วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 16:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 224 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2016, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธศาสนามีภัย คือ ภัยภายใน ๑ ภัยภายนอก ๑

จากมุมมองของ ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ

ภัยภายใน อ่านจากลิงค์ข้างล่าง ซึ่งกำลังขับเคี่ยวกันควันออกหู :b5: :b1:

.......

ภัยนอกที่น่ากลัวคือ "กลุ่ม" ที่ใช้ทฤษฎี "สมคบคิด"

ทฤษฎีนี้ กลุ่มจะพยายามอาศัยจังหวะเวลาสถานการณ์
ทำให้ "สถาบันพุทธศาสนา" อ่อนแอ แล้วฉวยโอกาสที่จะ
"ควบคุม" และ "สั่งการ" สถาบันพุทธศาสนาแบบเบ็ดเสร็จ

ซึ่งกลุ่มสมคบคิดมีทั้ง "พุทธ" ด้วยกัน "พุทธกับศาสนิกศาสนาอื่นๆ"
ซึ่งมีอำนาจอยู่ในระดับ "สภา" ต่างๆ รวมถึง "แวดวงการเมือง"
และบุคคลชั้นนำของประเทศหลายคน

มีร่องรอยให้เห็นว่า มีคนกลุ่มหนึ่ง ต้องการ "อำนาจ" "เงินทุน"
และ "เกียรติยศ" ในการปฏิรูปพระพุทธศาสนา

ทุกคนในแวดวงชาวพุทธ รู้กันดีว่า "ธรรมกาย" เป็นองค์กรเดียว
ที่มีผู้นำ-ทีม-ทุน-เทคโนโลยี รู้เท่าและรู้ทัน "ภัยนอก"
และ "มหาเถรสมาคม" สามารถ "ฝากผีฝากไข้" ให้ช่วยกันต่อสู้ต่อต้าน
ร่วมด้วยช่วยกันเอาชนะ "ภัยนอก"

กลุ่ม "ภัยนอก" มองเกมการเมืองนี้ออก จึงพยายาม "ตัดแขน"
และ "ตัดขา" ของมหาเถรสมาคม ทั้ง"ธรรมกาย" และ "มหาวิทยาลัยสงฆ์"
ดังที่ปรากฏข่าว

แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ที่เป็น "แขน" และ "ขา"
มหาเถรสมาคม ส่วนมากก็เป็น "ดั่งคำเขาว่า"

คือ บางส่วนยังมี "ภาพลักษณ์" เชิงลบ ที่ต้องคัดกรอง
และควร "คัดสรร" ผู้ที่ซื่อตรง มือสะอาด และฝีมือดีไปสู้กับ "กลุ่มสมคบคิดภัยนอก"

ตอนนี้ ผมมองว่า ถึงเวลาต้องปิดพุทธมณฑล
ประชุม "ผู้นำชาวพุทธ" ทั้งพระและฆราวาส
ทั้งมหานิกาย-ธรรมยุติ-ธรรมกาย

ก่อนที่ "กลุ่มสมคบคิดภัยนอก" จะรู้ทัน และสายเกินแก้

เพราะ"มหาเถรสมาคม" ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ ไม่มีใดๆ
ที่จะเจรจาต่อรองหรือเป็นต่อหรือได้เปรียบกับทางรัฐบาล
ที่กุมอำนาจในเวลานี้

เหลือเพียง "พลังบริสุทธิ์" ของพุทธบริษัททุกหมู่เหล่าเท่านั้น

"สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา"
พุทธบริษัททั้งมวล ต้องเลิกคิดต่าง เห็นต่าง ทำต่าง
ต้องเลิกทะเลาะกัน สถาบันพุทธศาสนากำลังมีภัย
ต้องร่วมคิด ร่วมเห็น ร่วมด้วย ช่วยกัน
ร่วมกันสนับสนุนและประคอง "สถาบันพุทธศาสนา" ให้
ล่วงพ้น "ภัยใน" และ "ภัยนอก" ให้จงได้

วันนี้ จะมี "มหาเถรสมาคม" หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นสำคัญคือ อย่าให้ "สถาบันพุทธศาสนา"
ถูก "อำนาจ" ที่มาจาก "ภัยใน" และ "ภัยนอก" ครอบงำ
ควบคุมและสั่งการ !
------------
ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ

http://pantip.com/topic/34899572

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2016, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พุทธศาสนามีภัย คือ ภัยภายใน ๑ ภัยภายนอก ๑

จากมุมมองของ ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ

ภัยภายใน อ่านจากลิงค์ข้างล่าง ซึ่งกำลังขับเคี่ยวกันควันออกหู :b5: :b1:

.......

ภัยนอกที่น่ากลัวคือ "กลุ่ม" ที่ใช้ทฤษฎี "สมคบคิด"

ทฤษฎีนี้ กลุ่มจะพยายามอาศัยจังหวะเวลาสถานการณ์
ทำให้ "สถาบันพุทธศาสนา" อ่อนแอ แล้วฉวยโอกาสที่จะ
"ควบคุม" และ "สั่งการ" สถาบันพุทธศาสนาแบบเบ็ดเสร็จ

ซึ่งกลุ่มสมคบคิดมีทั้ง "พุทธ" ด้วยกัน "พุทธกับศาสนิกศาสนาอื่นๆ"
ซึ่งมีอำนาจอยู่ในระดับ "สภา" ต่างๆ รวมถึง "แวดวงการเมือง"
และบุคคลชั้นนำของประเทศหลายคน

มีร่องรอยให้เห็นว่า มีคนกลุ่มหนึ่ง ต้องการ "อำนาจ" "เงินทุน"
และ "เกียรติยศ" ในการปฏิรูปพระพุทธศาสนา

ทุกคนในแวดวงชาวพุทธ รู้กันดีว่า "ธรรมกาย" เป็นองค์กรเดียว
ที่มีผู้นำ-ทีม-ทุน-เทคโนโลยี รู้เท่าและรู้ทัน "ภัยนอก"
และ "มหาเถรสมาคม" สามารถ "ฝากผีฝากไข้" ให้ช่วยกันต่อสู้ต่อต้าน
ร่วมด้วยช่วยกันเอาชนะ "ภัยนอก"

กลุ่ม "ภัยนอก" มองเกมการเมืองนี้ออก จึงพยายาม "ตัดแขน"
และ "ตัดขา" ของมหาเถรสมาคม ทั้ง"ธรรมกาย" และ "มหาวิทยาลัยสงฆ์"
ดังที่ปรากฏข่าว

แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ที่เป็น "แขน" และ "ขา"
มหาเถรสมาคม ส่วนมากก็เป็น "ดั่งคำเขาว่า"

คือ บางส่วนยังมี "ภาพลักษณ์" เชิงลบ ที่ต้องคัดกรอง
และควร "คัดสรร" ผู้ที่ซื่อตรง มือสะอาด และฝีมือดีไปสู้กับ "กลุ่มสมคบคิดภัยนอก"

ตอนนี้ ผมมองว่า ถึงเวลาต้องปิดพุทธมณฑล
ประชุม "ผู้นำชาวพุทธ" ทั้งพระและฆราวาส
ทั้งมหานิกาย-ธรรมยุติ-ธรรมกาย

ก่อนที่ "กลุ่มสมคบคิดภัยนอก" จะรู้ทัน และสายเกินแก้

เพราะ"มหาเถรสมาคม" ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ ไม่มีใดๆ
ที่จะเจรจาต่อรองหรือเป็นต่อหรือได้เปรียบกับทางรัฐบาล
ที่กุมอำนาจในเวลานี้

เหลือเพียง "พลังบริสุทธิ์" ของพุทธบริษัททุกหมู่เหล่าเท่านั้น

"สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา"
พุทธบริษัททั้งมวล ต้องเลิกคิดต่าง เห็นต่าง ทำต่าง
ต้องเลิกทะเลาะกัน สถาบันพุทธศาสนากำลังมีภัย
ต้องร่วมคิด ร่วมเห็น ร่วมด้วย ช่วยกัน
ร่วมกันสนับสนุนและประคอง "สถาบันพุทธศาสนา" ให้
ล่วงพ้น "ภัยใน" และ "ภัยนอก" ให้จงได้

วันนี้ จะมี "มหาเถรสมาคม" หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นสำคัญคือ อย่าให้ "สถาบันพุทธศาสนา"
ถูก "อำนาจ" ที่มาจาก "ภัยใน" และ "ภัยนอก" ครอบงำ
ควบคุมและสั่งการ !
------------
ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ

http://pantip.com/topic/34899572


ดูนี้กรัชกาย...ปัจจัยภายใน....ภายในใกล้ชิดเลยละ..

http://kaeake.blogspot.com/2016/02/blog-post.html

ได้ข่าวว่าหลวงพี่ฟ้องเจ้าของอู่ด้วยนะกรัชกาย..

ถ้า...ฟ้องเท็จนี้ผิดศีลมั้ยคับ?..

http://www.posttoday.com/social/general/420244


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 02:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink
ถ้าอยากทราบว่าไปไหนมาก็ฟังเสียงที่ทำให้เข้าใจ
เสียงที่ฟังแล้วรู้ความจริงที่จิตกำลังมีได้ทุกขณะเลยค่ะ
แม้ไม่ได้ฟังจากพระโอษฐ์ก็ตรงคำจริงเป็นสัจจะไม่เปลี่ยน
เวลาฟังต้องตั้งจิตไว้ชอบณที่ตั้ง
ให้เสียงเข้าสู่จิตได้ยินก็รู้ตัว
ดับความไม่รู้ที่สะสมได้
ปัญญาจะสะสมแล้ว
ความจริงกำลังมี
กายใจ/ธาตุ4/ขันธ์5/อายตนะ6/ธาตุรู้/ธาตุไม่รู้/จิตเจตสิกรูปก็กำลังมี
กำลังมีจริงๆที่กำลังปรากฏคิดนึกคืออ่านนี่ไม่ได้อยู่ในตำรา
ที่ตัวทุกคนกำลังมีรู้ได้ตอนตื่นครบ6ทางรูัไม่ง่วงไม่หลับ
ถามว่าเวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรมตรัสทีละคำรึเปล่า
https://m.youtube.com/watch?v=6_6FakiEVY8
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 13 มี.ค. 2016, 06:13, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 04:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b32: :b32:
เอายังไงดี
:b6:
เอางี้ละกัน
:b12:
ฟังอีก9รอบ
:b16:
ค่อยๆคิดตามค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=D_YMCRuk8qw
tongue
ขออนุโมทนากับกุศลจิตของจิตทุกดวงที่ฟังแล้วเข้าใจ
มีความเพียรที่เป็นกุศลดับแล้วเกิดปัญญาสะสมแล้วค่ะ
:b8: :b27:
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาเข้าใจถึงได้บอกว่า .....อ.ที่บ้านธรรมะสอนธรรมผิดจากความเป็นจริง
ปัญหาคือคุณไม่เข้าใจทั้งผมและอ.บ้านธรรมะ ถึงได้พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าตำรา.....

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
อ้างคำพูด:
เขาเข้าใจถึงได้บอกว่า .....อ.ที่บ้านธรรมะสอนธรรมผิดจากความเป็นจริง
ปัญหาคือคุณไม่เข้าใจทั้งผมและอ.บ้านธรรมะ ถึงได้พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าตำรา.....

จิตดวงไหนที่ฟังแล้วเริ่มเข้าใจรู้ว่ากำลังสะสมอะไรบ้างตอนกำลังมีและปรากฏด้วย
ตอนไม่ได้ฟังคิดเองถูกไหมรู้ไหมว่าขณะที่ฟังจิตเป็นกุศลหรืออกุศลในจิตตน
ให้คิดตอนฟังเพื่อเข้าใจแต่นี่ไม่เข้าใจแล้วยังเพิ่มจิตสงสัยเข้าไปอีก :b32:
ถ้าตั้งจิตไว้ไม่ชอบฟังไม่เข้าใจก็สะสมอกุศลเพราะไม่รู้ว่าละชั่วไม่ได้
มีจิตจดจ่อไตร่ตรองสิ่งที่ฟังรู้จิตตนเป็นปัจจุบันขณะทีละขณะที่ผ่านไป
ถ้าคิดเรื่องอื่นไปฟังไปก็นะเป็นอกุศลจิตเลยเพราะฟังไม่ละเอียดไม่คิดตาม
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ปัญญาแรกคืออะไร
สุตมยปัญญาคือฟัง
เสียงที่ทำให้เข้าใจ
สิ่งที่จิตตนกำลังมี
และกำลังเป็นไป
ปัญญาสะสมได้
ทีละ1ขณะจิต
ดูสิจิตเกิดดับ
:b17:
...ทางไหนบ้าง...นับไว้บ้างรึเปล่า...นับทันไหมต่างหาก...
...ถ้าแค่เริ่มฟังจะเข้าใจทุกคำในพระไตรปิฏกพร้อมกันเหรอ...
...คิดเอาเองเก่งกว่าพระพุทธเจ้าอย่างงั้นหรือที่ตรัสให้เข้าใจทีละคำ...
...ต้องการความจริงที่จิตกำลังสะสมไหมล่ะ...วางทุกคำที่จดจำแล้วฟังก็พอ...
https://m.youtube.com/watch?v=BkE59om0G0U
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: อ.สุจินต์ ก็พูดตามตำราอภิธรรมนะ ไม่ได้ไปเอาที่ไหนมาหรอก

http://f.ptcdn.info/584/037/000/ny48bra ... AAAK-o.gif

เริ่มเรียนชั้นจูฬตรี ก็เรียนก็สอนแล้ว จึงได้ถามคุณโรสว่า เรียนอภิธรรมมั้ย :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2016, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
:b1: อ.สุจินต์ ก็พูดตามตำราอภิธรรมนะ ไม่ได้ไปเอาที่ไหนมาหรอก

http://f.ptcdn.info/584/037/000/ny48bra ... AAAK-o.gif

เริ่มเรียนชั้นจูฬตรี ก็เรียนก็สอนแล้ว จึงได้ถามคุณโรสว่า เรียนอภิธรรมมั้ย :b12:

สงสัยหรอคะฟังอีกหน่อยก็ดีนะคุณกรัชกายจะได้หายสงสัย
ปริยัติคือฟังเป็นปัญญาที่เกิดจากการฟังตรงคำสอนไหมคะ
เรียนแบบท่องเพื่อทำข้อสอบนักธรรมน่ะไม่จำเป็นหรอกค่ะ
ตายแล้วก็ลืมท่องเพื่อจำแล้วลืมปัญญารู้และเข้าใจจริงๆ
ไม่ต้องท่องคือรู้จักและเคารพพระพุทธเจ้าดีกว่าไหม
รู้ตามคำสอนที่ตรัสไว้ดีแล้วเป็นปัญญาที่ได้สะสม
ตอนนี้ก็ฟังอ.สุจินต์เกือบ10ปีแล้วเรียนคำจริง
ตอนนี้มีทั้งปริยัติที่เข้าถึงความจริงของปฏิบัติ
ผลก็คือสะสมปัญญาเข้าถึงสภาพธัมมะจริงๆ
ที่กำลังมีกำลังปรากฏเป็นไปทุกขณะจิตแล้วค่ะ
แล้วคุณกรัชกายต้องการใบปริญญาไปรับรอง
ผลกรรมของตนเองที่ได้ตามเป็นจริงงั้นหรือ
จิตใครก็จิตคนนั้นสะสมเองแล้วไม่มีใคร
ฟังแทนใครได้หรอกค่ะเอาบุญจาก
การฟังที่เป็นปัญญาแล้วมา
ฝากคนที่มาอ่านนี้ได้ไหม
เรียนบาลีทุกวันจาก
คลิปบ้านธัมมะ
สิกขาไหมคะ
ของจริง
จริงๆ
ฟังดู
https://m.youtube.com/watch?v=BkE59om0G0U
ผลของงานที่เกิดจากการฟังรับรองผลของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว
หรือจะต้องให้พระพุทธเจ้ามารับรองเองถึงจะยอมฟังคะ
:b16: :b12:
onion onion onion


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 23 มี.ค. 2016, 17:46, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2016, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟังแล้วๆ อ.สุจินต์เสียงไพเราะ ช่วงทำนองการพูดดี

ฟังแล้วถึงได้รู้ไงครับว่า ที่ข้อชื่อธรรมนี่นั่นพูดนะ เป็นหลักอภิธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2016, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรส ถ้าจะอาศัยการฟัง มีตัวอย่างให้ดูและคำถาม คุณโรสฟังแล้วเคยเข้าถึงอย่างตัวอย่างนี้ไหม ดูครับ


อ้างคำพูด:
เราไม่เคยนั่งสมาธิแบบจริงจังเลยค่ะ เคยนั่งแค่แปปเดียว เหมือนสมัยเป็นนักเรียน ครูให้นั่งสมาธิ ก็แค่นั่งหลับตาเฉยๆ ไม่เคยจริงจัง ในหัวคิดเรื่องนู้น เรื่องนี้ไปเรื่อย พอครบกำหนดเวลาก็ลืมตาแค่นั้นเอง

แต่เมื่อประมาณปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ หลวงพ่อท่านให้นั่งสมาธิ ตอนแรกก็นั่งหลับตาไปเรื่อยๆ ฟังเสียงหลวงพ่อพูดไปเรื่อยๆ ฟังไปฟังมา จากจิตใจที่วอกแว่ก อยู่ดีๆพอใจจดจ่อกับเสียงพูดของหลวงพ่อปุ๊ปเสียงรอบข้างเงียบสนิทมาก ได้ยินแต่เสียงหลวงพ่อ เบาๆ แผ่วๆ แล้วในหัวก็ไม่คิดเรื่องอะไรเลย อยู่ๆก็เกิดเหมือนแสงสว่างวาบ เหมือนคนเปิดไฟ ทั้งๆที่หลับตาอยู่ แต่เห็นเลยว่าแสงสว่างจ้า พอหลังจากนั้น ก็เกิดเหมือนตัวเบาๆ เย็นๆ สบายๆ มีความสุขจนน้ำตาจะไหล ได้สักพักหลวงพ่อเลยให้ลืมตา

พอลืมตาได้ มันรู้สึกดี มีความสุข อิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เกิดมาไม่เคยนั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้เลย หันมองดูเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็เห็นเค้าทำหน้าเฉยๆกัน เลยสงสัยว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบเราบ้างมั้ย

แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้นั่งสมาธิหรือสวดมนต์อะไรอีกเลยนะคะ รวมถึงก่อนหน้านี้ก็ไม่เคย ได้แต่เข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระเฉยๆ
เลยอยากทราบว่า การนั่งสมาธิแบบจริงๆจังๆครั้งแรกแบบเรา ถ้าเกิดอาการอย่างนี้ คือ ปกติรึเปล่าคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2016, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรส ถ้าจะอาศัยการฟัง มีตัวอย่างให้ดูและคำถาม คุณโรสฟังแล้วเคยเข้าถึงอย่างตัวอย่างนี้ไหม ดูครับ


อ้างคำพูด:
เราไม่เคยนั่งสมาธิแบบจริงจังเลยค่ะ เคยนั่งแค่แปปเดียว เหมือนสมัยเป็นนักเรียน ครูให้นั่งสมาธิ ก็แค่นั่งหลับตาเฉยๆ ไม่เคยจริงจัง ในหัวคิดเรื่องนู้น เรื่องนี้ไปเรื่อย พอครบกำหนดเวลาก็ลืมตาแค่นั้นเอง

แต่เมื่อประมาณปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ หลวงพ่อท่านให้นั่งสมาธิ ตอนแรกก็นั่งหลับตาไปเรื่อยๆ ฟังเสียงหลวงพ่อพูดไปเรื่อยๆ ฟังไปฟังมา จากจิตใจที่วอกแว่ก อยู่ดีๆพอใจจดจ่อกับเสียงพูดของหลวงพ่อปุ๊ปเสียงรอบข้างเงียบสนิทมาก ได้ยินแต่เสียงหลวงพ่อ เบาๆ แผ่วๆ แล้วในหัวก็ไม่คิดเรื่องอะไรเลย อยู่ๆก็เกิดเหมือนแสงสว่างวาบ เหมือนคนเปิดไฟ ทั้งๆที่หลับตาอยู่ แต่เห็นเลยว่าแสงสว่างจ้า พอหลังจากนั้น ก็เกิดเหมือนตัวเบาๆ เย็นๆ สบายๆ มีความสุขจนน้ำตาจะไหล ได้สักพักหลวงพ่อเลยให้ลืมตา

พอลืมตาได้ มันรู้สึกดี มีความสุข อิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เกิดมาไม่เคยนั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้เลย หันมองดูเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็เห็นเค้าทำหน้าเฉยๆกัน เลยสงสัยว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบเราบ้างมั้ย

แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้นั่งสมาธิหรือสวดมนต์อะไรอีกเลยนะคะ รวมถึงก่อนหน้านี้ก็ไม่เคย ได้แต่เข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระเฉยๆ
เลยอยากทราบว่า การนั่งสมาธิแบบจริงๆจังๆครั้งแรกแบบเรา ถ้าเกิดอาการอย่างนี้ คือ ปกติรึเปล่าคะ

Kiss
ก็เคยนั่งฟังเทศนาธรรมสดๆขององค์หลวงตาพระมหาบัวที่ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาดค่ะ
แล้วมีสภาวะที่นามเกิดเหลือแต่นามธรรมล้วนๆค่ะรูปธรรมที่เป็นกายหยาบหายไปหมด
ใช่ที่เรียกกันว่าเป็นความละเอียดที่เป็นวิชชาไหมคะเหลือแต่จิตเจตสิกรูปและว่างๆอยู่
สภาวะที่เป็นไปของจิตอย่างนั้นหลวงพ่อพุธท่านเรียกว่านามเกิดรูปดับเคยเป็นแบบนี้ค่ะ
ตอนหลังได้ฟังวิทยุเทศนาองค์หลวงตาพระมหาบัวท่านเทศน์ว่าจิตรวมสติปัฏฐานดีๆนี่เอง
ใช่เป็นสติปัฏฐานสี่ที่เห็นกายในกาย/เห็นเวทนาในเวทนา/เห็นจิตในจิต/เห็นธรรมในธรรมไหมคะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50596
:b12:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2016, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรส ถ้าจะอาศัยการฟัง มีตัวอย่างให้ดูและคำถาม คุณโรสฟังแล้วเคยเข้าถึงอย่างตัวอย่างนี้ไหม ดูครับ


อ้างคำพูด:
เราไม่เคยนั่งสมาธิแบบจริงจังเลยค่ะ เคยนั่งแค่แปปเดียว เหมือนสมัยเป็นนักเรียน ครูให้นั่งสมาธิ ก็แค่นั่งหลับตาเฉยๆ ไม่เคยจริงจัง ในหัวคิดเรื่องนู้น เรื่องนี้ไปเรื่อย พอครบกำหนดเวลาก็ลืมตาแค่นั้นเอง

แต่เมื่อประมาณปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ หลวงพ่อท่านให้นั่งสมาธิ ตอนแรกก็นั่งหลับตาไปเรื่อยๆ ฟังเสียงหลวงพ่อพูดไปเรื่อยๆ ฟังไปฟังมา จากจิตใจที่วอกแว่ก อยู่ดีๆพอใจจดจ่อกับเสียงพูดของหลวงพ่อปุ๊ปเสียงรอบข้างเงียบสนิทมาก ได้ยินแต่เสียงหลวงพ่อ เบาๆ แผ่วๆ แล้วในหัวก็ไม่คิดเรื่องอะไรเลย อยู่ๆก็เกิดเหมือนแสงสว่างวาบ เหมือนคนเปิดไฟ ทั้งๆที่หลับตาอยู่ แต่เห็นเลยว่าแสงสว่างจ้า พอหลังจากนั้น ก็เกิดเหมือนตัวเบาๆ เย็นๆ สบายๆ มีความสุขจนน้ำตาจะไหล ได้สักพักหลวงพ่อเลยให้ลืมตา

พอลืมตาได้ มันรู้สึกดี มีความสุข อิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เกิดมาไม่เคยนั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้เลย หันมองดูเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็เห็นเค้าทำหน้าเฉยๆกัน เลยสงสัยว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบเราบ้างมั้ย

แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้นั่งสมาธิหรือสวดมนต์อะไรอีกเลยนะคะ รวมถึงก่อนหน้านี้ก็ไม่เคย ได้แต่เข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระเฉยๆ
เลยอยากทราบว่า การนั่งสมาธิแบบจริงๆจังๆครั้งแรกแบบเรา ถ้าเกิดอาการอย่างนี้ คือ ปกติรึเปล่าคะ


ก็เคยนั่งฟังเทศนาธรรมสดๆขององค์หลวงตาพระมหาบัวที่ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาดค่ะ
แล้วมีสภาวะที่นามเกิดเหลือแต่นามธรรมล้วนๆค่ะรูปธรรมที่เป็นกายหยาบหายไปหมด
ใช่ที่เรียกกันว่าเป็นความละเอียดที่เป็นวิชชาไหมคะเหลือแต่จิตเจตสิกรูปและว่างๆอยู่
สภาวะที่เป็นไปของจิตอย่างนั้นหลวงพ่อพุธท่านเรียกว่านามเกิดรูปดับเคยเป็นแบบนี้ค่ะ
ตอนหลังได้ฟังวิทยุเทศนาองค์หลวงตาพระมหาบัวท่านเทศน์ว่าจิตรวมสติปัฏฐานดีๆนี่เอง
ใช่เป็นสติปัฏฐานสี่ที่เห็นกายในกาย/เห็นเวทนาในเวทนา/เห็นจิตในจิต/เห็นธรรมในธรรมไหมคะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50596


เล่าจากประสบการณ์จริง กับ จำเขามาพูด :b1: ต่างกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2016, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรส ถ้าจะอาศัยการฟัง มีตัวอย่างให้ดูและคำถาม คุณโรสฟังแล้วเคยเข้าถึงอย่างตัวอย่างนี้ไหม ดูครับ


อ้างคำพูด:
เราไม่เคยนั่งสมาธิแบบจริงจังเลยค่ะ เคยนั่งแค่แปปเดียว เหมือนสมัยเป็นนักเรียน ครูให้นั่งสมาธิ ก็แค่นั่งหลับตาเฉยๆ ไม่เคยจริงจัง ในหัวคิดเรื่องนู้น เรื่องนี้ไปเรื่อย พอครบกำหนดเวลาก็ลืมตาแค่นั้นเอง

แต่เมื่อประมาณปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ หลวงพ่อท่านให้นั่งสมาธิ ตอนแรกก็นั่งหลับตาไปเรื่อยๆ ฟังเสียงหลวงพ่อพูดไปเรื่อยๆ ฟังไปฟังมา จากจิตใจที่วอกแว่ก อยู่ดีๆพอใจจดจ่อกับเสียงพูดของหลวงพ่อปุ๊ปเสียงรอบข้างเงียบสนิทมาก ได้ยินแต่เสียงหลวงพ่อ เบาๆ แผ่วๆ แล้วในหัวก็ไม่คิดเรื่องอะไรเลย อยู่ๆก็เกิดเหมือนแสงสว่างวาบ เหมือนคนเปิดไฟ ทั้งๆที่หลับตาอยู่ แต่เห็นเลยว่าแสงสว่างจ้า พอหลังจากนั้น ก็เกิดเหมือนตัวเบาๆ เย็นๆ สบายๆ มีความสุขจนน้ำตาจะไหล ได้สักพักหลวงพ่อเลยให้ลืมตา

พอลืมตาได้ มันรู้สึกดี มีความสุข อิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เกิดมาไม่เคยนั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้เลย หันมองดูเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็เห็นเค้าทำหน้าเฉยๆกัน เลยสงสัยว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบเราบ้างมั้ย

แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้นั่งสมาธิหรือสวดมนต์อะไรอีกเลยนะคะ รวมถึงก่อนหน้านี้ก็ไม่เคย ได้แต่เข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระเฉยๆ
เลยอยากทราบว่า การนั่งสมาธิแบบจริงๆจังๆครั้งแรกแบบเรา ถ้าเกิดอาการอย่างนี้ คือ ปกติรึเปล่าคะ


ก็เคยนั่งฟังเทศนาธรรมสดๆขององค์หลวงตาพระมหาบัวที่ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาดค่ะ
แล้วมีสภาวะที่นามเกิดเหลือแต่นามธรรมล้วนๆค่ะรูปธรรมที่เป็นกายหยาบหายไปหมด
ใช่ที่เรียกกันว่าเป็นความละเอียดที่เป็นวิชชาไหมคะเหลือแต่จิตเจตสิกรูปและว่างๆอยู่
สภาวะที่เป็นไปของจิตอย่างนั้นหลวงพ่อพุธท่านเรียกว่านามเกิดรูปดับเคยเป็นแบบนี้ค่ะ
ตอนหลังได้ฟังวิทยุเทศนาองค์หลวงตาพระมหาบัวท่านเทศน์ว่าจิตรวมสติปัฏฐานดีๆนี่เอง
ใช่เป็นสติปัฏฐานสี่ที่เห็นกายในกาย/เห็นเวทนาในเวทนา/เห็นจิตในจิต/เห็นธรรมในธรรมไหมคะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50596


เล่าจากประสบการณ์จริง กับ จำเขามาพูด :b1: ต่างกัน

s002
อ้าวรู้ความจริงของสภาพธัมมะที่ปรากฏรู้ที่จิตตนไม่ใช่หรือคะ
แล้วทำไมถึงจะต้องพูดสิ่งที่คนอื่นเป็นไม่ใช่ความจริงของตน
จิตดวงนี้รู้สภาวะดังกล่าวที่เล่ามาจริงๆตั้งแต่ปีพ.ศ.2549รู้จริง
เอามาเล่าว่าภายหลังมาเปิดตำราและฟังเทศนาท่านบอกว่าเป็น
ไม่ได้จำของคนอื่นเอามาตอบว่าเป็นของตนเพราะการฟังทำให้
เข้าใจสภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อไปเปิดตำราดูตรงเปะจตุตฌานจิตแน่นอน
ความจริงตามที่ทรงแสดงไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่ารู้เมื่อไหร่ปัจจุบันถามว่า
ถ้าไม่เข้าใจความจริงถึงการเกิดดับจะสามารถวิปัสสนาแยกแยะถูกไหมของจริง
ว่ามีเฉพาะกายในกายไม่ใช่เวทนาในเวทนาไม่ใช่จิตในจิตและไม่ใช่ธรรมในธรรม
เพราะทรงแสดงไว้ว่าเป็นคนละอันแยกชัดเจนถามสิว่ายังไม่ถึงจริงๆก็คือท่องจำใช่หรือไม่
เพราะเป็นสมาธิขั้นสูงที่เป็นกุศลจิตแล้วปกติจิตเป็นอกุศลศีลจะเป็นสติปัฏฐานแบบไหนล่ะคะ
1กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
2เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
3จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
4ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
แยกขาดจากกันแยกแบบไหนคิดถูกไหมว่าความจริงเป็นยังไงถ้าไม่เคยแยกขาดจากกันตอนเป็นๆ
:b12:
:b31: :b31: :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2016, 02:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ถ้าจะให้สนทนาอธิบายความเข้าใจจริงๆที่รู้สึกนะคะตอนนี้อากาศร้อนมาก :b32:
รู้ตัวทั่วพร้อมที่จิตดวงนี้เข้าใจต่างอันต่างจริงทุกขณะนะคะไม่ปนแต่ละ1ขณะจิตไม่มีตัวตนด้วยค่ะ
1กายานุปัสสนาสติปัฏฐานรู้เป็นธาตุ2อย่างคือธาตุรู้กับธาตุไม่รู้
2เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานรู้เป็นอารมณ์
3จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานรู้เป็นจิตตามรู้
4ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐานรู้ว่าเป็นธรรม
จิตดวงนี้ได้ปัญญามาจากไหนล่ะคะ
ต้องเคยอบรมจิตจากการฟังมาในอดีตชาติ
มาเกิดผลแล้วและตอนนี้ก็ได้ฟังอีกสะสมต่อไปค่ะ
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาเกิดขึ้นด้วยไม่หวังผลที่ได้ค่ะ
การฟังต้องเรียงลำดับสุตะ_จินตา_ภาวนาคิดตามทีละคำค่ะ
ปัจจุบันขณะที่กำลังฟังแล้วระลึกรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ
ฟังให้เข้าใจจนจิตจำมั่นคงในคำของพระองค์แล้วระลึกได้แม้ไม่ได้ฟัง
การรู้ทุกขณะผ่านอายตนะ6ในชีวิตประจำวันตอนที่ไม่ง่วงและไม่หลับด้วย
:b39: :b39: :b39:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 224 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร