วันเวลาปัจจุบัน 07 ส.ค. 2025, 02:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2016, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1460097836898-240x326.jpg
FB_IMG_1460097836898-240x326.jpg [ 38.7 KiB | เปิดดู 1621 ครั้ง ]
tongue
เรียนจากภาพครับ
โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2016, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:

เรื่องรู้ทันและเห็นการเกิดดับนั้นมันต้องเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติจริง จึงจะเกิดญาณปัญญารู้ตามความเป็นจริง โฮฮับมาบอกว่าไม่สามารถเห็นการเกิดดับได้นั้นเป็นการรู้ไม่จริงของโฮฮับอีกเช่นกัน แสดงว่าโฮฮับไม่เคยศึกษาเรื่องของญาณ 16 อย่างจริงจัง


ญาน๑๖เป็นเรื่องของพระแขกที่แต่งตำรานอกลู่นอกธรรมเกินกว่าที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ :b6:

และได้อธิบายไปแล้วว่า ญานหมายถึงรู้ไม่ใช่เห็น

อาการเกิดดับของธรรมปรมัตถ์ไม่สามารถเห็นได้เพราะถูกสันตติบดบังไว้

ผู้มัปัญญาแล้ว ที่ไม่สามารถเห็นการเกิดดับ ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีสภาวะเกิดดับ
แต่เป็นเพราะสันตติจึงไม่สามารถเห็นการเกิดดับ :b32:


asoka เขียน:
:b12:

สันตติบังอนิจจัง อิริยาบถ 4 บังทุกขัง ฆนะบังอนัตตา
เมื่อสติปัญญาได้รับการฝึกฝนอบรมจนคมกล้า จะรู้ทันเห็นทันสันตติ จนเห็นช่วงสืบต่อของสันตติท่านเรียกญาณปัญญาตอนนี้ว่า
อุทัพยะญาณ=ปัญญาเห็นการเกิดดับ
ผ่านตอนนี้ไปก็จะเกิดภังคญาณ ปัญญาเห็นแต่การดับไปๆ แต่เพียงอย่างเดียวไม่มีอื่น
กบเคยรู้บ้างละยังสิ่งเหล่านี้[/b]
s006


ฮา ฮาพอเห็นผมเอาเรื่องสันตติมาพูด อโสกะรีบเปิดตำรามาพูด ก็รู้ๆอยู่ว่าไม่รู้เรื่อง :b32:

สันตติบังอนิจจัง อิริยาบถ 4 บังทุกขัง ฆนะบังอนัตตา....ซะที่ไหนกัน

สันตติบดบัง อนิจลักษณะ ไม่ใช่บดบังอนัจจัง
อิริยาบดบดบัง ทุกขลักษณะ ไม่ใช่บดบังทุกขัง
ฆนะบดบังอนัตลักษณะ ไม่ใช่บดบังอนัตตา


บอกไว้ในความเห็นก่อนหน้าแล้วว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ....เป็นคนละอย่างกัน
ทุกขังกับทุกขลักษณะเป็นคนละอย่างกัน
อนัตตากับอนัตลักษณะเป็นคนละอย่างกัน
เป็นเพราะอโสกะไม่รู้เรื่องแต่ต้น จึงไปก๊อปปี้ในตำรามาพูด แต่ดันก๊อปผิดเพราะความไม่รู้เรื่อง :b32:


โพสต์ เมื่อ: 09 เม.ย. 2016, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1610993_165934507090151_5550702346302318605_n.jpg
1610993_165934507090151_5550702346302318605_n.jpg [ 9.35 KiB | เปิดดู 1614 ครั้ง ]
นี่ๆๆ เขาทำมาตั้ง 4-5 ปีแล้ว (ทำนะไม่ใช่พูดใช่คุย) ยังแง๊กอยู่นี่ :b1:

อ้างคำพูด:
จะแก้อาการปวดเมื่อย ปวดขา เวลานั่งสมาธิได้ยังไงครับ

ผมเองนั่งสมาธิได้ 4-5 ปี แล้วๆตอนนี้จิตนิ่ง สงบพอสมควรแล้ว แต่พักหลังมารู้สึกว่าเวทนามันค่อนข้างรุนแรงๆ ท่านผู้รู้ก็บอกว่าให้ดูมันเฉยๆ ผมก็ทำตามคำแนะนำ แต่ก็สู้เวทนามันไม่ได้ อยากได้คำแนะนำดีๆ จากท่านผู้รู้บ้างครับ




กรัชกายเอาหัวซึ่งมีอยู่หัวเดียวเป็นประกันว่า ถ้าไม่ลงมือทำๆๆๆ เอาแต่พูดๆๆ ต่อให้พูดจนปากนี่ฉีกไปถึงใบหู ก็มโนดีๆนี่เอง

อุปมาเหมือนคนอยู่ กทม. ท่ามกลางแสงสีอันวิจิตร ไม่รู้ถึงความยากลำบาก ความกลัวเหมือนคนอยู่ในสถานการณ์จริง เช่น คนอยู่สามจังหวัดชายแดนใต้หรอก :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 11 เม.ย. 2016, 06:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b12:

เรื่องรู้ทันและเห็นการเกิดดับนั้นมันต้องเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติจริง จึงจะเกิดญาณปัญญารู้ตามความเป็นจริง โฮฮับมาบอกว่าไม่สามารถเห็นการเกิดดับได้นั้นเป็นการรู้ไม่จริงของโฮฮับอีกเช่นกัน แสดงว่าโฮฮับไม่เคยศึกษาเรื่องของญาณ 16 อย่างจริงจัง


ญาน๑๖เป็นเรื่องของพระแขกที่แต่งตำรานอกลู่นอกธรรมเกินกว่าที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ :b6:

และได้อธิบายไปแล้วว่า ญานหมายถึงรู้ไม่ใช่เห็น

อาการเกิดดับของธรรมปรมัตถ์ไม่สามารถเห็นได้เพราะถูกสันตติบดบังไว้

ผู้มัปัญญาแล้ว ที่ไม่สามารถเห็นการเกิดดับ ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีสภาวะเกิดดับ
แต่เป็นเพราะสันตติจึงไม่สามารถเห็นการเกิดดับ :b32:


asoka เขียน:
:b12:

สันตติบังอนิจจัง อิริยาบถ 4 บังทุกขัง ฆนะบังอนัตตา
เมื่อสติปัญญาได้รับการฝึกฝนอบรมจนคมกล้า จะรู้ทันเห็นทันสันตติ จนเห็นช่วงสืบต่อของสันตติท่านเรียกญาณปัญญาตอนนี้ว่า
อุทัพยะญาณ=ปัญญาเห็นการเกิดดับ
ผ่านตอนนี้ไปก็จะเกิดภังคญาณ ปัญญาเห็นแต่การดับไปๆ แต่เพียงอย่างเดียวไม่มีอื่น
กบเคยรู้บ้างละยังสิ่งเหล่านี้[/b]
s006


ฮา ฮาพอเห็นผมเอาเรื่องสันตติมาพูด อโสกะรีบเปิดตำรามาพูด ก็รู้ๆอยู่ว่าไม่รู้เรื่อง :b32:

สันตติบังอนิจจัง อิริยาบถ 4 บังทุกขัง ฆนะบังอนัตตา....ซะที่ไหนกัน

สันตติบดบัง อนิจลักษณะ ไม่ใช่บดบังอนัจจัง
อิริยาบดบดบัง ทุกขลักษณะ ไม่ใช่บดบังทุกขัง
ฆนะบดบังอนัตลักษณะ ไม่ใช่บดบังอนัตตา


บอกไว้ในความเห็นก่อนหน้าแล้วว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ....เป็นคนละอย่างกัน
ทุกขังกับทุกขลักษณะเป็นคนละอย่างกัน
อนัตตากับอนัตลักษณะเป็นคนละอย่างกัน
เป็นเพราะอโสกะไม่รู้เรื่องแต่ต้น จึงไปก๊อปปี้ในตำรามาพูด แต่ดันก๊อปผิดเพราะความไม่รู้เรื่อง :b32:

:b34:
ตกนรกหมกไหม้แล้วโฮับ
เพราะบังอาจไปประมาทจ้วงจาบพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้มีทั้งเมตตาและกรุณาต่อชาวโลก

แสดงว่าโฮฮับไม่เคารพพระธรรมในเรื่องของญาณ 16 และคงไม่เชื่อคัมภีร์วิสุทธิมรรคที่พระป่าจำนวนมากท่านเคารพนับถือและใช้เป็นคู่มือประพฤติธรรม
:b7:
สันตินั้นบังตาคนไม่มีสมาธิและญาณเท่านั้น

หากปฎิบัติภาวนาเข้มข้นจริงจัง และสติปัญญาไม่วิปลาศอย่างโฮฮับ ย่อมเห็นการเกิดดับหรืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตาชัดเจนเอง

โฮฮับมามัวเล่นกับตัวหนังสือและแง่มุมของบัญญัติเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แล้วมาทำเท่ว่าตนเองเป็นผู้รู้มากรู้ถูกต้อง

งั้นลองอธิบายมาดีๆซิ อนิจจะลักษณะกับ อนิจจังมันต่างกันยังไงในแง่ของสาระธรรม ทุกขังและอนัตตาด้วย

ที่สำคัญอย่าพยายามทำธรรมะที่เป็นของง่ายให้เป็นของยากที่ลึกลับซับซ้อนด้วยแง่มุมของบัญญัติอย่างนี้เลย จะทำให้คนรุ่นใหม่ เด็ก เยาวชนเบื่อหน่าย หนีห่างจากพุทธธรรม

บัณฑิตที่แท้จริงต้องทำยากให้เป็นง่าย ไม่ใช่ทำง่ายให้เป็นยากอย่างที่โฮฮับกำลังทำอยู่นี้หรอกนะ

บาปกรรมๆๆๆๆ
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 11 เม.ย. 2016, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b34:
ตกนรกหมกไหม้แล้วโฮับ
เพราะบังอาจไปประมาทจ้วงจาบพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้มีทั้งเมตตาและกรุณาต่อชาวโลก

แสดงว่าโฮฮับไม่เคารพพระธรรมในเรื่องของญาณ 16 และคงไม่เชื่อคัมภีร์วิสุทธิมรรคที่พระป่าจำนวนมากท่านเคารพนับถือและใช้เป็นคู่มือประพฤติธรรม
:b7:


ก็พุทธโฆษะนั้นแหล่ะเป็นภิกษุแขก ไอ้เรื่องมีเมตตากรุณาถ้าพิจารณาให้ดีมันอาจเป็น...โทษ ก็ได้
เช่นคนมีตำแหน่งพัดยศสูงๆ จะพูดจะสอนอะไรคนก็เชื่อไปหมด
ทั้งๆที่ธรรรมนั้นผิดเพี้ยนไปจากพุทธพจน์ ก็เพราะตำแหน่งพัดยศนั้นเอง

ไอ้เรื่องญาน๑๖หรือคัมภีร์วิสุทธิมรรค มันเป็นเรื่องของคนที่ไม่ประมาณตน
บังอาจแต่งคัมภีร์แข่งพระไตรปิฎกและพุทธพจน์

asoka เขียน:
สันตินั้นบังตาคนไม่มีสมาธิและญาณเท่านั้น
หากปฎิบัติภาวนาเข้มข้นจริงจัง และสติปัญญาไม่วิปลาศอย่างโฮฮับ ย่อมเห็นการเกิดดับหรืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตาชัดเจนเอง


เลอะเทอะ! หยิบเอาคำพูดตนอื่นมาอ้างด้วยการขาดความเข้าใจ
เอานู้นผสมนี้จนเป็นหัวมังกุท้ายมังกร :b32:

ที่จริงแล้วการเจริญภาวณาจนเกิดปัญญารู้ความมีอยู่ของสัตติต่างหาก
อโสกะดำน้ำไปเรื่อย :b32:

asoka เขียน:

โฮฮับมามัวเล่นกับตัวหนังสือและแง่มุมของบัญญัติเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แล้วมาทำเท่ว่าตนเองเป็นผู้รู้มากรู้ถูกต้อง

งั้นลองอธิบายมาดีๆซิ อนิจจะลักษณะกับ อนิจจังมันต่างกันยังไงในแง่ของสาระธรรม ทุกขังและอนัตตาด้วย

ที่สำคัญอย่าพยายามทำธรรมะที่เป็นของง่ายให้เป็นของยากที่ลึกลับซับซ้อนด้วยแง่มุมของบัญญัติอย่างนี้เลย จะทำให้คนรุ่นใหม่ เด็ก เยาวชนเบื่อหน่าย หนีห่างจากพุทธธรรม


ธรรมที่ผมพูดมันก็เป็นธรรมะง่ายๆ ไอ้ที่อโสกะว่ามันยากก็เพราะ....อโสกะยังขาดปัญญาในการพิจารณาธรรม
คนที่มีปัญญาเขาอ่านธรรมของผมย่อมต้องเข้าใจทะลุปุโปร่ง เพราะมันเป็นธรรมเบื้องต้น
ของการปฏิบัติ........อโสกะแยกแยะการไม่มีปัญญารู้กับคำว่ายากให้ดีครับ

ส่วนที่ให้อธิบายคำว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ นั้นผมเปลี่ยนใจไม่อธิบายให้ฟังแล้ว
อันเนื่องจากคำพูดของอโสกะที่ว่า....
."อย่าทำของง่ายให้เป็นของยาก"....เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าอธิบายไปก็เสียของเสียเวลา
asoka เขียน:

บัณฑิตที่แท้จริงต้องทำยากให้เป็นง่าย ไม่ใช่ทำง่ายให้เป็นยากอย่างที่โฮฮับกำลังทำอยู่นี้หรอกนะ

บาปกรรมๆๆๆๆ
:b7:


อโสกะพูดเหมือนคนมักง่าย แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งที่เหนือบ่ากว่าแรงของบัณฑิต :b32:


โพสต์ เมื่อ: 11 เม.ย. 2016, 17:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13:
อ้างคำพูด:
ส่วนที่ให้อธิบายคำว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ นั้นผมเปลี่ยนใจไม่อธิบายให้ฟังแล้ว
อันเนื่องจากคำพูดของอโสกะที่ว่า....
."อย่าทำของง่ายให้เป็นของยาก"....เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าอธิบายไปก็เสียของเสียเวลา

:b17: :b13:
ไม่มีปัญญาจะตอบก็บอกมาตรงๆนะโฮฮับ ไม่ต้องมาทำเฉโก อมภูมิ เลี่ยงบาลี
:b34:


โพสต์ เมื่อ: 11 เม.ย. 2016, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b13:
อ้างคำพูด:
ส่วนที่ให้อธิบายคำว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ นั้นผมเปลี่ยนใจไม่อธิบายให้ฟังแล้ว
อันเนื่องจากคำพูดของอโสกะที่ว่า....
."อย่าทำของง่ายให้เป็นของยาก"....เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าอธิบายไปก็เสียของเสียเวลา

:b17: :b13:
ไม่มีปัญญาจะตอบก็บอกมาตรงๆนะโฮฮับ ไม่ต้องมาทำเฉโก อมภูมิ เลี่ยงบาลี
:b34:


ถ้าอโสกะเข้าใจคำพูดของอโสกะเอง ที่ว่า"ทำของง่ายให้เป็นยาก"
โสกะย่อมจะต้องรู้ได้เองโดยไม่ต้องให้คนอื่นอธิบายให้ฟัง

สรุปก็คือ.....โม้ไปเรื่อยนัั้นเอง :b32:


โพสต์ เมื่อ: 12 เม.ย. 2016, 00:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b13:
อ้างคำพูด:
ส่วนที่ให้อธิบายคำว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ นั้นผมเปลี่ยนใจไม่อธิบายให้ฟังแล้ว
อันเนื่องจากคำพูดของอโสกะที่ว่า....
."อย่าทำของง่ายให้เป็นของยาก"....เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าอธิบายไปก็เสียของเสียเวลา

:b17: :b13:
ไม่มีปัญญาจะตอบก็บอกมาตรงๆนะโฮฮับ ไม่ต้องมาทำเฉโก อมภูมิ เลี่ยงบาลี
:b34:


ถ้าอโสกะเข้าใจคำพูดของอโสกะเอง ที่ว่า"ทำของง่ายให้เป็นยาก"
โสกะย่อมจะต้องรู้ได้เองโดยไม่ต้องให้คนอื่นอธิบายให้ฟัง

สรุปก็คือ.....โม้ไปเรื่อยนัั้นเอง :b32:

s005
ยังไม่มีสาระเรื่อง อนิจจังกับอนิจจะลักขณะ หรืออนิจจะลักษณะ มาอธิบายได้อีก
:b7:
ไม่รู้ อธิบายไม่เป็นก็บอกมาตรงๆนะโฮฮับ จะได้เรียนเชิญท่านผู้รู้มาอธิบายให้เข้าใจ
:b34:


โพสต์ เมื่อ: 12 เม.ย. 2016, 08:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b13:
อ้างคำพูด:
ส่วนที่ให้อธิบายคำว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะ นั้นผมเปลี่ยนใจไม่อธิบายให้ฟังแล้ว
อันเนื่องจากคำพูดของอโสกะที่ว่า....
."อย่าทำของง่ายให้เป็นของยาก"....เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าอธิบายไปก็เสียของเสียเวลา

:b17: :b13:
ไม่มีปัญญาจะตอบก็บอกมาตรงๆนะโฮฮับ ไม่ต้องมาทำเฉโก อมภูมิ เลี่ยงบาลี
:b34:


ถ้าอโสกะเข้าใจคำพูดของอโสกะเอง ที่ว่า"ทำของง่ายให้เป็นยาก"
โสกะย่อมจะต้องรู้ได้เองโดยไม่ต้องให้คนอื่นอธิบายให้ฟัง

สรุปก็คือ.....โม้ไปเรื่อยนัั้นเอง :b32:

s005
ยังไม่มีสาระเรื่อง อนิจจังกับอนิจจะลักขณะ หรืออนิจจะลักษณะ มาอธิบายได้อีก
:b7:
ไม่รู้ อธิบายไม่เป็นก็บอกมาตรงๆนะโฮฮับ จะได้เรียนเชิญท่านผู้รู้มาอธิบายให้เข้าใจ
:b34:


ก่อนอื่น อโสกะ เข้าใจคำว่า อนิจจังกับอนิจลักษณะหรือเปล่าละ
รู้มั้ยว่า มันเป็นคนละสภาพธรรมกัน

อนิจลักษณะเป็นบัญญัติที่ใช่เรียก องค์ธรรมในแต่ละองค์ ที่เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดเป็นอนิจจัง

ส่วนอนิจจังก็คือชื่อโดยรวมขององค์ธรรมที่เป็นเหตุปัจจัยของอนิจจัง

ตัวอย่างสมมติง่ายๆ เช่นอุปมา อนิจจังเป็นน้ำเชื่อม
อนิจลักษณะย่อมเป็น น้ำกับน้ำเชื่อม.......อ่านดีๆอย่าหลง เพราะมันเป็นเพียงอุปมา

ที่ต้องอุปมาก็เพราะกำลังอธิบายความให้คนที่ไม่ได้รู้เรื่องหลักธรรมอะไร
เหมือนกำลังสอนเด็กอนุบาลอยู่
:b32:


โพสต์ เมื่อ: 13 เม.ย. 2016, 20:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13:
อนิจจัง=ไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงจึงต้องปรวนแปรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เป็นคำ คู่และตรงกันข้ามกันกับ นิจจัง=เที่ยง ไม่เปลี่ยนแปลง

อนิจจะลักขณะ= สภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่นลมหายใจเข้ากับลมหายใจออก เป็นอนิจจัง แสดงอนิจจะลักขณะ
onion


โพสต์ เมื่อ: 14 เม.ย. 2016, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b13:
อนิจจัง=ไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงจึงต้องปรวนแปรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เป็นคำ คู่และตรงกันข้ามกันกับ นิจจัง=เที่ยง ไม่เปลี่ยนแปลง


เขาเรียนรู้ถึงลักษณะที่เป็นธรรมชาติของธรรม อโสกะดันเอาคำมาเล่น.....เลอะเทอะ!

และอย่างจะบอกให้อีกอย่างว่า ......นิจจัง(เที่ยง)ไม่มีอยู่ในสาระบบของพระธรรม
นั้นก็เพราะ ในกายใจของบุคคลถ้าไม่เป็นอนิจจังก็เป็นอุเบกขา

คำว่า นิจจังเกิดจากความมั่วของคนที่ไม่รู้ธรรมเอามายัดเยียดใส่หูคนไม่มีปัญญา

asoka เขียน:
อนิจจะลักขณะ= สภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่นลมหายใจเข้ากับลมหายใจออก เป็นอนิจจัง แสดงอนิจจะลักขณะ
onion


ลมหายใจเป็น....กาย

ความสั่นยาวของลมหายใจเป็น....กายสังขาร

ส่วนอนิจจังเป็นธรรมนิยาม (อิทัปปจยตา)


โพสต์ เมื่อ: 14 เม.ย. 2016, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

ลมหายใจเป็น....กาย

ความสั่นยาวของลมหายใจเป็น....กายสังขาร

ส่วนอนิจจังเป็นธรรมนิยาม อิทัปปจยตา


โหนธรรมนิยาม อิทัปปัจยตา อีกแระ คิกๆๆ

โฮฮับ เป็นอะไร ?

อ้างคำพูด:
ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย
เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆมานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้ พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือกำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 เม.ย. 2016, 16:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
:b13:
อนิจจัง=ไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงจึงต้องปรวนแปรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เป็นคำ คู่และตรงกันข้ามกันกับ นิจจัง=เที่ยง ไม่เปลี่ยนแปลง


เขาเรียนรู้ถึงลักษณะที่เป็นธรรมชาติของธรรม อโสกะดันเอาคำมาเล่น.....เลอะเทอะ!

และอย่างจะบอกให้อีกอย่างว่า ......นิจจัง(เที่ยง)ไม่มีอยู่ในสาระบบของพระธรรม
นั้นก็เพราะ ในกายใจของบุคคลถ้าไม่เป็นอนิจจังก็เป็นอุเบกขา

คำว่า นิจจังเกิดจากความมั่วของคนที่ไม่รู้ธรรมเอามายัดเยียดใส่หูคนไม่มีปัญญา

asoka เขียน:
อนิจจะลักขณะ= สภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่นลมหายใจเข้ากับลมหายใจออก เป็นอนิจจัง แสดงอนิจจะลักขณะ
onion


ลมหายใจเป็น....กาย

ความสั่นยาวของลมหายใจเป็น....กายสังขาร

ส่วนอนิจจังเป็นธรรมนิยาม (อิทัปปจยตา)

:b7:
อนิจจา อนิจจัง โฮฮับเป็นเอามากแล้ว มีชีวิตฟุ้งเฟ้อเลื่อนลอยไปกับตัวหนังสือจนลืมความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

คู่กับความไม่เที่ยงก็คือความเที่ยงแท้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง คนธรรมดาเขารู้กันทั่วศัพท์บัญญัติ 2 ตัวนี้

รู้มากแต่รู้มั่วเลยไม่ยอมรับความเที่ยงหรือสัจจะ

เคยได้สวดมนต์แปลบ้างไหมเนี๊ยะ

ชีวิตังเมอะนิยตัง = ชีวิตของเราเป็นของไม่เที่ยง

มรณังเมนิยตัง = ความตายของเราเป็นของเที่ยง


วตะ = ควรที่จะสังเวช
onion
ลมหายใจเข้าออกแสดงความเกิด ดับ หรือความไม่เที่ยงหรืออนิจจัง อยู่ตลอดเวลา เรื่องง่ายๆแค่นี้ยังไม่เข้าใจ มองไม่เห็น พิจารณาไม่ออกแถมยังมาเล่นมั่วกับบัญญัติไปเรื่องกาย เรื่องธรรมนิยามอะไรไปโน้น มั่วตัวจริงและวิปลาศเป็นอย่างที่โฮฮับกำลังเป็นนี่แหละ โปรดพิจารณาตัวเอง
:b34:


โพสต์ เมื่อ: 14 เม.ย. 2016, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อนิจจา อนิจจัง โฮฮับเป็นเอามากแล้ว มีชีวิตฟุ้งเฟ้อเลื่อนลอยไปกับตัวหนังสือจนลืมความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
คู่กับความไม่เที่ยงก็คือความเที่ยงแท้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง คนธรรมดาเขารู้กันทั่วศัพท์บัญญัติ 2 ตัวนี้


ตลก! ไปมั่วเอาความเที่ยงของอาตมันมามั่วอีกแล้ว
ศาสนาฮินดูและลัทธิพราหมณ์ ถือเอาอาตมันเป็นความเที่ยงแท้

ในทางศาสนาพุทธถือว่าสรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน (อนิจจัง)
นั้นเป็นเพราะความไม่ใช่ตัวตนของสรรพสิ่ง(อนัตตา)

asoka เขียน:
รู้มากแต่รู้มั่วเลยไม่ยอมรับความเที่ยงหรือสัจจะ

ความเที่ยงไม่ใช่สัจจะ ความเที่ยงเกิดจากมิจฉาทิฐิ(สัสสตทิฐิ)
สัจจะที่แท้จริงคือ....
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาฯ สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง

สพฺเพ สงฺขารา ทุกขาฯ สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์

สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาฯ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา .....

นี่เป็นที่มาของธรรมนิยาม

asoka เขียน:

เคยได้สวดมนต์แปลบ้างไหมเนี๊ยะ

ชีวิตังเมอะนิยตัง = ชีวิตของเราเป็นของไม่เที่ยง
มรณังเมนิยตัง = ความตายของเราเป็นของเที่ยง
วตะ = ควรที่จะสังเวช


ในบทสวดมันเขียนว่า ชีวิตังเมอะนิยตัง เขาไม่ได้เขียนว่า อนิจจัง
และเขียนว่ามรณังเมนิยตัง เขาไม่ได้เขียนว่า นิจจัง


...มันคนละเรื่อง อย่ามั่วครับ :b32:

asoka เขียน:
ลมหายใจเข้าออกแสดงความเกิด ดับ หรือความไม่เที่ยงหรืออนิจจัง อยู่ตลอดเวลา เรื่องง่ายๆแค่นี้ยังไม่เข้าใจ มองไม่เห็น พิจารณาไม่ออกแถมยังมาเล่นมั่วกับบัญญัติไปเรื่องกาย เรื่องธรรมนิยามอะไรไปโน้น มั่วตัวจริงและวิปลาศเป็นอย่างที่โฮฮับกำลังเป็นนี่แหละ โปรดพิจารณาตัวเอง


กายใจของบุคคล ในส่วนของกายประกอบด้วยธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ไอ้ลมที่ว่าก็คือลมหายใจของเรานั้นแหล่ะ

และสมหายใจไม่ได้เกิดดับ แต่ที่เกิดดับคือสังขารที่ไปปรุงแต่งกาย(ลม) มันเกิดดับ

แล้วไอ้ธรรมนิยามที่อโสกะว่ามั่วนั้นแหล่ะมันคือตัวปัญญา
คนที่ยังติดในอวิชชาย่อมต้องไม่รู้เรื่อง :b32:


โพสต์ เมื่อ: 15 เม.ย. 2016, 00:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b7:
กรรมของสัตว์โลกแล้ว ๆๆๆ
ถ้ามีคนอย่างโฮฮับมาเผยแพร่ธรรม

:b3:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร