วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2019, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับนับแสนโกฏิขณะนับทันสัก1ทางไหม
ถามให้รู้สึกตัว555...ปัจจุบันขณะของคุณ...ตรง1ขณะไหนตอนนี้
กำลังระลึกตรงรูปไหน...หรือจำแต่บัญญัติคำของตถาคตยึดเป็นปัญญาของตัวตน555
ตถาคตบอกไม่มีเราเพราะจิตเกิดและดับที่รูปตรงแค่1ทางอายตนะทีละ1ตัวจริงธัมมะไม่เกิดนอกรูปกายด้วย
:b32: :b32: :b32:



คิกๆๆ ยิ่งกว่าเทวทัตอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2019, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
ทุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์
อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ


ผู้แปลพระไตรปีฎกนั้นบางทีเขาก็แปลทับศัพท์ จะให้ดูที่ยกมานะ เช่น

สติ สัมปชัญญะ

นิวรณ์ ๕

อวิชชา

อินทรีย์

สัปบุรุษ

สัทธรรม

เหล่านี้เป็นต้น ผู้อ่านยังจะต้องทำความเข้าใจอีกต่อหนึ่ง เช่น สติ คืออะไร เช่นไร สัทธรรมคืออะไร เช่น ไร ฯลฯ

ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนที่คุณโรสเดาว่า สัปบุรุษ คือ ตถาคต ซึ่งไม่ตรงกับของเขา เมื่อติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว ที่เหลือนั้นเดาผิดหมด

จะให้ดูอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเขาแปลมาจากอโยนิโสมนสิการ (ทำในใจโดยไม่แยบคาย) ถึงเขาแปลให้ดังนั้นแล้ว ถ้าถามว่า ทำในใจโดยไม่แยบคาย ทำยังไง

ตรงข้าม ทำใจโดยแยบคาย ศัพท์ โยนิโสมนสิการ ถ้าถามว่า ทำยังไง ที่ว่าทำในใจโดยแยบคาย แค่นี้ก็อึ้งไปไม่ถูกแล้ว :b10:

:b12:
แค่สติคำเดียวชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีเกิดที่จิตตัวเองหรือเปล่า
ก๊ากๆๆๆๆ...สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่าระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ
เดี๋ยวนี้จิตดับไปถึงแสนโกฏิขณะเลยนะ
ไหนบอกมาสิตรงสัจจะไหนที่ตัวตน
เพราะจิตไม่เกิดนอกรูปกาย
จิตเกิด6ทางมันเกิดดับสลับกัน
เป็นคนละวิถีจิตไม่ปนกันด้วย
ตรงทีละ1ทางทีละ1ขณะใหม่
ไม่ซ้ำเดิมไม่มีขณะเก่าเลย
เพราะดับคือไม่เหลือซากจิตขณะนั้นๆแล้ว
1เห็นไม่เกิดนอกตา
2ได้ยินไม่เกิดนอกหู
3ได้กลิ่นไม่เกิดนอกจมูก
4ลิ้มรสไม่เกิดนอกลิ้น
5กระทบสัมผัสเกิดที่ผิวกาย
6คิดนึกเกิดภายในหทยวัตถุในหัวใจโน่นน่ะ
เดี๋ยวนี้มีครบทั้ง6ทางตอนเห็นไม่มีคิดปนเลย
ตอบมาสิคะระลึกตามคำสอนตรงสัจจะไหนอยู่
สติเป็นโสภณเจตสิกไม่เกิดตอนมีความรู้สึกชอบใจหรือไม่ชอบใจที่เป็นกิเลสอกุศลค่ะ
เห็นผิดทั้งวันเห็นผู้หญิงสวยๆดอกไม้งามๆรถคันหรูผ้าปูที่นอนปลอกหมอนผ้าปูเตียงผ้าม่านกิเลสหาซื้อมาไง
:b32:
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่า ระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าทับศัพท์เป็นยังไง :b32:

สติ นี่แหละทับศัพท์ แล้วที่่ว่า สติ แปลว่า (ความ) ระลึก (ได้) (นอกจากนั้นมโนทั้งเพทั้งระยอง) นั่นแหละคำแปล สติ :b13:

ถูก ระลึก ตัวเดียว คิกกๆๆ แล้วก็ไม่ใช่ถูกที่เกิดจากความรู้นะ เกิดจากการมั่ว :b13:

ไม่ไหวเสียเวลา

เลอะเทอะ

พระพุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด

cool
กล้าในทางที่ผิดคิดจะเปลี่ยนแปลงคำสอนไปตามใจอยากกันมากนักหรือคะ

คำสอนของพระพุทธเจ้าคืออริยทรัพย์ที่หาค่าประมาณไม่ได้เมื่อได้ฟังเข้าใจแล้ว

จะรับมรดกคือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องฟังเข้าใจ

ถ้าเป็นผู้ไม่ตรงต่อการฟังไม่จริงใจไม่มีสัจจะก็จะไม่ได้สาระอะไรเลย

พระธรรมคำสอนเป็นคำจริงตรงจริงที่ปัจจุบันขณะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

ทุกอย่างเกิดแล้วปรากฏว่ามีแค่ชั่วคราวและก็ดับหายไปภายในจิตไม่กลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดเมื่อคิดไม่ตรงปัจจุบันนั้นอดีตก็ไม่ตรงและอนาคตจะตรงได้อย่างไรคะ

https://youtu.be/iwTchjZnvno

:b12:
:b32: :b32:


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก :b32:

:b32:
ปัจจุบันขณะของกรัชกายคือตอนอยู่ในท้องแม่หรือ
นับครบอาการ32และตาไม่บอดหูไม่หนวกฟังคำสอนมา
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรือว่าตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าไม่เคยฟังเลย
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับนับแสนโกฏิขณะนับทันสัก1ทางไหมคะ
ถามให้รู้สึกตัว555...ปัจจุบันขณะของคุณ...ตรง1ขณะไหนตอนนี้
กำลังระลึกตรงรูปไหน...หรือจำแต่บัญญัติคำของตถาคตยึดเป็นปัญญาของตัวตน555
ตถาคตบอกไม่มีเราเพราะจิตเกิดและดับที่รูปตรงแค่1ทางอายตนะทีละ1ตัวจริงธัมมะไม่เกิดนอกรูปกายด้วย
:b32: :b32: :b32:

:b12:
บอกว่าให้เข้าใจตรงๆเพราะคำสอนตรงจริงจิตคิดนึกจำได้ตรงเริ่มที่1คำทุกครั้งจำอะไรอยู่

ตอบ...จำแต่เรื่องราวที่อ่าน...จำแต่บัญญัติคำเป็นชื่อเป็นเรื่องราว...ไม่เคยจำความจริงที่กายใจมี

ทุกขณะที่ลืมตาขึ้นหลังกะพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่ทั้งหมดในสังสารวัฏฏ์ที่ดับไม่ย้อนกลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่เคยรู้สึกตัวตรงขณะจริงๆสักทีเพราะไม่เคยคิดตรงตามคำสอนได้ตรงสัจจะสักที
:b12:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2019, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
ทุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์
อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ


ผู้แปลพระไตรปีฎกนั้นบางทีเขาก็แปลทับศัพท์ จะให้ดูที่ยกมานะ เช่น

สติ สัมปชัญญะ

นิวรณ์ ๕

อวิชชา

อินทรีย์

สัปบุรุษ

สัทธรรม

เหล่านี้เป็นต้น ผู้อ่านยังจะต้องทำความเข้าใจอีกต่อหนึ่ง เช่น สติ คืออะไร เช่นไร สัทธรรมคืออะไร เช่น ไร ฯลฯ

ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนที่คุณโรสเดาว่า สัปบุรุษ คือ ตถาคต ซึ่งไม่ตรงกับของเขา เมื่อติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว ที่เหลือนั้นเดาผิดหมด

จะให้ดูอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเขาแปลมาจากอโยนิโสมนสิการ (ทำในใจโดยไม่แยบคาย) ถึงเขาแปลให้ดังนั้นแล้ว ถ้าถามว่า ทำในใจโดยไม่แยบคาย ทำยังไง

ตรงข้าม ทำใจโดยแยบคาย ศัพท์ โยนิโสมนสิการ ถ้าถามว่า ทำยังไง ที่ว่าทำในใจโดยแยบคาย แค่นี้ก็อึ้งไปไม่ถูกแล้ว :b10:

:b12:
แค่สติคำเดียวชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีเกิดที่จิตตัวเองหรือเปล่า
ก๊ากๆๆๆๆ...สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่าระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ
เดี๋ยวนี้จิตดับไปถึงแสนโกฏิขณะเลยนะ
ไหนบอกมาสิตรงสัจจะไหนที่ตัวตน
เพราะจิตไม่เกิดนอกรูปกาย
จิตเกิด6ทางมันเกิดดับสลับกัน
เป็นคนละวิถีจิตไม่ปนกันด้วย
ตรงทีละ1ทางทีละ1ขณะใหม่
ไม่ซ้ำเดิมไม่มีขณะเก่าเลย
เพราะดับคือไม่เหลือซากจิตขณะนั้นๆแล้ว
1เห็นไม่เกิดนอกตา
2ได้ยินไม่เกิดนอกหู
3ได้กลิ่นไม่เกิดนอกจมูก
4ลิ้มรสไม่เกิดนอกลิ้น
5กระทบสัมผัสเกิดที่ผิวกาย
6คิดนึกเกิดภายในหทยวัตถุในหัวใจโน่นน่ะ
เดี๋ยวนี้มีครบทั้ง6ทางตอนเห็นไม่มีคิดปนเลย
ตอบมาสิคะระลึกตามคำสอนตรงสัจจะไหนอยู่
สติเป็นโสภณเจตสิกไม่เกิดตอนมีความรู้สึกชอบใจหรือไม่ชอบใจที่เป็นกิเลสอกุศลค่ะ
เห็นผิดทั้งวันเห็นผู้หญิงสวยๆดอกไม้งามๆรถคันหรูผ้าปูที่นอนปลอกหมอนผ้าปูเตียงผ้าม่านกิเลสหาซื้อมาไง
:b32:
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่า ระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าทับศัพท์เป็นยังไง :b32:

สติ นี่แหละทับศัพท์ แล้วที่่ว่า สติ แปลว่า (ความ) ระลึก (ได้) (นอกจากนั้นมโนทั้งเพทั้งระยอง) นั่นแหละคำแปล สติ :b13:

ถูก ระลึก ตัวเดียว คิกกๆๆ แล้วก็ไม่ใช่ถูกที่เกิดจากความรู้นะ เกิดจากการมั่ว :b13:

ไม่ไหวเสียเวลา

เลอะเทอะ

พระพุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด

cool
กล้าในทางที่ผิดคิดจะเปลี่ยนแปลงคำสอนไปตามใจอยากกันมากนักหรือคะ

คำสอนของพระพุทธเจ้าคืออริยทรัพย์ที่หาค่าประมาณไม่ได้เมื่อได้ฟังเข้าใจแล้ว

จะรับมรดกคือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องฟังเข้าใจ

ถ้าเป็นผู้ไม่ตรงต่อการฟังไม่จริงใจไม่มีสัจจะก็จะไม่ได้สาระอะไรเลย

พระธรรมคำสอนเป็นคำจริงตรงจริงที่ปัจจุบันขณะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

ทุกอย่างเกิดแล้วปรากฏว่ามีแค่ชั่วคราวและก็ดับหายไปภายในจิตไม่กลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดเมื่อคิดไม่ตรงปัจจุบันนั้นอดีตก็ไม่ตรงและอนาคตจะตรงได้อย่างไรคะ

https://youtu.be/iwTchjZnvno

:b12:
:b32: :b32:


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก :b32:

:b32:
ปัจจุบันขณะของกรัชกายคือตอนอยู่ในท้องแม่หรือ
นับครบอาการ32และตาไม่บอดหูไม่หนวกฟังคำสอนมา
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรือว่าตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าไม่เคยฟังเลย
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับนับแสนโกฏิขณะนับทันสัก1ทางไหมคะ
ถามให้รู้สึกตัว555...ปัจจุบันขณะของคุณ...ตรง1ขณะไหนตอนนี้
กำลังระลึกตรงรูปไหน...หรือจำแต่บัญญัติคำของตถาคตยึดเป็นปัญญาของตัวตน555
ตถาคตบอกไม่มีเราเพราะจิตเกิดและดับที่รูปตรงแค่1ทางอายตนะทีละ1ตัวจริงธัมมะไม่เกิดนอกรูปกายด้วย
:b32: :b32: :b32:

:b12:
บอกว่าให้เข้าใจตรงๆเพราะคำสอนตรงจริงจิตคิดนึกจำได้ตรงเริ่มที่1คำทุกครั้งจำอะไรอยู่

ตอบ...จำแต่เรื่องราวที่อ่าน...จำแต่บัญญัติคำเป็นชื่อเป็นเรื่องราว...ไม่เคยจำความจริงที่กายใจมี

ทุกขณะที่ลืมตาขึ้นหลังกะพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่ทั้งหมดในสังสารวัฏฏ์ที่ดับไม่ย้อนกลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่เคยรู้สึกตัวตรงขณะจริงๆสักทีเพราะไม่เคยคิดตรงตามคำสอนได้ตรงสัจจะสักที
:b12:
:b17: :b17:

Kiss
โรสชัดเจนในเจตนาจงใจชัดเจนมากมาบอกเพื่อให้ทุกท่าน
ทำปัญญาตรงความจริงด้วยกายใจท่านเองด้วยการสะสมความเข้าใจ
ความจริงตรงตามคำสอนจากการฟังจริงๆเพื่อปัญญาเจริญขึ้นจริงๆค่ะ
https://youtu.be/bamC4sRNEw0
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2019, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
ทุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์
อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ


ผู้แปลพระไตรปีฎกนั้นบางทีเขาก็แปลทับศัพท์ จะให้ดูที่ยกมานะ เช่น

สติ สัมปชัญญะ

นิวรณ์ ๕

อวิชชา

อินทรีย์

สัปบุรุษ

สัทธรรม

เหล่านี้เป็นต้น ผู้อ่านยังจะต้องทำความเข้าใจอีกต่อหนึ่ง เช่น สติ คืออะไร เช่นไร สัทธรรมคืออะไร เช่น ไร ฯลฯ

ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนที่คุณโรสเดาว่า สัปบุรุษ คือ ตถาคต ซึ่งไม่ตรงกับของเขา เมื่อติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว ที่เหลือนั้นเดาผิดหมด

จะให้ดูอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเขาแปลมาจากอโยนิโสมนสิการ (ทำในใจโดยไม่แยบคาย) ถึงเขาแปลให้ดังนั้นแล้ว ถ้าถามว่า ทำในใจโดยไม่แยบคาย ทำยังไง

ตรงข้าม ทำใจโดยแยบคาย ศัพท์ โยนิโสมนสิการ ถ้าถามว่า ทำยังไง ที่ว่าทำในใจโดยแยบคาย แค่นี้ก็อึ้งไปไม่ถูกแล้ว :b10:

:b12:
แค่สติคำเดียวชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีเกิดที่จิตตัวเองหรือเปล่า
ก๊ากๆๆๆๆ...สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่าระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ
เดี๋ยวนี้จิตดับไปถึงแสนโกฏิขณะเลยนะ
ไหนบอกมาสิตรงสัจจะไหนที่ตัวตน
เพราะจิตไม่เกิดนอกรูปกาย
จิตเกิด6ทางมันเกิดดับสลับกัน
เป็นคนละวิถีจิตไม่ปนกันด้วย
ตรงทีละ1ทางทีละ1ขณะใหม่
ไม่ซ้ำเดิมไม่มีขณะเก่าเลย
เพราะดับคือไม่เหลือซากจิตขณะนั้นๆแล้ว
1เห็นไม่เกิดนอกตา
2ได้ยินไม่เกิดนอกหู
3ได้กลิ่นไม่เกิดนอกจมูก
4ลิ้มรสไม่เกิดนอกลิ้น
5กระทบสัมผัสเกิดที่ผิวกาย
6คิดนึกเกิดภายในหทยวัตถุในหัวใจโน่นน่ะ
เดี๋ยวนี้มีครบทั้ง6ทางตอนเห็นไม่มีคิดปนเลย
ตอบมาสิคะระลึกตามคำสอนตรงสัจจะไหนอยู่
สติเป็นโสภณเจตสิกไม่เกิดตอนมีความรู้สึกชอบใจหรือไม่ชอบใจที่เป็นกิเลสอกุศลค่ะ
เห็นผิดทั้งวันเห็นผู้หญิงสวยๆดอกไม้งามๆรถคันหรูผ้าปูที่นอนปลอกหมอนผ้าปูเตียงผ้าม่านกิเลสหาซื้อมาไง
:b32:
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่า ระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าทับศัพท์เป็นยังไง :b32:

สติ นี่แหละทับศัพท์ แล้วที่่ว่า สติ แปลว่า (ความ) ระลึก (ได้) (นอกจากนั้นมโนทั้งเพทั้งระยอง) นั่นแหละคำแปล สติ :b13:

ถูก ระลึก ตัวเดียว คิกกๆๆ แล้วก็ไม่ใช่ถูกที่เกิดจากความรู้นะ เกิดจากการมั่ว :b13:

ไม่ไหวเสียเวลา

เลอะเทอะ

พระพุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด

cool
กล้าในทางที่ผิดคิดจะเปลี่ยนแปลงคำสอนไปตามใจอยากกันมากนักหรือคะ

คำสอนของพระพุทธเจ้าคืออริยทรัพย์ที่หาค่าประมาณไม่ได้เมื่อได้ฟังเข้าใจแล้ว

จะรับมรดกคือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องฟังเข้าใจ

ถ้าเป็นผู้ไม่ตรงต่อการฟังไม่จริงใจไม่มีสัจจะก็จะไม่ได้สาระอะไรเลย

พระธรรมคำสอนเป็นคำจริงตรงจริงที่ปัจจุบันขณะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

ทุกอย่างเกิดแล้วปรากฏว่ามีแค่ชั่วคราวและก็ดับหายไปภายในจิตไม่กลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดเมื่อคิดไม่ตรงปัจจุบันนั้นอดีตก็ไม่ตรงและอนาคตจะตรงได้อย่างไรคะ

https://youtu.be/iwTchjZnvno

:b12:
:b32: :b32:


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก :b32:

:b32:
ปัจจุบันขณะของกรัชกายคือตอนอยู่ในท้องแม่หรือ
นับครบอาการ32และตาไม่บอดหูไม่หนวกฟังคำสอนมา
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรือว่าตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าไม่เคยฟังเลย
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับนับแสนโกฏิขณะนับทันสัก1ทางไหมคะ
ถามให้รู้สึกตัว555...ปัจจุบันขณะของคุณ...ตรง1ขณะไหนตอนนี้
กำลังระลึกตรงรูปไหน...หรือจำแต่บัญญัติคำของตถาคตยึดเป็นปัญญาของตัวตน555
ตถาคตบอกไม่มีเราเพราะจิตเกิดและดับที่รูปตรงแค่1ทางอายตนะทีละ1ตัวจริงธัมมะไม่เกิดนอกรูปกายด้วย
:b32: :b32: :b32:

:b12:
บอกว่าให้เข้าใจตรงๆเพราะคำสอนตรงจริงจิตคิดนึกจำได้ตรงเริ่มที่1คำทุกครั้งจำอะไรอยู่

ตอบ...จำแต่เรื่องราวที่อ่าน...จำแต่บัญญัติคำเป็นชื่อเป็นเรื่องราว...ไม่เคยจำความจริงที่กายใจมี

ทุกขณะที่ลืมตาขึ้นหลังกะพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่ทั้งหมดในสังสารวัฏฏ์ที่ดับไม่ย้อนกลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่เคยรู้สึกตัวตรงขณะจริงๆสักทีเพราะไม่เคยคิดตรงตามคำสอนได้ตรงสัจจะสักที
:b12:
:b17: :b17:

Kiss
โรสชัดเจนในเจตนาจงใจชัดเจนมากมาบอกเพื่อให้ทุกท่าน
ทำปัญญาตรงความจริงด้วยกายใจท่านเองด้วยการสะสมความเข้าใจ
ความจริงตรงตามคำสอนจากการฟังจริงๆเพื่อปัญญาเจริญขึ้นจริงๆค่ะ
https://youtu.be/bamC4sRNEw0
:b12:
:b4: :b4:



เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2019, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
ทุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์
อวิชชานี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ


ผู้แปลพระไตรปีฎกนั้นบางทีเขาก็แปลทับศัพท์ จะให้ดูที่ยกมานะ เช่น

สติ สัมปชัญญะ

นิวรณ์ ๕

อวิชชา

อินทรีย์

สัปบุรุษ

สัทธรรม

เหล่านี้เป็นต้น ผู้อ่านยังจะต้องทำความเข้าใจอีกต่อหนึ่ง เช่น สติ คืออะไร เช่นไร สัทธรรมคืออะไร เช่น ไร ฯลฯ

ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนที่คุณโรสเดาว่า สัปบุรุษ คือ ตถาคต ซึ่งไม่ตรงกับของเขา เมื่อติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว ที่เหลือนั้นเดาผิดหมด

จะให้ดูอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเขาแปลมาจากอโยนิโสมนสิการ (ทำในใจโดยไม่แยบคาย) ถึงเขาแปลให้ดังนั้นแล้ว ถ้าถามว่า ทำในใจโดยไม่แยบคาย ทำยังไง

ตรงข้าม ทำใจโดยแยบคาย ศัพท์ โยนิโสมนสิการ ถ้าถามว่า ทำยังไง ที่ว่าทำในใจโดยแยบคาย แค่นี้ก็อึ้งไปไม่ถูกแล้ว :b10:

:b12:
แค่สติคำเดียวชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีเกิดที่จิตตัวเองหรือเปล่า
ก๊ากๆๆๆๆ...สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่าระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ
เดี๋ยวนี้จิตดับไปถึงแสนโกฏิขณะเลยนะ
ไหนบอกมาสิตรงสัจจะไหนที่ตัวตน
เพราะจิตไม่เกิดนอกรูปกาย
จิตเกิด6ทางมันเกิดดับสลับกัน
เป็นคนละวิถีจิตไม่ปนกันด้วย
ตรงทีละ1ทางทีละ1ขณะใหม่
ไม่ซ้ำเดิมไม่มีขณะเก่าเลย
เพราะดับคือไม่เหลือซากจิตขณะนั้นๆแล้ว
1เห็นไม่เกิดนอกตา
2ได้ยินไม่เกิดนอกหู
3ได้กลิ่นไม่เกิดนอกจมูก
4ลิ้มรสไม่เกิดนอกลิ้น
5กระทบสัมผัสเกิดที่ผิวกาย
6คิดนึกเกิดภายในหทยวัตถุในหัวใจโน่นน่ะ
เดี๋ยวนี้มีครบทั้ง6ทางตอนเห็นไม่มีคิดปนเลย
ตอบมาสิคะระลึกตามคำสอนตรงสัจจะไหนอยู่
สติเป็นโสภณเจตสิกไม่เกิดตอนมีความรู้สึกชอบใจหรือไม่ชอบใจที่เป็นกิเลสอกุศลค่ะ
เห็นผิดทั้งวันเห็นผู้หญิงสวยๆดอกไม้งามๆรถคันหรูผ้าปูที่นอนปลอกหมอนผ้าปูเตียงผ้าม่านกิเลสหาซื้อมาไง
:b32:
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
สติ เนี่ยนะทับศัพท์...เหอๆๆๆๆๆ
สติ แปลว่า ระลึกตามคำสอนตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าทับศัพท์เป็นยังไง :b32:

สติ นี่แหละทับศัพท์ แล้วที่่ว่า สติ แปลว่า (ความ) ระลึก (ได้) (นอกจากนั้นมโนทั้งเพทั้งระยอง) นั่นแหละคำแปล สติ :b13:

ถูก ระลึก ตัวเดียว คิกกๆๆ แล้วก็ไม่ใช่ถูกที่เกิดจากความรู้นะ เกิดจากการมั่ว :b13:

ไม่ไหวเสียเวลา

เลอะเทอะ

พระพุทธศาสนาในเมืองไทยไปไม่รอด

cool
กล้าในทางที่ผิดคิดจะเปลี่ยนแปลงคำสอนไปตามใจอยากกันมากนักหรือคะ

คำสอนของพระพุทธเจ้าคืออริยทรัพย์ที่หาค่าประมาณไม่ได้เมื่อได้ฟังเข้าใจแล้ว

จะรับมรดกคือคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องฟังเข้าใจ

ถ้าเป็นผู้ไม่ตรงต่อการฟังไม่จริงใจไม่มีสัจจะก็จะไม่ได้สาระอะไรเลย

พระธรรมคำสอนเป็นคำจริงตรงจริงที่ปัจจุบันขณะไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

ทุกอย่างเกิดแล้วปรากฏว่ามีแค่ชั่วคราวและก็ดับหายไปภายในจิตไม่กลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดเมื่อคิดไม่ตรงปัจจุบันนั้นอดีตก็ไม่ตรงและอนาคตจะตรงได้อย่างไรคะ

https://youtu.be/iwTchjZnvno

:b12:
:b32: :b32:


พ่ะน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก :b32:

:b32:
ปัจจุบันขณะของกรัชกายคือตอนอยู่ในท้องแม่หรือ
นับครบอาการ32และตาไม่บอดหูไม่หนวกฟังคำสอนมา
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรือว่าตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าไม่เคยฟังเลย
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับนับแสนโกฏิขณะนับทันสัก1ทางไหมคะ
ถามให้รู้สึกตัว555...ปัจจุบันขณะของคุณ...ตรง1ขณะไหนตอนนี้
กำลังระลึกตรงรูปไหน...หรือจำแต่บัญญัติคำของตถาคตยึดเป็นปัญญาของตัวตน555
ตถาคตบอกไม่มีเราเพราะจิตเกิดและดับที่รูปตรงแค่1ทางอายตนะทีละ1ตัวจริงธัมมะไม่เกิดนอกรูปกายด้วย
:b32: :b32: :b32:

:b12:
บอกว่าให้เข้าใจตรงๆเพราะคำสอนตรงจริงจิตคิดนึกจำได้ตรงเริ่มที่1คำทุกครั้งจำอะไรอยู่

ตอบ...จำแต่เรื่องราวที่อ่าน...จำแต่บัญญัติคำเป็นชื่อเป็นเรื่องราว...ไม่เคยจำความจริงที่กายใจมี

ทุกขณะที่ลืมตาขึ้นหลังกะพริบตาคือจิตทั้ง6ทางขณะใหม่ทั้งหมดในสังสารวัฏฏ์ที่ดับไม่ย้อนกลับมา

เกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่เคยรู้สึกตัวตรงขณะจริงๆสักทีเพราะไม่เคยคิดตรงตามคำสอนได้ตรงสัจจะสักที
:b12:
:b17: :b17:

Kiss
โรสชัดเจนในเจตนาจงใจชัดเจนมากมาบอกเพื่อให้ทุกท่าน
ทำปัญญาตรงความจริงด้วยกายใจท่านเองด้วยการสะสมความเข้าใจ
ความจริงตรงตามคำสอนจากการฟังจริงๆเพื่อปัญญาเจริญขึ้นจริงๆค่ะ
https://youtu.be/bamC4sRNEw0
:b12:
:b4: :b4:



เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้ :b1:

:b12:
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2019, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:

:b12:
บอกยังไงก็รู้ไม่ได้เพราะเป็นผู้ไม่ตรงต่อสัจจะ
ความจริงจิตคิดนึกคิดตรงได้ทีละ1คำตามลำดับ
98372ลองอ่านตัวเลขตามลำดับสิเรียงลำดับยังไง
คำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดปัญญาได้ตามลำดับ123
ไม่มีทางที่3จะมาอยู่ก่อน1เข้าใจไหมจะทำอะไรก็ไม่รู้ไง
เพราะเอากิเลสตัวเองนำทางไปท่องจำคำสอนเอาไว้ทำไม
ก็ปัญญาตัวเองไม่เพิ่มขึ้นเพราะไม่คิดไตร่ตรองตามคำสอน
อาศัยฟังเสียงจากคนอื่นกล่าวให้เข้าใจตรงคำไม่มีเสียงวางรออยู่
การคิดตามเสียงต้องคิดตามละเอียดทุกคำตรงความหมายของเสียง
ทุกคำทีละคำทีละ1ทางเพราะทุกทางไม่เกิดพร้อมกันมันคิดตามตรงได้ทีละ1ทาง
https://youtu.be/l-pjhSVBxr0
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:

ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณ
ยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ

จิตเห็นเกิดทางตาตอนลืมตาตื่นมีสภาพรู้อารมณ์ตามคำสอนตรงที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏเฉพาะทางตาเท่านั้น
จิตเห็น=จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุปสาทะรูป+แสงสีกระทบที่ตาดำดับมืด
มีจิตอีก5ทางที่ไม่มีแสงเกิดร่วมสลับกันทีละ1ทางทีละ1ขณะไม่ซ้ำขณะเดิม
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็เดี๋ยวนี้ตรงตามคำสอนคือเห็นสีแล้วมืดเหมือหนังจอดับ
:b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ


จิตเห็นเกิดทางตาตอนลืมตาตื่นมีสภาพรู้อารมณ์ตามคำสอนตรงที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏเฉพาะทางตาเท่านั้น
จิตเห็น=จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุปสาทะรูป+แสงสีกระทบที่ตาดำดับมืด
มีจิตอีก5ทางที่ไม่มีแสงเกิดร่วมสลับกันทีละ1ทางทีละ1ขณะไม่ซ้ำขณะเดิม
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็เดี๋ยวนี้ตรงตามคำสอนคือเห็นสีแล้วมืดเหมือหนังจอดับ
:b11: :b11:


ไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสืออะไร :b5: ไหนถ่ายรูปหนังสือเล่มนั้นให้ดูหน่อยสิ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ


จิตเห็นเกิดทางตาตอนลืมตาตื่นมีสภาพรู้อารมณ์ตามคำสอนตรงที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏเฉพาะทางตาเท่านั้น
จิตเห็น=จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุปสาทะรูป+แสงสีกระทบที่ตาดำดับมืด
มีจิตอีก5ทางที่ไม่มีแสงเกิดร่วมสลับกันทีละ1ทางทีละ1ขณะไม่ซ้ำขณะเดิม
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็เดี๋ยวนี้ตรงตามคำสอนคือเห็นสีแล้วมืดเหมือหนังจอดับ
:b11: :b11:


ไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสืออะไร :b5: ไหนถ่ายรูปหนังสือเล่มนั้นให้ดูหน่อยสิ :b10:

:b32:
หัดคิดให้มันตรงคำสิ
กิน ข้าว หรือ ยัง ตรงคำเข้าใจใช่ไหม
ทีนี้คำจริงของตถาคตมีตรงปัจจุบันขณะ
จิตแต่ละ1ทางรู้จักคิดให้ตรงทีละ1ทางไม่ใช่คิดรวมๆแบบที่เป็นอยู่
ก็เห็นอย่างเดียวมีแค่สีกระทบตาดำดับในตาดำมันมืดแล้วจากนั้นมีจิตคิดนึกเกิดคนละทางกัน
เห็นกับคิดเกิดคนละวิถีไม่เกิดตรงกันไม่เกิดพร้อมกันรูปที่ปรากฏพร้อมแสงสีรูปเดียวที่เกิดจากมองดู
ทางอื่นๆจะกี่รูปก็ตามไม่มีแสงสว่างเกิดร่วมด้วยคิดก็ไม่มีแสงปนจะรู้ไหมถ้าไม่คิดทีละคำเพราะมืดมากเลย
จิต เห็น สีแสงสะท้อนเข้าตาดำดับหมดถึงจะเกิดจิตคิดนึกที่หทยวัตถุในใจลึกสุดมองเห็นไม่ได้มันไม่มีแสงค่ะ
จิต ดม กลิ่น ก็ไม่เกิดพร้อมจิตคิดนึกไม่เกิดพร้อมเห็นไม่เกิดพร้อมได้ยินทั้ง6ทางไม่เกิดปนกันคิดให้มันตรง
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ


จิตเห็นเกิดทางตาตอนลืมตาตื่นมีสภาพรู้อารมณ์ตามคำสอนตรงที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏเฉพาะทางตาเท่านั้น
จิตเห็น=จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุปสาทะรูป+แสงสีกระทบที่ตาดำดับมืด
มีจิตอีก5ทางที่ไม่มีแสงเกิดร่วมสลับกันทีละ1ทางทีละ1ขณะไม่ซ้ำขณะเดิม
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็เดี๋ยวนี้ตรงตามคำสอนคือเห็นสีแล้วมืดเหมือหนังจอดับ
:b11: :b11:


ไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสืออะไร :b5: ไหนถ่ายรูปหนังสือเล่มนั้นให้ดูหน่อยสิ :b10:

:b32:
หัดคิดให้มันตรงคำสิ
กิน ข้าว หรือ ยัง ตรงคำเข้าใจใช่ไหม
ทีนี้คำจริงของตถาคตมีตรงปัจจุบันขณะ
จิตแต่ละ1ทางรู้จักคิดให้ตรงทีละ1ทางไม่ใช่คิดรวมๆแบบที่เป็นอยู่
ก็เห็นอย่างเดียวมีแค่สีกระทบตาดำดับในตาดำมันมืดแล้วจากนั้นมีจิตคิดนึกเกิดคนละทางกัน
เห็นกับคิดเกิดคนละวิถีไม่เกิดตรงกันไม่เกิดพร้อมกันรูปที่ปรากฏพร้อมแสงสีรูปเดียวที่เกิดจากมองดู
ทางอื่นๆจะกี่รูปก็ตามไม่มีแสงสว่างเกิดร่วมด้วยคิดก็ไม่มีแสงปนจะรู้ไหมถ้าไม่คิดทีละคำเพราะมืดมากเลย
จิต เห็น สีแสงสะท้อนเข้าตาดำดับหมดถึงจะเกิดจิตคิดนึกที่หทยวัตถุในใจลึกสุดมองเห็นไม่ได้มันไม่มีแสงค่ะ
จิต ดม กลิ่น ก็ไม่เกิดพร้อมจิตคิดนึกไม่เกิดพร้อมเห็นไม่เกิดพร้อมได้ยินทั้ง6ทางไม่เกิดปนกันคิดให้มันตรง
:b12:
:b12: :b12:



ถามว่าไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสือเล่มใด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ


จิตเห็นเกิดทางตาตอนลืมตาตื่นมีสภาพรู้อารมณ์ตามคำสอนตรงที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏเฉพาะทางตาเท่านั้น
จิตเห็น=จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุปสาทะรูป+แสงสีกระทบที่ตาดำดับมืด
มีจิตอีก5ทางที่ไม่มีแสงเกิดร่วมสลับกันทีละ1ทางทีละ1ขณะไม่ซ้ำขณะเดิม
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็เดี๋ยวนี้ตรงตามคำสอนคือเห็นสีแล้วมืดเหมือหนังจอดับ
:b11: :b11:


ไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสืออะไร :b5: ไหนถ่ายรูปหนังสือเล่มนั้นให้ดูหน่อยสิ :b10:

:b32:
หัดคิดให้มันตรงคำสิ
กิน ข้าว หรือ ยัง ตรงคำเข้าใจใช่ไหม
ทีนี้คำจริงของตถาคตมีตรงปัจจุบันขณะ
จิตแต่ละ1ทางรู้จักคิดให้ตรงทีละ1ทางไม่ใช่คิดรวมๆแบบที่เป็นอยู่
ก็เห็นอย่างเดียวมีแค่สีกระทบตาดำดับในตาดำมันมืดแล้วจากนั้นมีจิตคิดนึกเกิดคนละทางกัน
เห็นกับคิดเกิดคนละวิถีไม่เกิดตรงกันไม่เกิดพร้อมกันรูปที่ปรากฏพร้อมแสงสีรูปเดียวที่เกิดจากมองดู
ทางอื่นๆจะกี่รูปก็ตามไม่มีแสงสว่างเกิดร่วมด้วยคิดก็ไม่มีแสงปนจะรู้ไหมถ้าไม่คิดทีละคำเพราะมืดมากเลย
จิต เห็น สีแสงสะท้อนเข้าตาดำดับหมดถึงจะเกิดจิตคิดนึกที่หทยวัตถุในใจลึกสุดมองเห็นไม่ได้มันไม่มีแสงค่ะ
จิต ดม กลิ่น ก็ไม่เกิดพร้อมจิตคิดนึกไม่เกิดพร้อมเห็นไม่เกิดพร้อมได้ยินทั้ง6ทางไม่เกิดปนกันคิดให้มันตรง
:b12:
:b12: :b12:



ถามว่าไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสือเล่มใด

:b12:
ความจริงของสุตมยปัญญาทำตรงทางไหมล่ะ
ถ้าทำไม่ตรงทางไม่มีทางรู้หรอกว่ามาจากตำราไหน
พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ
ตรงสัจจะที่กายใจทุกคนกำลังมีตำราของจริงมีที่กายที่มีจิตครองร่าง
ตอนยังมีชีวิตและต้องตาดีหูดีและต้องกำลังฟังเพื่อคิดถูกตามคำสอนตรงที่กายตัวเองกำลังมีอยู่ด้วยนะ
:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2019, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทอนเอาแค่นี้ :b1: แลดูสะอาดตาไม่รกรุงรัง

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เจตนาอาจดี คือ ตั้งใจดี แต่เจตนาที่ดีที่ถูกนั้น ต้องประกอบด้วยความรู้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หากไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว ก็เท่ากับว่าเจตนานั้นประกอบด้วยความไม่รู้คืออวิชชา - ยกตัวอย่างให้เทียบเคียง เช่น เราปรารถนาดีต่อบุคคลอื่นซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ อยากช่วยให้เขาหายจากอาการเจ็บไข้นั้น ตนมียาอยู่ขวดหนึ่ง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้ว่ายานั้นชื่อยาอะไรทั้งไม่รู้สรรพคุณของยา แต่ปรารถนาดีเจตนาดีดังกล่าวนั้นแหละ จึงเอาไปคนไข้กิน ครั้นคนไข้นั้นกินเข้าไปสักครู่หนึ่ง มีอาการตัวเกร็งชักตาตั้งเลย :b13: เพื่อนบ้านรีบวิ่งมาดู อ่านสลากยา เฮ้ย นี่มันยาเบื่อหนูนี่ กินเข้าไปได้ยังไง จึงรีบพาคนไข้ไปโรงบาลล้างท้อง รอดตายมาได้ นี่คือเจตนาดีแต่ขาดความรู้


อ้างคำพูด:
Rosarin
ตาไม่บอดหูไม่หนวกถึงจะคิดตามคำสอนได้
มองไม่ชัดหรือคะจิตเห็นสีดับในตาดำหมดเกลี้ยงเลย
แล้วที่มีอะไรๆให้เห็นนอกตาน่ะคืออะไรคะคุณกรัชกาย
ยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าคิดเห็นผิดมองไปนอกตานั่นน่ะ


ธรรมชาติสร้างหูสร้างตาเป็นต้นมาแล้ว แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้น จะมีตา มีหูทำไม จริงไม่จริง

ที่เห็นนอกตา คือ รูป ตา+รูป+จักขุวิญญาณ :b32: นี่พูดภาษาอภิธรรม

ถ้าพูดภาษาพระสูตร ก็เห็นคนเห็นนั่นนี่โฮเยอะแยะแล้วแต่เขาจะเรียกกัน :b12:


ดูตัวเองสิคุณกรัชกาย
แม้แต่ภาษาอภิธรรมของคุณยังเขียนไม่ตรงเลยค่ะ
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด
เพราะจิตเห็นดับตอนกระทบ
ที่จักขุปสาทรูปในประสาทตามืดทันทีคิดทั้งนั้นคิดผิดด้วย


มีสองประเด็น

ประเด็นแรก ที่ว่าเขียนไม่ถูก อ้าวที่ถูกเป็นอย่างไร ว่าไป

ประเด็นที่สอง

อ้างคำพูด:
ที่เห็นนอกตามีแต่ความมืด


พ่ะนะ คุณโรสก็ดูตอนกลางวันสิ ถ้าจะดูตอนกลางคืนก็ใช้ไฟฉายเป็นต้นส่องดู เดี๋ยวนี้มือถือ เขาก็มีไฟฉายแล้วนะ คิกๆๆๆ


จิตเห็นเกิดทางตาตอนลืมตาตื่นมีสภาพรู้อารมณ์ตามคำสอนตรงที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏเฉพาะทางตาเท่านั้น
จิตเห็น=จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุปสาทะรูป+แสงสีกระทบที่ตาดำดับมืด
มีจิตอีก5ทางที่ไม่มีแสงเกิดร่วมสลับกันทีละ1ทางทีละ1ขณะไม่ซ้ำขณะเดิม
จะไปรู้ความจริงตอนไหนก็เดี๋ยวนี้ตรงตามคำสอนคือเห็นสีแล้วมืดเหมือหนังจอดับ
:b11: :b11:


ไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสืออะไร :b5: ไหนถ่ายรูปหนังสือเล่มนั้นให้ดูหน่อยสิ :b10:

:b32:
หัดคิดให้มันตรงคำสิ
กิน ข้าว หรือ ยัง ตรงคำเข้าใจใช่ไหม
ทีนี้คำจริงของตถาคตมีตรงปัจจุบันขณะ
จิตแต่ละ1ทางรู้จักคิดให้ตรงทีละ1ทางไม่ใช่คิดรวมๆแบบที่เป็นอยู่
ก็เห็นอย่างเดียวมีแค่สีกระทบตาดำดับในตาดำมันมืดแล้วจากนั้นมีจิตคิดนึกเกิดคนละทางกัน
เห็นกับคิดเกิดคนละวิถีไม่เกิดตรงกันไม่เกิดพร้อมกันรูปที่ปรากฏพร้อมแสงสีรูปเดียวที่เกิดจากมองดู
ทางอื่นๆจะกี่รูปก็ตามไม่มีแสงสว่างเกิดร่วมด้วยคิดก็ไม่มีแสงปนจะรู้ไหมถ้าไม่คิดทีละคำเพราะมืดมากเลย
จิต เห็น สีแสงสะท้อนเข้าตาดำดับหมดถึงจะเกิดจิตคิดนึกที่หทยวัตถุในใจลึกสุดมองเห็นไม่ได้มันไม่มีแสงค่ะ
จิต ดม กลิ่น ก็ไม่เกิดพร้อมจิตคิดนึกไม่เกิดพร้อมเห็นไม่เกิดพร้อมได้ยินทั้ง6ทางไม่เกิดปนกันคิดให้มันตรง
:b12:
:b12: :b12:



ถามว่าไปเรียนมาจากสำนักไหน จากหนังสือเล่มใด

:b12:
ความจริงของสุตมยปัญญาทำตรงทางไหมล่ะ
ถ้าทำไม่ตรงทางไม่มีทางรู้หรอกว่ามาจากตำราไหน
พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ
ตรงสัจจะที่กายใจทุกคนกำลังมีตำราของจริงมีที่กายที่มีจิตครองร่าง
ตอนยังมีชีวิตและต้องตาดีหูดีและต้องกำลังฟังเพื่อคิดถูกตามคำสอนตรงที่กายตัวเองกำลังมีอยู่ด้วยนะ
:b55: :b55: :b55:

ศึกษาความจริงตรงตามคำสอนจากกายตัวเอง
ด้วยการคิดตามคำจริงตรงคำวาจาสัจจะ
เพื่อเข้าใจถูกตรงตามคำสอนได้
ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาเดาเอาเอง
โดยไม่พึ่งคำของตถาคต
ตรงทางเกิดปัญญาตามลำดับตรงๆ
ครบทั้ง6ทางแต่คิดตามได้ตรงทีละ1ทาง
ตามปกติเป็นปกติก่อนตายจากอัตภาพนี้
คำสอนคืออริยทรัพย์ต้องสะสมตามปัญญาตนเอง
เพราะรู้แล้วว่าได้เกิดเป็นคนไม่ได้เป็นกิ้งก่าหรือไก่ได้ทองได้พลอย
https://youtu.be/6jXN2T4zLUc
:b12:
:b16: :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร