ท่านที่นิพพานแล้ว...ต่างก็ยังทำหน้าที่เหมือนเดิม...
หน้าที่...ที่ตนยังมีปัจจัยเกี่ยวข้องอยู่

และ...ก็ลุ้นอยู่ว่า...เมื่อไรเอ็งทั้งหลายจะเข้าใจสะที...
อุตส่าเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว...กัลญาณมิตรก็พบแล้ว...พระสัทธรรมก็ยังอยู่ครบสมบูรณ์ดีอยู่(อันนี้ต้องขอบคุณฝ่ายคันถธุระเขาด้วยนะ)

ยังจะเอาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงอีก..นิ
ก็มันเจ็บใจนี้ครับ....อยากรู้ว่า...ตัวเองจะทำได้มั้ย

หากอยาก..เอ็งก็ต้องเกิดอีก..เกิดอีกเอ็งก็มีเรื่องให้เจ็บใจอีก..ถึงเอ็งจะทำได้..เอ็งก็เอามาไม่ได้...และมันก็ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับที่นี้...
เอ็งเก่ง..เอ็งทำได้..มันก็มีค่าแค่กับพวกโมฆะบุรุษ...เป็นแค่ควัน..เป็นแค่หมอก...แล้วมันก็หายไป...ความเหน็ดเหนื่อยของเอ็งที่อุตส่าทำมัน..ก็สูญเปล่า..นี้แหละความโง่ของอวิชชา..คิดว่ามันจะมีค่ามีความหมาย...เปล่าเลย...สำหรับที่นี้...


อย่าได้เจ็บใจ...น้อยใจ...ไปเลย...ความน้อยใจ..เจ็บใจ..มันร้ายกาจมากนะ...มันทำให้คนดีดี..เดินหนีไปจากทางที่ตรงมายังที่นี้....ก็หลายต่อหลายคนมาแล้วนะ

ท่านกบเป็นอะไร..คุนน้องละงง..บ่นอะไร
ทำไมต้องเจ็บใจ น้อยใจ..มึนละคนแก่ก็แบบนี้

นี้ผม

ผมไม่ได้พูด...

อย่างเรื่องนี้
อันนี้ เป็นแนวความคิดในมุมมองเอกอนนะ ...
ไปหาตำราเหอะ ไม่มีตำราไหนอ้างอิงเช่นนี้แน่

คือมันจะโพสต์สำเร็จ ถ้าหากว่าเอกอนทำการเชื่อมโยงความเพี้ยน
ไปหาธรรมได้อย่างสร้างสรรค์

เอ๊า...ลองดูนะ

คลื่น กับคุณสมบัติการแทรกสอด
การรวมกันได้ของคลื่น เมื่อคลื่นตั้งแต่คลื่น 2 คลื่นขึ้นไปเคลื่อนที่มาพบกัน ณ ตาแหน่งหนึ่ง ขณะชั่วเวลาที่พบกันจะเกิดการรวมกันขึ้น โดยมีการรวมกันแบบเสริมกัน และแบบหักล้างกัน

ในยุคหลังๆ การเข้าใจว่าจิตมีลักษณะเป็นคลื่นเริ่มมีออกมามากขึ้น

แต่ก่อนหน้านั้น ศัพท์เกี่ยวกับ คลื่น-พลังงาน-สนามพลังงาน ยังไม่มี

นิกายยันตระ ... เป็นพุทธที่สะท้อนการค้นพบการบรรลุธรรมจากการเกิดเหตุการณ์แบบหนึ่ง
ทำให้นิกายนั้น เน้นไปในเรื่องการแสดงความรัก
นั่นแสดงว่า ก่อนเกิดนิกายนี้
จะต้องมีผู้ศึกษาปฏิบัติธรรมเกิดการบรรลุธรรมขณะร่วมรัก...

การร่วมรัก คนสองคน มาทำกิจกรรมเดียวกัน ร่วมกัน คลื่นจิตเกิดการแทรกสอดได้
ซึ่งถ้าหากว่าเกิดการคลื่นจิตเกิดการสอดแทรกที่เป็นการเสริมกัน จะเกิด Overdrive
ทัศนะจะถูก Up ไปอยู่ในจิตระดับ Overdrive ทันที ไม่จำกัดว่าจะเป็นชาติไหน
ศาสนาไหน ปฏิบัติธรรม หรือ ไม่ปฏิบัติ

แต่คนสองคน แล้วคลื่นตรงกันจนสอดแทรกกันและ เป็นการสอดแทรกที่เป็นการเสริมกัน
จนเกิดการ Overdrive ไม่ใช่ว่าจะเกิดได้ง่าย
เพราะ แฝดแท้ ยังหน้าตาไม่เหมือนกัน 100% เลย

ที่เอกอนเข้าใจเช่นนั้น เพราะ Overdrive เกิดขึ้นกับเอกอน
แต่ไม่ใช่ว่าไปกำลังร่วมรักกับใคร ...

เอกอนได้ไปสถานที่ๆหนึ่ง และได้เจอคน ๆ หนึ่ง และสบตากับเขาแค่นั้น
มันเห็นการเกิด Overdrive ขึ้นทันที จึงเข้าใจจากที่เห็นนั่นล่ะ
แต่ก่อนที่จะไปสถานที่ๆหนึ่ง และได้เจอคน ๆ หนึ่ง
เอกอนฝันเห็นภาพสัญลักษณ์สิ่งหนึ่ง และภาพสิ่งนั้นก็ติดตาติดใจอยู่เป็นเดือน ๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เอกอนนั่งอยู่ในห้องโถงแห่งหนึ่ง
และเห็นคนใส่เสื่อที่มีสัญลักษณ์นั้นเดินผ่านเข้ามาในเส้นทางสายตา
เอกอนก็มอง และก็มองหน้าเขา และเราก็สบตากัน แว๊บ...แค่นั้น
เขาก็มีท่าทางแสดงอาการ แต่เขาก็เก็บอาการ และเดินผ่านไป
เพราะ เราไม่รู้จักกัน ....

เรื่องราวความเข้าใจต่าง ๆ เกี่ยวกับธรรม มาจากเพียงเสี้ยวนี้เท่านั้น
เพราะ เพียงแค่ชั่วกระพริบตาที่มัน Overdrive
สิ่งต่าง ๆ มากมายมันก็ได้เข้ามาอยู่ในหัวเรียบร้อย



แม้แต่ จิต คือ ยอดของพระธรรม
ธรรมทุกอย่าง รวมอยู่ที่จิต
อันนี้ก็เห็น เอกอนใช้คำว่า เห็น
เห็น ก็คือเห็น เห็นอย่างกะเราเห็นแสงตะวันสุกสว่างโผล่ขึ้นที่ปลายยอดสุดของปิรามิดน่ะ

ซึ่งการเกิด Overdrive ทำให้คนอาจจะคิดว่าตนบรรลุธรรม และเป็นผู้วิเศษได้
แต่บังเอิญวันนั้นเอกอนเด็ก ยังไม่ได้มีศรัทธาในศาสนาแม้แต่นิด และโง่พอ
และเอกอนก็กลัวศรีธัญญา เอกอนก็เลย วางมันทิ้งไว้อย่างนั้นไม่เก็บมาสานต่อ

ซึ่งเมื่อเราเติบโตขึ้น มีความคิดอ่านที่สุขุมรอบคอบขึ้น
Overdrive ก็คือ Overdrive ที่มันเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติของจิต
ที่มันมีลักษณะของคลื่นแฝงอยู่ในความเป็นจิต
การเกิด Overdrive ก็เกิดขึ้นได้
ถ้ามันเกิดขึ้นและปรากฎไปในทางที่ดีมันทำให้มีภูมิพื้นฐานที่ดี
ซึ่งถ้าเราพัฒนาความคิดความเข้าใจมาจากพื้นฐานที่ดี เราก็ทำตัวให้เป็นคนดี
ทำตัวให้เป็นคนที่มีความสุข ค้นพบความสุขสันติในชีวิตได้ แค่นั้น

ซึ่งถ้าใครอยากทำชีวิตเข้าไปอยู่ในพฤติกรรมที่มีโอกาส Overdrive
ก็ลองไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ร่วมกันเป็นหมู่คณะบ่อย ๆ ทำเป็นนิสัย

ในขณะที่สวด ใส่ใจลงไปในกิจที่ทำอย่างเต็มที่

นั่นจิ อยู่ ๆ ก็

เหมือนถูกสะกิดฝี...

สมยวิมุตต....เกิด...คนก็มักจะหลงว่าตนวิมุตแล้ว..ทุกคน

เวลาอยู่วัดปฏิบัติกะหลวงพ่อ...อะไรอะไรก็ดูดีไปหมด..จิตใจดี๊ดี...จนคิดว่าตัวเองนี้เก่งเน๊าะ..

พอออกจากวัด...ไกลหลวงพ่อ...ก็ซบซมเหมือนเดิม...

ชั่งเข้ากันได้กับทฤษฎีของเอกอนเรื่องคลื่นสอดประสาน...

อันนั้นเห็นในภาคคลื่น

มีเห็นในภาคสนามพลังงานด้วย

นี่เป็นภาพตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะอธิบาย
จิต เจตสิก ลักษณะการเกิดจิตที่จะปะปนไปด้วยอารมณ์ต่าง ๆ





จริงที่เห็น สนามพลังงานจะเป็นวง ว่างเปล่าเหมือนไม่มีอะไร
แต่ในความไม่มีอะไร มันจะมีพิกัดภายใน ที่จะทำให้การปรากฎต่าง ๆ ปรากฏขึ้นได้
ภาพที่ใช้เป็นปริซึมปิรามิด 3 เหลี่ยมด้านเท่า ก็เพราะ 3 เหลี่ยม 3 มุม
ที่ทำองศากัน จะบ่งบอกลักษณะภายในพื้นที่สนามพลังงาน
ถ้าหากว่าแต่ละมุมมีการเคลื่อนทำให้มีการทำองศาผิดแปลกไป
ก็จะเกิดความแปรปรวนในพื้นที่ภายใน เมื่อมีแสงมาตกกระทบก็จะเกิดภาพออกมาที่แตกต่างกันไป
มุมทั้ง 3 ที่ทำองศากันจะบ่งบอกดีกรีของ โลภะ โทสะ โมหะ

ซึ่ง การรับมือกับมุมทั้ง 3 ต้องอาศัย สติกับปัญญา เป็นตัวช่วยบังคับ
สนามพลังงานให้คอยหมุนเพื่อให้การทำมุมกลับมาในสภาพสมดุล

การวางมุมที่สมบูรณ์ในการรับแสงก็คือ แสงเข้ามาสีขาว ผ่านออกไปสีขาว ... เป็นต้น

ต้นธาตุก็คือ "ธาตุรู้"

ต้นธรรมก็คือ "รู้"

ไม่รู้.....หมายทางบาลีว่า....."อวิชชา"


รู้......หมายทางบาลีว่า........"วิชชา"

และแล้ว ... ก็มา

อ่านห้าตลบ ไม่รู้เรื่องเลย
พวกท่านสนทนาเรื่องอะไรกัน

เช่นนั้น..ต้องเพิ่มความบ้าบิ่น.นิดๆ.บ๊องหน่อยๆ...อะคับ


ฟรีสไตล์....ว่ายตามท่าถนัด...เลยคับผม

เหมือนว่ายน้ำ ..ที่ไม่มีชื่อเรียกไม่ได้บัญญัติ..ว่าท่านี้ชื่อว่า ท่ากรรเชียง กบ ฟรีสไตล์..
แต่เป็นท่าว่ายเฉพาะตน..เช่นท่าหมาตะกุยน้ำ ท่าปลากะเดิด เวลาหมดแรงนี่คือท่าช่วยชีวิตเลยนะ ท่าปลากะเดิดเนียะ.. เป็นท่าหงายลอยในน้ำนิ่งๆโดย ใช้สมาธิทรงตัวให้ลอยในน้ำ..แต่ถ้าจะเคลื่อนที่ก็แค่เอาเท้าตีน้ำ.. ไม่มีครูสอน..แต่หลังบ้านมีชลประธาน..และโชคดีที่ตอนเด็กมีบุญไม่จมน้ำตาย..เพราะเล่นกันโดยไม่มีผู้ปกครองดูแล

การปฏิบัติธรรมก็คงคล้ายว่ายน้ำ..คนนึงเรียนแบบมีครูฝึก ว่ายท่าที่ครูสอนเป็นทุกท่า..
อีกคนไม่มีครูฝึก เรียนรู้เองจากประสบการณ์ตน..
ตอนเหนื่อยเนียะ..ต้องมาดูกันว่า..ใครมีทักษะการเอาตัวรอดในน้ำดีกว่ากันน่ะ..

ต้นธาตุต้นธรรมในความคิดของผมคือ

ต้นธาตุ ต้นธรรม คือหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานเริ่มต้นยุคใหม่ ผู้ที่เกิดในยุคนี้ก่อนคือ ต้นธาตุคือเหล่าโพธิสัตว์ เหล่านิยตโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญธรรม คือต้นธรรม