วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 22:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 05:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1477868379185-240x332.jpg
1477868379185-240x332.jpg [ 30.36 KiB | เปิดดู 1716 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


ท่องเอานี่ๆนั่นๆนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ก็ขณะนั้น จิตมันเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ระทมตรมใจ จนขมิบก้นเนี่ย คิกๆๆ ท่านอโศกดูตัวอย่าง



ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว[/color]

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา


(สงสัยท่านอโศกตาไม่ดี ทำตัวใหญ่เกินเหตุต้องแก้ทุกที)

อย่าบ่น ๆ


ถามนะ ในเมือว่า วิปัสสนาภาวนาง่ายจะตาย (จะตาย :b32: )

ถามนะ ตอบให้ตรงคำถาม

วิปัสสนา ได้แก่ อะไร

ภาวนา ได้แก่อะไร

ในเมื่อว่าวิปัสสนาภาวนาง่ายแล้ว อะไรยาก สมถภาวนายากหรือยังงั้น


onion
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา

ภาวนา=เจริญ=ทำให้มีขึ้น


วิปัสสนาภาวนา=เจริญการเฝ้า หรือ นิ่ง ดู สังเกต พิจารณา
สภาวธรรม คือปัจจุบันธรรมจนเห็น รู้ และเข้าใจความจริงตามธรรม

ความจริงของธรรม อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรมนั้นคือ

เกิด - ดับ.....หรือ เกิดขึ้น....ตั้งอยู่.....ดับไป เป็นบาลีว่า

อนิจจัง.....ทุกขัง.....อนัตตา

เพราะฉนั้นประโยคที่สรุปไว้ให้จำง่ายว่า


"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

จึงเป็นคำสรุปเทคนิคหรือวิธีทำวิปัสสนาภาวนาอย่างง่าย จำได้และนำไปปฏิบัติจริงได้โดยง่าย ขอให้ทุกท่านลองนำไปใช้แล้วกลับมาคุยมาสนทนากันครับ

:b36:
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


ท่องเอานี่ๆนั่นๆนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ก็ขณะนั้น จิตมันเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ระทมตรมใจ จนขมิบก้นเนี่ย คิกๆๆ ท่านอโศกดูตัวอย่าง



ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว[/color]

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา


(สงสัยท่านอโศกตาไม่ดี ทำตัวใหญ่เกินเหตุต้องแก้ทุกที)

อย่าบ่น ๆ


ถามนะ ในเมือว่า วิปัสสนาภาวนาง่ายจะตาย (จะตาย :b32: )

ถามนะ ตอบให้ตรงคำถาม

วิปัสสนา ได้แก่ อะไร

ภาวนา ได้แก่อะไร

ในเมื่อว่าวิปัสสนาภาวนาง่ายแล้ว อะไรยาก สมถภาวนายากหรือยังงั้น


onion
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา

ภาวนา=เจริญ=ทำให้มีขึ้น


วิปัสสนาภาวนา=เจริญการเฝ้า หรือ นิ่ง ดู สังเกต พิจารณา
สภาวธรรม คือปัจจุบันธรรมจนเห็น รู้ และเข้าใจความจริงตามธรรม

ความจริงของธรรม อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรมนั้นคือ

เกิด - ดับ.....หรือ เกิดขึ้น....ตั้งอยู่.....ดับไป เป็นบาลีว่า

อนิจจัง.....ทุกขัง.....อนัตตา

เพราะฉนั้นประโยคที่สรุปไว้ให้จำง่ายว่า


"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

จึงเป็นคำสรุปเทคนิคหรือวิธีทำวิปัสสนาภาวนาอย่างง่าย จำได้และนำไปปฏิบัติจริงได้โดยง่าย ขอให้ทุกท่านลองนำไปใช้แล้วกลับมาคุยมาสนทนากันครับ

:b36:
onion



อ้างคำพูด:
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา


อ้อ เนี่ยะหรอ ไปเอามาแต่ไหนหรือคิดเอง

นี่คือปัญหาของนักศึกษาธรรมบ้านเรา คือ ไปเอาศัพท์แสงทางธรรมเค้ามาพูด แล้วก็มโนความหมายเอาเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า ธรรมปฏิรูป

จบ คือ เอวังคับ :b32:

ที่จริงเห็นตั้งนานแล้วว่าไม่มีหลักอะไร คือ ไปจำๆตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ผสมๆกันแล้วก็วาดภาพวาดแผ่นชาร์ตโยงไป

จึงได้บอกว่ามันลึกไปให้ถอยออกมาเริ่มต้นใหม่ ที่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต ปิดทองเก้าวัด ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯลฯ ได้บุญเหมือนกัน พูดด้วยความปรารถนาดี ก็ว่ากายส่งเสริมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปออกไปจากวัฏฏะว่า อิอิ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 31 ต.ค. 2016, 17:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน


"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"

onion

Kiss
สัญญาก็คือสัญญา...คือความจำได้หมายรู้เกิดกับจิตทุกขณะไม่เว้นคือเดี๋ยวนี้เวลานี้
จำทุกสิ่งที่เห็นจริงไหมคะแค่ลืมตาก็จำไม่เรียกอะไรก็จำได้แล้วก็เกิดจำได้ทั้งกุศลและอกุศล
จำเกิดได้ทั้ง2ฝ่ายได้แก่1อกุศลคือจำผิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเช่นคนสัตว์สิ่งของยึดในอุปาทานขันธ์
2กุศลคือจำถูกว่าเป็นธรรมที่เกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่เป็นธาตุแต่ละ1ที่มหาภูตรูปที่ว่างเปล่าจากตัวตน
สภาพจำเป็นสัญญาขันธ์คือ1ในขันธ์5ที่ทำหน้าที่รู้จำไม่ใช่คิดนึกที่เรียกว่าสัญญาเจตสิกแค่จำถูกหรือผิด
:b32:
ปัญญาก็คือปัญญา...เป็นกุศลเจตสิกที่เป็นสังขารขันธ์เกิดกับกุศลจิตขณะเข้าใจความจริงที่1ขณะจิต
ปัญญาเป็นความรู้ถูกเข้าใจถูกที่เกิดกับความคิดเห็นถูกต้องไม่ยึดสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนมีสัมมาทิฏฐิ
ปัญญาไม่ใช่การคิดจดจำทุกคำในพระไตรปิฎกเป็นชื่อเป็นเรื่องยาวๆถ้าจำยาวๆเป็นสัญญาไม่ใช่ปัญญา
เพราะปัญญาที่เข้าใจความจริงสั้น1คำจะต้องรู้ความจริงที่จิตมีตรงที่กระทบ1ผัสสะ1สภาพธรรมเท่านั้น
ไม่ใช่อ่านชือที่คิดยาวๆนั่นคืออกุศลเกิดแล้วเพราะจำคำได้แต่ไม่เข้าใจความจริงที่มีตรงเหตุปัจจัยทีละ1
:b1: :b16: :b11: :b4: :b4:
ปล.กุศลและอกุศลจะไม่เกิดในขณะจิตเดียวกันเป็นคนละขณะนะคะ
ขณะที่สัญญา+ปัญญาแสดงว่าเป็นกุศลจิตคือเป็นจิต+โสภณเจตสิก+รูป
ขณะที่สัญญา+กิเลส(อวิชชา)แสดงว่าเป็นอกุศลจิตคือเป็นจิต+อกุศลเจตสิก+รูป
ทุกอย่างเป็นธัมมะเกิดดับตามเหตุปัจจัยแต่ละ1แต่ละทางไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเกิดดับเวลาใหม่ตลอดค่ะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 07:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1473823533873.jpg
1473823533873.jpg [ 72.21 KiB | เปิดดู 1701 ครั้ง ]
smiley
Ddddddddddd
:b4:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
smiley
Ddddddddddd
:b4:


วันนี้มาแปลก เหมือนกินยาลืมเขย่าขวด :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
smiley
Ddddddddddd
:b4:


วันนี้มาแปลก เหมือนกินยาลืมเขย่าขวด :b13:

Kiss
พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมี
ไม่ว่าจะตรัสคำไหนทุกคำในพระไตรปิฏกมีเดี๋ยวนี้เลย
ที่กำลังมีรู้เป็นธาตุรู้เป็นขันธ์รู้ตรงอายตนะด้วยไม่ปนกัน
ถ้ายังรู้รวมๆนั่นแหละกิเลสเกิดตลอดคือไม่รู้ไปหมดเลยนะ
มีแต่สัญญาไปจำบัญญัติชื่อสภาพธรรมแต่ไม่รู้ความจริงไง
:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2016, 21:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


ท่องเอานี่ๆนั่นๆนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ก็ขณะนั้น จิตมันเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ระทมตรมใจ จนขมิบก้นเนี่ย คิกๆๆ ท่านอโศกดูตัวอย่าง



ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว[/color]

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา


(สงสัยท่านอโศกตาไม่ดี ทำตัวใหญ่เกินเหตุต้องแก้ทุกที)

อย่าบ่น ๆ


ถามนะ ในเมือว่า วิปัสสนาภาวนาง่ายจะตาย (จะตาย :b32: )

ถามนะ ตอบให้ตรงคำถาม

วิปัสสนา ได้แก่ อะไร

ภาวนา ได้แก่อะไร

ในเมื่อว่าวิปัสสนาภาวนาง่ายแล้ว อะไรยาก สมถภาวนายากหรือยังงั้น


onion
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา

ภาวนา=เจริญ=ทำให้มีขึ้น


วิปัสสนาภาวนา=เจริญการเฝ้า หรือ นิ่ง ดู สังเกต พิจารณา
สภาวธรรม คือปัจจุบันธรรมจนเห็น รู้ และเข้าใจความจริงตามธรรม

ความจริงของธรรม อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรมนั้นคือ

เกิด - ดับ.....หรือ เกิดขึ้น....ตั้งอยู่.....ดับไป เป็นบาลีว่า

อนิจจัง.....ทุกขัง.....อนัตตา

เพราะฉนั้นประโยคที่สรุปไว้ให้จำง่ายว่า


"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

จึงเป็นคำสรุปเทคนิคหรือวิธีทำวิปัสสนาภาวนาอย่างง่าย จำได้และนำไปปฏิบัติจริงได้โดยง่าย ขอให้ทุกท่านลองนำไปใช้แล้วกลับมาคุยมาสนทนากันครับ

:b36:
onion



อ้างคำพูด:
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา


อ้อ เนี่ยะหรอ ไปเอามาแต่ไหนหรือคิดเอง

นี่คือปัญหาของนักศึกษาธรรมบ้านเรา คือ ไปเอาศัพท์แสงทางธรรมเค้ามาพูด แล้วก็มโนความหมายเอาเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า ธรรมปฏิรูป

จบ คือ เอวังคับ :b32:

ที่จริงเห็นตั้งนานแล้วว่าไม่มีหลักอะไร คือ ไปจำๆตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ผสมๆกันแล้วก็วาดภาพวาดแผ่นชาร์ตโยงไป

จึงได้บอกว่ามันลึกไปให้ถอยออกมาเริ่มต้นใหม่ ที่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต ปิดทองเก้าวัด ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯลฯ ได้บุญเหมือนกัน พูดด้วยความปรารถนาดี ก็ว่ากายส่งเสริมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปออกไปจากวัฏฏะว่า อิอิ :b32:

:b12:
เชิญกรัชกายถอยหลังไปเริ่มต้นใหม่ ที่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต ปิดทองเก้าวัด ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯลฯ ตามสบายเลยนะตรับ ผมไม่เอาด้วยแล้ว ทำมาจนเบื่อแล้วครับ ไม่ใช่สาระสำคัญตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วสาระสำคัญของสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน กรัชกายก็ยังไม่รู้และจับประเด็นออกมายังไม่ได้ด้วยจนถึงทุกวันนี้
grin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2016, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


ท่องเอานี่ๆนั่นๆนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ก็ขณะนั้น จิตมันเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ระทมตรมใจ จนขมิบก้นเนี่ย คิกๆๆ ท่านอโศกดูตัวอย่าง



ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว[/color]

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา


(สงสัยท่านอโศกตาไม่ดี ทำตัวใหญ่เกินเหตุต้องแก้ทุกที)

อย่าบ่น ๆ


ถามนะ ในเมือว่า วิปัสสนาภาวนาง่ายจะตาย (จะตาย :b32: )

ถามนะ ตอบให้ตรงคำถาม

วิปัสสนา ได้แก่ อะไร

ภาวนา ได้แก่อะไร

ในเมื่อว่าวิปัสสนาภาวนาง่ายแล้ว อะไรยาก สมถภาวนายากหรือยังงั้น


onion
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา

ภาวนา=เจริญ=ทำให้มีขึ้น


วิปัสสนาภาวนา=เจริญการเฝ้า หรือ นิ่ง ดู สังเกต พิจารณา
สภาวธรรม คือปัจจุบันธรรมจนเห็น รู้ และเข้าใจความจริงตามธรรม

ความจริงของธรรม อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรมนั้นคือ

เกิด - ดับ.....หรือ เกิดขึ้น....ตั้งอยู่.....ดับไป เป็นบาลีว่า

อนิจจัง.....ทุกขัง.....อนัตตา

เพราะฉนั้นประโยคที่สรุปไว้ให้จำง่ายว่า


"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

จึงเป็นคำสรุปเทคนิคหรือวิธีทำวิปัสสนาภาวนาอย่างง่าย จำได้และนำไปปฏิบัติจริงได้โดยง่าย ขอให้ทุกท่านลองนำไปใช้แล้วกลับมาคุยมาสนทนากันครับ

:b36:
onion



อ้างคำพูด:
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา


อ้อ เนี่ยะหรอ ไปเอามาแต่ไหนหรือคิดเอง

นี่คือปัญหาของนักศึกษาธรรมบ้านเรา คือ ไปเอาศัพท์แสงทางธรรมเค้ามาพูด แล้วก็มโนความหมายเอาเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า ธรรมปฏิรูป

จบ คือ เอวังคับ :b32:

ที่จริงเห็นตั้งนานแล้วว่าไม่มีหลักอะไร คือ ไปจำๆตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ผสมๆกันแล้วก็วาดภาพวาดแผ่นชาร์ตโยงไป

จึงได้บอกว่ามันลึกไปให้ถอยออกมาเริ่มต้นใหม่ ที่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต ปิดทองเก้าวัด ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯลฯ ได้บุญเหมือนกัน พูดด้วยความปรารถนาดี ก็ว่ากายส่งเสริมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปออกไปจากวัฏฏะว่า อิอิ :b32:


เชิญกรัชกายถอยหลังไปเริ่มต้นใหม่ ที่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต ปิดทองเก้าวัด ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ฯลฯ ตามสบายเลยนะตรับ ผมไม่เอาด้วยแล้ว ทำมาจนเบื่อแล้วครับ ไม่ใช่สาระสำคัญตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วสาระสำคัญของสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน กรัชกายก็ยังไม่รู้และจับประเด็นออกมายังไม่ได้ด้วยจนถึงทุกวันนี้


บอกไม่จำ พระพุทธก็สอนเรื่องชีวิตนี่แหละ

จะเรื่องจิต เจตสิก รูป (นี่ชีวิต)

ทุกข์ สมุทัย (นิโรธ) มรรค นี่ก็เรื่องของชีวิต (ส่วนนิโรธ เป็นผลที่ชีวิตจะได้รับ หลังจากทำ (มรรค) ถูกต้องแล้ว)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2016, 14:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พอแค่นี้ ถึงยังไงๆ ท่านอโศกก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะอะไร? เพราะท่านเข้าใจพุทธธรรมพ้นจากคนจากชีวิตมนุษย์ไปไกล :b13: ที่เห็นชัดคือติดในถ้อยคำติดในภาษา อิอิ :b32:

แล้วยังงี้ ท่านจะเที่ยวค้นหา ทุกข์ หาสมุทัยที่ไหนน่ะ ถ้าไม่ค้นหาที่ชีวิตจิตใจคน หือ ถามหน่อย :b9:

รูป
เวทนา
สัญญา
สังขาร
วิญญาณ

ร่างกาย จิตใจ

จิต เจตสิก รูป

นี่มันคน ชีวิตคนชีวิตหนึ่งๆทั้งเพทั้งระยอง :b13: รึจะเถียงว่าไม่ใช่คนเป็นต้นไม้ เป็นมะเขืออะไร ก็ว่ามา :b9:

:b34:

ที่เห็นชัดคือติดในถ้อยคำติดในภาษา อิอิ
:b34: :b33:
คำพูดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่กรัชกายกำลังเป็นอยู่ขณะนี้นะ

"ชีวิต"ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วชีวิตมันคืออะไรล่ะ
ไปเกี่ยวข้องกับธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างไร?
ตอบมาให้ดูดีๆซิกรัชกาย
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2016, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พอแค่นี้ ถึงยังไงๆ ท่านอโศกก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะอะไร? เพราะท่านเข้าใจพุทธธรรมพ้นจากคนจากชีวิตมนุษย์ไปไกล :b13: ที่เห็นชัดคือติดในถ้อยคำติดในภาษา อิอิ :b32:

แล้วยังงี้ ท่านจะเที่ยวค้นหา ทุกข์ หาสมุทัยที่ไหนน่ะ ถ้าไม่ค้นหาที่ชีวิตจิตใจคน หือ ถามหน่อย :b9:

รูป
เวทนา
สัญญา
สังขาร
วิญญาณ

ร่างกาย จิตใจ

จิต เจตสิก รูป

นี่มันคน ชีวิตคนชีวิตหนึ่งๆทั้งเพทั้งระยอง :b13: รึจะเถียงว่าไม่ใช่คนเป็นต้นไม้ เป็นมะเขืออะไร ก็ว่ามา :b9:

:b34:

ที่เห็นชัดคือติดในถ้อยคำติดในภาษา อิอิ
:b34: :b33:
คำพูดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่กรัชกายกำลังเป็นอยู่ขณะนี้นะ

"ชีวิต"ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แล้วชีวิตมันคืออะไรล่ะ
ไปเกี่ยวข้องกับธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างไร?
ตอบมาให้ดูดีๆซิกรัชกาย


บอกไม่จำ ชีวิตก็คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เรียกย่อว่า รูปธรรม นามธรรม หรือร่างกาย กับ จิตใจไง หรือเรียกตามอภิธรรม ก็ จิต เจตสิก รูป (จิต เจตสิก รูป พูดย่อ ก็รูปธรรมส่วนหนึ่ง นามธรรมส่วนหนึ่ง สองส่วนประกอบกันก็เป็นชีวิต ชีวิตหนึ่งๆไง) :b1:

มันจบแล้วครับนาย บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาเปล่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2016, 07:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1477865843265(1).jpg
FB_IMG_1477865843265(1).jpg [ 131.99 KiB | เปิดดู 1674 ครั้ง ]
:b7:
อพิโธ่เอ๋ย!

เรื่องกล้วยๆ รู้ได้ด้วยสามัญสำนึกของชาวพุทธว่าชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ กรัชกายเอามาเป็นปัญหาบังคับขู่เข็ญให้คนที่รู้แล้วเขาตอบ มันส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์แฝงความมีอกุศลจิตอยู่ข้างใน ใครเขาจะอยากตอบกันเล่า กรัชกาย รู้ตัวหรือเปล่า?

onion
Onion_L
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2016, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อพิโธ่เอ๋ย!

เรื่องกล้วยๆ รู้ได้ด้วยสามัญสำนึกของชาวพุทธว่าชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ กรัชกายเอามาเป็นปัญหาบังคับขู่เข็ญให้คนที่รู้แล้วเขาตอบ มันส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์แฝงความมีอกุศลจิตอยู่ข้างใน ใครเขาจะอยากตอบกันเล่า กรัชกาย รู้ตัวหรือเปล่า?



อ้างคำพูด:
ชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ


คะแนนเต็ม 10 ได้ 5 คะแนน :b1:

แล้วนั่นเป็นคนๆหนึ่งๆด้วยไหม ตอบตรงๆนะ จะได้ก้าวต่อไป

1. เป็นคนนี่แหละ

2. ไม่ใช่คน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2016, 23:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
อพิโธ่เอ๋ย!

เรื่องกล้วยๆ รู้ได้ด้วยสามัญสำนึกของชาวพุทธว่าชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ กรัชกายเอามาเป็นปัญหาบังคับขู่เข็ญให้คนที่รู้แล้วเขาตอบ มันส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์แฝงความมีอกุศลจิตอยู่ข้างใน ใครเขาจะอยากตอบกันเล่า กรัชกาย รู้ตัวหรือเปล่า?



อ้างคำพูด:
ชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ


คะแนนเต็ม 10 ได้ 5 คะแนน :b1:

แล้วนั่นเป็นคนๆหนึ่งๆด้วยไหม ตอบตรงๆนะ จะได้ก้าวต่อไป

1. เป็นคนนี่แหละ

2. ไม่ใช่คน


grin
ยังติดยังวนอยู่กับเรื่องชีวิตเรื่องคนอยู่นีแหละนะกรัชกายคล้ายคนปัญญาอ่อนหรือเด็กมีปัญหาเลยนะนี่ เฝ้าเวียนซ้ำเวียนซากอยู่กับเรื่องง่ายๆพื้นๆอยู่อย่างนี้
s004
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอนคือ
อริยสัจ 4 นะ กรัชกาย ไม่ใช่เรื่องกำเนิดของคนหรือชีวิต
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2016, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
อพิโธ่เอ๋ย!

เรื่องกล้วยๆ รู้ได้ด้วยสามัญสำนึกของชาวพุทธว่าชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ กรัชกายเอามาเป็นปัญหาบังคับขู่เข็ญให้คนที่รู้แล้วเขาตอบ มันส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์แฝงความมีอกุศลจิตอยู่ข้างใน ใครเขาจะอยากตอบกันเล่า กรัชกาย รู้ตัวหรือเปล่า?



อ้างคำพูด:
ชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ


คะแนนเต็ม 10 ได้ 5 คะแนน :b1:

แล้วนั่นเป็นคนๆหนึ่งๆด้วยไหม ตอบตรงๆนะ จะได้ก้าวต่อไป

1. เป็นคนนี่แหละ

2. ไม่ใช่คน


grin
ยังติดยังวนอยู่กับเรื่องชีวิตเรื่องคนอยู่นีแหละนะกรัชกายคล้ายคนปัญญาอ่อนหรือเด็กมีปัญหาเลยนะนี่ เฝ้าเวียนซ้ำเวียนซากอยู่กับเรื่องง่ายๆพื้นๆอยู่อย่างนี้
s004
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอนคือ
อริยสัจ 4 นะ กรัชกาย ไม่ใช่เรื่องกำเนิดของคนหรือชีวิต


ฟาดด้วยไม้หน้าสามก็แล้ว หวดด้วยหางกะเบนก็แล้วยังไม่จำ เดี๋ยวได้พาไปกราบรถหรอกเออ :b1:

ก็พูดเองแท้ๆเนี่ย จำไม่ได้หรอเนี่ย

อ้างคำพูด:
ชีวิตประกอบด้วย รูป นาม ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 นี้ มันเป็นเรื่องพื้นๆ เด็กๆ


กรัชกายก็จึงถามต่อว่า นั่นน่าใช่คนเป็นคนไหม เขาเรียกกันหมายรู้กันว่าคนว่ามนุษย์ไหม


ปล. ดีนะที่ท่านอโศกเกิดเมืองไทย ถ้าเกิดในประเทศอินเดียนะเป็นนิครนถ์ไปแล้ว :b1: :b32:

คนขวามือนะ

https://encrypted-tbn1.gstatic.com/imag ... AfNe0Xz4Fw

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2016, 19:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร