วันเวลาปัจจุบัน 19 พ.ค. 2025, 16:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 165 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2011, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ

ผมตอบที่นี่ไปแล้วครับ

http://www.antiwimutti.net/forum/index.php?board=1.0

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยพร้อมกันได้ยังไง 3-4 เขื่อน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช

เต็มๆที่

http://www.ryt9.com/s/tpd/1269909


(คัดสัมภาษณ์เกี่ยวกับน้ำบางส่วน)

เมื่อย้อนไปถึงเรื่อง "น้ำก้อนใหญ่" ก่อนถล่มภาคกลาง มีสัญญาณหรือไม่

ดร.สมิทธระบุว่า ถ้ามีคนศึกษาเอาข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยามา การพยากรณ์ระยะไกล เหมือนอย่างที่สหรัฐทำ ที่เรียกว่า Long Range Forecast และที่เขาทำมาตลอดคือ ทั้งที่อเมริกา มีศูนย์ที่ฮาวาย ญี่ปุ่น จีนมีกรมอุตุฯ ประเทศไทยก็มีการทำนาย เรื่องนี้ แต่ข้อมูลไม่มีใครเอาไปใช้ หรือเอาไปใช้ ถ้าไม่มีการอธิบายรายละเอียด คนเอาไปใช้ก็เอาไปใช้ไม่เป็น พอส่งให้กรมชลประทาน ส่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ไม่เชื่อถือ คือ ถ้าข้อมูลนี้นำไปใช้ รู้เลยว่าปริมาณฝนที่ตกในฤดูนี้จะมากกว่าปกติ ช่วงไหน ช่วงต้นฤดูฝนมีเท่าไหร่ กลางฤดูฝนมีเท่าไหร่ ปลายฤดูฝนมีเท่าไหร่ พายุจะเข้าต้น-กลาง-ปลายฤดูฝน พายุเข้ากี่ลูก เพราะฉะนั้น ผู้บริหารน้ำต้องรู้ว่า ปริมาณฝนที่จะตกต้นฤดูฝนจะเก็บน้ำในเขื่อนเท่าไหร่ ไม่ใช่ตกปุ๊บเก็บปั๊บ น้ำล้นเลย พอกลางฤดูฝนน้ำเต็มเขื่อนแล้ว พอปลายฤดูฝน ฝนตกมาไม่รู้จะทำยังไง ตกใจ ปล่อยน้ำไหลออกมา แล้วก็ปล่อยแบบไม่มีขั้นตอนการปล่อย อยากปล่อยก็ปล่อย ปล่อยพรวดเดียว 3 เขื่อนพร้อมๆ กัน

"ขนาดปล่อยเขื่อนเดียวก็ตายแล้ว เขื่อนภูมิพลปล่อยทีเดียว 100 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน แค่เขื่อนเดียว เราระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มภาคกลาง จากแม่น้ำบางปะกง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน ระบายออก 500 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ปล่อยมาอย่างนี้มันก็ท่วมระบายออกไม่ทัน ยังมีเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนลำตะคอง พวกนี้ไม่มีติดต่อประสานงานกันเลย จะปล่อยแล้วนะ คุณรับได้มั้ย ก็เก็บไว้ก่อนก็ได้"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดร.สมิทธเล่าว่า ตนเคยคุยกับคุณปราโมทย์ ไม้กลัด ว่าการปล่อยน้ำแล้วน้ำท่วมแบบนี้ ควรต้องมีคนรับผิดชอบ ต้องมีการสอบสวน ถือว่าเป็นการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าปล่อยน้ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้อภัยไม่ได้ แต่ปล่อยโดยหวังทำลายการบริหารรัฐบาล หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ผู้บริหารคนใดคนหนึ่ง มันผิดมหันต์

ไม่มีเจตนาแอบแฝงได้ไง ปล่อยไม่หยุด ปล่อยยาว ไปดูบันทึกของกรมชลประทาน หรือ กฟผ. ไม่เคยปล่อยน้อยลง มาน้อยลงตอนหลัง ตอนฝนหยุดตกแล้ว อ้างฝนตกเข้าเขื่อนมากต้องปล่อยมาก เขื่อนทำไว้ระบายน้ำโดยอัตโนมัติ ถ้าน้ำขึ้นมากๆ ไม่ให้ล้นสันเขื่อน มีสปริงเวย์ให้น้ำระบายออกสันเขื่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเขื่อนรับน้ำไม่ได้ คนไม่รู้กลัวเขื่อนแตก แต่ไม่มีเขื่อนที่ไหนในโลกแตกเพราะน้ำท่วมเลย ไม่มี สร้างมาแข็งแรงมาก เขื่อนใหญ่ๆ ไม่มีแตกเพราะน้ำล้นเขื่อน มีแต่เขื่อนเล็กๆ ทำด้วยดินอัด หินอัดน้ำล้น แต่เขื่อนภูมิพลคอนกรีต ไม่มีทาง มีความปลอดภัย"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อถามว่า นอกจากสอบสวนกรมชลฯ ประชาชนฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ไหม

ดร.สมิทธเล่าว่า มีราษฎรหลายรายโทร.มาหา และถามว่าจะฟ้องร้องรัฐบาลได้ไหม ข้อหาทำให้เกิดความเสียหาย และบอกว่าพวกทำเกษตรกรรมน้ำท่วมนาเป็นพันไร่จะรวมตัวกันฟ้อง ส่วนพวกทำนิคมอุตสาหกรรมก็บอกจะฟ้อง

"ผมก็บอกไปว่า ต้องมีเหตุผลในการฟ้อง ต้องมีถ่ายภาพบันทึกความเสียหาย น้ำท่วมยอดข้าว ท่วมหมด ข้าวหายใจไม่ได้ก็ตาย ถ้าปล่อยมาให้ถูกระดับข้าวก็โตได้ ยอดข้าวก็หนีน้ำได้ ออกข้าวออกรวง

แต่นี่ไม่ได้ศึกษา อยากปล่อยก็ปล่อย ที่ผมโกรธมาก ปล่อยพร้อมกันได้ยังไง 3-4 เขื่อน ปริมาณ

น้ำมหาศาลต่อวัน แล้วโทษพนังกั้นน้ำ เอะอะโทษธรรมชาติ เอาความผิดโทษธรรมชาติไว้

ก่อน ตัวเองจะได้ไม่มีความผิด"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดร.สมิทธวิพากษ์ถึงวิธีการของภาครัฐในการแก้ปัญหาน้ำท่วมอีกว่า อย่างให้น้ำผ่าน กทม. เถียงกันอยู่นั่น ป่านนี้ก็ยังเถียงอยู่ ใครจะปล่อยน้ำ เก็บน้ำยังไง คนที่ปล่อยทีแรกนึกว่า กทม. เป็นผู้บริหารประตูน้ำ ไปๆ มาๆ เป็นกรมชลประทานอีกแล้ว
ตอนนี้เลยไม่รู้ใคร รองอธิบดีกรมชลฯ ถือกุญแจ การปล่อยน้ำกับการระบายน้ำต้องประสานกัน มีวิทยุติดต่อกัน ต้องบริหารจัดการน้ำให้คงที่ขณะที่ปล่อยน้ำมา การสูบออกต้องประสานกัน ประสิทธิภาพการระบายน้ำ กทม.มีอยู่สูงสุดระบายได้เท่าไหร่

น้ำที่เป็นปัญหา ประตูน้ำแถวปทุมธานี ถ้าปล่อยให้ลงมา แล้วระบายออกคลองสำโรง พวกนี้มีเครื่องสูบน้ำใหญ่ๆ สูบออกได้ แต่ต้องปล่อยให้ปริ่มๆ อย่าปล่อยมากเดี๋ยวท่วม ค่อยๆ ระบาย แต่ตอนนี้ตกลงกรมชลประทานจะผันน้ำให้อยู่ทางทิศตะวันออก ออกแม่น้ำบางปะกง ทัน แต่มันยาว อีกอันลงแม่น้ำท่าจีน มันยาว จะแห้งช้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุดท้าย นักวิชาการด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติสรุปว่า ปัญหาน้ำท่วมประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่ภัยธรรมชาติ!
"ผมว่าภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดคือ นักการเมือง เป็นบาปจริงๆ นะคนไทย ชาติก่อนอาจจะทำบาปไว้"

"การปล่อยน้ำแล้วน้ำท่วมแบบนี้ ควรต้องมีคนรับผิดชอบ ต้องมีการสอบสวน ถือว่าเป็นการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าปล่อยน้ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้อภัยไม่ได้
แต่ปล่อยโดยหวังทำลายการบริหารรัฐบาล หรือพรรคใดพรรคหนึ่งผู้บริหารคนใดคนหนึ่ง มันผิดมหันต์"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามหลักพุทธแท้ๆ เมื่อประสบทุกข์ ก็ต้องสืบสาวหาเหดุของทุกข์หรือปัญหาแล้วแก้ที่เหตุของมัน ทุกข์จึงจะคลายหายไป ตามหลักอริยสัจ 4
ทุกข์ = ผล
สมุทัย =เหตุ
นิโรธ = ผล
มรรค = เหตุ

แต่ถ้าแก้ตามวิธีทั่วๆไปแบบชาวบ้านๆก็แผ่เมตตา สัพเพ สัตตา ฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะชวนคุยเรื่องทำอย่างไรจึงจะไม่ทุกขเพราะน้ำท่วม ก็เลิกคุยกัน

เพราะเมื่อไม่มีทุกข ก็ไม่ต้องปรับทุกข์

แต่มนุษย์จะมีน้ำท่วมไม่มีน้ำท่วม ทุกข์ก็มี

ท่านกรัชกายกล่าวถูกต้อง

ไม่ใช่เราจะมาแกล้งนั่งหลับตาคุยกันเพื่อไม่ให้เห็นทุกข

แต่มาโยนิโยมนสิการกันถึงทุกขที่เกิดจากน้ำท่วม

หาสาเหตุที่เกิดทุกข์

ทุกข์เพราะเสียดายทรัพย์ที่จมน้ำ

ทุกข์เพราะติดเกราะ

แล้วจึงมาพิเคราะห์หาทางอยู่กับทุกข์อยู่เป็นเพื่อนกับทุกข์

ให้คุ้นเคยกับทุกข์

ให้ทุกข์มันเชื่องจะได้ไม่มาแวงกัด



ทรัพย์สินของผมที่จมน้ำ เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยมีก่อนมีทรัพย์เหล่านั้น

ติดแกาะไปไหนไม่ได้ก็สงบดีไม่ต้องคิดไปไหนให้เหนื่อย

บ้านที่สกปรกเพราะคราบน้ำก็ตั้งใจจะปล่อยมันตามธรรมชาติ

น้ำลดก็จะไม่ขัด

ให้มันตกสเก็ดหลุดร่วงไปเอง



อย่างนี้จึงเกิดปัญญา

อย่าไปบอกว่าไม่มีทุกข์ ไม่ได้

ผูกมิตรกับทุกข์เสียบ้าง

จะดีกว่าไหม

ท่านตะเกียงแก้ว

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนมักคิดว่าอุดรอยรั่ว สร้างวัตถุ ซ่อมของเสีย เป็นปัญญา

จึงสร้างวัตถุเต็มบ้านเต็มเมื่อง แต่ก็ไม่เห็นวัตถุเหล่านั้นจะช่วยให้ใครบรรลุธรรม


ถ้าปล่อยวาง ช่างหัวมันบ้าง

หลังคารั่วก็อยู่ตามโคนต้นไม้เสียบ้าง

แล้วไปอุดมันทำไมรอยรั่ว

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผูกมิตรก็เรื่องหนึ่ง

ผูกอยู่กับจิตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


กิเลส กรรม วิบากกรรม เป็นวงจร ไม่ใช่วงจร

และ กิเลส กรรม วิบากกรรม มีทางออก

แต่คนลื่มเดิน

เพราะคิดว่า

ออกจากกันไม่ได้

ทางออกคืออริยมรรคที่มีองค์แปด

ทางนี้แหละใครเดิน

กงจักร์กรรมจะหมุนกลับ

จาก

สมุทยวาร

เป็น

นิโรธวาร

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชวนให้มองปัญหาว่า ควรสาวให้ถึงต้นตอ หรือต้นเหตุของปัญหา (คือน้ำ) น้ำเป็นธรรมชาติ ไม่มีชีวิตจิตใจ ทุกข์ครั้งนี้เกิดจากน้ำก็จริงอยู่ แต่คนซึ่งไปเบี่ยงเบนธรรมชาติให้ผิดไปจากเดิม (เช่นทำเขื่อนกักไว้เป็นต้น) เมื่อคนทำที่กักที่กั้นธรรมชาติ (คือน้ำ) ไว้ คนนั้นต้องรู้เข้าใจธรรมชาติ คือ บริหารจัดการธรรมชาตินั้นให้ดี เมื่อบริหารจัดการธรรมชาตินั้นดี ธรรมชาติก็มีคุณต่อมนุษย์ หากผิดไปจากนั้น ธรรมชาติ (น้ำ) ก็ให้โทษ แล้วควรแก้ที่ไหนล่ะ ที่คนหรือที่น้ำ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ธาตุทุกธาตุมีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ (มีคุณ มีโทษยังไงคงเคยเห็นแล้ว)

ตามหลักพระพุทธศาสนาว่า เมื่อธาตุทั้ง 4 มาผสมรวมกันจนได้ดุลยภาพของมัน ก็เกิดเป็นร่างกายพร้อมมีวิญญาณครอง (กาย +ใจ) ก็จึงสำเร็จเป็นคนๆหนึ่งๆ สรุปเอาว่าที่สมมุติเรียกกันว่าคน เป็นต้น สภาพเดิมก็คือธรรมชาติ หรือธาตุ 4 (ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ) ดังกล่าว
เราจะเห็นสภาพเดิมชัดหลังจากที่ธาตุ...คุมกันไม่ติด แตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง (ที่เรียกกันว่าตาย)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


กระแสน้ำ ท่วมมิด ปิดแผ่นดิน
กระแสคิด ปิดบังสิ้น พระนิพพาน

ท่านสนเฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง?

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2011, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


"พระแม่คงคาตามหาฉัน"

เรื่องศรัทธา อย่าห้าม ตามเสนอ
ไม่เชื่อเออ อย่าหลู่ลบ อาจพบเห็น
เป็นเรื่องจริง อิงธรรม นำมาเป็น
ดับทุกข์เข็ญ ให้มนุษย์ จุดประกาย

อันพระแม่ คงคา ตามหาฉัน
ทุกที่นั้น ที่เคยไป ทั้งเช้าสาย
ทุกแห่งที่ ที่ฉัน เคยย่างกราย
เพราะห่างหาย ไม่เห็นฉัน จึงพลันหา

ทุกทุกปี ฉันนั้น ต้องไปพบ
ให้แม่สบ ให้แม่กอด แลไหว้สา
ฉันต้องไป ไม่อย่างนั้น แม่จะมา
ค่อยไหลบ่า เป็นนิจ กิจประจำ

หากพระแม่ ธรณี ไม่พิโรธ
ไม่ถือโกรธ ก็จะช่วย จนใจหนำ
จะดึงน้ำ ให้ไหลไป ในดินดำ
แม่ช่วยนำ น้ำนั้น พลันแห้งลง

มาปีนี้ มีภัย พิบัติเกิด
ฉันจึงเปิด ให้รู้ อย่าสัยสง
แม่คงคา ตามหาฉัน ขอให้ปลง
ไม่นานวัน ก็คง เหือดแห้งไป

เมื่อเข้าสู่ ธรรมดา แห่งวิถี
จงอย่ามี โลภโกรธหลง เกินวิสัย
หมั่นปลูกป่า รักษาป่า แล้วพ้นภัย
แม่นั้นไซร้ คงรู้ ฉันอยู่บน...(เอย)

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
ร้อยกรอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2011, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ฉันจำต้อง ร้อยกรอง ให้ตรองคิด
จะลิขิต เป็นร้อยแก้ว ก็ขัดเขิน
อันมนุษย์ มากกิเลส ซะเหลือเกิน
ขอจงเชิญ อ่านดู ให้รู้ความ

เหตุนั้นจาก ภัยพิบัติ เกิดกลาดเกลื่อน
ฉันจึงเตือน ให้รู้ จงเกรงขาม
มีแต่ฉัน ที่ช่วยได้ ทั่วเขตคาม
มิให้มัน ลุกลาม ห้ามเภทภัย

หากปล่อยแล้ว นานเนิ่น จะเกินแก้
เพราะจริงแท้ สาเหตุ มาจากไหน
โลภ,โกรธ,หลง ของมนุษย์ สะสมไฟ
โลกร้อนไป เป็นเหตุ เภทภัยทั้งปวง

อีกพฤกษา ดาษดื่น มีหมื่นแสน
เป็นคล้ายแกน สร้างอากาศ อันใหญ่หลวง
ต้องช่วยกัน ปลูกป่า มิหลอกลวง
จงอย่าห่วง สามสี่ปี ดีดังเดิม

ฉันจะช่วย ยับยั้ง ธรรมชาติ
แม้ฤทธิ์อาจ มีน้อย แต่ฮีกเหิม
สามสี่ปี ไม่ให้เกิด ภัยซ้ำเติม
แต่ต้องเสริม ให้ฉัน ตามต้องการ

ต้องให้ฉัน เป็นนายก รัฐมนตรี
ให้ยศมี นายพลเอก ทางทหาร
ต้องขจัด พวกสร้าง ความรำคาญ
ให้รื้อบ้าน ล้อมรั้ว จงกลัวเกรง

ฉันรับรอง สามสี่ปี ที่รอสร้าง
ภัยทุกอย่าง จะไม่เกิด ไม่ข่มเหง
ทุกถิ่นที่ ย่อมสงบ พบสุขเอง
จงพิศเพ่ง พิจารณา อย่าช้าเลย

ถ้าไม่ยอม ตัวฉัน ก็ไม่สน
จะดูคน ประสบผล แลวางเฉย
ฉันบอกแล้ว ถ้าไม่เชื่อ ก็ตามเคย
อะไรเหวย ตื่นตกเตียง เสียงดังโครม......

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ (ผู้ร้อยกรอง) ข้าพเจ้าจะรอคำตอบ ถึง ๑ ก.พ.๒๕๕๕


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 165 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร