วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ต้องแก้ปัญหาที่ของจริง ถ้าคุณแก้ปัญหาได้ผ่านไปหนึ่งเปลาะ


อ้างคำพูด:
วัสดีคับ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมนั่งสมาธิแล้วประสบกับสภาวะดังนี้ครับ

นั่งสมาธิไป จนลมหายใจแผ่วลงๆ มากจนลมหายใจหายไป ในขณะเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น

เอาจิตไปจับคำภาวนาก็ไม่ได้เพราะจับแปปเดียวมันก็ปล่อยอีก เอาไปจับลิ้นปี่ก็ไม่ได้เพราะมันไม่พองไม่ยุบแล้ว เอาไปจับปลายจมูกก้ไม่ได้เพราะแทบไม่รู้สึกถึงลม

แล้วแบบนี้พอลมหายใจผมหายไป ผมควรจะเอาจิตไปจับกับอะไรครับ

รายละเอียดการนั่งสมาธิ

นั่งแบบ ดูลมหายใจเข้าออก คำภาวนาคือพุทโธ



ดูเหมือนเคยบอกว่า ก่อนเข้าห้องปฏิบัติการทางจิต หรือปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติกรรมฐาน หรือจะชื่ออะไรก็ตั้งเอา ต้องวางหนังสือวางตำรา วางพระสูตร วางพระอภิธรรมไว้ที่หน้าประตูเสีย แล้วเดินเข้าห้องตัวเปล่าๆแล้วดูมัน
ประสบการณ์ย่อมมีคุณค่า ในดีก็มีเสีย ในเสียก็มีดี




อ้างอานาปานสติบ้อยบ่อย แต่ครั้นเขาทำอานาปานติกรรมฐานก็ไม่่เข้าใจ พระสูตรเปล่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ต้องแก้ปัญหาที่ของจริง ถ้าคุณแก้ปัญหาได้ผ่านไปหนึ่งเปลาะ


อ้างคำพูด:
วัสดีคับ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมนั่งสมาธิแล้วประสบกับสภาวะดังนี้ครับ

นั่งสมาธิไป จนลมหายใจแผ่วลงๆ มากจนลมหายใจหายไป ในขณะเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น

เอาจิตไปจับคำภาวนาก็ไม่ได้เพราะจับแปปเดียวมันก็ปล่อยอีก เอาไปจับลิ้นปี่ก็ไม่ได้เพราะมันไม่พองไม่ยุบแล้ว เอาไปจับปลายจมูกก้ไม่ได้เพราะแทบไม่รู้สึกถึงลม

แล้วแบบนี้พอลมหายใจผมหายไป ผมควรจะเอาจิตไปจับกับอะไรครับ

รายละเอียดการนั่งสมาธิ

นั่งแบบ ดูลมหายใจเข้าออก คำภาวนาคือพุทโธ



ดูเหมือนเคยบอกว่า ก่อนเข้าห้องปฏิบัติการทางจิต หรือปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติกรรมฐาน หรือจะชื่ออะไรก็ตั้งเอา ต้องวางหนังสือวางตำรา วางพระสูตร วางพระอภิธรรมไว้ที่หน้าประตูเสีย แล้วเดินเข้าห้องตัวเปล่าๆแล้วดูมัน
ประสบการณ์ย่อมมีคุณค่า ในดีก็มีเสีย ในเสียก็มีดี
เรื่องความเข้าใจมันเฉพาะตนครับ ขอให้เข้าถึงก็ใชได้



อ้างอานาปานสติบ้อยบ่อย แต่ครั้นเขาทำอานาปานติกรรมฐานก็ไม่่เข้าใจ พระสูตรเปล่า :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ



อ้าววว คุณ ก็พูดนั่นไง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ที่พูดนั่นนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ



อ้าววว คุณ ก็พูดนั่นไง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ที่พูดนั่นนะ
ใครว่าผมหลุดพ้นแล้ว เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ



อ้าววว คุณ ก็พูดนั่นไง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ที่พูดนั่นนะ
ใครว่าผมหลุดพ้นแล้ว

เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



คำพูดที่เน้นตัวแดงนั่นคุณหมายถึงอะไรครับน่า

อ้างคำพูด:
เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



อะไรครับไม่เกิดไม่ดับ :b10:


พูดให้หมดเปลือกเลยครับ ขี้เกียจถามบ่อยๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ



อ้าววว คุณ ก็พูดนั่นไง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ที่พูดนั่นนะ
ใครว่าผมหลุดพ้นแล้ว

เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



คำพูดที่เน้นตัวแดงนั่นคุณหมายถึงอะไรครับน่า

อ้างคำพูด:
เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



อะไรครับไม่เกิดไม่ดับ :b10:


พูดให้หมดเปลือกเลยครับ ขี้เกียจถามบ่อยๆ
ตัวแดงหมายความว่า ความรู้ขั้นสุตตะจินตะ นั้นไม่สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้หรือพูดง่ายๆว่าไม่สามารถทำให้หลุดพ้นได้ครับ

ส่วนสภาวะไม่เกิดไม่ดับนั้นก็คือวภาวะนิพพาน หรือความเป็นอมตะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ



อ้าววว คุณ ก็พูดนั่นไง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ที่พูดนั่นนะ
ใครว่าผมหลุดพ้นแล้ว

เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



คำพูดที่เน้นตัวแดงนั่นคุณหมายถึงอะไรครับน่า

อ้างคำพูด:
เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



อะไรครับไม่เกิดไม่ดับ :b10:


พูดให้หมดเปลือกเลยครับ ขี้เกียจถามบ่อยๆ
ตัวแดงหมายความว่า ความรู้ขั้นสุตตะจินตะ นั้นไม่สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้หรือพูดง่ายๆว่าไม่สามารถทำให้หลุดพ้นได้ครับ

ส่วนสภาวะไม่เกิดไม่ดับนั้นก็คือวภาวะนิพพาน หรือความเป็นอมตะ


เป็นไงสภาวะนิพพาน :b14: หรืออมตะที่่เข้าถึงนั่นน่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความเทียบเคียงในตอนที่สอง เปรียบได้กับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยถูกต้องตามธรรมดาแห่งกระบวนธรรม เป็นธรรมชาติ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย คือเกิดจากความรู้แจ้งประจักษ์ ตามหลักการที่ว่า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว ผลก็เกิดเอง จำเป็นจะต้องเกิด ถึงฝืนก็ไม่อยู่ คือเมื่อรู้สภาวะของสังขารทั้งหลายแท้จริงแล้ว จิตก็หลุดพ้น หมดความยึดติดเอง
สิ่งที่ท่านยกมามันเป็นเพียงขบวนการของความคิด ถามว่ามีประโยชน์มั้น ขอตอบมีประโยชน์อยู่มากในการดำเนินชีวิตที่เขาเรียกว่า ทุกเพราะคิดผิด แต่ในทางพุทธศาสนาขบวนการความคิดนันเป็นเพียงปัญญาระดับสองเท่านั้นถือว่าสำคัญไหม สำคัญมากขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถามว่าสามารถทำให้หลุดพ้นการเวียนว่านตายเิกิดได้หรือเปล่า ขอตอบว่ายังไม่ได้เพราะกิเลสที่อยู่ชั้นลึกลงไปของจิตทีมันนนอนเนื่องในอนุสัยนั้นยังไม่ถูกกำจัดเลย วิธีที่จะกำจัดอนุสัยนี้ขบวนการทางความคิดนี้กำจัดไม่ได้ครับ พระองค์ถึงให้เราใช้อานาปานสติเพื่อเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิต คือการทำสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังทะลุทะลวงเข้าสภาธรรมที่แท้จริงนั้นคือการไม่เกิดไม่ดับ เมื่อสภาวะจิตถึงตรงนั้นความรู้ทั้งที่เราสะสมมาทั้งหมดทั้ง
สุตตะ จินตะ ภวนา ผสมผสานกันทำลายกิเลสที่อยู่ในอนุสัยครับ ถ้าความรู้หรือขบวนการความคิดทำให้หลุดพ้นได้จริง พระใบลานเปล่าคงไม่เกิดในพระพุทธเจ้าถึง7พระองค์หรอกครับ ความรู้ที่มันมีประโยชน์กลับมาเป็นงูพิษมันให้โทษนานถึงเจ็ดพระองค์ มันนานขนาดไหนลองพิจารณาดูเอานะครับ




เกิดตายตอนไหนครับ :b1:
ผมไม่มีความรู้ครับ



อ้าววว คุณ ก็พูดนั่นไง หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ที่พูดนั่นนะ
ใครว่าผมหลุดพ้นแล้ว

เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



คำพูดที่เน้นตัวแดงนั่นคุณหมายถึงอะไรครับน่า

อ้างคำพูด:
เพียงเข้าถึงสภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับเท่านั้น



อะไรครับไม่เกิดไม่ดับ :b10:


พูดให้หมดเปลือกเลยครับ ขี้เกียจถามบ่อยๆ
ตัวแดงหมายความว่า ความรู้ขั้นสุตตะจินตะ นั้นไม่สามารถทำที่สุดแห่งทุกข์ได้หรือพูดง่ายๆว่าไม่สามารถทำให้หลุดพ้นได้ครับ

ส่วนสภาวะไม่เกิดไม่ดับนั้นก็คือวภาวะนิพพาน หรือความเป็นอมตะ


เป็นไงสภาวะนิพพาน :b14:
เป็นสภาวะที่ชาวพุทธทุยังสงสัยกันทุกคนอธิบายอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ ผมบอกในรูปปฎิเสธก็แล้วกัน อะไรในโลกที่คุณรับรู้ได้ในนั้นไม่มี อะไรๆก็ไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:


เป็นสภาวะที่ชาวพุทธทุยังสงสัยกันทุกคนอธิบายอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ ผมบอกในรูปปฎิเสธก็แล้วกัน อะไรในโลกที่คุณรับรู้ได้ในนั้นไม่มี อะไรๆก็ไม่มี




อ๋อ อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ไม่มีนี่เอง :b11:

สภาวะนี้ไปด้วยอานาปานสติใช่ไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


เป็นสภาวะที่ชาวพุทธทุยังสงสัยกันทุกคนอธิบายอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ ผมบอกในรูปปฎิเสธก็แล้วกัน อะไรในโลกที่คุณรับรู้ได้ในนั้นไม่มี อะไรๆก็ไม่มี




อ๋อ อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ไม่มีนี่เอง :b11:

สภาวะนี้ไปด้วยอานาปานสติใช่ไหมครับ
พระพุทธองค์ก็ยืนยันด้วยพระสูตรอยู่แล้วนี่ครับ ว่าอานาปานสตินั้นทำให้ถึงวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


เป็นสภาวะที่ชาวพุทธทุยังสงสัยกันทุกคนอธิบายอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ ผมบอกในรูปปฎิเสธก็แล้วกัน อะไรในโลกที่คุณรับรู้ได้ในนั้นไม่มี อะไรๆก็ไม่มี




อ๋อ อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ไม่มีนี่เอง :b11:

สภาวะนี้ไปด้วยอานาปานสติใช่ไหมครับ
พระพุทธองค์ก็ยืนยันด้วยพระสูตรอยู่แล้วนี่ครับ ว่าอานาปานสตินั้นทำให้ถึงวิมุติ


นั่นดิ แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจอานาปานสติ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


เป็นสภาวะที่ชาวพุทธทุยังสงสัยกันทุกคนอธิบายอย่างไรก็ไม่มีวันเข้าใจ ผมบอกในรูปปฎิเสธก็แล้วกัน อะไรในโลกที่คุณรับรู้ได้ในนั้นไม่มี อะไรๆก็ไม่มี




อ๋อ อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ไม่มีนี่เอง :b11:

สภาวะนี้ไปด้วยอานาปานสติใช่ไหมครับ
พระพุทธองค์ก็ยืนยันด้วยพระสูตรอยู่แล้วนี่ครับ ว่าอานาปานสตินั้นทำให้ถึงวิมุติ


นั่นดิ แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจอานาปานสติ :b1:
คุณหรือผมคุณเข้าใจว่าอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
วัสดีคับ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมนั่งสมาธิแล้วประสบกับสภาวะดังนี้ครับ

นั่งสมาธิไป จนลมหายใจแผ่วลงๆ มากจนลมหายใจหายไป ในขณะเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น

เอาจิตไปจับคำภาวนาก็ไม่ได้เพราะจับแปปเดียวมันก็ปล่อยอีก เอาไปจับลิ้นปี่ก็ไม่ได้เพราะมันไม่พองไม่ยุบแล้ว เอาไปจับปลายจมูกก้ไม่ได้เพราะแทบไม่รู้สึกถึงลม

แล้วแบบนี้พอลมหายใจผมหายไป ผมควรจะเอาจิตไปจับกับอะไรครับ

รายละเอียดการนั่งสมาธิ

นั่งแบบ ดูลมหายใจเข้าออก คำภาวนาคือพุทโธ



นี่แหละเขาทำอานาปานสติ คุณamazingว่าอย่างไร :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2013, 17:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
วัสดีคับ ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมนั่งสมาธิแล้วประสบกับสภาวะดังนี้ครับ

นั่งสมาธิไป จนลมหายใจแผ่วลงๆ มากจนลมหายใจหายไป ในขณะเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น

เอาจิตไปจับคำภาวนาก็ไม่ได้เพราะจับแปปเดียวมันก็ปล่อยอีก เอาไปจับลิ้นปี่ก็ไม่ได้เพราะมันไม่พองไม่ยุบแล้ว เอาไปจับปลายจมูกก้ไม่ได้เพราะแทบไม่รู้สึกถึงลม

แล้วแบบนี้พอลมหายใจผมหายไป ผมควรจะเอาจิตไปจับกับอะไรครับ

รายละเอียดการนั่งสมาธิ

นั่งแบบ ดูลมหายใจเข้าออก คำภาวนาคือพุทโธ



นี่แหละเขาทำอานาปานสติ คุณamazingว่าอย่างไร :b10:
คุณคิดว่าใช่เหรอผมบอกแล้วไง ว่าให้ทำอย่างไร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร