วันเวลาปัจจุบัน 28 ส.ค. 2025, 05:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ก็ในเมื่อเหมือนกันแค่คำเรียกต่างกัน..อย่างนิพพาน..ในศาสนาอื่นเรียก..พระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเข้าถึงได้ไปอยู่สวรรค์นิรันด์ของพระผู้เป็นเจ้า
มันแตกต่างกันตรงไหนกับพระนิพพาน..ถ้าเข้าถึง..สภาวะนั้นในเมื่อสัจธรรมมีหนึ่งเดียว

พุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวในโลก อันเป็นที่สิ้นสุดของ สภาวะ อาตมัน
ตัวตนอันยิ่งใหญ่

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ก็ในเมื่อเหมือนกันแค่คำเรียกต่างกัน..อย่างนิพพาน..ในศาสนาอื่นเรียก..พระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเข้าถึงได้ไปอยู่สวรรค์นิรันด์ของพระผู้เป็นเจ้า
มันแตกต่างกันตรงไหนกับพระนิพพาน..ถ้าเข้าถึง..สภาวะนั้นในเมื่อสัจธรรมมีหนึ่งเดียว

พุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวในโลก อันเป็นที่สิ้นสุดของ สภาวะ อาตมัน
ตัวตนอันยิ่งใหญ่

คุนน้องเข้าใจนะความหมายที่ท่านเช่นนั้นกล่าว
แต่คุนน้องเห็นว่า..พระนิพพาน..คือสภาะที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง..หมดกิเลส..ถึงจะเข้าไปรู้แจ้งในนิพพานได้..และวิญญานบริสุทธิ์..คุนน้องก็รู้ว่าเป็นสภาวะ รูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง..ไม่มีกิเลศ..ความบริสุทธิ์ถึงเกิดได้...พระอรหันต์ที่มีชีวิตก็คือ พระวิญญานบริสุทธิ์..
..ที่คุนน้องมีความผูกพันธ์ระหว่างสองศาสนาไม่ว่าพุทธ..หรือคริส
ก็เพราะคุนน้องถูกเลือกให้เป็นพหูสูตร..แล้วในอีกสองพันกว่าปี..ศาสนาพุทธจะสูญหายไป..แล้วยุคพระศรี..ศาสนาเพียงหนึ่งเดียว..ไม่ใช่พระพุทธศาสนา..แต่เป็นศาสนาที่ประกาศสัจธรรมหนึ่งเดียว...แต่คำเรียกบัญญัติจะเปลี่ยนไป..ตามกาล
แม้พระศรีจะเข้าถึงธรรมอริยสัจ4...แต่บัญญัติในอนาคตกาลไม่ได้เรียก..อริยสัจ..ไม่ได้เขียนแบบนี้..ศาสนาพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล..ก็มีศาสนาเดียวแต่คำเรียกไม่ใช่ พุทธศาสนาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ก็ในเมื่อเหมือนกันแค่คำเรียกต่างกัน..อย่างนิพพาน..ในศาสนาอื่นเรียก..พระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเข้าถึงได้ไปอยู่สวรรค์นิรันด์ของพระผู้เป็นเจ้า
มันแตกต่างกันตรงไหนกับพระนิพพาน..ถ้าเข้าถึง..สภาวะนั้นในเมื่อสัจธรรมมีหนึ่งเดียว

พุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวในโลก อันเป็นที่สิ้นสุดของ สภาวะ อาตมัน
ตัวตนอันยิ่งใหญ่

คุนน้องเข้าใจนะความหมายที่ท่านเช่นนั้นกล่าว
แต่คุนน้องเห็นว่า..พระนิพพาน..คือสภาะที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง..หมดกิเลส..ถึงจะเข้าไปรู้แจ้งในนิพพานได้..และวิญญานบริสุทธิ์..คุนน้องก็รู้ว่าเป็นสภาวะ รูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง..ไม่มีกิเลศ..ความบริสุทธิ์ถึงเกิดได้...พระอรหันต์ที่มีชีวิตก็คือ พระวิญญานบริสุทธิ์..
..ที่คุนน้องมีความผูกพันธ์ระหว่างสองศาสนาไม่ว่าพุทธ..หรือคริส
ก็เพราะคุนน้องถูกเลือกให้เป็นพหูสูตร..แล้วในอีกสองพันกว่าปี..ศาสนาพุทธจะสูญหายไป..แล้วยุคพระศรี..ศาสนาเพียงหนึ่งเดียว..ไม่ใช่พระพุทธศาสนา..แต่เป็นศาสนาที่ประกาศสัจธรรมหนึ่งเดียว...แต่คำเรียกบัญญัติจะเปลี่ยนไป..ตามกาล
แม้พระศรีจะเข้าถึงธรรมอริยสัจ4...แต่บัญญัติในอนาคตกาลไม่ได้เรียก..อริยสัจ..ไม่ได้เขียนแบบนี้..ศาสนาพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล..ก็มีศาสนาเดียวแต่คำเรียกไม่ใช่ พุทธศาสนาค่ะ

เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิต จึงหมดกิเลส
จิต บรรลุนิพพาน
สภาวะรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มีหรอกครับ
พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ เพราะท่านดำรงค์อยู่ด้วยวิบากขันธ์ที่ยังเหลืออยู่ แต่จิตของท่านมีวิมุติเป็นที่อาศัย
ท่านจบกิจที่จะต้องทำ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นความคิดที่่ยังมีอาตมันเหลืออยู่ครับ
จิต หลุดพ้นจากอาสวะ บรรลุนิพพาน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ก็ในเมื่อเหมือนกันแค่คำเรียกต่างกัน..อย่างนิพพาน..ในศาสนาอื่นเรียก..พระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเข้าถึงได้ไปอยู่สวรรค์นิรันด์ของพระผู้เป็นเจ้า
มันแตกต่างกันตรงไหนกับพระนิพพาน..ถ้าเข้าถึง..สภาวะนั้นในเมื่อสัจธรรมมีหนึ่งเดียว

พุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวในโลก อันเป็นที่สิ้นสุดของ สภาวะ อาตมัน
ตัวตนอันยิ่งใหญ่

คุนน้องเข้าใจนะความหมายที่ท่านเช่นนั้นกล่าว
แต่คุนน้องเห็นว่า..พระนิพพาน..คือสภาะที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง..หมดกิเลส..ถึงจะเข้าไปรู้แจ้งในนิพพานได้..และวิญญานบริสุทธิ์..คุนน้องก็รู้ว่าเป็นสภาวะ รูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง..ไม่มีกิเลศ..ความบริสุทธิ์ถึงเกิดได้...พระอรหันต์ที่มีชีวิตก็คือ พระวิญญานบริสุทธิ์..
..ที่คุนน้องมีความผูกพันธ์ระหว่างสองศาสนาไม่ว่าพุทธ..หรือคริส
ก็เพราะคุนน้องถูกเลือกให้เป็นพหูสูตร..แล้วในอีกสองพันกว่าปี..ศาสนาพุทธจะสูญหายไป..แล้วยุคพระศรี..ศาสนาเพียงหนึ่งเดียว..ไม่ใช่พระพุทธศาสนา..แต่เป็นศาสนาที่ประกาศสัจธรรมหนึ่งเดียว...แต่คำเรียกบัญญัติจะเปลี่ยนไป..ตามกาล
แม้พระศรีจะเข้าถึงธรรมอริยสัจ4...แต่บัญญัติในอนาคตกาลไม่ได้เรียก..อริยสัจ..ไม่ได้เขียนแบบนี้..ศาสนาพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล..ก็มีศาสนาเดียวแต่คำเรียกไม่ใช่ พุทธศาสนาค่ะ

เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิต จึงหมดกิเลส
จิต บรรลุนิพพาน

สภาวะรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มีหรอกครับ
พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ เพราะท่านดำรงค์อยู่ด้วยวิบากขันธ์ที่ยังเหลืออยู่ แต่จิตของท่านมีวิมุติเป็นที่อาศัย
ท่านจบกิจที่จะต้องทำ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นความคิดที่่ยังมีอาตมันเหลืออยู่ครับ
จิต หลุดพ้นจากอาสวะ บรรลุนิพพาน


ประโยคสีแดงนั้น อธิบายถึงสิ่งที่คุนน้องปรุง.
และเห็นการเกิดดับของการปรุง.. แสดงว่าคุนน้องใกล้หมดกิเลศแล้วหรอค่ะ

แล้วรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งด้วยราคะ โทสะ โมหะ..เป็นเช่นไร..ก็เพราะพระอรหันต์จิตท่านอาศัยวิมุติ..แต่วิบากขันธ์ก็เป็นไปตาม...
กฏอิทัปปัจจยตา(เขียนถูปป่าว) ซึ่งเกิดดับไปตามธรรมดาของมันนี่ค่ะ..และท่านก็ไม่ได้ทุกข์กับวิบากขันธ์ :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
....
เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิต จึงหมดกิเลส
จิต บรรลุนิพพาน

สภาวะรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มีหรอกครับ
พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ เพราะท่านดำรงค์อยู่ด้วยวิบากขันธ์ที่ยังเหลืออยู่ แต่จิตของท่านมีวิมุติเป็นที่อาศัย
ท่านจบกิจที่จะต้องทำ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นความคิดที่่ยังมีอาตมันเหลืออยู่ครับ
จิต หลุดพ้นจากอาสวะ บรรลุนิพพาน


ประโยคสีแดงนั้น อธิบายถึงสิ่งที่คุนน้องปรุง.
และเห็นการเกิดดับของการปรุง.. แสดงว่าคุนน้องใกล้หมดกิเลศแล้วหรอค่ะ

แล้วรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งด้วยราคะ โทสะ โมหะ..เป็นเช่นไร..ก็เพราะพระอรหันต์จิตท่านอาศัยวิมุติ..แต่วิบากขันธ์ก็เป็นไปตาม...
กฏอิทัปปัจจยตา(เขียนถูปป่าว) ซึ่งเกิดดับไปตามธรรมดาของมันนี่ค่ะ..และท่านก็ไม่ได้ทุกข์กับวิบากขันธ์ :b40:

มรรคมีองค์ 8 หรือ อัฏฐังคิกมรรค เป็นเหตุเป็นปัจจัยปรุงแต่งจิต ให้สิ้นกิเลส
การเห็นความเกิด ความดับของนามรูป เป็นการเริ่มต้นในการทวนกระแสโลกียธรรม
พยายามต่อไป ยังไม่ใกล้หมดกิเลสครับ

รูป มีปัจจัยปรุงแต่ง ด้วยอาหารหยาบต่างๆ
นาม มีปัจจัยปรุงแต่ง ด้วย เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ถ้า นามไม่มีปัจจัยปรุงแต่งด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ก็คือ มีวิราคะ อโทสะ อโมหะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
....
เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งจิต จึงหมดกิเลส
จิต บรรลุนิพพาน

สภาวะรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มีหรอกครับ
พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ เพราะท่านดำรงค์อยู่ด้วยวิบากขันธ์ที่ยังเหลืออยู่ แต่จิตของท่านมีวิมุติเป็นที่อาศัย
ท่านจบกิจที่จะต้องทำ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นความคิดที่่ยังมีอาตมันเหลืออยู่ครับ
จิต หลุดพ้นจากอาสวะ บรรลุนิพพาน


ประโยคสีแดงนั้น อธิบายถึงสิ่งที่คุนน้องปรุง.
และเห็นการเกิดดับของการปรุง.. แสดงว่าคุนน้องใกล้หมดกิเลศแล้วหรอค่ะ

แล้วรูปนามที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งด้วยราคะ โทสะ โมหะ..เป็นเช่นไร..ก็เพราะพระอรหันต์จิตท่านอาศัยวิมุติ..แต่วิบากขันธ์ก็เป็นไปตาม...
กฏอิทัปปัจจยตา(เขียนถูปป่าว) ซึ่งเกิดดับไปตามธรรมดาของมันนี่ค่ะ..และท่านก็ไม่ได้ทุกข์กับวิบากขันธ์ :b40:

มรรคมีองค์ 8 หรือ อัฏฐังคิกมรรค เป็นเหตุเป็นปัจจัยปรุงแต่งจิต ให้สิ้นกิเลส
การเห็นความเกิด ความดับของนามรูป เป็นการเริ่มต้นในการทวนกระแสโลกียธรรม
พยายามต่อไป ยังไม่ใกล้หมดกิเลสครับ

รูป มีปัจจัยปรุงแต่ง ด้วยอาหารหยาบต่างๆ
นาม มีปัจจัยปรุงแต่ง ด้วย เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ถ้า นามไม่มีปัจจัยปรุงแต่งด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ก็คือ มีวิราคะ อโทสะ อโมหะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย

:b17: :b17: เข้าใจตรงกันล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบอนุโมทนา..ท่านผู้ดูแลบอร์ดลานธรรมแห่งนี้ :b8: :b8:
ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงข้อความ..ผรุสวาจาคุนน้อง..(มันเป็นกลอุบาย..ล่องูให้โผล่หัวออกมา :b32: )
ซึ่งหลักจากที่คุนน้องเก็บไปพิจารณา..คุนน้องก็เห็นในความมีเมตตา กรุณาจิต..ที่ห่วงใยคุนน้อง..
ที่พูดมาทั้งหมด..พูดจากใจจริงค่ะ..ไม่มีสร้างภาพ..เพราะคุนน้องปากกับใจตรงกันค่ะ.. :b20:

ปล. ว่าแต่อย่าหลงคารมคุนน้องนะ :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร