคัญกว่า
ความไม่พร้อมก็จึงเป็นแค่มารพิชิตใจ
แล้วจะแพ้มันต่อไปทำไม :b16: :b16:
มันมีหนทางเสมอ..ในการดิ้นไป..ให้ตายสิ อิอิ :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2015, 11:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ตามความคิดของไอเดียนะ
คำอธิษฐาน..ไม่ใช่คือการ..สักแต่เฝ้าขออะไรแล้วจะได้ตามนั้น
แต่เป็นการใช้จิตที่แน่วแน่......ให้เกิดเป็นพลัง..ขับเคลื่อนความตั้งใจนั้นๆให้บรรลุเป้าหมาย
เช่น..ไอเดียเคยนั่งสมาธิ..แล้วเจ็บกลางหลัง..เป็นอย่างนั่นซ้ำๆ มันปวดหนึบเหมือนจะนั่งต่อไปไม่ได้
จะกำหนดก็เหมือนสู้ไม่ได้..มันเจ็บมาก..คิดกังวลอยู่เรื่อย
จนมีครั้งหนึ่ง..มีกำลังใจที่จะสู้..จึง..ประมาณว่า
:b44: อธิษฐานขอถวายการปฏิบัติในครั้งนี้เป็นพุทธบูชา ขอถวายส่วนกลางหลังนี้แก่พระพุทธเจ้า :b8:
ไม่ว่ามันจะต้องหักลงหรือแตกแหลกจนไม่สามารถนั่งได้จนจะล้มจะนอนจะขาดใจ
ก็จะไม่หยุดภาวนาจนกว่าการปฏิบัติในครั้งนี้จะผ่านจนได้รับความสงบ
จากที่คิดว่าจะทนไม่ไหวมาอยู่เรื่อย..กลับมองเห็นความเจ็บมันไม่นิ่ง
เหมือนมีอะไรดิ้นอยู่ภายใน..ไหลไปไหลมา..เหมือนกระดูกส่วนนั้นเริ่มมันหายไปจริงๆ
มันนุ่มนิ่มจนคิดว่าเดียวตัวคงพับได้
แต่ก็มีสติ..แค่กำหนดรู้ไม่หวั่นไหว :b27: :b27:
หลังจากนั้นก็ยังมีเจ็บ(เพราะมันเหมือนเป็นอาการจากกระดูกทับเส้นโรคประจำตัว)
แต่ก็ไม่เคยสนใจกับอาการนั้นอีกเลย..มีก็แค่รู้ว่ามันมี^^
s005 คือ..เรื่องแบบนี้ถึงเวลาไม่ต้องมีใครมาบอกมาสอน มันเป็นเองกำลังใจมันเต็ม
ณ ตอนนั้นก็ใช้แรงศรัทธาที่มีต่อพระพุทธองค์ :b8:
:b38: มันก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆนะสำหรับไอเดย...ต้องทบทวน..ไม่ใช่สักแต่พูด
..มันคิดยาวในเวลาอันรวดเร็ว..ก่อนพูด
อย่างเจ็บแข้งเจ็บขานี่อย่าง..ไม่กล้านะ..กำลังใจมันยังไม่เต็ม..ทบทวนแล้วรู้เลย..ว่าทำไม่ได้..ยังไม่ได้ :b9:
มันแล้วแต่จังหวะด้วยนา :b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2015, 23:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาอธิษฐาน...ขออะไรก็ได้...บางทีมันก็เป็นไปได้จริงก็มีนะ :b1: :b1:
แต่ไอเดียจะทำด้วยความเชื่อในบุญของตน...ในความดี...ในการไม่เบียดเบียนใคร
ไม่ได้ทำไปด้วยความคาดหวังว่าจะเป็นไปตามนั้นซะทีเดียว..แต่เป็นพลังแห่งศรัทธา
Kiss บ่อยครั้งที่การอธิษฐานขอให้ช่วยไม่ว่าในเรื่องใดๆ ก็สำเร็จ :b19: :b19:
บางทีเราเกริ่นๆ ให้แฟนฟัง เขาเหมือนจะหัวเราะ มองว่าไร้สาระ
แต่จนบ่อยครั้งเข้า เขาได้เห็น...บางทีเหนื่อยๆ...เขาบอกมาเลย"ทำไม่ไม่ไปขอให้ช่วยอีกหละ" :b9: :b9:
s005 ข้อสำคัญ..ข้อหนึ่งของการอธิษฐาน..ต้องไม่มีความโลภ
เหนื่อยจนจะหมดแรง,,ข้าวจะไม่มีกิน,,คือทำเพราะนึกถึงตนเป็นหลักในการบำรุงบำเรอทางโลก
ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำ..ต้องมีเหตุผลที่จะทำ..ส่วนมากมันจะรู้เองด้วย..ว่าอธิษฐานแล้วจะสำเร็จใหม
:b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53:
Kiss ไอเดียจะเล่า...น่าจะพูดว่าเป็น"ปาฏิหารย์"..คงฟังดูดี :b1:
คุณพ่อไอเดีย..ท่านเป็นคนแข็งแรง..แม้จะหนักไปทางสุรา..แต่แทบไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย
อยู่คนเดียว..ไปไหนมาไหนคนเดียว..คือลูกๆทั้ง5คน ไม่ค่อยสนิทกับท่าน
และต่างแยกย้ายไปมีครอบครัว..มีอยู่กับท่าน1คน..แต่เหมือนต่างคนต่างอยู่..กับลงอยู่ใกล้ๆ
และไอเดียอยู่ไกลเดินทางปกติ เกือบครึ่งชม.
มีวันหนึ่งจากที่ไปไหนมาไหนได้ปกติท่านก็รู้สึกอ่อนแรง..จนถึงขั้นไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ช่วงเอวลงไปภายในไม่กี่วัน
เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากและกระจายไปแล้วทั่วตัว..หมอไม่มีทางรักษา..บอกได้แค่รอเวลา..ไม่น่าจะเกิน3เดือน
ลูกทุกคนผลัดกันมาดูแล..ถึงได้เห็นจากที่ท่านแสดงเหมือนไม่ต้องการลูกมาตลอด..มันเป็นแค่ภายนอก
และท่านอยู่ได้ปีกว่าๆ อาการท่านกำเริบเป็นพักๆ หลังๆมาก็บ่อยๆ
ทรุดทีเหมือนจะไปจะไป..ดูท่านทรมานเพราะมะเร็งมาที่ปอด..จะเกี่ยวกับการหายใจลำบาก
ก็จะพากันมานอนเฝ้า..ก็เป็นอย่างนี้หลายๆรอบ
จนวันที่ท่านจะไป..ก็เหมือนเดิม..แต่ไม่ได้หนักมากเท่ากับทุกๆทีที่ผ่านมา..ที่จะมีเค้าล่วงหน้ามา
แต่ท่านทรุดเอาคืนนั้น..และด้วยที่เป็นบ่อยๆคนทางบ้านจึงไม่โทรตามไอเดียเพราะเห็นว่าบ้านอยู่ไกลและลูกเล็ก
มาโทรเอาตอนเช้า..ท่านไปเร็วมาก..ไอเดียไป..ไม่ทัน :b44:
:b46: :b46: ตอนไปถึง..ทุกคนอยู่กันพร้อม..แต่ลูกที่ท่านไว้ใจที่สุดกับไปไม่ทันที่จะได้ดูใจกัน
ซ้ำวันก่อนที่ท่านจะไปก็ไม่ได้แวะเข้ามาหา..ติดงาน..คือเข้ามาบอกพ่อแล้วว่าจะไม่ได้เข้ามานะวันหนึ่ง
"พ่อบอกพ่อสบายดี ไม่ต้องห่วงไปเถอะ"
:b46: :b46: คือภาพที่เห็นตอนไปถึง..
ท่านยังมีลมหายใจที่ขาดเป็นห้วงๆอย่างลำบากคือหยุดไปพักและคืนขึ้นมาอย่างลำบาก
..ตาค้าง ดูมัวแล้ว ตัวแข็งเหมือนไม่รับรู้ความรู้สึก ลิ้นกลายเป็นก้อนหดไปอยู่กับลิ้นไก่ข้างใน
(ตรงนี้ดูน่ากลัว..คือเพิ่งเคยเห็นคนใกล้จะตายครั้งแรก)
:b41: :b41: ไอเดีย..เดินไปคลุกเข่าข้างเตียง..กระซิบที่หู..หวังให้ท่านรับรู้
ก่อนนึกอธิษฐาน..ขออำนาจคุณพระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์ช่วยคุ้มครอง
ขอท่านยมบาล..ช่วยเหลือบรรเทาอย่าให้พ่อไปอย่างทุกข์ทรมานเลย
อธิษฐานจบ...ลิ้นที่กลายเป็นก้อนหดอยู่ติดลิ้นไก่ข้างใน ก็คืนเป็นปกติ..ลมหายใจที่ทุกข์ทรมาน
กลายเป็นแผ่วเบาลง..ดีขึ้นเลย
ตอนนั้นเราเกิดปิติเบาๆ..แม้ท่าทางท่านเหมือนจะไม่รับรู้อะไรแล้ว
แต่ไอเดียกระซิบข้างหู...บอกท่าน.."พุทโธนะพ่อ พุทโธ ๆๆๆๆๆๆ"
แล้วปากท่านก็พยายามขยับตาม..เหมือนพยายามให้เรารู้ว่าท่านยังรับรู้และพยายาม
สักพักท่านก็ไป...
ในความรู้สึกอาลัย ตอนนั้นมีความยินดี..ที่มีโอกาส..ได้ส่งท่าน..ก็หวังว่าท่านคงจะไปสู่สุคติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2015, 11:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่งท้ายเรื่องคำอธิษฐาน
ระหว่างเริ่มนั่งไปสักพัก...ไอเดียจะอธิษฐานประมาณว่า
:b8: ขอสภาวะใดในการปฏิบัติ...อันสูงสุด...ในอดีตชาติต่างๆจนมาถึงปัจจุบัน...ในทางที่ถูกที่ควร
อันจะเป็นการส่งเสริมให้ข้าพเจ้าได้สานต่อ...ขอให้เกิดขึ้น...น้อมเข้ามาสู่ใจข้าพเจ้าได้โดยง่าย
เพื่อส่งผลให้บรรลุพระนิพพานให้ได้ในชาตินี้ด้วยเถิด
s005 คือ ไอเดียจะขอใช้คำว่าบังเอิญที่หมายถึง...การปฏิบัติแบบสะเปะสะปะ
ด้วยความรู้ที่น้อย...การปฏิบัติเลยจะออกมาในแบบที่เล่ามานี้
3ครั้ง3รอบ...มันเหมือนเป็นความรู้คนละแนว...และรู้สึกว่ามันเหมือนบังเอิญ..ที่ได้เข้าไปสัมผัส :b9: :b9:
แต่จากนี้ต่อไป...มันจะเป็นความตั้งใจ...เหมือนได้รู้แล้วว่า..เราจะไปทางไหนดี :b27: :b27: :b27:
:b53: :b45: :b53: :b45: :b53: :b45: :b53:
บางที่ก็มีคิด...เพราะคำอธิษฐานข้างบนนี้หรือเปล่าที่ทำให้รู้สึกเหมือนเราก้าวกระโดด
ในเวลาแค่ประมานเดือนเดียว...ผลมันเกินคาด
เวลานอน...ไอเดียจะใช้ท่านอนตะแคง ใช้แขนพับศอกหนุน ขาซ้อนกันตรง
ศึกษามาว่าเป็นท่านอนสมาธิ...เพราะตอนนั้นมันไม่มีคำว่าง่วงนอนเลย
ความรู้สึกมันจำกัดความได้แค่ว่า...รู้..ตื่น..มันชัดเจนมาก มันมีความตื่นอยู่ข้างในทั้งวันทั้งคืน
ก็จะนอนท่านั้น ตอนเริ่มใหม่ๆแขนมีชากลางดึก แต่ต่อมา..ได้ทั้งคืนท่าเดียว..สบายๆๆ
การหลับการตื่นมันเหมือนปิดเปิดสวิทไฟ การกระทำทุกอย่างในระหว่างวันมันเหมือนเป็นไปโดยอัตโนมัติ
:b39: และไอเดียไม่เคยพิจารณามรณานุสตินะ
แต่ตอนนั้น...เมื่อถึงจุดๆหนึ่งมันเป็นเอง
มันน่าจะเรียกว่าเป็น..ความไม่ประมาท..รึเปล่า
แต่มันมีอยู่ในจิต มันเป็นอันเดียวกัน :b10:
ไม่ใช่แค่การเฝ้าคิดถึงความตาย..พยายามคิดถึงความตายให้ได้ทุกเวลา มันไม่ใช่อย่างนั้น
ไม่ต้องพยายาม..เป็นอยู่
มันเตือนอยู่..มันรู้อยู่..มันเหมือนมีอยู่..เหมือนติดตั้งกลไกระบบที่ทำงานอยู่ข้างใน
มันระลึกถึงอยู่..มันเป็นความรู้สึกที่ละเอียด..ทำให้ได้เห็น..
:b44: ว่าการตั้งอยู่บนความไม่ประมาท..แบบแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2015, 17:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มันอธิบายได้ไม่ค่อยชัดนะ
ถึง..คำว่า ตั้งอยู่บนความไม่ประมาทกับมรณาณุสติ..ที่ว่าถึงจุดๆหนึ่งมันเป็นเอง
คือมันอธิบายเพิ่มได้อีกว่า
มันคงเป็นเรื่องแบบว่า..เป็นความรู้ที่มาจากจิตโดยตรง..ไม่ผ่านความนึกคิดแบบผ่านสมองอ่ะ
:b10: คือ..มันจะเป็นแบบนี้มั้ยน๊า :b9: :b9:
ไอเดียจะไม่ค่อยมั่นใจ..ในเวลาที่ใช้เรียกชื่อหรือให้ความหมายอะไรสักอย่าง :b9: :b9:
เหมือนเวลาอ่านหนังสือ..ศึกษาธรรม
มันจะรู้สึกแบบว่า..ไม่อยาก..
สมองมันไม่จำเลย..จะอึดอัด..ถ้าพยายามจำ..ต้องแบบปล่อยให้เป็นธรรมชาติ
แบบว่านั่นนิดนี่หน่อย..เหมือนได้แต่หัวข้อ..ต้องมาตีความเอง..มันจะไปได้กว่า
คือดีไม่ดีไม่รู้..แต่ถ้าพยายามเอาให้จำมากๆ มันกลับติด..คิด..ไปไม่ได้ :b3: :b3:
แต่ถ้าลงมือทำไปแล้ว..มาอ่านหนังสือ..มันก็จะแบบอ้อๆๆๆๆๆ
s005 เช่น ระหว่างนั้น,,ช่วงนั้น
เราจะรู้สึกแบบว่า ได้เห็น,,ระลึกถึง,,ฟังธรรม,,หรือไหว้พระ,,
คือแค่ได้เหลียวไปเห็นพระพุทธรูป หรือแค่เดินผ่านห้องพระ
จะเกิดปิติสุขทั้งทางกาย,,ทางใจหล่อเลี้ยงตลอด มันเกิดขึ้นง่ายมากๆ
ซึ่งนี่..เรียกว่า..การเข้าถึงไตรสรณคมณ์
:b27: :b27:
ส่วนเรื่องการอนุโมทนาบุญ..
ถึงจุดๆหนึ่ง..มันก็จะเป็นเองเหมือนกัน
แค่เห็นคนเขาทำดี,,ตั้งใจทำดี
ไม่ว่าจะในทางโลกหรือทางธรรม
แค่ได้รู้,,ได้เห็น,,แม้เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่เพียงเขามีความตั้งใจจะทำ
ใจเรามันก็เกิดปิติสุขทั้งทางกาย,,ทางใจ..มันมีความยินดีในสิ่งที่เขาทำ
เป็นสุขให้ได้สัมผัสเอาเดี๋ยวนั้นทันที
ทั้งที่สิ่งที่เขาทำ..นั้นไม่ใช่เพื่อเรา อาจจะเป็นเพื่อสาธารณะหรือเพื่อตัวเขาเอง
แค่เห็นเขาพยายามทำดี..เราก็รู้สึกยินดี
จะเกิดปิติขนลุกชันจนน้ำตาจะไหล..เกิดสุขทางใจขึ้นมาทันที..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2015, 22:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s002 s002 พอดีว่า..เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ เมื่อตอนวันนี้..
ที่เพิ่งดีขึ้น..และเห็นคนข้างๆแย่ลง..เพราะติดเราอ่ะ :b9: :b9:
:b41: :b41: :b41:
s005 คือ..ช่วงนี้ ได้เขียนบอกเล่าเรื่องในอดีต..ถึงผลการปฏิบัติไง
ก็เลยอินมากไปหน่อย :b14:
ไปตั้งใจกับการปฏิบัติแบบเดิมๆ พยายามเป็นผู้รู้ :b3: :b3:
ก็รู้ ตามลมหายใจบ้าง...รู้ปัจจุบันบ้าง
กำหนดเวทนาไปทั้งกลางวัน..ทั้งกลางคืน ก็ปวดจนนอนไม่ได้
พิจารณาให้เห็นการมีร่างกายนี้เป็นทุกข์บ้าง
ใครเคยเป็นไข้หวัดใหญ่..จะรู้อะเนาะ มันปวดไปทุกข้อกระดูก :b5: กินไรไม่ลง ขมปากซะอย่างกะคนแพ้ท้อง
ทำงานไป(งานเร่งด้วย)...บางทีน้ำตาจะไหลเลย
ก็ซมๆ แต่ก็อยู่ได้..ทำงานหนักได้มาเกือบอาทิตย์ที่เป็น
:b7: ก็พอดีว่า..วันนี้ลูกสาวบ่นปวดฯลฯ
ก็เอ้..นี่อาการไข้หวัดใหญ่นี่
และก็ติดเรานี่เอง
พอคิดว่าที่ผ่านมาเราเป็นไข้หวัดใหญ่เหรอนี่..เหอะๆๆ
ขนาดดีขึ้นแล้วนะ..มันอยากนอนพักทันทีเลยหงะ
เฮ้อ..คิดขึ้นมาได้ไง :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2015, 23:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาต่อ :b12:
ก่อน-หลัง การที่ได้ทำสมาธิในครั้งนี้
มันทำให้เห็น..คุณภาพทางด้านจิตใจที่ดีขึ้นของตัวเอง
:b27: :b27: อย่าว่าโม้เลยนะ..ก็แค่นิดๆหน่อย :b14: ... :b9: :b9:
:b1: ก่อน..เคยเกือบอุบัติเหตุ คุณสามีเหยียบเบรครถซะจน..คิดว่าต้องชนแน่ๆ
และในสภาพรถที่ตอนนั้น ที่ขับเร็วมากๆ ถ้าชนต้องเละแน่ๆ :b5: :b5:
s005 ตอนนั้นจิตตก..ใจคิดแว๊บ..ไปที่ลูกทันที :b5: :b5: :b5:
:b44: :b44: :b46: :b44: :b44:
:b1: หลัง..อุบัติเหตุเช่นกัน..แต่มากกว่าเสี้ยววินาที :b12:
รถหมุนคว้างเป็นเลขแปด ตั้งแต่เราวิ่งเลนซ้าย
กำลังจะขึ้นถึงบนเนินดอยนางแก้ว รถวิ่งไม่เร็วนะ ไม่น่าจะเกิน80
แต่แรงเหวี่ยงจากท้ายด้านขวาเหวี่ยงขึ้นบนเนิน ข้ามไปเลนขวา
ในลักษณะกลับหัวลง เหวี่ยงหมุนมาเลนซ้ายเอาท้ายลงคล้ายกลับมาอยู่จุดเริ่มต้น :b14:
ยังไม่หยุดนะ :b33: :b33:
ทีนี้หน้ากลับเหวี่ยงคืนซ้ายเป็นครึ่งวงกลม เอาหน้ารถหันลงดอย และไถลไปเลนขวา..ลงข้างทาง :b23:
ตอนจะลงนั้น มีร่องทางน้ำด้วยนะ..และกองดินกะกองไม้ไผ่สูงน่าจะเกือบเท่ามือจับประตู
แต่รถไม่ยักคว่ำ..ข้ามร่อง..ชนกองไม้กระเด็น :b22: :b22:
ยังไม่หยุดนะ :b33: :b33:
หน้าคืนขวาหมุนมาซ้าย(ในไหล่ทาง)..ครึ่งทางวงกลม :b5: :b5:
แล้วไถลแบบภาพสโลว์.. :b9: :b9:
ฟิ้ววววว หน้าผา..ที่เห็นเพียงยอดต้นไม้ใหญ่โผล่ขึ้นมา..เหลือน่าจะอีกไม่เกิน2เมตร
แล้วจู่ๆ..หน้ารถก็หมุนคืนขวา กลับมาหยุด..ในลักษณะที่หันหน้าไปฝั่งตรงข้าม
ตรงจังๆ..กับศาลเจ้าแม่นางแก้ว :b8:
:b55: :b55: :b55:
ขอบอกตอนนั้นนะ :b27: :b27: :b27:
ตอนที่รถวูบ..มันนิดๆนะ
ไอเดียหันไปมองคนขับจะดุ..ว่าเขาแกล้ง
แต่พอดีกับท้ายมันปัด ขึ้น :b7:
คือ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลานะคะ..ขับรถไม่เร็วเลย..กำลังจะขึ้นถึงเนินด้วย
ขับปกติ..ไม่ได้เหยียบเบรค จู่ๆมันก็ปัดอ่ะ..ระวังกันหน่อยนะคะ :b26:
คาดเข็มขัดนิรภัย อย่าประมาท..นี่ขนาดเป็นเส้นทางที่เราใช้กันประจำ..แบบคุ้นทางแท้ๆ :b44:
:b54: คือ..ตอนที่ท้ายปัด..จากที่เรากำลังจะดุคนขับ..
จำได้ว่าอุทาน.."เอ๊ะ"..คำเดียว คือไม่ได้คาดเข็มขัด..ก้มมองตัวเอง..นั่งให้มั่น
รู้สึกขึ้นมาอย่างนั้นแค่แว๊บเดียว
มันไม่ใช่ไม่มีเวลาคิด..นะตอนนั้น..มีเวลาค่อนข้างนานนะ :b9: :b9: มันเหมือนภาพสโลว์..ช้าๆ
แต่หลังจากนั้นสติตัวเดียวเด่นชัด..รู้หมด..เห็นหมด
แม้ตอนด้านข้างเรากะลังจะเหาะข้ามร่องไปสู่กองไม้ไผ่
แม้ตอนใกล้ตกเหว..เห็นแต่ยอดต้นไม้โผล่มาให้ชม.. :b17: แหม.. :b27: :b27:
มันไม่หวั่นไหวเลยค่ะ :b39: มีสติรู้อยู่กับปัจจุบันทุกขณะ
:b53: :b53: :b53:
พอหยุด..ก็พากันลงจากรถ..คุณสามีก็เดินสำรวจรอบคัน
ปลอดภัย..ทั้งคนทั้งรถ
คนไม่เป็นไรเลย..อิอิ
รถก็เปลื้อนแค่หิน,,ดิน,,ทราย........มีรถ3-4คันเขาก็แอบจอดข้างทางดู-และคงคอยให้ความช่วยเหลือ
ก็ถือว่าโชคดี..ที่ไม่ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ เดือดร้อนไปด้วย
เพราะหมุนไปมาบนถนนซะขนาดนั้น
:b55: ก็มีถามเขานะ...ว่าณ ตอนนั้นรู้สึกยังไง
เขาว่า..ตอนที่ข้างจะไถลลงข้างทาง..คิดว่าไอเดียต้องแย่แน่ เพราะมันจังๆ ยิ่งตรงประตูที่เรานั่ง
และมากที่สุด..คิดถึงลูก..คิดว่าจะตายทิ้งลูกซะละ..ห่วงลูกๆๆๆ :b9: :b9:
ไอเดียก็ว่า...ฉันเข้าใจ
นะ :b24: :b24:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2015, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาพูดถึงเรื่องพลังจิต
จากผลการปฏิบัติต่อเนื่องประมาณ1เดือนครั้งนั้น
คือ ตอนท้ายๆ แล้วหละ..ที่เริ่มชัดเจนให้พอจำได้ :b9: :b9:
มันเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
คือ..ช่วงนั้น..ไม่ได้ว่า..ต้องสนใจด้วย..มีแต่ดูตัวเอง..ดูจิต..ดูใจ..
เห็นอะไรภายนอก..ก็กลายเป็นพิจารณาไปซะหมด
คือ..ถ้ายังปฏิบัติต่อเนื่อง..ก็คงไม่ออกมาเล่าอะไรแบบนี้ :b12: :b14: :b9: :b9:
Kiss เช่น..ช่วงนั้นเริ่มหาอ่าน สภาวะการปฏิบัติฯลฯมากขึ้น
เวลาก็น้อยต้องเร่งทำงานหนักอย่างมาก..แต่จะมีช่วงเวลาเดินทาง
คือ..ต้องเดินทางชม.-แม่ขะจาน 45นาที เกือบทุกอาทิตย์หรืออาทิตย์ละ2-3ครั้งบ้าง
จากบ้านถึงทางจะเริ่มขึ้นดอยใช้เวลาไม่กี่นาที ปกติเน็ตจะหมดทันที ขนาดรับโทรศัพท์ยังไม่ได้
มีมาให้แค่บางช่วง..ในระยะเวลาสั้นๆ คือต้องจอดกับที่เพื่อรับหรือโทร ไม่งั้นคลื่นหาย :b7:
ก็นะ..ตอนนั้นไม่ได้แปลกใจอะไรหรอก เพราะเราจะรู้อยู่กับสิ่งที่ทำ..ไม่ใช่มัวมาแต่คิดนั่นนี่..มากมายเหมือนตอนนี้
ที่ตอนหลังๆมา..คิดไป..ก็สามารถแฮะ :b13: :b13:
:b45: การใช้เน็ตได้ตลอดทางกลายเป็นเรื่องปกติในช่วงนั้น
:b45: หรือลูกชายขวบกว่าๆ..แทบไม่ค่อยนอนในรถ หรือนอนก็แป๊ปเดียว..คือเขาจะเป็นเหมือนตื่นตลอด
ยิ่งตอนเล็กกว่านี้..ไอเดียเคยเป็นห่วงว่า..เขาแทบไม่ยอมหลับทั้งคืนทั้งวัน กลัวจะกระทบต่อสมอง
ก็ตอนนั้นเราก็กำหนดทำสมาธิ..เขาตื่นเราก็นึกให้เขาหลับ เขาก็งัวเงีย ตื่นก็หลับๆ
ซึ่งไม่เคยเจอเขาเป็นแบบนี้ ก็แค่ช่วงนั้นช่วงเดียว..คือรู้สึกเหมือนเรากำลังสามารถควบคุมใจเขาได้
(ปล.ลูกชายคนนี้..คือจนตอนนี้..เขายังสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่เหมือนเขามีความสามารถพิเศษ เวลาเจ็บนั่น ปวดนี่ ก็จะไปอ้อนเขา..แค่ว่าเจ็บ ช่วยหน่อย
เขาก็จะทำปากขมุบขมิบ เหมือนท่องคาถา..แล้วเป่า..แล้วลูบ..แล้วเป่า
แล้วก็จะพูดว่าหายๆๆ ต้องเป็นช่วงที่เขาเต็มใจทำด้วยนะ ............หายจริงๆด้วย
คือ ก็ไม่อยากจะเชื่อนะ..แต่ก็หลายครั้งแล้ว..ลองหลายครั้งแล้ว ซึ่งบางทีเขาก็จะไม่ยอมทำ..จะบังคับไม่ได้
ขนาดแมงป่องต่อย ปวดแสบปวดร้อน..ยังหายทันทีเลย :b9: :b9:
:b55: ลูกสาวอีกนะ..เขาพยายามพูดกะเรามาตั้งหลายครั้ง..ว่าเขาจำภาพอดีตได้
ปกติคนนี้เขาเป็นคนแบบเพ้อฝันสูงมาก..เราก็จะฟังๆ เข้าใจว่าความจำเขาดีจำเรื่องตอนเด็กๆได้
เขาก็คงอธิบายเรามากก็ไม่ได้...เพราะเขาก็คงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเจอ
จนวานนี้เขาพูดมาว่า..เขาเห็นภาพย้อนหลังตอนเขาเป็นเด็กๆ ฯลฯ
ตอนเขาอยู่ในท้อง ทุกอย่างมันมืดไปหมดเลย
ตอนเห็น..เขาบอกว่าเขาเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหว..เขาพยายามอธิบายว่า
เขามองเห็นเป็นภาพ..แต่เขาก็รู้ว่าเขาเป็นคนนั้น ทุกการเคลื่อนไหวเหมือนเป็นตัวเขาที่ขยับไปเอง :b5:
ขนาดไอเดียอธิบายยังงง ..แต่ก็มาฉุกใจฟังตรงนี้แหละ เพราะก็เป็นประสบการณ์หนึ่งของเราที่เคยสัมผัสบ้าง
คือ..เขาสามารถอธิบายความรู้สึกตรงนั้นได้ไง
เด็กคนนี้เพิ่ง9ขวบ ตอนปีก่อนพาไปปฏิบัติธรรมด้วย..ซึ่งเขาก็ยอมไป และทำได้แบบเกินความคาดหมาย
ทั้งที่เราแทบสรุปในใจไปแล้ว..เพราะคิดว่ารู้นิสัยเขาดี
ว่าคงอยู่ได้แค่พักเดียวก็คงโทรให้พ่อไปรับ :b55: :b55: แต่กลับอยู่ได้ทั้งวัน
:b8: พระอ. ท่านชมด้วย :b16:
คือไอเดียพาเข้าสอบอารมณ์ด้วย
พระอ.หันไปถามเขาประมาณว่า..."รู้สึกเป็นไงบ้าง"
"รู้สึกว่า..ร่างกายนี้เป็นทุกข์ค่ะ"
พระอ.หัวเราะ "เอ่อ..เก่งนี่ มาแค่วันเดียว"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2015, 11:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ tongue
เพิ่งออกจากปฏิบัติธรรม^^มาหมาดๆ เข้มข้น4วันมังคะ :b27:
จริงๆ คิดว่ารอบนี้....ไม่มีเรื่องอะไรมาเล่า
เพราะ...ถ้าสภาวะที่ชัดเจนไม่เกิดขึ้น...มันก็ไม่รู้...จะเล่าสู่กันฟัง...เรื่องไหนดี
รอบนี้ :b55: เมื่อวาน...ไอเดีย..เจอเวทนาทางจิต มารู้สึกตัวเอาตอนเย็นแล้ว
เพราะจู่ๆเราเกิดท้อแท้ จนอยากจะร้องไห้ออกมา น้ำตาจะไหลเลยซะงั้น
เวลาเดิน..ก็ดี..มีแต่คนชมว่าท่าทางสง่าและสวยขึ้น :b3: ....ก็มันเหมือนเดินบนเมฆเลยอ่ะค่ะ
และพอดี มีพระอ. มาเพิ่มอีกคน...ท่านไม่มาประจำ มาเหมือนเป็นผู้ช่วยเสริม
ไอเดียเคยเจอท่านตอนมาปฏิบัติที่นี่ครั้งแรก...ท่านเป็นพระอ.คนแรกของไอเดีย
และในครั้งนี้..ท่านกลับมาอีก..เราได้เห็นท่านปฏิบัติ คืออิริยาบทท่าทางของท่าน...โดยเฉพาะการเดินจงกลม
ประทับใจ...จนรู้สึกเข้าใจ...คำว่ากราบขอนิสัย..ทำไม
ไอเดียไม่ได้ไปกราบขอหรอกนะ :b3: แต่เห็นแล้วเลยมาพัฒนาตนเอง บวกกับสมาธิที่มากขึ้นด้วย
ท่วงท่าเลยไปได้สวยผิดปกติ :b9:
s005 ที่ว่าไม่มีอะไรจะเล่า...เพราะปกติจะไม่ค่อยชอบเดินจงกลม ทำไปงั้นๆตามแบบ..จะชอบนั่งสมาธิ
แต่มาคราวนี้..เดินได้ดี..ขอชมว่าดีมาก :b12: ถ้าไม่นับคืนแรก..ที่ไม่ได้นอน..ปรับตัว
ในการเดินหนักๆมากกว่านั่ง มันเลยแบบเฉไปเฉมา :b25:
แต่พอเช้ามา..พอปรับอินทรีย์..ก็กลายเป็นสบาย ข้ามวันข้ามอีกคืนได้เลย
ที่ว่าท้อแท้..และน้ำตาจะไหลเพราะ อีกข้ามคืนจะหมดเวลาปฏิบัติที่นี้แล้ว
แต่สภาวะ..ที่เราทวนญาน ไมได้เลย ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ
มันจมแช่..สัปหงกแบบง่วงเหงาหาวนอน..มิใช่สัปหงกแบบสว่างทางใจ
ตลอดชม. เหมือนหลับๆตื่น..ไม่ออกมารู้สภาวะเลย..คือชัดเจนว่า..ไม่มีสติเอาซะเลย
จึงเสียใจว่า..กว่าจะได้มาทำแบบเต็มที่ แบบนี้ ก็ยาก..ครึ่งปีมาแล้ว..แล้วพรุ่งนี้ก็จะจบแล้ว..มีเวลาอีกแค่ข้ามคืน
และคิดว่าจนถึงขนาดนี้ยังไม่ได้อะไรเลย..อีกละ :b5: :b9: (อันนี้ไอเดียคิดว่า..ไม่ได้จริงๆ)
แต่สุดท้าย..เมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง..ก็หาเรื่องมาเล่าได้..อีกจนได้ :b13: :b13:
แต่มีเรื่อง..แบบว่าขำๆมาเล่าก่อน..ชวนให้หลงตัวหน่อยนะ :b43:
มีพี่คนหนึ่ง..แกเป็นคนซื่อ ใส และหมั่นปฏิบัติต่อเนื่อง แม้กลับมาบ้าน
พี่เขาจะรู้เรื่องอดีตชาติ..ใจคนด้วย..แต่คนทั่วไปคงจะดูว่าเขาค่อนข้างต๊องหน้อยๆ แต่ไอเดียว่าพี่เขาดูเป็นคนดีมากทีเดียว พระอ. ก็ชอบคุยกะแกมากทีเดียว
ก่อนออกมา..พี่เขาไปกราบพระอ. พี่ออกมาเล่าว่า..
เห็นพระอ....คุยกัน.กับแกด้วย..ประมานว่าที่นี่ ปฏิบัติไม่กี่ครั้ง จัดรอบ6...ในนี้ก็มีคนบรรลุละ
แต่พี่เขาถามว่าใคร พระอ...ไม่บอก
จึงถามว่า..แล้วเขาจะรู้ได้ไง..ว่าเป็นใคร
ท่านก็บอก..ว่า..ให้สังเกตุเอา..คนที่ท่าทาง..บุคลิก,,การเดิน เขาเปลี่ยนไป :b25: :b9:
ซึ่งคนที่ถึงขั้นทวนญาน..มี..น่าจะ13คน..ไอเดียเพิ่งเข้าครั้งแรก
s002 ซึ่งก็อดคิด..เข้าข้างตัวเองไม่ได้..55555 อะไรจะพอดี..ปานนี้..เพราะดูคนอื่นๆ ไม่ค่อยจะไหวกันเลย
เพราะ..ประมานว่า..ไม่มีใคร..ไปทำการบ้านมา..แม้แต่ ไอเดียเอง
และเพราะสภาวะธรรมในรอบก่อนแล้วนั้น..ไม่ทันได้สอบอารมณ์ด้วย
เป็นใคร...จะคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนไอเดียมั้ยน๊า :b32: :b32: :b9: :b9:
พี่ที่พอสนิทอีกคน..แกก็หันมามองไอเดีย...ซึ่งไอเดียก็เพิ่งจะเล่าสภาวะธรรมอันเก่มให้เขาฟังตอนพักเมื่อคืนมั้ง
:b50: พระอ.....ก็บอกพี่ว่า.....ระวัง...สภาวะธรรมที่คนมาเล่าให้ฟัง..จะทำให้พี่กลายเป็นสงสัย..ออกตามหา
จะทำให้พี่ติดช้า...ประมานนี้
:b15: อะไรจะพอดี๊ พอดีอะเนาะ...คือขำๆนะ
บอกให้รู้..ว่าคนมันคอยแต่จะหลงตัวเอง :b9: คน..มันก็แบบนี้
แต่พระอ.ท่านก็เพิ่งเทศน์เมื่อคืน......ว่าบางทีก็ไม่ใช่ว่าโง่ซะทีเดียวนะพวกที่ไม่รู้อะไรนี้
เป็นบัว4เหล่า
เหล่า3ปัญญามันก็น้อย
บรรลุได้ใหม..ก็ยังได้
ก็เป็นพระโสดา..ก็ยังมี3ระดับ
แต่แบบปัญญาน้อย..เพราะอินทรีย์มันอ่อน...ตอนบรรลุ
ก็ต้องได้รอไปอีก7ชาติเป็นอย่างมาก...ถึงจะพ้นวัฏฏะ
s005 ไอเดีย...พูดมาก
ปล.เดียวจะว่าหลงตัวจนกู่ไม่กลับ
ไอเดียถามพระอ.แล้วหละ :b55: :b55:
ท่านไม่พูดตรงๆอ่ะ...แต่ท่านพูดว่า..นี่เรียกว่า..เป็นอุปกิเลสตัวหนึ่งเหมือนกันนะ
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 09:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากที่...รอบที่แล้ว...คิดว่าไปปฏิบัติ...ไม่ได้อะไร
ไปแบบสุดๆ...ตั้งแต่ตื่นเต้นดีใจจะได้ไปสุดๆ,,
เบื่อ อยากกลับบ้านสุดๆ :b14: ,,โมโห,,หงุดหงิด,,ฟุ้งซ่าน...เจอทุกขเวทนา,,สุขเวทนา,,ทุกอารมณ์แบบสุดๆ ทั้งนั้น
จึงคิดว่า...ไม่ได้อะไร :b9: :b9: ......รู้แต่ว่า...มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะสู้มากเท่านั้น
:b55: มารอบนี้...ไปแบบธรรมดา...ไม่มาก,,ไม่น้อย รวมไปถึงความตั้งใจปฏิบัติ :b5: :b5:
ความฟุ้งก็ไม่มาก,,อะไรๆก็ไม่มาก ทั้งที่รอบนี้...พระอ.........เข้มเรื่องทั้งเวลาปฏิบัติ,,และการเก็บอารมณ์
ก็เหมือนพยายามทำไปงั้นๆ...ไม่เห็นจะมีผลช่วยอะไรได้เลย :b7:
นั่งก็ง่วง,,,เดินก็ขี้เกียจ เวลาสอบอารมณ์...ก็แทบไม่มีสภาวะธรรม...อะไรจะรายงาน :b9:
นั่งสมาธินี่....มันเหมือนจะนิ่งเฉย....แต่กลับเป็นแบบจมแช่.....ไม่มีสติ...เคลิ้มๆเบลอๆ :b9:
ถึงเวลาสัก30นาที...ปวดขาเริ่มมา...ก็แอบขยับ...ย้ายขา :b34: :b34: ไม่ทน,,ไม่พยายามสู้เอาซะเลย
ขยับสบายขึ้นแล้ว..ก็เฉย..แช่,,ง่วงไปอีก,,กำหนดปัจจุบันไม่ได้เลย :b14:
คือ..ชัดที่สุดเลยนะ ไม่มีสติ..ไม่ค่อยมีความรู้ตัวเลย :b23: :b23:
จนเริ่มคืนแรกที่ปฏิบัติเข้มขึ้น ไม่นอน s002 โห...มันเดิน..แทบไม่ได้เลย
เดิน1ชม สลับกับนั่งที่เริ่ม1ชม.......และลดการนั่งลงจนเหลือแค่5นาที :b9: เดินเป็นหลักเลย :b2: :b2:
เท้าระบมปวดจากส้นเท้าร้าวขึ้นขา กลางหลัง...เป็นจุดๆ เดิน6รอบ ตั้งแต่เที่ยงวัน ไม่พัก ยาวจนถึงเกือบทุ่ม
พระอ....ถึงเมตตา...ให้ไปพักสักแป๊ป ก็กลับมาอีก7รอบ นี่ในคืนแรก ก็ยาวถึงเกือบจะเช้า
ก่อนทำวัตรตี4.........เหนื่อยมากค่ะ นอกจากปวดแล้ว มือนี่คอยย้ายตลอด
เดียวไพล่หลัง,,เดียวกอดอก,,เอาเข้าไปเถอะ เดินไป..จะล้มไป..
มันไม่มีกะจิตกะใจ..จะสู้,,จะทำ.....ที่สำคัญไม่รู้ทำไม เหมือนคนไม่มีสติเลยตอนนั่ง มันเคลิ้มๆตลอด
เริ่มอ่อนใจ...ทำไม..ไม่มีพลังเลย
พระอ. เทศเรื่องอินทรีย์5 เราก็ฟังไป...และเริ่มตรวจสอบ,,พิจารณาตัวเองดู
อันไหนมากน้อย..ไปก็ไม่ดี สติมากๆอย่างเดียวยิ่งดี....แต่ดูสิ...ไอเดียรู้ตัวเลยว่า...มันเหมือนไม่มีเลย :b9: :b9: สติ
แล้วต้องต่อพรุ่งนี้..จนข้ามไปอีกคืน จะไหว...ได้ยังไง :b9: :b9:
ถึงบอกว่า....พอต่อเนื่องมาอีกวัน จนตอนเย็นถึงคิดว่า
s007 ท้อใจ ทำไม...ไม่มีพลัง...กำลัง ตัวไหนเกิดขึ้นซะเลย
แล้วอีกแค่ข้ามคืน...นี้...ก็คงไม่ได้อะไร...กว่าจะมีเวลา เต็มที่กับการทุ่มเทปฏิบัติจริงๆได้..กลับเป็นซะอย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 09:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s005 เริ่มเห็นสภาวะธรรม....เกิดขึ้น...ณ ขณะนั้น ตอนพักตอนเย็น
จู่ๆหดหู่ ท้อใจ อยากร้องไห้ น้ำตาจะไหล
เริ่มรับรู้แบบสงบ....รู้ในขณะนั้น....ว่ากำลังเสียใจ ที่เหลือเวลาปฏิบัติอีกแค่ข้ามคืน....แต่เรา...ยังไม่มีกำลังเลย
ทั้งคิด,,พูด,,บ่น อยู่ได้ว่า...มารอบนี้...ไม่ได้อะไรเลย
cry คือ...มันรู้ขึ้นว่าหวังจะได้อะไร cry มันมาแบบเนียนๆ ความอยากตัวนี้.......แล้วก็รู้ทัน...มันแบบเนียนๆเลย
ถึงเกิดอาการ...อยากร้องไห้ onion หลงกล กิเลส :b2: :b2:
:b46: จริงๆ ตั้งแต่ เดินตุปัดตุเป๋,,เฉไปเฉมา เนื่องจาก ทั้งปวด,,เหนื่อย,,เมื่อยล้า,,ง่วง
หลังทำวัตรเช้า...จู่ๆ พลังในการเดินมา คือรู้ก่อน..ว่าไม่ง่วง
อาจจะด้วยทบทวน...เรื่องอินทรีย์5 ปรับตัวสติ
:b1: คือ ไอเดียแยกไม่ออกว่า...การที่เราพยายามตั้งใจทำให้มากๆ สั่งตัวเอง พยายามเพิ่มแรงผลักดัน นั้นคือสติ
แต่การมีวิริยะ.......และเข้าไปรับรู้ แบบมีสติ นั้นมันจะต่างกัน
ผลก็เลย...ข้ามคืนแรก....เริ่มมีความตื่น...เมื่อในตอนเช้าหรือรอบสุดท้ายก่อนพักของคืนแรกนี่เอง...
มันไม่ง่วง...มันเริ่มมีแรง...และไม่คอยแต่...พะวงเวลา..ให้หมดเร็วๆ :b5: :b9: :b9:
แต่การนั่งก็ยังไม่ได้..เหมือนเดิมค่ะ :b3: :b3: :b9: :b9:แม้เริ่มดีขึ้นบ้าง..แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใจมันดีด้วยเลย
เพราะคิดถึงแต่เวลากำลังจะหมด :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 15:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกเล่าพอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติใหม่นะคะ
อย่าไปท้อแท้..จนหยุด อย่าคิดว่าจะทำไม่ได้
มันไม่ยากเกินไป...ขอเพียงแค่มีศรัทธา และเข้ามาลงมือปฏิบัติ
การที่จะฟุ้ง..จะคิด..จะชอบไม่ชอบ..จะอยากไม่อยาก..จะหงุดหงิด..รำคาญใจ เวลาลงมือทำไปแล้ว
นั้นเป็นเรื่องธรรมดา....มันคือตัวสภาวะธรรม
หนักๆเลย..ที่จะต้องผ่านไปให้ได้ คือความไม่อยากทำนี่แหละ..ต้องผ่านมันไปให้ได้
มันก็เหมือนเราเข้าห้องเรียน..เรียนหนังสือ..เปิดตำราหาอ่าน
แต่นี้..เรามาเข้าห้องเรียน..อ่านตัวเอง..อ่านกายกับใจนี้ แทนตำรา
ซึ่งคนบางคนทั่วไป..เช่นแบบไอเดียนี่แหละ :b14: :b9: :b9:
เคยคิด..จนถึงขั้นถามพระอ.เลย ว่า..แค่ทำแบบนี้..แล้วมันจะเกิดปัญญาได้ยังไง
แต่ตอนนี้รู้แล้ว :b12:
นี้..ไอเดีย จึงคิดว่าของจริงนะ :b39:
แค่ตามรู้มันไปไม่หยุด ใหม่ๆทันบ้าง,,ไม่ทันบ้างซะส่วนใหญ่
แม้ไม่ได้คิดพิจารณาอะไร..ตามเห็นของจริงไปให้ทัน..มันก็จะเกิดปัญญาได้เหมือนกัน
อันนี้ไอเดียก็ไม่ค่อยมีปัญญานะ...ยอมรับว่าโง่..เลยทีเดียว ที่ผ่านมา
แต่เพราะมีศรัทธามากเนียะแหละ..ถึงไม่รู้..ก็ดิ้นขลุกขลิกๆ มาได้เรื่อยๆ
:b1: สรุปก็คือ..ทำๆไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ แต่อย่าไปรอมันน๊า...จะรู้เมื่อไหร่...ถึงเวลาก็รู้เองแหละ
s005 อย่างที่กลับมาเล่าสู่กันฟังในรอบนี้...ดูซิ
น้ำตาซึม..จะร้องไห้อยู่แล้ว ในตอนเย็น
อีกเพียงข้ามคืนเท่านั้น..ก็จะกลับสู่วังวน..ชีวิตเดิมๆ..ทางโลก..ที่แสนจะวุ่นวาย
มา..เพราะอยากมีปัญญา..เอากลับไปเป็นเกราะ..คุ้มตัวคุ้มใจ...
คิดเหมือน"ปัญญา"เป็นสิ่งของ :b14: จะเอากลับไปบ้านด้วย :b19: :b9: :b9:
แต่ผลการปฏิบัติ3-4วันมานี้ กลับแย่มาก เหมือนจะไม่ได้อะไรอยู่แล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้
ก็ต้องมาทำความเข้าใจกับความรู้สึกนี้..จัดการกับความอยากตัวนี้ก่อน
onion และเพียงแค่..เวลา..ที่เหลือ..อีกแค่ข้ามคืน..ก็ได้พบความจริง
ว่า...กายกับใจนี้...แยกกันได้...ยังไง
ก็แค่ s005 ได้ลงภาคสนามปฏิบัติจริง....นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้มากมายอะไร
เหมือนก็รู้อยู่..ท่องจำมาบ้างแหละ..สั้นๆแค่นี้
..เคยพยายามเอามาคิดพิจารณาก็แล้ว มันไม่กระจ่างเหมือนเห็นจริงในคราวนี้
แต่ s002 ก็ยังไม่สามารถ..ไปถึงที่สุด..เพราะก็มีการตื่นสนามนิดๆ
**กำลัง**ไม่เข้มแข็งพอ..เพราะการปฏิบัติไม่เคยต่อเนื่อง..เกเร :b9: :b9:
จะรวบยอด...ได้ถึงแค่นี้..ก็เหนื่อยพอดู


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 07:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อนะคะ^^
ไอเดียมีสงสัยนะ...แต่ก็ไม่ค่อยมากหรือปรุงแต่งตามมันไปเยอะอีกละ..
เพราะมันก็เป็นเช่นนั้นเอง Kiss
คือตอนนั่ง หลังมาเริ่มกำหนด ปวด.....แล้วหาย
พระอ....ดูจะเน้นมาก..กับเรื่องนี้...ท่านบอก..ว่ามันหายได้ :b9: :b9:
พยายามจะเชื่อนะ...แต่ยิ่งกำหนดยิ่งปวด แต่ทุกครั้งจะอดทน..จนหมดเวลา
:b55: จะหายหรือแยกกันได้..ต่อเมื่อปฏิบัติแบบกำลังมันเต็มที่แล้ว..
แบบมันจะวางเฉยต่อทุกอะไรๆ..ก็แบบนั้นมัน..ไม่ได้ออกมารู้และสู้กันแล้ว

ยิ่งมารอบนี้..ใจสู้ไม่เต็มร้อย..ถึงเวลาสัก30นาที จะปวดมากแอบขยับหนีตลอด :b14: :b9: :b9:
พอมีอดทนไม่ได้..หนีรอบที่1 .....ก็มีที่2..3..ตามมาแบบง่ายเลย :b12: :b9: :b5:
จนมีอยู่รอบหนึ่ง...นั่งแล้วปวดมาก...ก็กำหนด....แล้วมันก็หายจริงๆ :b27: :b27:
ก็ตามนิสัย...คนนิ่งไม่จริง :b32: :b32: มันดีใจอ่ะค่ะ :b12: :b9: :b9: :b5:
grin แต่ก็พอกำหนด"ดีใจ"ทัน .........เกือบไป :b32: :b34:
เมื่อหาย..รู้สึกขาแข็งๆ แล้วมีความรู้สึกเหมือนมีแรงดันจากท้องขึ้นมาหัว
ในส่วนที่ถูกดันผ่านขึ้นมา...เหมือนหมดความรู้สึกไล่ขึ้นมาเช่นกัน
จนทะลุขึ้นมาออกทางหัว :b15: เหมือนกายกับจิตมันแยกออกจากกัน s006
ตอนนั้นมีใจวาบๆหวิวๆ...มันไม่เคยเจอสภาวะนี้
"""มันรู้......แบบ.......ริบหรี่.........มันบางเบามาก"""เหมือนโดนล๊อคอยู่กับที่ :b14:
มันอาจจะคล้ายๆคราวที่แล้ว
ที่ว่าความรู้สึกเปรียบเหมือนแสงตะเกียงถูกหรี่ลงๆๆช้า แบบแผ่วลงๆ คล้ายจะดับไป
แต่มันจะรู้..ขั้นตอนของการค่อยเป็นค่อยไป..แบบช้าๆ
:b44: แต่นี่..พอมัน..ไร้ความรู้สึก..ไล่ขึ้นไป..เหมือนทะลุออกทางหัว
มันพรึ่บเดียว...ความรู้สึกหรือสภาวะที่ว่านี้ก็ค้างอยู่อย่างนั้น :b9: :b9: :b9:
ก็เกิดหวั่นๆ
สักพัก..ก็เด้งกลับคืนมารับรู้..
ทำไม๊...ทำไม... :b55: ก็ว่าไม่กลัวแล้วนะ คือมันก็ยังรู้สึกใจหวิวๆหวั่น แบบนี้
เฮ้อ grin s002 cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เขียนๆมาน่ะ เป็นเรื่องของความยึดมั่นถือมั่นที่มีอยู่

ผลของการทำความเพียรต่อเนื่อง เน้นต่อเนื่อง ไม่ใช่จ้ำจิ้ม กระท่อนกระแท่น
เมื่อถึงเวลา เหตุปัจจัยพร้อม จะรู้ชัดในสภาพธรรมต่างๆ หรือที่เรียกว่า ผัสสะ

เมื่อรู้ชัดในผัสสะที่เกิดขึ้น ความยึดมั่นถือมั่นจะเบาบางลงไปตามเหตุและปัจจัย
ถึงตรงนั้นแล้ว จะเลิกเขียนสิ่งเหล่านี้ไปเอง

เพราะไม่รู้ว่าจะเขียนไปทำไม
ในเมื่อเป็นเพียงความปกติของสภาพธรรมที่มีเกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

เหมือนเรื่องกายและจิต เป็นเรื่องของรูปนาม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับกาย ใจที่รู้ ที่มีเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิทั้งในรูปฌานและอรูปฌาน
เป็นความปกติที่มีเกิดขึ้น ของสภาพธรรม ที่เรียกว่า สัมปชัญญะ คือ ความรู้สึกตัว

หากขาดความรู้สึกตัว ก็นั่งนิ่งเหมือนหัวตอ
เหมือนเวลาหายไปชั่วขณะ ไม่ว่าจะกี่ชม. ก็ตาม



เหมือนเรื่องนี้


viewtopic.php?f=1&t=50207


เป็นเรื่องของ ผัสสะ ที่เกิดขึ้นทั้งในการดำเนินชีวิต และขณะทำความเพียร
ดังที่กล่าวไปแล้ว ข้างต้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 27  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron