หลงไม่ใช่ธรรมดา เรียกว่าหลงสุดลูกหูลูกตาเลย ถ้าใช้ภาษานักแข่งรถ เรียกว่าหลงหลุดโค้ง หลงมองไม่เห็นฝุ่น

พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่มีเราตรงตามที่พระองค์ตรัสรู้
เราน่ะไม่ได้กำลังมีทศพลญาณแบบพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ไม่ใช่กู
ก็รู้ตัวแล้วว่ายังเกิดมาพบคำสอนอยู่คือกูไร้ปัญญา
จะทำปัญญาตามลำดับตรงตามคำสอนคือ1สุตะ2จินตะ3ภาวนา
ถ้าไม่ฟังเพื่อจินตนาการความคิดให้ตรงตามเพื่อเข้าใจถูกตรงความจริงที่มีแล้วจะเอาอะไรไปภาวนาถูกคะ

คิกๆๆ คุณโรสขอรับ ออกจากสำนักนั่นไปเถอะขอรับ ไปเริ่มต้นใหม่ อย่างที่เคยบอกไว้หลายเทื่อแร้ว

ครั้งพุทธกาลไม่ใช่ทุกคนจะได้ฟังคำสอนนะคะ
ยุคนี้ก็ไม่ต่างกับพุทธกาลชวนคนฟังธรรมมันยาก
คุณกรัชกายรู้ไหมคะว่าบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้า
คือต้องสละสมบัติบ้านเรือนลูกเมียพ่อแม่พี่น้องได้หมด
และบวชแล้วใช้สอยได้ตามการบรรพชาที่ตถาคตอนุญาต
ไม่กลับไปเอาเงินทองมาใช้อีกจะทำตามตถาคตต้องดูที่พระองค์ทำ
ตลอด45ปีคิดสิว่าพระพุทธเจ้ากลับไปเอาเงินทองในพระราชวังมาใช้รึเปล่า
หรือพระองค์ออกบิณฑบาตทุกวันเทศนาธรรมทุกวันและเทศน์สอนแต่คนที่ฟังพระองค์
คิดไหมว่าคุณไม่ฟังคำสอนให้เข้าใจก่อนบวชพอคุณบวชแล้วก็ต้องรับเงินรู้ไหมว่าพาตัวเองไปอบายภูมิ

ถ้าเอาแบบนั้น คนบวช ๗ วัน ๑๕ วัน สละทรัพย์สมบัติลูกเมียพ่อแม่บ๊ายบาย พอครบ ๑๕ วันสึกออกมา บ้านก็ไม่มี ไปนอนศาลาวัด เมียก็มีผัวใหม่ คิกๆๆ ทำไงบอกสละหล่อนไปแล้ว จะโกรธเขาก็ไม่ได้ ไปตลาดเจอะผัวใหม่เมียเก่า หวัดดีพี่ หวัดดีพ่อ เอาไงดีว่ะกู

คุณโรสจะว่ายังไง

ก็บอกหลายทีแล้วว่า ธัมมะคุณโรสเป็นทำมะเลียนแบบ คิกๆๆ เห็นพระพุทธสละสมบัติลูกเมียไปบวช เอามั่งกู สึกมาขอทานหน้าประตูวัด ขอทานปัจจุบันก็ต้องมีบัตรนะ ขอสุ่ม 5 สุ่ม 6 ถูกจับนะขอบอก

อีกมุมหนึ่งก็เพราะนั่นแหละ กรัชกายจึงให้คุณแม่ไปสร้างวัดเองยังไงเล่า เอาเลยไปสร้างแล้วเอาตามนั้น รับคนบวชถามก่อน คุณเป็นลูกกษัตริย์เปล่า เป็นไปสละสมบัติให้หมดแล้วมาบวช
คุณเป็นลูกเศรษฐีเปล่า ถ้าเป็นไปสละสมบัติก่อนแล้วมาบวช มีลูกมีเมียมีพ่อมีแม่ ไปสละให้หมดแล้วบวชมาอยู่วัดสุจินตาราม ฉันอุปภัมภ์เอง ดังว่านั่น

ถ้าเขาบอกว่า ผมเป็นลูกชาวบ้านขอรับ อ้อ ถ้ายังงั้นเชิญออกจากวัดฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่บวชลูกชาวบ้าน คิกๆๆ พูดแล้วขำ

ไม่มีเรา...คนที่บวชไม่ได้สร้างวัดเองนะคะ...แต่บวชเข้าไปจำวัดที่เขาสร้างไว้ไม่มีบ้านเพราะลาเพศชาวบ้าน
พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์...คำสอนแทนพระพุทธเจ้าไม่ใช่รูปปั้นบวชคือคนที่ทำตามคำสอนได้
ครั้งที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตใครเขาสร้างพระพุทธรูปกันเขาฟังพระธรรมคำสอนกันถึงเกิดปัญญาตามคำสอน
คนที่คิดว่าเป็นชาวพุทธสมัยนี้ไม่ศึกษาคำสอนของตถาคตเอาแต่เรี่ยไรเงินสร้างพระพุทธรูปสร้างกุฏิศาลา
แห่แหนทำอะไรตามๆกันด้วยความไม่รู้เพราะไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรามีแต่ธัมมะแปลว่าอะไร
คุณไม่เคยคิดถูกตามอารมณ์ที่ตถาคตรู้ไม่เคยคิดถูกตัวตนว่าไม่มีเราเอาแต่อยากได้บุญไม่รู้ว่าบุญคืออะไร
บวชแล้วก็ยังยึดติดวัตถุทรัพย์วินเงินทองหาเงินเรี่ยไรเงินสร้างวัตถุอ่ะคิดสิบวชแล้วใช้ได้้แค่อัฏฐบริขาร8ค่ะ
มีเกินนี้คือโลภมาก...มือถือใข่อัฏฐบริขาร8มั๊ย...คำสอนตรงจริงไม่มีอนุโลมให้ทำผิดได้บ่อยๆมีให้สำนึกบาป
อยู่คนเดียวกูไม่รู้เลยว่าไม่มีตัวกูพอบวชแล้วก็ยังโทรเรียกกูคนอื่นที่ไม่รู้ว่าไม่มีกูอีก1คนมาร่วมทำแบบที่กูคิด
อริยบุคคลไม่ได้มีแต่คนที่ออกบวชเพราะคฤหัสถ์ที่เป็นชาวบ้านเขาอยูคฤหาสน์นะคะคฤหาสน์นั้นเองคือวัด
ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีและนางวิสาขามหาอุบาสิกาคืออริยบุคคลที่ใช้บ้านเป็นวัดเพราะไม่ได้บรรพชาค่ะ

พูดอะไรคิดอะไร ไม่ได้ตรงกับสภาพความจริงเลย

ความจริงของพฤติกรรมนักบวชสมัยนี้คือ
1.ไม่ทำตามสิกขาบท
2.รับเงิน
3.คิดวิธีใช้เงิน
4.คิดวิธีหาเงิน
5.ไม่ศึกษาคำสอนให้เข้าใจ
6.แสวงหาและเรี่ยไรเงินชาวบ้านมาสร้างวัด
7.ไม่พูดความจริงตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
8.สอนชาวบ้านทำผิดตามความคิดเห็นผิดของตนเองเพราะศึกษาคำสอนไม่เข้าใจ
9.สอนชาวบ้านให้ทำตามความพอใจของกูทำตามความไม่รู้ของกูไปเรื่อยๆคือให้ชาวบ้านเอาเงินไปให้555
10.ไม่มีหิริโอตัปปะตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนว่าบวชมาเป็นโจรปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะของกู555
มหาโจรกล่าวอ้างเอาคำที่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้ามาพูดเพื่อรับเงินทองคือบวชแต่ทำตามสิกขาบทไม่ได้
ขายวัตถุมงคล555ข้อไหนไม่ตรงบอกมาสิ5555555
ทุกคนถ้าไม่อยากถูกกิเลสนักบวชหลอกให้ทำกรรม
กรุณาใช้ปัญญาตัวเองฟังคำสอนให้เกิดปัญญาเพิ่ม
จะได้เลิกไปทำผิดตามคนอื่นบอกคือฟังให้เข้าใจ...ไม่มีเรา
https://youtu.be/spYrSZ-76kE

ถ้าสร้างวัดสร้างศาลาสร้างโบสถ์ เป็นต้น แล้วไม่ต้องใช้เงินซื้ออิฐหินปูนทราย ก็ไม่ต้องหาเงินมาสร้างหนึ่ง สอง ถ้าเศรษฐีมหาเศรษฐีสร้างเหมือนครั้งพุทธกาลพระเณรก็ไม่ต้องหาเงินมาสร้าง สาม ถ้าในประเทศไทยเป็นต้น ไม่มีวัดวาอารามพระเณรจะไปอยู่อาศัยที่ไหน

สี่ เรื่องสิกขาบทคุณโรสต้องศึกษาที่ต้นบัญญัติ ว่าต้นบัญญัติคือใคร ไปทำเพราะเหตุใด สังคมตอนนั้นว่าอย่างไร มีอนุบัญญัติว่าอย่างไร กาลต่อมาสังคมเปลี่ยนไปอย่างไร

ถ้าจะเปรียบสิกขาบทก็เหมือนกฎหมาย (เหมาะกับยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับอีกยุคสมัยหนึ่ง) พระพุทธเจ้าก็รู้ว่าในอนาคตสังคมสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ก็จึงว่า ต่อไปในอนาคตกาลสงฆ์จะยกเลิกสิกขาบทเล็กน้อยก็ได้ (หมายถึงว่าหากสิกขาบทนั้นขัดต่อการดำรงชีวิตก็ยกเลิกได้) อันนี้เมื่อตอนสังคายนาคณะสงฆ์ก็ปรารภเรื่องนี้ แต่ตกลงกันไม่ได้ว่าสิกขาบทเล็กน้อยนั้นอันไหนข้อใด เมื่อตกลงกันไม่ได้ก็จึงคงไว้ตามนั้น ปัจจุบันคนบางกลุ่ม เช่น กลุ่มคณะแม่สุจินเป็นต้นก็ได้เห็นสิกขาบทนั้น ก็จึงยกขึ้นมาโจมตี (เดี๋ยวไปเปิดตำราดูก่อนว่าข้อไหนจะนำมาให้ดู คิกๆๆ)

อีกสักมุมหนึ่ง มุมนี้แหละที่เกิด กท.นี้ คือ ให้แม่สุจินไปสร้างวัดแล้วสร้างพระเณรต้นพุทธกาลขึ้นมายืนเป็นหลักไว้ อย่างที่บอกข้างต้น สร้างวัดให้พร้อมรับอุปภัมภ์วัดอุปัฏฐากพระเณรในวัด ทีนี้พระในวัดสุจินตารามไม่ยุ่งเรื่องเงินเลยมีคนรับใช้ดูแลค่าน้ำค่าไฟวัดให้ แบบนี้ศาสนาอยุ่ได้พระอยู่ได้ วัดไม่ร้างพระเณร ทำได้ไหมล่ะ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นศาสนาก็อยู่ไม่ได้ พระเณรก็อยู่ไม่ได้ วัดร้างหมด บอกไม่เชื่อ เดือนเดียวหมด การไฟฟ้าถอดหม้อหนี การประปาก็ยกมาตรวัดน้ำกลับ ขยะเต็มวัด (ไม่มีเงินให้เขาเขาก็ไม่เก็บให้) พุทธศาสนาในเมืองไทยจบ จะอยู่กันยังไง น้ำไฟไม่มีใช้ แค่นี้ก็จะไปไม่รอดอยู่แล้ว

ถึงว่าสำนักบ้าบอเลอะเทอะเอาแต่ตำหนิแต่ไม่มีทางออก หรือมีแผนทำลายพุทธในเมืองไทย น่าคิดๆ

พูดแล้วมันเขี้ยว อีกสักดอกเถอะ

เรื่องธัมมะๆ ที่ไปพูดๆที่นั่นที่นี่ ตีความผิด คิกๆๆๆ พูดหลอกคนไม่รู้ อารัย สัพเพ ธัมมา อนัตตา มันเป็นอนัตตา แล้วไม่ให้ไปทำห่านอะไร เพราะทำแล้วมันเป็นอัตตา จริงๆนะดูๆแล้วสงสาร เลอะเทอะฮ่ะ

เอกลักษณ์นี้ไม่ว่าของศาสนาไหนเขาก็มี แล้วก็ใช้เงินทำใช้เงินก่อสร้าง ยิ่งสร้างให้อลังการคนในคนนอกก็แห่แหนกันไปเที่ยวไปชม ช่วยให้ชาวบ้านในชุมชนมีรายได้ เป็นหน้าเป็นตาของท้องถิ่น เป็นหน้าตาของประเทศ



หรือคุณโรสเห็นเป็นอย่างอื่น

อีก ตย.หนึ่ง




นี่คือวัตถุซึ่งมีค่าทางจิตใจ

จะเป็นโบสถ์วิหารเจดีย์มีค่าทางจิตใจทั้งสิ้น