วันเวลาปัจจุบัน 12 ต.ค. 2025, 05:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 11 ม.ค. 2018, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:


อ้างคำพูด:
คำกล่าวที่ว่า ให้สัญญา และสังขารหยุดนิ่ง ปัญญาจะเกิด จึงไม่มีจริงครับ


:b48: ญาณรู้ :b48:

:b48: เมื่อจิตปราศจาก สัญญาและสังขาร รวมถึง ปราศจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน

และจิตหยุดนิ่งได้สักพัก จะมีข้อธรรมผุดขึ้นที่จิตตรงกลางใจของเรา...ข้อธรรมที่ผุดขึ้นหรือสิ่งที่ผุดขึ้น

นี้ เรียกว่า ญาณรู้ และญาณรุ้ เป็น ปัญญาประเภทหนึ่ง ที่สามารถจัดเข้า

ไปในหมวด จินตมยปัญญาได้คะ :b53:


ญาณรู้ จัดเป็นขันธ์ใดใหนขันธ์ 5 ครับ


:b32: :b32: เดี๋ยวก๊อป คำตอบมาให้ดูนะคะ :b12: :b53: :b53:

เช่นนั้น เขียน:
สัญญากับปัญญา จกขกท. แยกขาดจากกันไม่ได้หรอกครับ
ไม่ว่า จขกท. จะได้ปัญญาใดก็ตาม สัญญาก็ประกอบด้วยเสมอ

ปัญญา เป็นสังขารขันธ์
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์


คุณเช่นนั้น เป็นคนตลก นะคะนี่ :b12: :b12: :b53:


ญาณรู้ เป็นขันธ์ไหนครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 11 ม.ค. 2018, 19:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:


อ้างคำพูด:
คำกล่าวที่ว่า ให้สัญญา และสังขารหยุดนิ่ง ปัญญาจะเกิด จึงไม่มีจริงครับ


:b48: ญาณรู้ :b48:

:b48: เมื่อจิตปราศจาก สัญญาและสังขาร รวมถึง ปราศจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน

และจิตหยุดนิ่งได้สักพัก จะมีข้อธรรมผุดขึ้นที่จิตตรงกลางใจของเรา...ข้อธรรมที่ผุดขึ้นหรือสิ่งที่ผุดขึ้น

นี้ เรียกว่า ญาณรู้ และญาณรุ้ เป็น ปัญญาประเภทหนึ่ง ที่สามารถจัดเข้า

ไปในหมวด จินตมยปัญญาได้คะ :b53:


ญาณรู้ จัดเป็นขันธ์ใดใหนขันธ์ 5 ครับ


:b32: :b32: เดี๋ยวก๊อป คำตอบมาให้ดูนะคะ :b12: :b53: :b53:

เช่นนั้น เขียน:
สัญญากับปัญญา จกขกท. แยกขาดจากกันไม่ได้หรอกครับ
ไม่ว่า จขกท. จะได้ปัญญาใดก็ตาม สัญญาก็ประกอบด้วยเสมอ

ปัญญา เป็นสังขารขันธ์
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์


คุณเช่นนั้น เป็นคนตลก นะคะนี่ :b12: :b12: :b53:


ญาณรู้ เป็นขันธ์ไหนครับ


:b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 11 ม.ค. 2018, 22:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คุณสายน้ำเมย....ปฏิบัติภาวนาอย่างไรครับ?


ใช้ อานาปาน เป็นหลักคะ คุณกบนอกกะลา :b53:


ในแบบอาปานบรรพ..ใช่มั้ยครับ?


เราใช้อานาปาน เป็นพื้นฐานในการเดิน กายานุสติปัฎฐาน

เวทนานุสสติปัฎฐาน จิตตานุสสติปัฎฐาน และธรรมมานุสสติปัฎฐาน

หรือที่เขาเทียบเข้าไปใน อานาปาน 16 น่าจะได้นะคะ


ใน16 ขั้น...คุณสายน้ำเมยชอบทำขั้นไหนครับ?...



:b48: ถามเรื่องความชอบ...พิจารณาดูจริงดูจังแล้วคะ

ไม่มีขั้นไหน ชอบ เป็นพิเศษ..เพียงแต่ทำได้ เท่านั้นคะ :b53:


เคยถามคนที่เขาว่า...ทำได้...แต่เขาไม่ตอบ..

เลยอยากจะขอความรู้หน่อย...แต่ก็เกรงใจ...มีเพื่อนมาถามคุณสายน้ำเมยเยอะแล้ว...ไม่ตอบก็ได้นะครับ...

ในขั้น...กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า...กำหนดรู้กองลมทั้งปวง..หายใจออก...คุณสายน้ำกำหนดยังงัยครับ?....แล้วอาการรู้แบบไหนจึงจะว่ารู้กองลมทั้งปวง..แล้ว..นี้นะ.ครับ


โพสต์ เมื่อ: 12 ม.ค. 2018, 10:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:

:b48: ถามเรื่องความชอบ...พิจารณาดูจริงดูจังแล้วคะ

ไม่มีขั้นไหน ชอบ เป็นพิเศษ..เพียงแต่ทำได้ เท่านั้นคะ :b53:


ใน ๑๖ ขั้นมีอะไรบ้างครับ แล้วพิจะสรุปลงในสติปัฏฐาน ๔ ได้ไหมครับ



เอา เท่าที่พิจารณาได้วันนี้นะคะ :b53:


:b48: สติปัฏฐานสี่ เป็นกรรมฐาน ฝึกสติ ฝึกการรู้ระลึก ให้ระลึกได้

อานาปาน16 เป็ฯกรรมฐาน ฝึกสัมปชัญญะ ฝึกการรู้สึกตัว (จากคำว่า..สำเหนียก..) :b53:


:b48: สติปัฎฐานสี่ เป็นกรรมฐานเหตุ

อานาปาน16 เป็นกรรมฐานผล :b53:


:b48: สติปัฎฐานไม่แน่น จะไม่สามารถไปถึงอานาปาน16ได้ :b53:


:b48: สติปัฎฐาน ทำได้แค่ไหน...ก็ไปอานาปาน16 ได้แค่นั้น เท่าที่เทียบได้

ไม่สามารถรู้ได้มากกว่านั้นได้เลย :b53:


:b48: สติปัฎฐานเป็นฐานที่มั่นคง จะทำให้อานาปาน16 ไม่คลอนแคลน :b53:


:b48: สติปัฎฐานเป็นฐาน อานาปาน16 เป็นยอด :b53:


:b48: ทั้งสติปัฎฐานและอานาปาน16 มุ่งเข้าหา...ทุกข์และสมุทัย เป็นเป็นเป้าหมาย :b53:

:b48: การใช้เครื่องมือ คือสติปัฎฐานและอานาปาน16 เป็นมรรค :b53:

:b48: ผลของการใช้เครื่องมือคือ สติปัฎฐานและอานาปาน16...เป็น นิโรธ :b53:


:b48: ทั้งสติปัฎฐานและอานาปาน16 จะเกี่ยวเข้ากับ อริยสัจจ์4 ทุกขณะ ถึงจะเดินตรงทาง

ถ้าขณะทำสติปัฎฐานสี่และอานาปาน16 หลุดออกจาก ทุกข์ สมุทัย มรรค และนิโรธ

ถือว่า หลุดออกจากเส้นทางอริยมรรค ที่จะนำไปสู่ อริยผล :b53:


โพสต์ เมื่อ: 12 ม.ค. 2018, 13:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สายน้ำเมย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คุณสายน้ำเมย....ปฏิบัติภาวนาอย่างไรครับ?


ใช้ อานาปาน เป็นหลักคะ คุณกบนอกกะลา :b53:


ในแบบอาปานบรรพ..ใช่มั้ยครับ?


เราใช้อานาปาน เป็นพื้นฐานในการเดิน กายานุสติปัฎฐาน

เวทนานุสสติปัฎฐาน จิตตานุสสติปัฎฐาน และธรรมมานุสสติปัฎฐาน

หรือที่เขาเทียบเข้าไปใน อานาปาน 16 น่าจะได้นะคะ


ใน16 ขั้น...คุณสายน้ำเมยชอบทำขั้นไหนครับ?...



:b48: ถามเรื่องความชอบ...พิจารณาดูจริงดูจังแล้วคะ

ไม่มีขั้นไหน ชอบ เป็นพิเศษ..เพียงแต่ทำได้ เท่านั้นคะ :b53:


เคยถามคนที่เขาว่า...ทำได้...แต่เขาไม่ตอบ..

เลยอยากจะขอความรู้หน่อย...แต่ก็เกรงใจ...มีเพื่อนมาถามคุณสายน้ำเมยเยอะแล้ว...ไม่ตอบก็ได้นะครับ...

ในขั้น...กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า...กำหนดรู้กองลมทั้งปวง..หายใจออก...คุณสายน้ำกำหนดยังงัยครับ?....แล้วอาการรู้แบบไหนจึงจะว่ารู้กองลมทั้งปวง..แล้ว..นี้นะ.ครับ




ตอบตามความเห็นของเรานะคะ :b53:



:b48: โดยธรรมชาติแล้ว ลมหายใจเป็นของละเอียด ในการที่จะรู้ลมได้เลย

มันเป็นไปได้ยาก จึงต้องมีการฝึกกำหนดลมขึ้นมา... :b53:


:b48: การกำหนดรู้ในกองลม มันก็คือการกำหนดรู้ลมหายใจเข้า

กำหนดรู้ลมหายใจออกของเรา... :b53:


:b48: การกำหนดรู้ในกองลมทั้งปวง คือ ขณะลมหายใจเข้า

มันจะต้องรู้ได้ว่า ผ่านอะไร กระทบอะไร ถึงตรงไหน หยุดตรงไหน...

รู้ลมได้ทุกขณะที่เขาหายใจเข้าไป...เวลาหายใจออก ก็ไม่ต่างกัน

รู้ตัวว่า ตอนนี้ลมหายใจออกแล้วเคลื่อนไปแล้ว

ผ่านตรงไหนบ้าง ถึงตรงไหนบ้าง ไปสุดที่ตรงไหนบ้าง รู้ทุกขณะที่หายใจออก :b53:


โพสต์ เมื่อ: 12 ม.ค. 2018, 16:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8601


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุธรรมครับ คุณ สายน้ำเมย

:b43: เพื่อให้กระทู้เดินต่อไปได้ไม่ขาด
ขอถามว่า สติปัฏฐาน กับสติสัมปชัญญ แตกต่างกันยังไงครับ
เห็นมีการอ้างถึงสติปัฏฐานอยู่ด้วยเลยให้ช่วยขยายความให้หน่อย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 13 ม.ค. 2018, 08:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
สาธุธรรมครับ คุณ สายน้ำเมย

:b43: เพื่อให้กระทู้เดินต่อไปได้ไม่ขาด
ขอถามว่า สติปัฏฐาน กับสติสัมปชัญญ แตกต่างกันยังไงครับ
เห็นมีการอ้างถึงสติปัฏฐานอยู่ด้วยเลยให้ช่วยขยายความให้หน่อย


:b48: จริงๆ เรื่องนี้มองได้หลายมุมมองมากสำหรับเรา แต่วันนี้เราเสนอในมุมมองนี้คะ :b53:


:b48: สติปัฏฐาน กับสติสัมปชัญญะ...เป็นสิ่งเดียวกัน เพียงแต่คนหรือปุถุชนไม่มีสิ่งนี้อยู่ในจิต

จึงต้องเพียรฝึกสิ่งนี้ขึ้นมา :b53:


:b48: เมื่อใดปุถุชนเข้าถึง โสดาผล สติปัฎฐาน สติสัมปชัญญะ

จะซึมเข้าไปกลมกลืนอยู่ส่วนหนึ่ง :b53:


:b48: เมื่อได้ผลถึง กสิทาคามีผล จะซึมซับเข้าไปในตัวได้อีกส่วนหนึ่ง :b53:


:b48: เมื่อได้ อนาคามีผล สติปัฎฐาน สติสัมปชัญญะ จะซึมเข้าไปในตัวมากขึ้นอีกส่วนหนึ่ง :b53:


:b48: เมื่อใดได้อรหันต์ผล สติปัฎฐานและสติามปชัญญะ จะกลมกลืนเป็นสิ่งเดียวกัน :b53:


:b48: จะเห็นได้ว่า คนหรือปุถุชน แยกสิ่งสองสิ่งออกจากกัน

แยกด้วยสมมติ แยกด้วยปรมัติ

เพื่อให้ตนสามารถศึกษาและเข้าใจมันได้ :b53:


โพสต์ เมื่อ: 13 ม.ค. 2018, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สติปัฏฐาน กับสติ สัมปชัญญะ
เป็นคนละตัว คนละสภาวะกัน




โสดาบัน สกิทาคา อนาคามี เป็นเรื่องของภพชาติของการเกิด
อรหันต์ ผู้หมดเชื้อของการเกิด

เหตุปัจจัยหลัก ได้แก่ นิพพิทา
กล่าวคือ จิตหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับ จากการรักชีวิต ไม่ยื่นไปรับความรักชีวิต

ไม่ใช่สติ สัมปชัญญะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 13 ม.ค. 2018, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8601


 ข้อมูลส่วนตัว


ในความเห็นของผมนะครับ

สติปัฏฐาน คือสติตั้งมั่นในการพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม ซึ่ง
หมายความว่า ให้สติพินิจในธนรมเหล่านั้นิเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นรูปนาม
โดยความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

สติสัมปชัญญะ ก็หมายถึงพินิจในประโยชน์ ให้พินิจในการควรเป็นต้น
เมื่อพินิจเห็นว่ามีประโยชน์จึงควรทำ จึงทำ ซึ่งหมายให้พินิจเพื่อเกิดปัญญาเช่นเดียวกัน
ดังนั้นการเจริญสติปัฏฐานจึงกระทำไปด้วยความมีสติสัมปชัญญะ คือ
ให้พินิจพิจารณาด้วยปัญญาเพื่อให้เกิดปัญญาภิญโญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 13 ม.ค. 2018, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สายน้ำเมย เขียน:
แนบไฟล์:
8..19พูดเกินสภาวะ1ภาพเล็ก.jpg


:b48: สำหรับนักปฏิบัติ การพูดธรรม

ควรพูดออกจากใจของตน

พูดเท่าสภาวธรรมที่ตนมี

ไม่พุดเกินสภาวะที่ตนได้ตนถึง

เพราะการพูดเกินสภาวะตน

มันเป็นการพูดในส่วนของสัญญา

ที่เราจดจำมา โดยที่เราไม่รู้ตัว :b53: :b53:


:b48: นักปฏิบัติที่เดินไปเพื่อละ

ถ้าผู้ที่พูดเกินสภาวะจริงที่ตนเป็นอยู่เสมอๆ

ส่วนใหญ่นั้นจะไม่ก้าวหน้าทางปรมัติธรรม

เพราะไม่ได้พูดจากปัญญาที่แจ้งตามความเป็นจริงของตน

ยิ่งเมื่อพูดตามสัญญาที่ตนจำ ตนท่อง ตนอ่านมา

มันยิ่งจะตอกย้ำสัญญาเข้าไปในจิต

ยิ่งทำให้การแจ้งในปัญญาเกิดขึ้นได้ยาก

เพราะสัญญาจะไปปิดกั้นปัญญาที่แท้จริงของตน

สังเกตหรือจับผิดตนเองได้ง่ายๆ

สัญญาใดที่ออกจากส่วนของสมองของเรา

มันจะเป็นสัญญาที่พูดเกินสภาวธรรมของตนเอง

แต่ถ้าออกจากตรงกลางลำตัว

มันจะออกจากใจของเราล้วนๆ

มันจะเป็นสภาวะที่ตรงกับตัวเราในปัจจุบัน :b53: :b53:


:b48: การที่เราเพียรภาวนาให้จิตนิ่ง

ก็เพื่อให้สัญญาและสังขารได้หยุดทำงาน

เมื่อสัญญาและสังขารหยุดนิ่งได้นานพอ

ปัญญาก็เกิดขึ้นได้..

สามารถพิจารณาตามความเป็นจริง

ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

เมื่อใดสัญญายังทำงานตลอดเวลา

เมื่อนั้นปัญญาเกิดขึ้นไม่ได้เลย

การพูดเท่าสภาวธรรมที่ตนมี

จึงเป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญ :b53: :b53:





เจ้าของกระทู้ อาจจะยังไม่รู้สึกตัว ว่าเป็นคนที่ชอบประมาณในบุคคล
จะกี่กระทู้ ก็ออกแนวนี้ทั้งนั้นเลย

การสนทนาน่ะ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร
อยากพูดสิ่งใด โพสไปตามนั้น ที่คิดว่ารู้หรือเห็น
ส่วนใครที่รู้เห็นไม่ตรงกัน หรือตรงกัน เดี๋ยวก็มาร่วมสนทนาเอง



อย่าไปเอาเลยประเภทที่มีแต่การกระทำกรรมใหม่ให้มีเกิดขึ้นในใจตน
แค่บอกให้ฟัง ที่เหลือแล้วแต่ตัวเจ้าของกระทู้เอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 16 ม.ค. 2018, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมอายุ 19 ปีชอบนั่งสมาธิ นั่งสมาธิมาตลอด วันนี้แปลกมาก! พิจารณาอาการ 32 นั่งไปประมานสิบนาทีเหมือนมีผ้าอะไรมาคลุม ทุกอย่างมืดสนิท ตัวเราเหมือนหลอมเข้าหากันที่ตรงระหว่างคิ้วแล้วตกลงวูบ! ลมหายใจถูกปิด กลั้นหายใจไม่ได้เลย ไม่หายใจพักนึง ไม่หายใจโดยที่ไม่ได้กลั้นหายใจเอง ยอมรับว่าตกใจและกลัวมาก ฮึ่ย!คือไรอ่ะ สมาธิทำให้คนไม่หายใจได้ด้วยหรอ... เอาจิงๆอารมณ์นั้นกลัวตาย555

https://pantip.com/topic/37283618


วางไว้ก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ม.ค. 2018, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมายเดียวกัน ใช้คำไหนก็ได้

สภาพ, สภาวะ, สภาวธรรม < = => ความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเอง, ธรรมดา, หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย

.........

ใครเคยสัมผัสความรุ้สึกแบบนี้บ้าง

เนื่องจากเราปฎิบัติธรรมแบบไม่มีครูอาจารย์คอยสอบอารมณ์ จึงกลัวเพี้ยนจากการฝึกมาก...พักหลังๆ ตอนเดินจงกรม มักจะมีความรุ้สึกขึ้นมาเสมอว่า กายนี้ไม่ใช่ของเรา ถ้าไม่มีจิตมันจะเปนแค่ก้อนเนื้อนิ่งๆ รวมทั้งคนอื่นด้วย ...และบางทีก้อสัมผัสไปว่า ทุกอย่างในชีวิตคือทุกข์ ชีวิตคือทุกข์ ......คือมันรุ้สึกจากใจจิงๆ ไม่ใช่จากการอ่านแล้วรุ้สึก

สรุปแบบนี้กิเลสกินหรือป่าวคะ แต่เราก้กำหนดรุ้หนอนะ แต่พักหลังความรุ้สึกนี้เกิดทุกวันขณะปฎิบัติ แต่เลิกทำก้อหาย

https://pantip.com/topic/37289657

............

ภาวนาแล้วตัวหายค่ะ เรียนปรึกษา(ยาวนะคะ)

ขออนุญาตเรียนรบกวนปรึกษานะคะ

1.เราถือศีลเป็นปกติ

2.เราภาวนาเป็นปกติ (มีแว่บบ้างอะไรบ้างตามสไตล์ฆราวาส ยิ่งตอนนี้หย่อนมากค่ะ)

เราเริ่มการภาวนาจากการสวดมนต์ค่ะ เริ่มวันแรกตัวสั่นถามอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นปิติ เราก็ยังภาวนาต่อทีนี้เริ่มนั่งสมาธิด้วย

หลังจากนั้นประมาณ 5-6 เดือน เรานั่งสมาธิและถือศีลแปดด้วยทำเป็นประจำรวมทั้งนอนสมาธิด้วยค่ะ จนกระทั่งวันหนึ่ง...
เราภาวนาอยู่ทุกอารมณ์ ทุกลมหายใจ เราล้มตัวลงพักผ่อนขณะมองดูลมหายใจไปตัวก็หายไปค่ะ ตอนนั้นเราตกใจแล้วหลุดออกมา
เราก็ถามรุ่นพี่นะคะ ท่านบอกว่าคราวหน้าให้ดูย้อนตรงๆไปเลย แต่ใจเราบอกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำไม่ได้แน่นอน ก็ละไปแต่รักษา ศีล สวดมนต์เอาค่ะ

วันหนึ่งเราหลับเห็นแสงสว่างมากๆตั้งอยู่รอบข้างกว้างไพศาลพูดไม่ถูก เราก็มอง มันพูดยากมากแต่เหมือนเราพิจารณาแสงนั้นแล้วมันทวนย้อน (อธิบายไม่ถูกจริงๆค่ะ) ตื่นมาก็อิ่มมาก ทุกอย่างกระจ่างไปหมด เบา สบาย

หลังจากนั้นเราได้งานก็เลยละภาวนาไปเยอะ แต่ก็ยังรักษาศีลอยู่

ต่อมาก็ยังมีอีกช่วงหนึ่งเรามีเรื่องในชีวิตให้คิดไม่ตก รู้สึกเหมือนมีอะไรปั่นอยู่กลางอกแล้วดีดออก ปั่นๆแล้วดีดออก นอนก็ปั่นๆอยู่ทั้งคืนนอนไม่ได้เลย จนกระทั่งมันปิ๊ง! เหมือนตัดเรื่องนั้นขาดเห็นต้นเหตุ-การแก้ไข-การวาง (ตอนนั้นก็น้อมมาพิจารณาแหล่ะค่ะ) อะไรบางอย่างถึงจะยอมลงให้แล้วจะรู้สึกปลง ปล่อย

จนเมื่อเร็วๆนี้ที่ทำงานพาเราไปวัดค่ะเพื่อบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ท้ายกระบวนการเขาก็ให้ขึ้นนั่งสมาธิเราก็นั่งข้างๆพัดลมเล็กๆค่ะ
เราไม่ได้นั่งเอาจริงเอาจังเลยนะคะ ก็สักแต่นั่งตามลมไปแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายใจหายทุกอย่างนิ่ง ตอนแรกได้ยินเสียงพัดลมแล้วเสียงพัดลมก็หายไป ดับนิ่งสนิท ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเราก็ตกใจหลุดออกมา...แบบวู้บ...ทีนี้ร่างกายเราสั่นแบบควบคุมไม่ได้เลย นั่งสะท้านจนเราไปขอให้หลวงพี่เล่าธรรมะให้ฟังถึงคลายลง

ขออนุญาตสอบถามค่ะว่าเราควรทำอย่างไรต่อไปดี ตอนนี้ตัวเราเค้าไม่เอาแล้ว...กลัว...แหยงๆ...ไม่แตะเลย รักษาศีลยังรักษาอยู่ แต่พอจะนั่งเหมือนเขาร้องว่าไม่เอาๆกลัว อยากให้ทราบว่า มันทรมานจริงๆค่ะเคยปฏิบัติได้แต่ปฏิบัติไม่ได้กลัวอะไรก็ไม่รู้

เราอยากปฏิบัติต่อมากๆ เราควรไปหาพระอาจารย์สักคนไหมคะเพื่อขอแนวทาง

https://pantip.com/topic/37070740

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2018, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อกระทู้ "พูดเกินสภาวธรรม" ๒ ตัวอย่าง คคห.บนนั่นแหละเป็นสภาวธรรม คือสภาวะของชีวิต ภาษาพระเรียกรูปนาม ซึ่งมันมีมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง

หลายคนนึกค้านในใจ อ้าวถ้ามันเป็นยังงั้นแล้วทำไมปกติประจำวันฉันไม่รู้ไม่เห็นล่ะ ? :b1: ตอบ ก็เพราะเราเองไม่เคยมนสิการคือเอาใจใส่มันยังไงเล่า จึงไม่รู้ว่าจริงๆมันเป็นยังงั้น

ดังนั้น ภาคปฏิบัติท่านจึงให้กำหนดรู้สภาวะนั้นๆทุกขณะ กำหนดตามรู้ดูรู้ทันมัน เมื่อกำหนดทันมัน ก็จะเห็นเองว่า มันเป็นยังงี้เอง ต่อแต่นั้นต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่กลัวมันอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ม.ค. 2018, 06:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ชื่อกระทู้ "พูดเกินสภาวธรรม" ๒ ตัวอย่าง คคห.บนนั่นแหละเป็นสภาวธรรม คือสภาวะของชีวิต ภาษาพระเรียกรูปนาม ซึ่งมันมีมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง

หลายคนนึกค้านในใจ อ้าวถ้ามันเป็นยังงั้นแล้วทำไมปกติประจำวันฉันไม่รู้ไม่เห็นล่ะ ? :b1: ตอบ ก็เพราะเราเองไม่เคยมนสิการคือเอาใจใส่มันยังไงเล่า จึงไม่รู้ว่าจริงๆมันเป็นยังงั้น

ดังนั้น ภาคปฏิบัติท่านจึงให้กำหนดรู้สภาวะนั้นๆทุกขณะ กำหนดตามรู้ดูรู้ทันมัน เมื่อกำหนดทันมัน ก็จะเห็นเองว่า มันเป็นยังงี้เอง ต่อแต่นั้นต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่กลัวมันอีก


กำหนดดูรู้ทัน...ทำใจให้เห็นว่ามันเป็นอย่างนี้เอง...มันแก้อาการอย่างว่าไม่ได้หรอก...เพราะอะไรนะหรือ?..ก็เพราะมันไม่มีทางเห็นความเป็นอย่างนั้นเองได้จริง...นะซิ..คนอย่างที่ว่ามา..จะเห็นแต่สิ่งที่กำหนดให้เห็น(ท่องหรือจำโดยสัญญา)...รู้ตามที่กำหนดใว้ทำลายสัญชาตญาณของความกลัวตายไม่ได้...

คนกลัวตาย...มีอะไรแปลกหน่อยก็กลัว...ไล่กลับบ้านรักษาศีล...ตักบาตร..ปิดทอง..ฝังลูกนิมิต...ซะยังดีกว่า..ไม่ต้องมาภาวนาหรอก...ไปอ่านหนังสือมาใหม่ซะ..เลิกกลัวตายเมื่อไรค่อยมาภาวนา

กำหนดดูรู้ทันใช้กับคนประเภทกลัวตายไม่ได้หรอก...

วิธึการแก้อาการของกักกายที่แนะนำด้วยท่านี้ท่าเดียว..เลยใช้ไม่ได้..

นี้กะว่าจะไม่สอดแล้วนะนี้...แต่ก็อดใส้เกือกไม่ได้... :b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 21 ม.ค. 2018, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ชื่อกระทู้ "พูดเกินสภาวธรรม" ๒ ตัวอย่าง คคห.บนนั่นแหละเป็นสภาวธรรม คือสภาวะของชีวิต ภาษาพระเรียกรูปนาม ซึ่งมันมีมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง

หลายคนนึกค้านในใจ อ้าวถ้ามันเป็นยังงั้นแล้วทำไมปกติประจำวันฉันไม่รู้ไม่เห็นล่ะ ? :b1: ตอบ ก็เพราะเราเองไม่เคยมนสิการคือเอาใจใส่มันยังไงเล่า จึงไม่รู้ว่าจริงๆมันเป็นยังงั้น

ดังนั้น ภาคปฏิบัติท่านจึงให้กำหนดรู้สภาวะนั้นๆทุกขณะ กำหนดตามรู้ดูรู้ทันมัน เมื่อกำหนดทันมัน ก็จะเห็นเองว่า มันเป็นยังงี้เอง ต่อแต่นั้นต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่กลัวมันอีก


กำหนดดูรู้ทัน...ทำใจให้เห็นว่ามันเป็นอย่างนี้เอง...มันแก้อาการอย่างว่าไม่ได้หรอก...เพราะอะไรนะหรือ?..ก็เพราะมันไม่มีทางเห็นความเป็นอย่างนั้นเองได้จริง...นะซิ..คนอย่างที่ว่ามา..จะเห็นแต่สิ่งที่กำหนดให้เห็น(ท่องหรือจำโดยสัญญา)...รู้ตามที่กำหนดใว้ทำลายสัญชาตญาณของความกลัวตายไม่ได้...

คนกลัวตาย...มีอะไรแปลกหน่อยก็กลัว...ไล่กลับบ้านรักษาศีล...ตักบาตร..ปิดทอง..ฝังลูกนิมิต...ซะยังดีกว่า..ไม่ต้องมาภาวนาหรอก...ไปอ่านหนังสือมาใหม่ซะ..เลิกกลัวตายเมื่อไรค่อยมาภาวนา

กำหนดดูรู้ทันใช้กับคนประเภทกลัวตายไม่ได้หรอก...

วิธึการแก้อาการของกักกายที่แนะนำด้วยท่านี้ท่าเดียว..เลยใช้ไม่ได้..

นี้กะว่าจะไม่สอดแล้วนะนี้...แต่ก็อดใส้เกือกไม่ได้... :b32: :b32: :b32:



ที่ใส่เกือกมา ก็เกือกทำด้วยฟาง ทำด้วยหญ้า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร